เคอโยวหรานรับเงินพลางเอ่ยด้วยความซาบซึ้งใจ “ครอบครัวของพวกข้าทำให้ท่านต้องเหน็ดเหนื่อยใจแล้วเ้าค่ะ ไม่แน่ว่าหลังจากนี้ก็ยังคงต้องรบกวนท่านผู้าุโอีกสักครา”
“ฮ่าๆๆ!” ผู้ใหญ่บ้านเฉินหัวเราะอย่างอารมณ์ดียิ่ง “ตาเฒ่าไม่กลัวยุ่งยาก กลัวก็เพียงกระดูกชรานี้ไม่มีสิ่งใดให้ทำ”
หลังคืนเงินให้นาง สองพ่อลูกสกุลเฉินยังสอบถามรายละเอียดการขายเต้าหู้จากเคอโยวหรานอีกเล็กน้อย
เคอโยวหรานตอบกลับตามประสบการณ์จากชาติก่อน ช่วยเสนอความคิดเห็นให้พวกเขาอยู่ไม่น้อย
ก่อนกลับ ผู้ใหญ่บ้านเฉินยังขอยืมหินโม่ที่สกุลต้วนเพิ่งซื้อมา จากนั้นซื้อถั่วเหลืองหนึ่งร้อยจินกับน้ำตาลสองจินจากเคอโยวหราน
ในชาติก่อน เคอโยวหรานคุ้นชินกับการหยัดยืนตามลำพัง เพราะถึงอย่างไรก็ใช้ชีวิตตัวคนเดียว คิดอยากจะตัดสินใจเช่นไรก็ย่อมได้
กลับหลงลืมไปแล้วว่าที่นี่ความคิดเห็นของครอบครัวสำคัญเป็อย่างยิ่ง ก่อนตัดสินใจทำอันใดจำต้องหารือกับคนในครอบครัวเสียก่อน
หลังจากผู้ใหญ่บ้านเฉินกลับไป เคอโยวหรานก็เอ่ยด้วยความรู้สึกผิดว่า “ท่านแม่นึกตำหนิที่ข้าตัดสินใจโดยพลการหรือไม่เ้าคะ?”
มารดาสกุลต้วนคลี่ยิ้มเอ่ยพลางตบมือนางเบาๆ “เดิมทีวิธีปรุงอาหารก็เป็ของเ้า ยินดีมอบให้ผู้ใดล้วนแต่ตามใจเ้าเถิด นอกจากนี้ยังมีบางงานที่ไม่เหมาะกับครอบครัวของพวกเรา มอบให้สกุลเฉินกลับกลายเป็การช่วยเหลือพวกเราครั้งใหญ่อย่างแท้จริง”
ต้วนต้าหลางพยักหน้าเอ่ย “ท่านแม่กล่าวได้ถูกต้องยิ่งนัก หากจะลงหลักปักฐานให้มั่นคงในหมู่บ้านเถาหยวน การมีพันธมิตรที่ดีเช่นสกุลเฉินนับเป็ทางเลือกที่ดีที่สุดโดยมิต้องสงสัย
นอกจากนี้น้องสะใภ้ยังแบ่งกำไรให้พวกเราถึงสองส่วน แค่นั่งเฉยๆ ไม่ต้องออกแรงก็ได้เงิน เื่ดีงามเช่นนี้มีหรือจะกล่าวโทษเ้าได้?”
ไป๋ซื่อจับจูงมือของเคอโยวหรานพร้อมกับเอ่ยว่า “นับั้แ่น้องสะใภ้เข้ามาในจวน ชีวิตความเป็อยู่ของพวกเราก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งอาหารการกินยังรสเลิศหาใดเปรียบ พวกเราควรขอบคุณเ้าจึงจะถูก
ภายหน้าคิดอยากทำสิ่งใดก็ทำเถิด พี่สะใภ้รองสนับสนุนเ้า หากมีส่วนใด้าให้เอ้อร์หลางช่วยเหลือก็จงเรียกหาเป็พอ”
ต้วนเอ้อร์หลางที่กำลังกอดอกพิงกำแพงอดมิได้ที่จะพยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวของไป๋ซื่อ
ถงซื่อเอามือป้องปาก ซาบซึ้งใจจนน้ำตานองหน้า ด้วยไม่นึกมาก่อนว่าในชีวิตของนางจะได้รับความอบอุ่นเช่นนี้
สกุลต้วนไม่เคยดุด่า ไม่กดขี่ และไม่ตำหนิ อีกทั้งสกุลเกี่ยวดองทุกคนล้วนแต่ให้การสนับสนุนบุตรสาวของนาง
ยามนี้ไม่ต่างอันใดกับหลับฝัน ช่างไม่เหมือนความเป็จริงเหลือเกิน!
