บทที่ 161 การกอบโกยครั้งใหญ่
“วิชากระบี่ระดับมนุษย์ระดับต่ำ ท่านผู้เฒ่า ท่านหมายความว่าคัมภีร์รุ่งริ่งในมือข้านี้เป็วิชากระบี่ระดับต่ำสุดหรือ?” ฉู่อวิ๋นตกตะลึงเล็กน้อย เผยท่าทีสับสน
“แน่นอน” ชายชราชุดคลุมสีขาวยิ้มและพยักหน้า “ข้ารู้ซึ้งถึงรายละเอียดของรางวัลทั้งหมดในห้องสมบัตินี้เป็อย่างดี บางส่วนอยู่ในระดับต่ำมาก บางส่วนก็ยังไม่ได้รับการประเมิน ล้วนอยู่ที่นี่แล้ว”
“ม้วนหนังสือ ‘วิภาสบังเหิน’ เล่มนี้ เหล่าปรมาจารย์กระบี่ที่ประเมินล้วนให้อยู่ในเกณฑ์ทักษะกระบี่ที่ธรรมดามาก”
“ไม่เพียงแต่ต้องใช้พลังมากเท่านั้น แต่พลังยังแทบไม่มีอีกด้วย บางทีวิชากระบี่นี้อาจตกทอดมาจากโบราณ แต่หน้าหนังสือในนั้นถูกฉีกขาด จึงมีความเป็ไปได้สูงที่ข้อมูลสำคัญบางอย่างจะถูกทำลายไป”
เมื่อได้ยิน ฉู่อวิ๋นก็สะดุ้งเล็กน้อย แล้วถามว่า “เช่นนั้นแล้ว เหตุใดท่านถึงยังเก็บทักษะยุทธ์นี้ไว้ที่นี่? นี่ไม่ใช่... อะแฮ่ม นี่ไม่ใช่ว่าไร้ประโยชน์หรอกหรือ?”
ชายชราชุดคลุมสีขาวลูบเคราแล้วยิ้มตอบ “นี่คือคลังสมบัติของลานประลองยุทธ์เมืองชุยเสวี่ยของเรา โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งเรารวบรวมได้มากเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น”
“นอกจากนี้ ในวันธรรมดาก็มีการแข่งขันกันระหว่างนักรบของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ ดังนั้นบางวิชาที่มีระดับต่ำก็สามารถใช้เป็รางวัลได้”
“ที่แท้เป็เช่นนี้” ฉู่อวิ๋นขมวดคิ้วเล็กน้อย
จากนั้นเขาก็รอจนกระทั่งชายชราชุดคลุมสีขาวจากไป จึงหันหน้าเข้าหามุมๆ หนึ่ง คิดจะถามโยวกู่จือว่าเกิดอะไรขึ้น
“ผู้าุโ ท่านไม่ได้หลอกข้าใช่หรือไม่? เขาบอกว่า “วิภาสบังเหิน” นี้อยู่ในเกณฑ์ของชั้นวิชายุทธ์ขยะ ท่านยัง้าให้ข้าฝึกมันอีก?”
สำหรับฉู่อวิ๋น เขามีพื้นฐานด้านกระบี่ที่มั่นคง สามารถฝึกวิชากระบี่ดาวตกได้อย่างดีเยี่ยม
และจากการเสริมด้วยท่ากระบี่หลักอีกสองท่าที่ได้รับจากสุสานปราณั ระดับของทักษะวิชาจากบรรพบุรุษนี้จึงใกล้เคียงกับระดับิญญาสูงสุด
แต่หากยังคงฝึกฝนวิชากระบี่ระดับต่ำต่อไป คงเป็การเสียเวลาและแทบจะไม่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งเลย
“เ้าหนู เ้าจะเชื่อผีเฒ่าตัวน้อยนั่น? หรือจะเชื่อในตัวข้าผู้ทรงพลังเมื่อพันปีที่แล้วนี่?” โยวกู่จือแค่นเสียงอย่างเ็าและพูดอย่างภาคภูมิใจ แฝงด้วยการดูถูกคำพูดของชายชราชุดคลุมสีขาว
“แต่หนังสือเล่มนี้ทรุดโทรมมาก...”
