หานเยว่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย "ตามที่อี๋เหนียงเอ่ยมา ท่านพ่อน่าจะต้องรังเกียจหานโม่มากสิเ้าคะ แต่ทั้งที่รู้ว่าหานโม่เกลียดชังตระกูลหานขนาดนี้ เขาก็ยังยั้งมือไม่จัดการหานโม่หรือเป็เพราะว่าหานโม่ไร้ค่าจนท่านพ่อไม่ต้องใส่ใจหรือเ้าคะ?"
เว่ยซื่อมองหานเยว่อย่างตำหนิ จากนั้นจึงยื่นมือออกไปตีหน้าผากของนางหนึ่งที "เ้าลูกโง่ เ้าคิดว่าคนที่ท่านพ่อของเ้าหวาดกลัวคือหานโม่จริงๆ งั้นหรือ? ผู้ที่อยู่เื้ันางต่างหากเล่า เดิมทีหานโม่ก็เป็เพียงแค่คนไร้ค่าที่ถูกตระกูลหานทอดทิ้งมาหลายสิบปี เหตุใดอยู่ๆ นางถึงได้มีความสามารถขนาดนี้กันเล่า? เ้าคิดจริงๆ หรือว่านางจะสามารถฝึกฝนวรยุทธ์ได้เองในทันทีงั้นหรือ? นี่ยังไม่ชัดเจนอีกหรือว่าต้องมียอดฝีมืออยู่เื้ันาง”
ทันใดนั้นหานเยว่ก็เข้าใจได้ในทันที "อี๋เหนียงหมายความว่า ท่านพ่อกำลังตกปลางั้นหรือเ้าคะ?" [1]
เว่ยซื่อหัวเราะออกมาเบาๆ "ถูกต้อง"
หานเยว่ส่งเสียง "โอ้" ลากยาวออกมา "ในวันนี้ฮูหยินใหญ่แสดงท่าทีจงเกลียดจงชังหานโม่จนเข้ากระดูกอย่างไม่ปิดบัง พวกนางไม่ได้้าผลึกิญญาของหานโม่หรือเ้าคะ? เช่นนั้นแล้วอี๋เหนียง พวกเรา้าหรือว่าไม่้า..."
ด้วยผลึกิญญานั้นเป็ของดีที่เหล่าผู้ฝึกวรยุทธ์ต่างปรารถนาและเฝ้าถวิลหาแม้แต่ในยามฝัน
ทันใดนั้นเองเว่ยซื่อก็ยื่นมือออกไปหยุดคำพูดของหานเยว่ไว้
หานเยว่หยุดพูดในทันที นางมองไปที่เว่ยซื่อด้วยความงงงวย
เว่ยซื่อมองไปรอบๆ และเผยรอยยิ้มมีเลศนัยออกมา "ลูกเอ๋ย ความอดทนเป็คุณสมบัติที่จำเป็สำหรับมนุษย์เข้าใจหรือไม่?"
หานเยว่ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็วจึงเอ่ยขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า "เข้าใจแล้วเ้าค่ะ อี๋เหนียง"
ในอีกด้านหนึ่ง หานโม่และเสี่ยวเยว่เองก็ได้กลับมาถึงเรือนเหอเซียงแล้ว
เสี่ยวเยว่เพิ่งได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของหานโม่ จนถึงตอนนี้นางก็ยังรู้สึกสับสนอยู่บ้างเล็กน้อย
คุณหนูที่อ่อนน้อมถ่อมตนของนางเมื่อในอดีตได้กลายมาเป็คุณหนูที่แข็งแกร่งอะไรเช่นนี้ ชั่ววูบหนึ่งเสี่ยวเยว่ก็รู้สึกว่าสิ่งนี้ยากที่จะยอมรับอยู่บ้าง
เมื่อเห็นท่าทางเหม่อลอยของเสี่ยวเยว่ หานโม่ก็เดาได้ทันทีว่านางกำลังคิดเช่นไรอยู่ จึงเอื้อมมือไปเคาะเบาๆ ที่หน้าผากของนางหนึ่งทีแล้วเอ่ยถามว่า " เ้ากลัวงั้นหรือ?"
