ฮว๋าอู่ ฤดูหนาวปีที่สามสิบเอ็ด หย่วนติ้งโหวยกทัพก่อฏ จักรพรรดิเซียวนำกองกำลังลับกว่าหนึ่งหมื่นนายสังหารฏที่เขาต้าผิงนอกเมืองหลวง ทำลายล้างทัพฏอย่างราบรื่นด้วยอำนาจแห่งไฟา
บนแท่นบวงสรวง สตรีในชุดสีทองปักลายหงส์มองไปยังเมฆมงคลแห่งชัยชนะที่ล่องลอยอย่างไม่สะทกสะท้าน มุมปากของนางยกยิ้มขึ้นเป็วงโค้งแต่กลับต้องชะงักงันไปในพริบตาด้วยเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นด้านหลัง
ประตูหินสีขาวพังทลายลงดังสนั่น ทหารองครักษ์กว่าพันนายเดินเข้ามาพร้อมด้วยกระบี่ยาวอันเย็นเยียบ
“เกิดอะไรขึ้น?!” เซียวฮองเฮาสายตาเย็นะเื พยุงครรภ์เจ็ดเดือนของตนถอยหลังไปหลายก้าว ในใจเกิดความรู้สึกร้อนรนอย่างล้ำลึก “บุกรุกแท่นบวงสรวง มีโทษปะา!”
แต่ทว่าเื้ักลับมีเสียงเ็าเสียงหนึ่งดังขึ้น “ฮองเฮา ล่วงเกินท่านแล้ว!”
ความเ็ปอันรุนแรงแผ่ซ่านมาจากหลังคอ มงกุฎหงส์ร่วงสู่พื้น ในหูเต็มไปด้วยเสียงฝีเท้าอันสับสนวุ่นวาย
...
ด้านนอกคือเสียงเพลงแห่งชัยชนะ ส่วนภายในคุกใต้ดินที่ทั้งมืดทั้งหนาวเหน็บแห่งนี้ มีเพียงเปลวไฟที่ะโโลดเต้นอยู่ในกระถางไฟเท่านั้น
เสียงโครมครามดังขึ้น น้ำอันเย็นเยียบจนเสียดแทงไปถึงกระดูกถูกสาดเข้าไปยังใบหน้าของหญิงสาวที่สลบไสลจนนางสะดุ้งตื่นโดยพลัน ทิวทัศน์เบื้องหน้าค่อยๆ แจ่มชัด ผู้ที่ปรากฏอยู่ในสายตาคือใบหน้าที่เหมือนตนเองทุกกระเบียดนิ้ว
“...เม่ยเอ๋อร์ ฝ่าาเสด็จกลับมาแล้วหรือไม่?” เสียงของนางแหบแห้งจนยากที่จะฟังออก
“ท่านพี่ ฝ่าากำลังจัดงานเลี้ยงฉลองอยู่ที่ตำหนักเจินหลง”
งานเลี้ยงฉลอง? สายตาของอวิ๋นซูตกอยู่บนใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้า ไม่นึกว่าน้องสาวของตนจะมีสีหน้าท่าทางแปลกประหลาดเช่นนี้ ในสายตาของนางปรากฏรอยยิ้มถากถาง “เ้า...”
เล็บเย็นเฉียบััไปยังใบหน้าของอวิ๋นซูเบาๆ
“ท่านพี่ ฝ่าาทรงเฉยเมยต่อท่าน เหตุใดท่านจึงได้สมคบคิดกับหย่วนติ้งโหวก่อฏด้วยเล่า?” น้ำเสียงของนางฟังดูเสียดายและเ็ปเล็กน้อย ทันใดนั้นนิ้วชี้ก็ข่วนลงไปอย่างแรงจนเกิดรอยเืขึ้นในฉับพลัน
ความเ็ปนี้ดูเหมือนจะทำให้สติปัญญาของอวิ๋นซูแจ่มแจ้งขึ้นหลายส่วน “บังอาจ! อวิ๋นเม่ย เ้ากล้าหยาบคายกับเปิ่นกง1หรือ!”
“เปิ่นกง? ฮ่าๆ ท่านพี่ ท่านเคยเห็นฮองเฮาที่ถูกขังอยู่ในคุกงั้นหรือ?” รอยยิ้มของนางเจิดจ้าเช่นนี้ อวิ๋นซูยากจะเชื่อว่าผู้หญิงตรงหน้าเป็น้องสาวที่รักยิ่งมาโดยตลอดของตน น้องสาวฝาแฝดที่แสนอ่อนโยนและช่างเอาอกเอาใจผู้นั้น!