เคอโยวหรานรู้สึกซาบซึ้ง หัวใจนางถูกคนสกุลต้วนหลอมละลายเสียแล้ว
ทันใดนั้นพลันมีสายลมสองระลอกพัดผ่านเข้ามา จัดการชิงตัวเคอโยวหรานไปยังลานเรือน รวดเร็วเสียจนคนทั้งสกุลเคอไม่ทันได้สติรู้ตัวแม้แต่นิด
ต้วนเหลยถิงไล่ตามออกไปด้วยความเร็วสูง ก่อนจะพบเพียงเซียนพิษที่กำลังเอ่ยกับเคอโยวหรานด้วยวาจาประจบเอาใจ
“แม่นางน้อย สิ่งที่เมื่อผู้คนกินเข้าไปแล้วเกิดการชะล้างไขกระดูกจนหมดจดเช่นนี้จะต้องมิใช่ของธรรมดาเป็แน่ ลองบอกอาจารย์เถิดว่าเ้าพบสิ่งใดบนเขามาใช่หรือไม่?”
หมอเทวะเอ่ยพลางเผยสีหน้ามีลับลมคมใน “วันนี้อาจารย์วนรอบเขาต้าชิงถึงสิบกว่ารอบ กลับไม่พบร่องรอยใดแม้แต่นิด เ้าใจกว้างสักหน่อย ช่วยอธิบายเพื่อไขความข้องใจของอาจารย์ทีเถิด!”
“ฮู่ว...” ต้วนเหลยถิงผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่อย่างรู้สึกวางใจ โชคดีที่เป็ท่านปรมาจารย์ทั้งสอง หากคนที่ลักพาตัวโยวหรานคือผู้อื่น เช่นนั้นเขาจะช่วยนางได้อย่างไร?
สามารถชิงตัวคนต่อหน้าต่อตาเขาอย่างราบรื่น แต่เขากลับมองไม่เห็นแม้แต่เงาของท่านปรมาจารย์ทั้งสอง ช่างอ่อนแออย่างแท้จริง
ต้วนเหลยถิงลอบกัดฟันและกำหมัดแน่น เห็นทีตนยังต้องเพียรพยายามต่อไป
ครั้นเห็นเคอโยวหรานถูกผู้เฒ่าทั้งสองผลัดกัน ‘ล้อมโจมตี’ ต้วนเหลยถิงจึงเอ่ยแทรกว่า “ท่านปรมาจารย์ทั้งสองขอรับ เย็นนี้โยวหรานจัดงานเลี้ยงอาหารถั่วจนเต็มโต๊ะ จะลองชิมดูสักหน่อยหรือไม่ขอรับ?”
ความสนใจของผู้เฒ่าทั้งสองถูกเบี่ยงเบนโดยพลัน เอ่ยเป็เสียงเดียวกันว่า
“อาหารเย็น?”
“ฝีมือโยวหราน?”
หนึ่งเสียงดัง “ฟิ้ว” สองผู้เฒ่าพุ่งตรงไปยังห้องอาบน้ำ เพียงชั่วพริบตาก็มานั่งลงข้างโต๊ะอาหารเย็นเสียแล้ว ทั้งพากันเร่งเร้าให้รีบจัดวางสุราอาหารด้วยความหิวเจียนตาย!