เสี่ยวเยว่กลับมามีสติอีกครั้ง นางมองไปที่ใบหน้างดงามของหานโม่แล้วส่ายหัว "คุณหนู เสี่ยวเยว่แค่รู้สึกว่าคุณหนูช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก คุณหนูเห็นหรือไม่เ้าคะว่าวันนี้นายท่านกับเหล่าฮูหยินต่างถูกคุณหนูจัดการเสียจนพูดไม่ออกกันหมด"
หานโม่ทำเพียงยิ้มโดยไม่เอ่ยสิ่งใด
นางรู้ว่าในงานเลี้ยงวันนี้หานเฉินต้งและคนอื่นๆ ต่างต้องใช้ความอดทนอดกลั้นต่อนางอย่างสูงเพียงเพราะว่านางมีผลึกิญญาอยู่ในมือ แต่รอให้พวกเขาได้ผลึกิญญามาเสียก่อนเถิด มันจะต้องกลายเป็อีกภาพหนึ่งอย่างแน่นอน
แต่ดูจากวันนี้แล้ว การต่อสู้ระหว่างอู๋ซื่อและจางซื่อนั้นไม่เคยหยุดนิ่ง ดูจากตำแหน่งที่นั่งของทั้งคู่ก็เห็นได้ชัดว่ามีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน และปลายเข็มต่อปลายเข็ม [2] เองก็หยุดไม่ได้เช่นกัน
จางซื่อถือว่าเป็ประเภทนั่งอยู่บนูเาชมเสือกัดกัน [3] นางไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมใดๆ เลยั้แ่ต้นจนจบ แต่หานโม่กลับไม่เชื่อว่าผู้หญิงคนนี้จะธรรมดาจริงๆ
ฮึ!
แววความเย้ยหยันเป็ประกายอยู่ในดวงตาของหานโม่
ตระกูลหานช่างมี "เสน่ห์" ของตระกูลใหญ่เสียจริง ทุกคนภายในตระกูลต่างก็ต้องต่อสู้กันอย่างดุเดือดเช่นนี้ ไม่รู้ว่าตอนที่อยู่ต่อหน้าคนภายนอกนั้นพวกเขาจะเผยมันออกมาหรือไม่
"คุณหนู นี่มันก็ดึกแล้ว ท่านจะให้บ่าวคอยช่วยปรนนิบัติพักผ่อนหรือไม่เ้าคะ?" เสี่ยวเยว่เห็นว่าเวลาเริ่มดึกมากแล้ว จึงคิดจะพาหานโม่เข้าไปพักผ่อนในเรือน
หานโม่เองก็ไม่ได้ปฏิเสธ "ไปกันเถอะ"
แม้ว่าในคืนนี้นางคิดว่าตัวเองคงจะไม่ได้พักผ่อนอย่างสบายๆ แน่ หากสามารถพักได้เพียงครู่ก็ต้องพัก ส่วนเ้าโตวโตวนั้นวันนี้ถูกขังอยู่ในห้องของนางทั้งวัน คาดว่าคงจะขาดอากาศหายใจไปเสียแล้ว
นางจงใจปิดกั้นการติดต่อของมัน เพราะว่าวันนี้เ้านกตัวน้อยนี่พูดจาจ้อกแจ้กอยู่ตลอดเวลาและยังจู้จี้ไม่หยุด อันที่จริงหานโม่เองก็ไม่รู้จะทำเช่นใดแล้วถึงเลือกปิดกั้นมันฝ่ายเดียว
ไม่รู้ว่าเ้านั่นจะโกรธหรือไม่ แต่หานโม่คิดว่ากลับไปคงต้องค่อยๆ คุยกับโตวโตว
