“ฟู่!”
ผมถอดหมวกพร้อมกับถอนหายใจออกมายาวๆ ผมใช้เวลาออนไลน์ต่อเนื่องมายาวนานจนร่างกายรับไม่ไหวเหรอเนี่ย บางทีมันอาจจะเกี่ยวกับเื่ที่ถูกฝังใต้ดินนานเกินไปหรือเปล่านะ?
ด้านนอกมีฝนตกปรอยๆไม่หยุด ในฤดูร้อนแทบจะไม่มีฝนปรอยเบาๆแบบนี้เลย มันช่างทำให้ใจผมสั่นไหวขึ้นมาจริงๆ แล้วผมก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ สายฝนที่ตกลงมาทำให้หัวใจของผมหวั่นไหว นี่สมาธิของผมยิ่งนานไปก็ยิ่งแย่ลงแบบนี้ได้อย่างไร?
ผมเดินลงไปชั้นล่างแล้วเข้าไปในร้านบะหมี่เล็กๆ ก่อนจะะโออกมาเสียงดัง “เถ้าแก่เนี้ย ขอบะหมี่เตาเซียว* เนื้อ1ชาม เอาเนื้อสไลด์แบบชามละ 5 หยวน อย่าลืมใส่เนื้อวัวเยอะๆ ด้วย!”
เถ้าแก่เนี้ยกลอกตาใส่ผมแล้วหันกลับไปทำเส้นบะหมี่
สักพักบะหมี่เนื้อควันกรุ่นชามใหญ่ก็ถูกนำมาเสิร์ฟ อืม เมื่อ 3 ปีก่อนหลังจากที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ SZ ล้มลงทำให้ราคาอาหารและระดับของภัตตาคารอาหารแห่งนี้ดิ่งลงจนในที่สุดพวกอาชีพนักเล่นเกมอย่างพวกเราก็สามารถกินเนื้อได้ทุกวัน
ผมก้มหน้ากินจนหมดชาม เนื้อวัวในนั้นมีอยู่แค่ไม่กี่ขีดแถมยังมีแค่ชิ้นที่หั่นบางเฉียบเท่ากระดาษอยู่แค่ไม่กี่ชิ้น อะไรกัน!
......
พอกินบะหมี่และน้ำซุปหมด ผมลูบท้องไปพลางเดินขึ้นไปบนห้อง และพอหัวถึงหมอนผมที่ง่วงเหงาหาวนอนมาพักใหญ่แล้วก็หลับไปทันที
ในฝันผมนอนอยู่บนกองเงินกองทอง หัวหนุนอยู่บนหินเวทวิเศษขนาดมหึมา ด้านล่างลำตัวพิงอยู่บนหินคริสตัลสีม่วงที่ส่องแสงประกายระยิบระยับ มือซ้ายกุมดาบสกัดอัคนีระดับเทพ ส่วนมือขวาถือมีดสยบวายุระดับเทพ และบนตัวก็สวมชุดเกราะใบมีดิญญาชั้นยอด ตอนนั้นผมกำลังนั่งไขว่ห้างและะโลงไปด้านล่าง “เบาๆ หน่อยสิ ตั้งใจขึ้นอีกได้ไหม!”
“ขอโทษค่ะนายท่าน!”
มีเสียงอ่อนหวานนุ่มนวลของผู้หญิงแว่วมาจากด้านล่าง เธอคนนั้นก็คือสาวน้อยเผ่าภูตที่สวมผ้าคลุมหน้าเอาไว้ เธอนั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ และนวดฝ่าเท้าให้ผมอยู่ เรืองร่างของเธอช่างอ่อนนุ่มและอวบอิ่ม หืม วันนี้ช่างเป็วันที่น่าพอใจจริงๆ
ไกลออกไป ณ ที่แห่งหนึ่ง ผู้บัญชาการของิญญารัตติกาลคือชายที่มีหนามแหลมคมเต็มตัว และนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ทั้งตัวเขาสั่นสะท้านขึ้นมาแล้วเขาก็ะโออกมาเสียงดัง “ไว้ชีวิตข้าเถอะ ที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อมาขอชีวิต ปล่อยให้ชีวิตน้อยๆ ได้อยู่ต่อเถอะ ข้ามีแม่เฒ่าอายุ 80 ปีและลูกของลูกสะใภ้ที่ร้องหานมแม่รออยู่!”
ผมพูด “ปะามัน!”