อวิ๋นซูพยายามสงบสติอารมณ์ นางมองไปรอบๆ อย่างเยือกเย็น ผู้คุมคุกของที่นี่ถูกเปลี่ยนเป็ทหารองครักษ์ไปหมดแล้ว ใบหน้าของทุกคนไร้ซึ่งอารมณ์ ราวกับว่านางเป็นักโทษปะาจริงๆ
“ข้า้าพบฝ่าา”
อวิ๋นเม่ยมองใบหน้าที่ยังคงเยือกเย็นและสง่างาม ความเกลียดชังในใจยิ่งล้ำลึกขึ้นอีกหนึ่งส่วน “ท่านพี่ หรือว่าท่านไม่กลัวเลยหรือ?” นางควรจะมีสายตาที่สิ้นหวัง? หรือนางจะเชื่อว่าฝ่าาจะมาช่วยนางได้?
ทว่า อวิ๋นซูเพียงมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างเรียบเฉย สายตาเต็มไปด้วยความมั่นใจ “อวิ๋นเม่ย เ้าชอบฝ่าางั้นหรือ?”
“ฮ่าๆ ท่านพี่ ท่านยังฉลาดเหมือนเคย เช่นนั้นท่านคิดว่าฝ่าาชอบข้าหรือไม่เล่า?”
เล็บจิกฝังเข้าไปในฝ่ามือ อวิ๋นซูไม่ยอมก้มหน้ายอมรับความจริงที่อยู่ตรงหน้า นางไม่กลัว! นางไม่กลัว! ต่อให้นางคาดเดาได้ว่า น้องสาวที่สนิทที่สุดของตนจะเป็หมาป่าเหี้ยมโหดที่คอยดักซุ่มโจมตีตนเองก็ตาม!
“ข้าเคยช่วยฝ่าาสามครั้ง ปกป้องด้วยชีวิต กำจัดอุปสรรคเพื่อเขา นอกจากโหวทั้งสาม หย่วนติ้งโหวที่เป็ดั่งหอกข้างแคร่ ก็เป็ข้าที่ช่วยฝ่าาวางแผน เ้าถือดีอะไรมาเปรียบกับข้า?”
ถูกต้อง นางทุ่มเททุกอย่างเพื่อเขา ยอมละทิ้งหัวใจอันดีงามและยืนท่ามกลางลมพายุ เพียงเพื่อความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของเขา นางรักเขามากกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง และเชื่อว่าความรักที่เขามีต่อนางก็เป็เช่นเดียวกัน
“ใช่แล้ว ท่านพี่ฉลาดเกินไปแล้ว ฝ่าามักจะชมว่าข้าเป็คนที่เข้าอกเข้าใจเขา มีข้าแล้วเขาจึงรู้ว่าผู้หญิงเดิมทีควรจะอ่อนโยนดุจสายน้ำ ผู้หญิงที่หยิบมาใช้เป็หอกนั่นคือเครื่องมือ ผู้หญิงที่เขารักย่อมเป็คนที่เป็คนที่ร่วมเรียงหมอน ท่านว่าจริงหรือไม่?”
อวิ๋นเม่ยยิ้มอย่างล้ำลึกพลางััท้องที่ยังไม่เด่นชัดมากนักของตน
การกระทำเพียงเล็กน้อยนี้ทำให้สายตาอวิ๋นซูแข็งค้าง ไม่ นี่เป็ไปไม่ได้...
“เ้า...” ในสมองเกิดภาพต่างๆ อย่างไม่อาจระงับ พวกเขาเคยเผลอมองกันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มต่อหน้าตน เคยพบกันโดยบังเอิญในป่าท้อ เคยแสดงความชื่นชมสรรเสริญซึ่งกันและกันโดยไม่ตั้งใจ แต่ตนกลับมองว่าทั้งหมดนี้เป็เพียงอารมณ์อันบริสุทธิ์ของญาติมิตรที่เผลอแสดงออกมาเท่านั้น!
“ข้า้าพบฝ่าา!” เสียงของอวิ๋นซูสั่นเทาเล็กน้อย นางบอกกับตนเองไม่หยุดว่านี่เป็อุบาย จะต้องเป็เช่นนั้นแน่
“ท่านพี่ ฝ่าาผิดหวังในท่านแล้ว สามครั้งสามคราวที่หย่วนติ้งโหวเข้าออกตำหนักหงส์ของท่าน ทำให้ฝ่าาได้รับความอัปยศอย่างใหญ่หลวง ท่านไม่รู้สึกอับอายบ้างหรือ? ท่านพ่อท่านแม่ไม่ได้อบรมสั่งสอนท่านมาหลายปีเพื่อให้ท่านมาทำให้ตระกูลอวิ๋นขายหน้าเช่นนี้!”