คนสกุลต้วนเห็นภาพเช่นนี้จนคุ้นชินไปนานแล้ว ถงซื่อกับไป๋ซื่อจึงรีบจัดสำรับสุราอาหารที่อุ่นเอาไว้อย่างว่องไว
ต้วนเหลยถิงก็ฉวยโอกาสนี้ลากเคอโยวหรานกลับห้องเช่นกัน
“เหอๆ โชคดีที่ท่านฉลาด! มิเช่นนั้นวันนี้ข้าคงถูกผู้เฒ่าทั้งสองดึงทึ้งจนขาดเป็สองท่อนแล้วเ้าค่ะ” เคอโยวหรานกุมอก บนใบหน้าเปี่ยมด้วยความชื่นชม
ต้วนเหลยถิงพลันโน้มกายเข้าใกล้นาง “มีรางวัลหรือไม่?”
“ว่าอย่างไรนะเ้าคะ? อื้อ...”
ขณะเคอโยวหรานยังไม่ทันตั้งตัว ริมฝีปากก็ถูกปิดกั้นเอาไว้เสียแล้ว
ต้วนเหลยถิงเอื้อมคว้าเอวบางก่อนจะกดนางลงกับกำแพง...
หลังเวลาล่วงเลยไปชั่วสองจิบชา [1] ต้วนเหลยถิงก็หอบหายใจหนักพลางจัดระเบียบเครื่องแต่งกายให้เคอโยวหราน ซุกใบหน้าลงบนซอกคอของนางเพื่อปรับลมหายใจ ก่อนส่งเสียงแหบพร่าผ่านลำคอออกมาว่า
“จอมยั่วยวนตัวน้อย ปีนี้เ้าอายุสิบเจ็ดใช่หรือไม่?”
ไม่รอให้เคอโยวหรานตอบกลับ ชายหนุ่มพลันขบเม้มแ่เบาลงบนติ่งหูของนาง จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ทูนหัวเอ๋ย หมอเทวะบอกว่าหากสตรีร่วมหอหลังอายุสิบแปดจึงจะสามารถลดความเสี่ยงจากการคลอดบุตรได้ ข้ารอเ้าเติบใหญ่ดีหรือไม่?”
เคอโยวหรานปรับอัตราการเต้นของหัวใจที่เกือบจะกระโจนออกมาจากลำคอ ขานรับว่า “อืม” เสียงเบา
ช่างเสี่ยงเหลือเกิน โชคดีที่ต้วนเหลยถิงหยุดลงในจังหวะสำคัญ เหตุใดนางถึงได้ลุ่มหลงอยู่ในแดนละมุนของเขาจนหาทางออกมิได้เสียแล้วเล่า?
แท้จริงแล้วยามนี้ร่างกายของนางถูกบำรุงรักษาเป็อย่างดีหลังผ่านการชะล้างไขกระดูก อีกทั้งเคอโยวหรานก็ค่อยๆ ยอมรับบุรุษผู้นี้แล้ว
ทว่าบุรุษผู้นี้ยินดีจะคิดเผื่อร่างกายของนาง เคอโยวหรานย่อมมิอาจปฏิเสธความหวังดีของเขามิใช่หรือ
ต้วนเหลยถิงปรับอารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง ยังคงอดไม่ได้ที่จะกดจูบลงบนริมฝีปากแดงระเรื่อของอีกฝ่าย หลังจากบดคลึงซ้ำไปมาอยู่นาน พลันทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยคว่า “เ้านอนก่อนเถิด ข้าจะไปอาบน้ำสักหน่อย...” จากนั้นก็ถอยออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
“เหอๆๆ...” เคอโยวหรานเม้มริมฝีปากพลางตบใบหน้าบางที่แดงเถือกของตนเบาๆ หลังจากดูแลความเรียบร้อยของหมาป่าน้อยแล้ว นางก็อาบน้ำอุ่นที่ถูกจัดเตรียมไว้ในห้องั้แ่ต้นก่อนจะขึ้นไปบนเตียง
นึกไม่ถึงว่าเมื่อหัวถึงหมอนก็หลับสนิททันที ตลอดทั้งคืนไร้ความฝัน นอนหลับสบายเป็อย่างยิ่ง
“แม่นางน้อย ตื่นมาฝึกฝนร่างกายยามเช้าได้แล้ว!”
“แม่นางน้อย เลิกนอนเถิด หากเ้ายังนอนต่อไปคงได้กลายเป็หมูแล้วกระมัง...”
ปังๆๆ...
