กลิ่นหอมลอยเข้ามากระทบจมูกของอวิ๋นจื่อ กลิ่นนี้อบอุ่นและคุ้นเคยอย่างสุดจะพรรณนา ความทรงจำมากมายถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ
อวิ๋นจื่อรู้สึกราวกับว่าได้ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่นางเหยียบเศษไม้กฤษณาในตำหนักเหวินฮวา แม่นมที่นั่งอยู่ข้างเสด็จแม่ของนางมักกล่าวอย่างใจดีว่า “องค์หญิงทรงทำอะไรกับเศษไม้เหล่านี้เพคะ ฉลองพระบาทเปื้อนไปหมดแล้ว!”
“เสด็จแม่เพคะ รองเท้ากลิ่นหอมมาก ข้าชอบ”
นางชอบมากเสียจนในภายหลังรองเท้าที่นางสวมจะต้องมีกลิ่นหอมจากไม้กฤษณา
เครื่องหอมของคนผู้นี้ก็ทำจากไม้กฤษณาหรือ?
หลังจากที่เสด็จแม่สิ้นพระชนม์ อวิ๋นจื่อก็ไม่ได้ใช้ไม้กฤษณาอีกเลย นางใช้เพียงโม่ลี่ฮวา[1] ไป๋เหอฮวา[2] และไม้หอมอื่นๆ ที่ถูกบ่มนานห้าปี เครื่องหอมที่นางใช้อยู่ตอนนี้ทำจากโม่ลี่ฮวา แต่ก็ไม่สามารถเทียบได้กับกลิ่นหอมของไม้กฤษณาที่ตราตรึงอยู่ในใจของนาง
หลังจากตกอยู่ในความงุนงงได้ครู่หนึ่ง กลิ่นหอมที่โอบล้อมกายนางก็ค่อยๆ จางหายไป
ก่อนที่อวิ๋นจื่อจะทันได้สติ นางก็ได้ยินชายหนุ่มกล่าวว่า “วันนี้เป็วันส่งท้ายปีเก่า เ้าปรารถนาสิ่งใด?”
ปรารถนา?
อวิ๋นจื่อย่อมปรารถนาที่จะกลับไปยังตำหนักเหวินฮวา
อวิ๋นจื่อรินชาให้เขา ยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า “ปี้เหยียนขอฝูไท่อันคัง[3]ให้คุณชาย และขอให้ทุกอย่างเป็ไปด้วยดี”
จากนั้นนางก็พิจารณาชายหนุ่มตรงหน้าอย่างละเอียด
เขายังคงสวมเสื้อคลุมสีดำ มวยผมถูกมัดไว้ด้วยผ้าไหมสีดำเช่นเคย ใบหน้าที่เด็ดเดี่ยวนั้นแสดงออกถึงความนุ่มนวลในแบบที่หาดูได้ยาก
เย่เช่อมองอวิ๋นจื่อด้วยดวงตาที่ลุกโชน ในดวงตาลึกล้ำคู่นี้ ดูเหมือนเขากำลังมองหาบางสิ่งและกำลังครุ่นคิดบางอย่าง
เขาไม่กล่าวสิ่งใดอีก แต่รั้งนางมาสวมกอดอีกครั้งและกล่าวว่า “ซูเจินบอกข้าว่าเ้าสบายดี”
อวิ๋นจื่อยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะผลักเขาเบาๆ และกล่าวว่า “ข้าไม่เป็อะไร ยังต้องรบกวนคุณชายซูอีกหรือ?”
เย่เช่อโอบเอวคอดของนางและลูบปอยผมด้านหลังหูด้วยมืออีกข้าง ดวงตาของเขาจับจ้องที่ลำคอระหงของอวิ๋นจื่อด้วยความลุ่มหลง
หลังจากนั้นไม่นาน เย่เช่อก็กล่าวว่า “อีกหนึ่งปี ข้าจะไถ่ตัวเ้าออกไป”
เหตุใดต้องหนึ่งปี? อวิ๋นจื่องงงวย แต่นางไม่สามารถเอ่ยถามได้ นางจึงกล่าวทั้งน้ำตาว่า “แค่คุณชายมาในวันนี้ ปี้เหยียนก็มีความสุขมากแล้วเ้าค่ะ”
เย่เช่อกอดนางไว้แน่นและพึมพำ “ข้าอยากร่วมฉลองเทศกาลกับสหายคนหนึ่งมาตลอด แต่ถ้าเป็อย่างนั้นข้าจะรู้สึกผิดต่อเ้า”
อุณหภูมิจากร่างกายเขามอบความอบอุ่นให้กับหัวใจของนาง สหายของเย่เช่อเป็คนแบบใด? คนอย่างเขาจะเก็บ่เวลาดีๆ ไว้ให้ใคร? เมื่อคิดถึงเื่นี้อวิ๋นจื่อก็กล่าวออกไปโดยไม่รู้ตัวว่า
“ไม่รู้ว่าสหายของคุณชายเป็ใคร?”