ฉู่อวิ๋นมองมันอย่างระมัดระวัง เมื่อสังเกตให้ดีก็พบว่ามีร่องรอยของการถูกเผาที่ด้านหลังของม้วนหนังสือ ซึ่งเป็พื้นที่สีดำไหม้ขนาดใหญ่ ดังที่ชายชราชุดคลุมสีขาวบอกว่าอาจจะมีข้อมูลขาดหายไปมาก
“หากฝึกฝนไปแล้วเกิดผิดพลาดสักก้าว ธาตุไฟเข้าแทรกกลายเป็มารจะทำอย่างไร?”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่อวิ๋น โยวกู่จือก็นิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับกำลังครุ่นคิด
ไม่นาน เขาก็อธิบายอีกครั้ง “เอ่อ... อันที่จริง วิชากระบี่นี้สูญหายไปในยุคสมัยของข้า แต่ตามบันทึกในหนังสือโบราณ ‘วิภาสบังเหิน’ เป็ทักษะการต่อสู้ที่เทียบได้กับทักษะกระบี่ระดับราชันย์จริงๆ นะ”
“ตอนนั้นที่ผู้ฝึกกระบี่พวกนั้นให้เกณฑ์ว่าเป็ระดับธรรมดา อาจเป็เพราะว่าพวกเขาไม่ได้ศึกษามันอย่างถ่องแท้ หรือไม่ก็เพราะในเล่มไม่ได้บันทึกเงื่อนไขในการฝึกฝนไว้”
“ไม่ว่าอย่างไร ยังเหลืออีกสองรางวัล เ้ารับวิชากระบี่นี้ไปฝึกไม่มีทางเป็อันตรายแน่ แม้ว่าจะเป็ม้วนหนังสือขาดรุ่งริ่ง แต่ก็คงไม่ด้อยไปกว่าทักษะวิชายุทธ์ระดับิญญา คุ้มค่าที่จะฝึกฝน”
หลังจากได้ยินคำอธิบายของโยวกู่จือ ฉู่อวิ๋นก็ชั่งน้ำหนักครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดก็ถอนหายใจและตัดสินใจรับวิชากระบี่นี้มา
อีกไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ ตระกูลฉู่ก็จะประกาศคู่แต่งงานแล้ว แม้ว่าวิชากระบี่นี้จะวิเศษเพียงใด แต่ฉู่อวิ๋นก็ไม่มีเวลาจะศึกษามันได้อย่างถี่ถ้วน
เขาทำตามคำแนะนำของโยวกู่จือ ไม่นานก็เดินมาถึงสถานที่ที่เต็มไปด้วยกระดาษยันต์
กระดาษยันต์เหล่านี้ล้วนเป็สมบัติทางจิติญญา รูปแบบที่วาดไว้นั้นแตกต่างกัน สร้างขึ้นโดยปรมาจารย์อาคม พลังต่างๆ จึงต่างกันออกไป
ตราบใดที่มันถูกขับเคลื่อนด้วยพลังปราณ ก็จะได้รับพลังบางอย่างกลับมา เช่น การเพิ่มความแข็งแกร่ง การปรับปรุงความคล่องตัว และแม้แต่การเรียกเกราะแสงมาปกป้องตัวเอง ซึ่งค่อนข้างใช้งานได้จริงในโลกแห่งพลังยุทธ์
โยวกู่จือเลือกกระดาษยันต์ชิ้นพิเศษให้ฉู่อวิ๋น ซึ่งวาดด้วยลวดลายลึกลับเป็ประกาย
“พวกคนในลานประลองโง่เขลานัก วางเครื่องรางอันล้ำค่าไว้ที่นี่ให้คนมาเลือก โชคดีที่ข้ามีสายตาเหนืุ์! ทำไมข้าถึงแข็งแกร่งขนาดนี้กันนะ?”