เคอโยวหรานถูกปลุกให้ตื่นท่ามกลางเสียงร้องเรียกครั้งแล้วครั้งเล่าของหมอเทวะกับเซียนพิษ นางพบว่าตนนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาฝั่งด้านในเตียง ทั้งยังถูกต้วนเหลยถิงกอดรัดไว้ในอ้อมอกอย่างแแ่อีกด้วย
ฝ่ามือใหญ่ทั้งสองข้างของเขาวางอยู่บนเนินอ่อนนุ่มของนางด้วยท่าทาง ‘ปกป้อง’
“อรุณสวัสดิ์!” เสียงทุ้มแหบพร่าของบุรุษแทบจะทำให้เคอโยวหรานใบหูตั้งครรภ์ [2] เสียแล้ว
“แม่นางน้อย เ้ายังจะนอนต่ออีกนานเพียงใด? ตะวันจะแยงก้นอยู่แล้ว!”
“แม่นางน้อย เ้ารีบลุกขึ้นมาเถิด นับั้แ่วันนี้เป็ต้นไป ข้าจะเริ่มทำหน้าที่ของอาจารย์ คอยจับตาดูการเล่าเรียนเคล็ดวิชาของสำนัก”
ปังๆๆ...
เสียง ‘ทิ้งะเิ’ ดังต่อเนื่อง ทำเอาคนทั้งสองมิอาจนอนต่อได้ ทั้งคู่ต่างหันมองหน้ากันอย่างจนปัญญาก่อนจะถอนหายใจและพลิกกายลุกขึ้น
หลังผลัดเสื้อผ้าและทำการแปลงโฉมจนเสร็จ คนทั้งสองก็เดินออกไปข้างนอกพร้อมกัน
เซียนพิษเอ่ยอย่างนึกรังเกียจว่า “แม่นางน้อย นี่มันยามเหม่าหนึ่งเค่อแล้ว แต่เ้ากลับเพิ่งจะตื่นนอน เพื่อเป็การลงโทษ ภารกิจในวันนี้ให้เพิ่มเป็สองเท่าตัว”
หมอเทวะพยักหน้าเอ่ย “อืม เพียงแต่เ้ายังมีสิทธิ์เลือกที่จะบอกอาจารย์ได้เช่นกันว่าความลับที่เ้าพบอยู่ที่ใด? อาจารย์พอจะทบทวนได้ว่าควรฝึกเ้าตามแผนการเดิมหรือไม่”
เคอโยวหรานสามารถบอกออกมาได้หรือ? เห็นได้ชัดว่าไม่ได้
เอาเถิด นางไร้ซึ่งหนทางให้เลือก ทำได้เพียงยอมรับ ‘การฝึกฝนอันชั่วร้าย’ ของท่านอาจารย์ทั้งสองแล้ว
“แม่นางน้อย มัดกระสอบทรายหนักห้าสิบจินเอาไว้แล้ววิ่งรอบเชิงเขาหนึ่งรอบ” เซียนพิษเตะกระสอบทรายบนพื้น เอ่ยพลางทอดถอนใจว่า
“เดิมทีอยากจะทำกระสอบทรายหนึ่งร้อยจิน แต่เมื่อดูจากร่างกายเล็กๆ ของเ้า คาดว่าเ้ายังหนักไม่เท่ากระสอบทรายเสียด้วยซ้ำ จึงต้องเลือกกระสอบทรายห้าสิบจินมาประเดิมก่อน จากนั้นค่อยเพิ่มน้ำหนักขึ้นเรื่อยๆ”
กล่าวจบยังเผยสีหน้าท่าทางราวกับอาจารย์ทำไปก็เพื่อตัวเ้าเอง
บนหน้าผากของเคอโยวหรานถึงกับปรากฏขีดสีดำสามเส้น นางจัดการมัดกระสอบทรายไว้กับตัวอย่างว่าง่ายด้วยสีหน้าขมขื่น
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] สองจิบชา หมายถึง สิบนาที เป็หน่วยนับเวลาแบบโบราณของจีน โดยหนึ่งจิบชาเท่ากับห้านาที
[2] ใบหูตั้งครรภ์ หมายถึง การได้ยินเสียงที่ไพเราะจนทำให้ผู้ฟังรู้สึกเคลิบเคลิ้ม