เมื่อเข้ามาด้านในเรือนเหอเซียง เสี่ยวเยว่ก็รีบให้คนไปเตรียมน้ำอุ่นอย่างรวดเร็ว ภายในตระกูลหานนั้นข่าวลือต่างๆ มักแพร่กระจายอย่างรวดเร็วอยู่แล้ว การกระทำของหานโม่ในงานเลี้ยงของตระกูลทำให้ทุกคนได้รู้ว่าแล้วว่าคุณหนูเจ็ดนั้นมีนายท่านคอยสนับสนุนอยู่ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าเพิกเฉย
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จหานโม่ก็กำชับให้เสี่ยวเยว่ไปพักผ่อน เสี่ยวเยว่พยักหน้าตอบรับ นางจัดเตรียมชาร้อนและของว่างสำหรับหานโม่อย่างระมัดระวังเพื่อที่นางจะสามารถทานได้ทันทีเมื่อหิวไว้ด้วย จากนั้นจึงเดินออกไปโดยที่ยังคงหันหลังกลับมามองไปรอบๆ ในทุกๆ ย่างก้าว
หานโม่มองตามหลังเสี่ยวเยว่จนนางหายลับไป
ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเสี่ยวเยว่นั้นถือได้ว่าเป็สาวน้อยที่ดีมากคนหนึ่ง ตอนที่คอยรับใช้อยู่ข้างกายนั้นก็ช่างพิถีพิถันและเชื่อฟังมาก เสี่ยวเยว่รู้ว่าต้องปกป้องเ้านายเช่นไรเมื่อพบเจอกับปัญหา แต่สิ่งเดียวที่หานโม่รู้สึกเสียใจก็คือนางเป็เพียงแค่คนธรรมดาผู้หนึ่งเท่านั้น
ที่ทวีปเสวียนเทียนนี้ ผู้ที่ไม่สามารถฝึกฝนวรยุทธ์มักจะมีจุดจบที่เลวร้าย แม้จะกล่าวกันว่าคนธรรมดาถูกรังแกได้ง่าย แต่ยังมีผู้คนอีกมากมายทั่วทั้งทวีปที่ไม่สามารถฝึกฝนวรยุทธ์ได้และพวกเขาก็ยังคงใช้ชีวิตได้ตามปกติอย่างดี
หานโม่เกิดมาในตระกูลใหญ่และได้ถูกทดสอบแล้วว่าเป็ผู้ที่มีพร์ที่สูง แต่ต่อให้มีหรือไม่มีพร์ ตราบใดที่เ้าเกิดมาในตระกูลใหญ่แต่ไร้ความสามารถ เ้าก็จะถูกเหยียบย่ำจนตาย
เช่นเดียวกับหานโม่คนเก่า
รอจนกระทั่งเสี่ยวเยว่เดินหายลับไปจนมองไม่เห็นแล้ว หานโม่ถอนหายใจหนึ่งครั้งแล้วจึงหันกลับเข้าไปที่ห้องของตนเอง
เนื่องจากความวุ่นวายมากมายเมื่อยามบ่าย ห้องของหานโม่ได้รับการประดับตกแต่งอย่างงดงามประณีต เมื่อหานโม่เข้ามาในห้องก็หันไปมองรอบๆ จึงเห็นว่าโตวโตวไม่ได้ออกมาต้อนรับ ทันใดนั้นก็รู้ได้ทันทีว่านางคงกังวลมากเกินไป
นางมองของว่างที่เสี่ยวเยว่จัดเตรียมไว้ให้บนโต๊ะชา ในดวงตาปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาจางๆ นางไม่ได้มองหาว่าโตวโตวอยู่ตรงไหนอีก แต่กลับนั่งลงที่โต๊ะและรินชาให้ตัวเอง จากนั้นจึงเริ่มดื่มชาพลางหยิบหยิบขนมขึ้นมาทาน
ทันใดนั้นภายในห้องก็มีเสียงกุกกักดังขึ้น
หานโม่หูกระดิก แม้ว่าจะได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจนแต่นางก็แสร้งทำเป็ไม่ได้ยินและทานขนมพร้อมจิบชาต่อไปอย่างสบายใจ