โยวกู่จือภูมิใจในตัวเองมาก ราวกับว่าเขาได้ค้นพบสิ่งที่มหัศจรรย์
“ผู้าุโ นี่คืออะไรอีก?” ฉู่อวิ๋นเล่นกับยันต์ในมือที่ดูเหมือนเศษกระดาษ แล้วถามอย่างสงสัย
ยันต์นี้มีขนาดเล็กมาก ตัวกระดาษมีสีเหลืองและขาดรุ่งริ่ง ถ้าโยวกู่จือไม่เตือนขึ้นมา ฉู่อวิ๋นคงไม่แตะต้องมัน
“สิ่งนี้มีภูมิหลังที่ยอดเยี่ยม! เรียกว่ายันต์วิ่งหมื่นลี้ ในสมัยของข้า ผู้ฝึกยุทธ์หลายคนต่างก็ใช้มัน”
“ยันต์วิ่งหมื่นลี้? สามารถใช้เคลื่อนย้ายได้ทันทีหรือ?!”
เมื่อฉู่อวิ๋นได้ยินชื่อเรียก เขาก็ใ ชื่อนี้มีพลังมาก หากสามารถเคลื่อนย้ายได้จริง เช่นนั้นก็ขอแค่เพียงอยู่กับฉู่ซินเหยา เขาก็สามารถหายไปได้ในพริบตา
แน่นอนว่าจินตนาการนั้นสวยงาม แต่ความจริงนั้นน่าอดสู...
ในไม่ช้า โยวกู่จือก็ถ่มน้ำลายลงบนหัวฉู่อวิ๋นแล้วพูดว่า “เ้าฝันไปเถอะ ยันต์ที่สามารถหายตัวได้ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับราชันย์ก็ยังต้องมาแย่ง”
“ยันต์วิ่งหมื่นลี้ไม่สามารถย่อขนาดพื้นที่แม้แต่นิ้วเดียวได้ แต่ตราบใดที่นักรบเปิดใช้งานมันด้วยกระแสพลังปราณที่ไม่มีที่สิ้นสุด ก็จะสามารถเดินทางได้หลายพันลี้ต่อวันด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก ถึงที่หมายโดยแทบยังไม่ทันหายใจเข้า ค่อนข้างมีประสิทธิภาพในการหลบหนี”
“พวกคนโง่เ่าั้ในลานประลองคิดว่าเครื่องรางล้ำค่านี้เป็เครื่องรางธรรมดาที่ทำได้เพียงปรับปรุงความคล่องตัวของนักรบ”
“เช่นนี้นี่เอง...” จู่ๆ ฉู่อวิ๋นก็ตระหนักได้ จากนั้นจึงถอนหายใจและเก็บยันต์วิ่งหมื่นลี้ไว้
แม้ว่ายันต์นี้ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ แต่หากพบเจอเหตุการณ์ร้ายแรงในอนาคต ก็อาจใช้เป็เครื่องมือช่วยชีวิตได้
หลังจากนั้น หนึ่งคนหนึ่งิญญาก็เดินไปรอบๆ อีกสองสามรอบ แต่ก็ไม่พบสิ่งใดที่มีค่าเป็พิเศษ
อย่างไรเสีย การประชันห้าัจัดขึ้นหลายครั้งต่อวัน เมื่อเวลาผ่านไป สมบัติมีค่าที่ชัดเจนเ่าั้ย่อมต้องถูกพรากไป
หลังจากค้นหาอีกรอบ ในที่สุดฉู่อวิ๋นก็เลือกแร่มิติชิ้นใหญ่ ซึ่งจริงๆ แล้วมันถูกซ่อนอยู่ในกองหินิญญากองใหญ่ ถือว่ามีค่าที่สุดในบรรดาสมบัติที่เหลืออยู่
ฉู่อวิ๋นยังไม่ลืมว่าสัตว์ปีศาจตัวน้อยที่นอนอยู่ในอกของเขายังคง้าแร่มิติจำนวนมากเพื่อฟื้นคืนชีพ
ครู่ต่อมา ฉู่อวิ๋นถือผลึกแร่สีใสชิ้นใหญ่ไว้ในมือขวา มือซ้ายถือยันต์สีเหลืองและม้วนหนังสือที่ผุพัง เขาเดินมาหาชายชราชุดคลุมสีขาวพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“ท่านผู้เฒ่า ข้าเลือกเสร็จแล้ว เชิญท่านตรวจสอบ”
“เร็วขนาดนั้นเลย?” ชายชราชุดคลุมสีขาวดูตกตะลึง
ในอดีต ผู้ชนะของการประชันห้าัแทบจะอยากอยู่ที่นี่ไปชั่วชีวิต ไม่คิดว่าภายในครึ่งชั่วยาม ฉู่อวิ๋นจะเลือกสมบัติที่้าได้ เป็เพราะสายตาเขาไม่ได้เื่หรือ?