หลังจากที่กล่าวออกไป นางก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ กลิ่นไม้กฤษณาโชยเข้าจมูกแรงขึ้นเรื่อยๆ นางจึงกล่าวเสริมว่า “เพราะนั่นเป็…เป็สหายที่คุณชายให้ความสำคัญมาก ปี้เหยียนจึงสงสัย”
อ้อมกอดของชายหนุ่มยังคงอบอุ่น เขาปรับเปลี่ยนท่าทางโดยให้หญิงสาวเป็ฝ่ายโอบกอดเขาจากด้านหน้าก่อนจะกล่าวเบาๆ ว่า “มีบางอย่างเกิดขึ้นกับครอบครัวของนาง บางทีนางอาจตายไปแล้วก็ได้”
สีหน้าของเขาดูโศกเศร้ามาก
“นางอายุไล่เลี่ยกับเ้า เป็หญิงสาวที่สดใสที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบเจอมาในชีวิต”
เมื่ออวิ๋นจื่อได้ยินสิ่งนี้ นางก็ใเล็กน้อย
หญิงสาวผู้นี้เป็ใครกัน?
เป็ไปได้ไหมว่าที่นางต้องตาเขาเพราะนางดูคล้ายหญิงสาวผู้นั้น?
“ข้าเพิ่งได้ยินมาว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับนางและครอบครัวของนาง หากข้ารู้มาก่อนว่าจะเป็เช่นนี้ข้าคงยับยั้งไม่ให้มันเกิดขึ้น ข้าเคยพบนางเพียงครั้งเดียว แต่กลับรู้สึกเหมือนเคยพบกันนับครั้งไม่ถ้วน ข้าอยากถามนางจริงๆ ว่านางทำอะไรกับข้า”
“ข้าได้ยินมาว่านางชอบเครื่องหอมอย่างไม้กฤษณามาก ตัวข้าไม่เคยชมชอบเครื่องหอมใดๆ เลย แต่ก็ยังพกเครื่องหอมที่ทำจากไม้กฤษณาติดตัว ข้าถูกพี่น้องหัวเราะเยาะนับครั้งไม่ถ้วน แม้แต่ท่านตาของข้ายังเคยบอกข้าด้วยน้ำเสียงจริงจังว่าอย่าใช้เครื่องหอมเช่นนี้อีก แต่กลิ่นไม้กฤษณาล้ำค่าสำหรับข้ามาก สิบกว่าปีผ่านไปข้าใช้เครื่องหอมไม้กฤษณาจนทุกคนล้วนคุ้นชิน แต่น่าเสียดายที่ข้าหานางไม่พบ”
อวิ๋นจื่อรู้สึกเป็ทุกข์อย่างอธิบายไม่ได้
นางถามเบาๆ ว่า “ท่านรักนางหรือ?”
ชายหนุ่มฝืนยิ้มเป็เชิงขอโทษ “ข้าไม่รู้ว่านี่คือความรักหรือไม่ แต่นางเป็คนพิเศษสำหรับข้า”
อวิ๋นจื่อก้มหน้าลงและไม่พูดอะไร
ชายหนุ่มถามว่า “เ้าจะรังเกียจไหม?”
อวิ๋นจื่อกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าคือตัวแทนของนางใช่หรือไม่? หากวันหนึ่งท่านได้พบนาง ข้าจะยืนอยู่จุดใดในหัวใจท่าน?”
ชายหนุ่มฝืนยิ้มอีกครั้ง “ข้าขอโทษเ้าจริงๆ ปี้เหยียน ตอนแรกข้าจะแต่งงานกับเ้าเพราะต้องรับผิดชอบเ้า แต่ตอนนี้ข้ารู้สึกชอบเ้าอย่างแท้จริง เพราะเ้ามีความคล้ายคลึงกับนางเหลือเกิน”
อวิ๋นจื่อรู้สึกปวดใจอย่างไม่มีเหตุผล
คำกล่าวของเขาทำให้นางรู้สึกเสียหน้า
ชายหนุ่มมองเห็นความไม่พอใจของนางอย่างชัดเจน เขาจึงกล่าวว่า “อย่ากังวลไปเลยปี้เหยียน แม้ว่าข้าจะพบนางข้าก็ไม่อาจแต่งงานกับนางได้ ข้ากับนางย่อมไม่มีทางเป็ไปได้”
เมื่ออวิ๋นจื่อได้ยินเช่นนั้น นางก็เงยหน้าขึ้นและถามว่า “เพราะเหตุใด?”
