ว่าด้วยเื่โลกใบนี้ที่ขับเคลื่อนด้วยเนื้อหาหลักของนิยาย ตัวประกอบที่ไร้บทบาทหน้าที่ จะว่าไร้บทบาทก็เกินไปหน่อย ต้องบอกว่าตัวประกอบที่มาสร้างสีสัน ถูกจุดประกายดุจพลุไฟ ส่องสว่าง ณ ่เวลาหนึ่ง แล้วจางหายไปตลอดกาล
นั่นคือเส้นทางชีวิตของจางจื่ออี๋
ไม่สำคัญว่าความเป็มาของตัวละครนี้จะมีเบื้องลึกเื้ัมากน้อยเพียงใด ขอเพียงผู้เขียน้าให้ตัวละครนี้ตาย ก็ทำเพียงขยับปลายนิ้วรัวบนแป้นพิมพ์ในไม่กี่อึดใจ จุดจบของตัวละครนั้นๆ ก็จะมาถึง
นิยายบัดซบ
ตอนนี้จางจื่ออี๋โยนความชื่นชอบที่มีต่อนิยายเื่ตำนานแห่งหลางหยาไปไกลสุดขอบโลก และตั้งตัวเป็ศัตรูกับมันอย่างเป็ทางการ จุดมุ่งหมายต่อจากนี้คือการเปลี่ยนเส้นเื่หลักให้มันเละเทะ กวนมันให้ขุ่น ในเมื่อนางต้องมาเริ่มต้นใหม่เพื่อมีชีวิตรอด เช่นนั้นผู้อื่นจะมีชีวิตสุขสบายได้ยังไง
แก่แล้ว... จิติญญาเดิมของจางจื่ออี๋นั้นใกล้จะ40เข้ามาทุกที แม้จะมาถือกำเนิดใหม่ในร่างเด็กสาวรุ่นลูก บางครั้งนิสับแก่ๆ ของนางก็แก้ไม่หาย นั่นคือชอบบ่นไปเรื่อย คิดซ้ำไปวนมาไม่หยุด นึกถึงเมื่อไหร่ก็มาคิดตอกย้ำ ไม่ใช่อะไรหรอก แค่เพิ่มแรงกระตุ้นให้จิตวิณญาณอันแก่ชราให้มีความกระตือรือร้นมากกว่านี้
บางครั้ง บางคราว ไม่จำเป็ต้องพุ่งชนใส่วัตถุทุกสิ่งที่ขวางหน้าก็ได้...
ห้าวมาก เดี๋ยวตายเร็ว
“น้องชาย น้องสาว พี่กลับมาแล้วจ้า~~”
“พี่ใหญ่! ท่านกลับมาแล้ว”
จางจื่ออี๋สลัดเื่รกสมองออกไป ร่างผอมบางหยุดอยู่ตรงหน้าประตูเรือน ประตูถูกเปิดอ้าด้วยมีคนเข้าออก หญิงสาวมองน้องชายที่กำลังเติมน้ำลงโอ่งดินด้วยความขะมักเขม้นมาครู่หนึ่ง กว่าที่เ้าน้องชายจะรับรู้ว่ามีคนกำลังมองการกระทำของตน ก็เป็ตอนที่เ้าตัวกำลังจะเดินออกจากเรือนเพื่อไปตักน้ำที่บ่อน้ำใหญ่ของหมู่บ้าน ใบหน้าเล็กแดงก่ำเหงื่อเกาะพราว ทว่าั์ตาของเด็กน้อยกลับทอแววสดใสอย่างที่เด็กวัยนี้ควรมี
จางจื่อเหยาดีใจจนถังไม้ในมือหลุดร่วงตกกระทบพื้น ร่างเล็กที่ดูมีเนื้อหนังเพิ่มขึ้นมาหลายชั่งทำให้เด็กน้อยผู้นี้ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็น่ารักน่าชัง มองดูโครงหน้าที่ถอดแบบมาจากบิดามารดานั่น เดาได้เลยว่าเ้าหนูจื่อเหยายามโตเป็หนุ่มจะได้ใจสาวน้อยไปมากเพียงใด จางจื่ออี๋อ้าแขนออกรับร่างเล็กของน้องชายที่วิ่งกระโจนเข้ามาในอ้อมกอดอย่างเต็มรัก จากกันเพียงครึ่งเดือน เชื่อแล้วว่าเ้าตัวเล็กนี่คิดถึงกันจริงๆ ปกติเ้าตัวมักเลียนแบบพฤติกรรมบัณฑิตแสนคร่ำครึจากบิดา ยกเอาคำที่ว่า ชายหญิงเจ็ดปีมิอาจใกล้ชิด แม้เป็พี่น้องร่วมสายเืก็ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