ในขณะที่ทานขนมก็เอ่ยลอยๆ ว่า "คนตระกูลหานนิสัยแย่มากจริงๆ แต่ไม่คิดเลยว่าขนมของตระกูลหานจะอร่อยมาก"
ทันใดนั้นเสียงกุกกักก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
แต่หานโม่ก็ยังคงแสร้งทำเป็ไม่ได้ยินต่อไป
เมื่อเห็นว่าขนมในจานใกล้จะหมดลงแล้ว ในที่สุดก็มีนกตัวหนึ่งบินออกมาจากเตียงอย่างรวดเร็วราวกับลูกธนูอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป มันบินตรงไปยืนอยู่บนโต๊ะต่อหน้าหานโม่
อาจเป็เพราะว่าโกรธมากเกินไป เส้นขนสีต่างๆ ของมันจึงแผ่สยายออกราวกับนกยูงรำแพนหาง
"หานโม่! เ้ามันผู้หญิงนิสัยไม่ดี เ้าไม่คิดจะไม่เหลือสิ่งใดไว้ให้ข้ากินเลยหรือ? ข้าอยู่ที่นี่รอคอยเ้าอย่างเชื่อฟังนานเช่นนี้ แต่เ้ากลับไม่มีจิตใจนึกถึงข้าเลยแม้แต่น้อย!"
ดวงตาของโตวโตวแดงก่ำแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างยิ่งยวด หานโม่มองท่าทางไม่พอใจของโตวโตวแล้วก็หลุดยิ้มออกมาทันที นางเอื้อมมือไปลูบหัวของโตวโตวเบาๆ และพูดออกมาว่า "ข้าทำสิ่งใดตรงไหนกัน นี่ไม่ใช่ว่าข้าเหลือไว้ให้เ้างั้นหรือ? เอาเถอะเ้ารีบกินเสีย ข้าขอตัวไปนอนก่อน ค่ำคืนนี้คงจะไม่ค่อยสงบสุขนัก”
โตวโตวก้มลงมองก็พบว่าขนมในจานที่หานโม่คล้ายทานไปจนหมดแล้วกลับเหลืออยู่เต็มจาน ทันใดนั้นมันก็ส่งเสียงร้องดีใจออกมา แล้วรีบใช้ปีกเล็กๆ คว้าขนมชิ้นหนึ่งขึ้นมายัดเข้าไปในปาก เมื่อได้ยินคำพูดที่คล้ายแฝงความนัยบางอย่างของเ้านาย มันก็หันกลับไปมองหานโม่ที่กำลังถอดเสื้อคลุมออกพลางเอ่ยถาม "ที่เ้าพูดหมายความว่าอย่างไรงั้นหรือ?"
หานโม่ที่ถอดเสื้อคลุมเสร็จก็เดินขึ้นไปล้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วหลับตาลง โดยที่ไม่ได้ตอบคำถามของโตวโตวอย่างละเอียด นางทำเพียงเอ่ยอย่างคลุมเครือว่า "รอดูคืนนี้แล้วเ้าก็จะรู้เอง"
........................................................................
เชิงอรรถ
[1] ตกปลา หมายถึง วางแผนหลอกล่อ
[2] ปลายเข็มต่อปลายเข็ม หมายถึง ทั้ง 2 ฝ่ายมีทรรศนะ นโยบาย หรือปฏิบัติการ ฯลฯ ที่เป็ปฏิปักษ์กัน
[3] นั่งอยู่บนูเาชมเสือกัดกัน หมายถึง นั่งชมสองฝ่ายที่รบกันรอจนทั้งสองฝ่ายเพรี่ยงพร้ำแล้วค่อยเข้าไปเก็บเกี่ยวผลประโยชน์