ชายหนุ่มกล่าวว่า “เพราะบิดาของข้าทำผิดต่อครอบครัวของนาง ข้าไม่คิดจริงๆ ว่าเื่จะเลยเถิดมาถึงขนาดนี้”
อวิ๋นจื่อ้าถามอย่างอื่นอีก แต่นางไม่สามารถเอ่ยปากได้
ชายหนุ่มพึมพำ “ช่างเถอะ อย่าพูดเื่นี้เลย ข้าจะพาเ้าไปที่แห่งหนึ่ง”
ชายหนุ่มกอดนางไว้แน่น จากนั้นก็พลิกตัวและกระโจนออกนอกหน้าต่างราวกับนกตัวใหญ่
บนถนนมีผู้คนน้อยมาก
ท้ายที่สุดแล้วทุกคนล้วน้าใช้เวลาในวันส่งท้ายปีเก่ากับครอบครัว
ทันทีที่เท้าของพวกเขาแตะพื้น เย่เช่อก็ยิ้มและกล่าวว่า “ถ้าประมุขศาลาฉีอวิ๋นรู้ว่าเ้าไม่ได้อยู่ที่นั่น นางจะส่งคนมาตามหาเ้าหรือไม่?”
อวิ๋นจื่อส่ายหน้า “ไม่เ้าค่ะ ป้าอวิ๋นเอ็นดูข้าที่สุด ข้าบอกนางไปแล้วว่าวันนี้ข้าอยากอยู่คนเดียว”
เย่เช่อมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก “เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเ้ารู้จักข้า?”
อวิ๋นจื่อส่ายหน้าและกล่าวว่า “ข้าไม่รู้จักท่าน”
เย่เช่อจับมืออวิ๋นจื่อและเดินไปเรื่อยๆ
อวิ๋นจื่อถูกพาตัวออกจากศาลาฉีอวิ๋นอย่างกะทันหัน เมื่อลมกลางคืนพัดมานางก็รู้สึกหนาวเหน็บจนต้องกระชับแขนเสื้อ
เมื่อชายหนุ่มเห็นการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ของอวิ๋นจื่อเขาก็อดไม่ได้ที่จะโอบนางไว้ในอ้อมแขน
หลังจากเดินไปสักพักพวกเขาก็มาถึงจวนแห่งหนึ่ง
ชายหนุ่มเคาะประตูเบาๆ หลังจากผ่านไปสักครู่ประตูก็เปิดออกพร้อมกับเสียงหวีดแหลมที่เกิดจากการเสียดสีของไม้ ชายวัยกลางคนพาพวกเขาเข้าไปด้านใน ดูเหมือนว่าเขาจะเป็พ่อบ้านของจวนหลังนี้ ชายวัยกลางคนกล่าวอย่างมีความสุขว่า “นายน้อย ท่านจะอยู่ที่นี่หรือขอรับ?”
เย่เช่อไม่ตอบและกล่าวอย่างใจเย็น “ลุงเฉิน อย่าบอกพวกเขาว่าข้ามาที่นี่”
ชายที่ชื่อลุงเฉินพยักหน้า และในขณะที่ปิดประตูเขาก็กล่าวว่า “คุณชาย ท่านจะอยู่นานแค่ไหนขอรับ?”
เย่เช่อกล่าวอย่างเ็า “เ้าคิดว่าพรุ่งนี้ข้าจะยังอยู่ที่นี่หรือไม่?”
ลุงเฉินหยุดพูดทันที
เย่เช่อพาอวิ๋นจื่อเดินไปที่ลานบ้าน
ก่อนเข้าไปยังเรือนหลัก อวิ๋นจื่อสังเกตเห็นดอกไม้ในสวน ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่ดอกไม้ที่พบได้ทั่วไป มันมีกลิ่นหอมจางๆ ที่กระตุ้นให้อวิ๋นจื่อเกิดความสนใจเป็อย่างมาก
เย่เช่อกล่าวแ่เบาว่า “มันคือปี้จื่อ[4] เป็หญ้าหอมชนิดหนึ่ง”
------------------------
[1] โม่ลี่ฮวา คือ ดอกมะลิ
[2] ไป๋เหอฮวา คือ ดอกลิลลี่
[3] ฝูไท่อันคัง หมายถึงความสงบสุขและสุขภาพดี ทั้งยังหมายถึงความเป็สิริมงคล คำนี้มักใช้ในโคลงวสันตฤดู
[4] ปี้จื่อ เป็ชื่อของวานิลลา มีกลิ่นหอม รากใช้เป็ยาในการแพทย์แผนจีน นอกจากนี้ คำว่า “ปี้จื่อ” ยังถูกตีความว่าเป็ “หญ้าที่เติบโตในสถานที่ที่เงียบสงบ”