ชายชราชุดคลุมสีขาวไล่ความคิดออกไป เดินไปตรวจสอบรางวัลที่ฉู่อวิ๋นเลือกและโมโหทันที เขาขมวดคิ้วและพูดว่า “เ้าหนู เ้ากำลังล้อข้าเล่นหรือ?”
“แร่มิตินี้มีค่าไม่น้อย ข้าเข้าใจว่าทำไมเ้าถึงเลือกมัน แต่... ข้าบอกเ้าไปแล้วว่า “วิภาสบังเหิน” นี้เป็ทักษะยุทธ์ระดับมนุษย์ ดังนั้นอย่าเดินทางอ้อม[1]เลย”
“แล้วก็ยันต์สีเหลืองนี้ เป็เพียงของเล่นเพิ่มความเร็วของนักรบ ไม่มีประโยชน์อะไรทั้งสิ้น เ้ากลับไปเลือกใหม่ดีหรือไม่? ข้าจะให้เวลาเ้า”
ชายชราชุดคลุมสีขาวส่ายหน้าซ้ำๆ เขาเองก็เตรียมที่จะสุ่มเลือกรางวัลให้ฉู่อวิ๋นแล้ว แต่ไม่คิดว่าคนป่าก็ยังคงเป็คนป่า มีตาแต่หามีแววไม่
เลือกอยู่ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม เขาก็หยิบขยะได้สองชิ้น ทำให้เขาเป่าเคราด้วยความโมโหจริงๆ
ความจริงแล้ว ชายชราชุดคลุมสีขาวชื่นชมพร์ของฉู่อวิ๋นอยู่ไม่น้อย ดังนั้นเขาจึงพูดอีกสองสามคำ ไม่อยากให้ชายหนุ่มต้องเสียเวลา
เมื่อเห็นท่าทางตำหนิของชายชรา ฉู่อวิ๋นก็ยกยิ้ม เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังให้คำแนะนำแก่เขา
แน่นอนว่าในโลกพลังยุทธ์ใช่ว่าทุกคนจะให้ความสำคัญกับผลประโยชน์เป็อันดับแรก
“ท่านผู้เฒ่า ขอบคุณสำหรับคำเตือน แต่ผู้เยาว์คนนี้ได้ตัดสินใจแล้ว โปรดช่วยยกเลิกข้อจำกัดข้างต้นด้วย~” ฉู่อวิ๋นยื่นรางวัลทั้งสามให้และพูดด้วยรอยยิ้ม
ในเวลานี้ เมื่อเห็นฉู่อวิ๋นยืนกราน ชายชราก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถอนหายใจ แล้วเอื้อมมือไปปลดข้อจำกัดบนม้วนหนังสือ ยันต์ และแร่มิติ
“ฮิๆ ขอบคุณท่านผู้เฒ่า” ฉู่อวิ๋นใส่ทั้งสามสิ่งเข้าไปในวงแหวนอวกาศและทำความเคารพ
“เฮ้อ เ้าหนู เ้ามีนิสัยเรียบง่าย มีความสามารถที่โดดเด่น สมบัติระดับสูงกองอยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่กลับไม่ไหวติง พฤติกรรมเช่นนี้ จิติญญาเช่นนี้ ข้าผู้เฒ่าชื่นชมเ้าจริงๆ”
ชายชราชุดคลุมสีขาวถอนหายใจยาว ความชื่นชมฉู่อวิ๋นในดวงตาของเขาก็เข้มขึ้นเรื่อยๆ
“มืกล้ารับ มิกล้ารับ ฮะๆ...” ฉู่อวิ๋นเกาหัวและยกยื้มฝืดเฝื่อน
ไม่ไหวติงอะไรกัน สามสิ่งในมือเขาไม่ใช่สิ่งที่มีค่าที่สุดแล้วหรอกหรือ...