วันนี้สงสัยเ้าน้องชายคงลืมตัว... แต่จางจื่ออี๋ก็ไม่ได้คิดอะไรกับเื่ไม่สำคัญพวกนี้ ความจริงก็คือพวกนางมีกันแค่สามคนพี่น้อง ไม่แสดงความรักความห่วงใยต่อกันในตอนนี้ แล้วต้องรอทำมันตอนไหนกันล่ะ
“ไม่เจอกันเพียงครึ่งเดือนอาเหยาของเราอ้วนขึ้นแล้ว”หญิงสาวลูบศีรษะทุยด้วยความอ่อนโยน ด้วยความต่างส่วนสูงของเด็กขาดสารอาหารทั้งสองมีไม่มากนัก จางจื่ออี๋วัยสิบห้าที่สูงกว่าน้องชายวัยเก้าขวบเพียงแค่หนึ่ง่ศีรษะได้แต่ยืดตัวตรงให้น้องชายซบไหล่ หลังจะงอก็ไม่ได้เดี๋ยวมาดของพี่ใหญ่จะหดหายไปตามส่วนสูง!
“ท่านย่าเหลียงทำของอร่อยมากมายเลยขอรับ อาเหยาห้ามตัวเองไม่ให้เพิ่มข้าวชามที่สองไม่ได้เลย”เด็กชายตัวน้อยฝังใบหน้าเล็กกับไหล่นุ่มนิ่มของพี่สาวแล้วสารภาพออกมาเสียงเบาราวกับยุงบิน
นั่นทำให้จางจื่ออี๋เผยรอยยิ้มกว้างออกมาด้วยความเอ็นดู “กินได้ก็กินไป! เ้าเด็กน้อยจงกินจงดื่มเมื่อยามท้องหิว กินให้คุ้มค่าอาหารหนึ่งตำลึงที่พี่จ่ายน่ะดีแล้วไม่มีสิ่งใดผิด พี่เห็นเ้าช่วยงานท่านย่าเหลียงอยู่นี่นา นางไม่บ่นที่เด็กขาดสารอาหารอย่างเ้าขอเพิ่มข้าวอีกถ้วยหรอก!”
“ท่านพี่! ท่านล้อข้า”จางจื่อเหยาร้องออกมาด้วยความเขินอาย ร่างเล็กพยายามขืนตัวออกจากอ้อมกอดของพี่สาวแต่ก็ไม่สามารถทำได้
“เอาน่า พี่ล้อเ้าเล่นเท่านั้น มาเราไปหาอาหนิงกันเถิด”จางจื่ออี๋ปล่อยน้องชายเป็อิสระเอื้อมมือไปยีผมดกดำที่รวบมัดเป็จุกอยู่กลางกระหม่อมทีหนึ่ง ก่อนจะโอบไหล่เล็กรั้งให้เดินไปพร้อมกัน
ภาพสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของสองพี่น้อง อยู่ในสายตาของย่าเหลียงั้แ่ต้น หญิงวัยกลางคนร่างอวบท้วมสมบูรณ์กำลังอุ้มทารกในห่อผ้ายืนอยู่หน้าประตูห้องโถงหลัก นางมองสำรวจเด็กสาวร่างผอมอย่างละเอียดถี่ถ้วน นอกจากสีหน้าที่แสดงความอิดโรยออกมาจางๆ ส่วนอื่นยังถือว่าดูดี
“กลับมาก็ดีแล้ว เ้าไปนานถึงเพียงนี้ ทุกวันข้านอนหลับไม่เต็มตา คอยแต่พะวงห่วงว่าเ้าจะเจอสัตว์ร้าย”ย่าเหลียงบ่นยายหนูตัวแสบรอบหนึ่ง ก่อนจะเดินนำเด็กน้อยทั้งสองเข้าไปนั่งในห้อง ภายในห้องโถงรับรองมีกระถางไฟที่จุดถ่านให้ความอบอุ่นทำให้อากาศด้านในและด้านนอกแตกต่างกันอย่างชัดเจน