เสียงตบหน้าดังขึ้น ความเ็ปอันแสบร้อนบนแก้มแผ่ซ่านออกมา รอยแดงสามรอยพลันปรากฏบนิัของนาง
มุมปากของอวิ๋นซูมีเืไหล แต่กลับไม่ยอมร้องออกมาสักคำ
“เจ็บหรือไม่? ั้แ่เล็กมีผู้คนรายล้อมจนชิน ความอับอายเล็กๆ เช่นนี้ แต่ไหนแต่ไรท่านคงไม่เคยได้รับเลยสินะ?” สายตาของอวิ๋นเม่ยแทบจะบ้าคลั่ง ราวกับคิดถึงอะไรบางอย่าง นางยกมือขึ้นสูงแล้วตบลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า! ภายในคุก์ที่ทั้งมืดและเหน็บหนาว เสียงที่ดังขึ้นแจ่มชัดเช่นนี้ ไม่ทันไรบนหน้าของอวิ๋นซูก็บวมและเต็มไปด้วยรอยเื
ทุกฝ่ามือล้วนทำให้นางยิ่งสติแจ่มชัด “อวิ๋นเม่ย ที่แท้เ้าก็เกลียดข้าถึงเพียงนี้”
“เกลียดหรือ? คำว่าเกลียดไม่พอที่จะบรรยายความเ็ปที่ซ่อนอยู่ในใจข้า! ท่านพี่ ท่านแค่เกิดเร็วกว่าข้าเพียงครู่เดียว เหตุใดต้องเก่งกว่าข้าไปทุกเื่?! ท่านพ่อท่านแม่ก็ไม่เคยสนใจข้า ในสายตาของพวกเขามีเพียงท่าน! ทำไมกันเล่า พวกเรามีใบหน้าที่เหมือนกันทุกอย่าง แต่ท่านกลับได้เป็ถึงฮองเฮา?! แย่งชายที่ข้ารักที่สุดไป แล้วยังแสร้งทำเป็เมตตารับข้าเข้าวัง ฮ่าๆ อวิ๋นซู ท่านก็แค่้าโอ้อวดข้าเท่านั้น!”
เสียงของนางแหลมสูงอย่างยิ่ง สายตาราวกับ้ากลืนกินอวิ๋นซูทั้งเป็
“แต่ไหนแต่ไรข้า...ไม่เคยคิดเช่นนี้มาก่อน” อวิ๋นซูเงยหน้าข ั้แ่เด็กนางชอบอะไร ตนก็ยกให้ได้ทั้งนั้น ไม่คิดเลยว่าความรักน้องสาวจนมากเกินไปจะสร้างความเคียดแค้นที่นางมีต่อตนเองเช่นวันนี้ได้
“ท่านพี่ แต่ไหนแต่ไรข้าไม่เคย้าการให้ทานจากท่าน” อวิ๋นเม่ยบีบคางของอวิ๋นซูราวกับ้าเค้นเืออกมา
“สิ่งที่ข้า้า ข้าจะแย่งมาเอง! ท่านรู้หรือไม่ ข้าเกลียดใบหน้านี้ของท่านขนาดไหน เกลียดขนาดไหน! เกลียดขนาดไหน!”
ท่าทางของนางดุร้ายน่ากลัว เวลานี้ ด้านนอกประตูมีเสียงฝีเท้าดังเข้ามา สีหน้าอวิ๋นเม่ยเปลี่ยนไปในฉับพลัน “อา...”
เสียงร้องแหลมทำให้ชายสูงศักดิ์ที่เพิ่งก้าวเข้ามาตื่นใ “เม่ยเอ๋อร์?!”
เม่ยเอ๋อร์? ฮ่าๆ เสียงนี้ดังก้องอยู่ในหูของอวิ๋นซู พระสวามีที่นางรักที่สุด วันนี้กลับะโเรียกชื่อน้องสาวของนางอย่างตื่นตระหนกเช่นนี้
“ฝ่าา ฮือๆ...ท่านพี่ นาง...” น้ำตาของอวิ๋นเม่ยเปียกชุ่มใบหน้าเล็กๆ อันบอบบางและน่าสงสาร พริบตาเดียวก็อิงแอบเข้าไปในอ้อมกอดของจักรพรรดิเซียว
“มือเ้า?!” เมื่อคลายฝ่ามือของนางออก พลันพบกับรอยดำคล้ำ
ชายรูปงามราวเทพ์ใช้สายตาอันคมกริบมองไปยังใบหน้าของอวิ๋นซู “เ้าถึงกับวางยาพิษน้องสาวของตนเช่นนี้เชียวหรือ?! ยาถอนพิษเล่า? เอายาถอนพิษออกมา!”
“ฝ่าา พระองค์กล่าวว่าข้าวางยาพิษหรือเพคะ?” อวิ๋นซูมองทั้งสองที่โอบกอดกันอย่างยากที่จะเชื่อ ยามนี้ความหวังในใจของนางดูเหมือนจะพังทลายลงแล้ว...
****************
1 เปิ่นกง เป็คำที่หวงโฮ่ว (ฮองเฮา) หวงกุ้ยเฟ้ย องค์หญิง หรือพระราชวงศ์ฝ่ายหญิงใช้เรียกตัวเอง