ทันทีหลังจากพูดคุยกับชายชราอีกสองสามคำ ฉู่อวิ๋นก็เตรียมจะออกไป
ในเวลาเดียวกันกับที่ประตูถูกเปิดออก ก็มีคนรับใช้คนหนึ่งเข้ามาทำความเคารพชายชราแล้วเข้าไปในห้องสมบัติ ดูเหมือนว่าเขากำลังจะเข้าไปทำความสะอาด
ในตอนแรก ฉู่อวิ๋นไม่ได้สนใจและรีบก้าวออกจากห้อง แต่เดินไปได้สองสามก้าว เขาก็ได้ยินเสียงโยวกู่จือะโ น้ำเสียงของเขาค่อนข้างตื่นเต้น แม้เสียงจะแหบอยู่เล็กน้อย
“เดี๋ยวก่อน! อ๊ะๆๆ——! เ้าหนู อย่าเพิ่งไป!!”
“ทำไมหรือ? ผู้าุโ? ข้าเลือกสมบัติเสร็จแล้ว ยังต้องคุ้มครองพี่หญิงกลับเรือนอีกนะ”
โยวกู่จือทำเสียงตื่นเต้นและะโ “นั่น... มีบางอย่างอยู่ตรงนั้น! เ้าต้องได้มันมา!!!”
“อะไรนะ?”
ฉู่อวิ๋นตกตะลึง จากนั้นเขาก็มองไปตามคำบอกเล่าของโยวกู่จือ
คนรับใช้เข้าไปในห้องที่เละเทะวุ่นวายและกวาดกองเศษโลหะออกไป
“ท่านผู้เฒ่า สิ่งเหล่านี้คืออะไร?” ฉู่อวิ๋นถามโดยชี้ไปที่กองขยะสกปรก
“อ้อ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็ขยะที่สะสมอยู่ที่นี่มานาน บางส่วนเป็เครื่องรางอันล้ำค่าที่ขุ่นมัว บางส่วนเป็ยาอายุวัฒนะที่หมดอายุ พวกมันจะถูกทำความสะอาดเป็ประจำ” ชายชราชุดคลุมสีขาวอธิบาย
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฉู่อวิ๋นก็พยักหน้าและลอบพูดอย่างลับๆ “ผู้าุโ พวกนี้มันขยะ เหตุใดท่านต้องแปลกใจด้วย?”
“เมื่อกี้ข้าคิดว่ากองขยะตรงมุมนั้นเป็เพียงแค่กองขยะเลยไม่ได้สนใจมันมากนัก แต่พอกวาดมันออกไป ข้าก็เพิ่งจะรู้... ว่าข้างในมีของดีอยู่!!”
“มันก็แค่ขยะ จะมีอะไรดี
“เ้าหนู ในอนาคตเ้าอยากปรับแต่งอาวุธ ปรับแต่งยาอายุวัฒนะ วาดเครื่องราง หรือควบคุมสัตว์ปีศาจหรือไม่?”