จางจื่ออี๋ััถึงไออุ่นที่ห่อหุ้มร่างกายอันเย็นเฉียบของนาง บรรยากาศแสนเรียบง่ายแฝงไปด้วยความอบอุ่นของคำว่าบ้าน ั์ตาหงส์มองสำรวจห้องโถงใหญ่ของบ้านเหลียงรอบหนึ่ง ห้องโถงนี้เป็จุดศูนย์รวมของคนในครอบครัว ที่กลางห้องมีโต๊ะกลมขนาดสิบที่นั่งสำหรับคนในครอบครัวมานั่งล้อมวงกินข้าว ที่ด้านหนึ่งถูกก่อเป็เตียงเตาขนาดใหญ่ จางจื่ออี๋เดาได้ว่านี่คือที่ที่ท่านย่าเหลียงใช้เป็มุมพักผ่อน หรือเลี้ยงเด็กระหว่างวัน เพราะที่เตียงเตาหลังนั้นมีที่นอนผืนเล็กของเล่นเด็ก แล้วก็ท่านอาน้อยเหลียงที่กำลังนอนกลางวันอยู่อย่างมีความสุข
“ทำให้ท่านย่าเป็ห่วงแล้ว หมานหมานจะทำให้ตนตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร ขึ้นเขาไปรอบนี้ไม่ได้ไปเสียเที่ยว หน้าหนาวพวกเราพี่น้องคงผ่านมันไปได้อย่างไม่ยากลำบาก ไม่ผิดต่อความห่วงใยของท่านย่าอย่างแน่นอนเ้าค่ะ”
“ทำเป็พูดดี ดูสภาพของเ้ายามนี้เถิด ไม่ต่างจากแมวลายคลุกขี้โคลน ยังไม่รีบไปล้างเนื้อล้างตัวอีก อาเหยาเ้าไปต้มน้ำร้อนให้พี่สาวเ้าไป”ย่าเหลียงปรายตามองเ้าคนที่วันๆ ใช้แต่คำหวานปลอบใจนาง ก่อนจะไล่เ้าเด็กผอมแห้งไปอาบน้ำอาบท่า จะได้มากินอะไรรองท้องรอเวลาอาหารเย็น
“ท่านย่าข้ากลับไปอาบที่เรือนก็ได้เ้าค่ะ อย่าได้ยุ่งยากเลย”จางจื่ออี๋โปกมือปฏิเสธแทบไม่ทัน เพียงเท่านี้ก็รบกวนบ้านเหลียงมากพอแล้ว จะทำตัวไม่เกรงใจกันไม่ได้
“เื่ขี้ประติ๋วจะไปยุ่งยากอันใด บ้านตระกูลเหลียงของข้ามีห้องหับมากมาย มีให้เ้าใช้อาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า อย่ามาทำเป็แบ่งเ้าแบ่งข้า หากวันนี้เ้าไม่ตามใจข้า ก็อย่ามาเรียกข้าว่าท่านย่า”ว่าแล้วย่าเหลียงก็ลุกจากเก้าอี้หันหลังให้ยายหนูที่แสนดื้อรั้น เดินไปนั่งลงบนเตียงเตาวางทารกในห่อผ้าลง เลิกสนใจเด็กสาวอย่างสิ้นเชิง
“นี่...ก็ ได้ เ้าค่ะ”จางจื่ออี๋ก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปเช่นกัน ได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงตก ไม่ต้องพูดถึงคืนนี้ว่านางจะได้กลับไปนอนที่บ้านตัวเองหรือไม่
“ท่านพี่ข้ายกน้ำร้อนไปไว้ในห้องให้ท่านแล้ว”จางจื่อเหยาที่ออกไปแล้วกลับมาเที่ยวหนึ่ง ได้แต่มองท่าทีทำอันใดไม่ได้ของพี่สาวอย่างขำขัน จะมิผู้ใดปฏิเสธความหวังดีของย่าเหลียงได้อีกเล่า
ไม่รับน้ำใจจากท่านย่าเหลียง ก็เหมือนดูถูกนาง เมื่อนางโกธรขึ้นมาแม้แต่ท่านปู่เหลียงก็ยังจัดการไม่ได้ ดังนั้นสิ่งใดตามใจได้ ก็ทำไปเถิด หากว่ามันไม่เกินขอบเขตเกินไปนัก
“เข้าใจแล้ว จะไปเดี๋ยวนี้”จางจื่ออี๋รับคำเสียงเบา ก่อนจะเดินออกไปจากห้องเพื่อจัดการตัวเองให้เรียบร้อย
ไม่ได้อาบน้ำมาครึ่งเดือน นางก็ทนตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้