“ไร้สาระ ข้าย่อมอยาก แต่ตอนนี้เราต้องหาวิธีช่วยเหลือพี่หญิงของข้าก่อน” ฉู่อวิ๋นพูดด้วยความโกรธ
“เื่การช่วยพี่สาวเ้า เ้าคลายกังวลได้เลย! ข้ามีแผนที่สมบูรณ์แบบอยู่ แต่เ้าต้องได้สิ่งนั้นมา!”
โยวกู่จือคำรามเสียงดัง เขาตื่นเต้นมาก ทำให้ฉู่อวิ๋นรู้สึกวิงเวียน
ผู้าุโคนนี้กำลังทำอะไรอยู่? เขาตื่นเต้นมาก หรือจะมีสิ่งมหัศจรรย์อยู่ในกองขยะนี้จริงๆ ?
ดังนั้น ฉู่อวิ๋นจึงกัดฟันถามชายชราชุดคลุมสีขาว “ท่านผู้เฒ่า ในเมื่อของพวกนั้นท่านไม่ใช้แล้ว ท่านให้ข้าเลือกออกไปสักสิ่งได้หรือไม่?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายชราชุดคลุมสีขาวก็ยิ้มและส่ายหัว “ย่อมไม่ได้ กฎก็คือกฎ แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะไร้ประโยชน์ แต่หากนำมาสร้างขึ้นใหม่ก็สามารถคืนสภาพให้เป็รูปเป็ร่างได้"
“ให้ตายเถอะ ไอ้ตาเฒ่า! สร้างขึ้นมาใหม่หรือ? ไร้สาระ! ไม่มีทาง!”
โยวกู่จือสบถอย่างรุนแรง ทำให้ฉู่อวิ๋นเหงื่อตก ผู้าุโคนนี้ดูเหมือนจะโกรธมากและเขาตั้งใจแน่วแน่แล้วที่จะได้อะไรในนั้น
หลังจากนั้นไม่นาน ฉู่อวิ๋นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มและพูดด้วยรอยยิ้มเ้าเล่ห์ “ท่านผู้เฒ่า ในอดีต นักรบจากการประชันห้าัจะได้รับรางวัลสามรางวัลและหินิญญาหนึ่งแสนก้อน ใช่หรือไม่?”
“ถูกต้อง” ชายชราชุดคลุมสีขาวพยักหน้า
“เช่นนั้นข้าที่เอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยการข้ามห้าระดับ หากรางวัลไม่เพิ่มขึ้น ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ มันไม่ยุติธรรมเลย~”
“หา?! นี่... นี่...”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่อวิ๋น ชายชราชุดคลุมสีขาวก็พูดไม่ออกครู่หนึ่ง ดูเหมือนจะสมเหตุสมผล...
“ท่านผู้เฒ่า ข้าไม่จำเป็ต้องเข้าไปในห้องสมบัติแล้ว ข้าแค่เลือกจากกองขยะนี้ ไม่ดีหรือ?” ฉู่อวิ๋นพูดเบาๆ ดูเหมือนว่าแผนการชั่วร้ายของเขาจะสำเร็จ
ชายชรากะพริบตาทึมทื่ออยู่ครู่หนึ่ง คิดอยู่นานก็หายใจเข้าลึกๆ และตอบตกลงกับฉู่อวิ๋น
ครู่ต่อมา ภายใต้การแนะนำของโยวกู่จือ ฉู่อวิ๋นก็ได้รับลูกปัดสีดำเม็ดกลมจากกองขยะคลุ้งฝุ่นไปด้วยความสุข ผิวััขรุขระและสกปรกเล็กน้อย
-----------
[1] แปลตรงตัวว่า เดินทางโค้งหรือทางคดเคี้ยว หมายถึงการทำอะไรด้วยวิธีที่เสียเวลากว่า และเสียแรงมากกว่าทั้งที่ไม่จำเป็