เหล่าทวยเทพมากมายเหาะลงมายังพื้นโลกแล้วฉีกเนื้อผู้บัญชาการิญญารัตติกาลเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย ถึง 80 ชิ้น จากนั้นพวกเขาก็เอามาเสียบไม้ย่างเป็เนื้อย่าง 81 ไม้ แล้วแบ่งกันกิน ทางอีกด้านหนึ่งของูเามีเสียงะโพูดว่าทรงพระเจริญหมื่นปีดังขึ้นมาไม่หยุด
ทันใดนั้นเองข้างกายของผมก็มีเสียงนุ่มแ่เบาดังขึ้นมา “กษัตริย์ของข้า… ทานองุ่นสักเม็ดเถอะท่าน”
พอหันหน้าไปดูก็พบว่าองุ่นสีม่วงหนึ่งลูกได้ถูกยัดเข้ามาในปากเล็กเรียวสีลูกพีช ลมหายใจกลิ่นหอมดังดอกกล้วยไม้โชยมา กลิ่นหอมละมุนและหวานฉ่ำซึมซาบเข้าไปในปากจนทำให้ผมรู้สึกเพลิดเพลินขึ้นมา จากนั้นผมก็เงยหน้าขึ้นมามองสาวสวยที่ส่งองุ่นเข้าปากผม แล้วผมก็ต้องชะงักงันไปทันที ใบหน้างดงามนี้ที่ผมเฝ้าคิดถึงอย่างที่สุด— เหออี้!
“อ๊ะ!?”
ผมร้องออกมาด้วยความใแล้วพลันลุกขึ้นยืน “พี่…พี่ใหญ่ พี่หรอกหรือ?”
“ลู่เฉิน เวรเอ๊ย! ตื่นเร็วเข้า!”
ผมรีบลืมตาตื่นขึ้น ที่แท้ก็กำลังฝันอยู่นี่เอง แต่แล้วมีใครบางคนปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าผมพร้อมกับเหงื่อที่ไหลอาบลงมา เขาคนนั้นก็คือตู้สือซาน เพื่อนสนิทของผมนั่นเอง
“สือซาน แกมาทำไมอีกวะ?” ผมถาม
“ทำไมล่ะ ไม่ต้อนรับฉันเหรอ?” ตู้สือซานลากกระเป๋าเดินทางข้างกายเขาเข้ามา บนกระเป๋าเดินทางนั้นยังมีหมวกเล่นเกมแขวนอยู่ด้วย จากนั้นเขาก็ยิ้มแสยะ “เพิ่งจะปิดเทอมน่ะ อยู่บ้านคนเดียวมันเบื่อก็เลยมาอยู่กับนายไง จะได้เล่นเกมเทียนจ้งด้วยกัน ปั๊มเลเวลด้วยกันได้ไง ดีจะตาย ฮ่าๆ…”
ผมมองไปรอบห้องแล้วพูดออกมา “ที่นี่มีแค่หนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่นแถมไม่มีแอร์ นายจะนอนตรงไหน?”
“ฉันนอนห้องนั่งเล่นก็ได้”
“งั้นนายต้องเป็คนรับผิดชอบจ่ายค่าเช่าห้องทั้งหมด…”
“เอ้าไอ้นี่! ใจร้ายเกินไปป่ะวะ?”
จากนั้นตู้สือซานก็ถลึงตามอง “อย่าพูดไร้สาระน่า นายน่ะเลเวลไหนแล้ว? ให้ฉันพาเล่นไหม ฉันน่ะเลเวล 9 ครึ่งแล้วนะเว้ย วันนี้ตอนบ่ายๆ ก็จะถึงเลเวล 10 แล้วจะออกจากหมู่บ้านเริ่มต้นได้แล้วด้วย เหอะๆ! ไอ้พี่ชาย สมองนายน่ะช้าไปตั้ง 3 วินาที อย่างมากก็คงถึงแค่ประมาณเลเวล 8 มั้ง?”
ผมยิ้มเ้าเล่ห์ “เดาผิดแล้ว ตอนนี้ฉันเลเวล 11 แล้วเว้ย!”
“อะไรนะ!”
ตู้สือซานในิ่งไป “เป็ไปได้ยังไง ขนาดสมองช้าไป 3 วินาทียังเล่นต่อไปได้ ถ้าเป็คนอื่นคงไม่คิดจะเล่นต่อแล้ว แล้วนายอัปเลเวลเร็วขนาดนั้นได้ยังไงกัน?”
ผมสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพูดว่า “สือซาน ฉันต้องบอกอะไรกับนายอย่างหนึ่ง”
“อืม เื่อะไรล่ะ?”
“ความเร็วในการตอบสนองของสมองฉันมันสั้นลงเหลือ 0.7 วินาทีโดยประมาณแล้ว ฉันเพิ่งจะทดสอบตอนเช้านี้เอง”
“...”
ตู้สือซานเหม่ออยู่อย่างนั้นพักหนึ่งแล้วจู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมาเสียงดัง เขาตัวสั่นด้วยความตื่นเต้นและบนใบหน้าของเขามีเืสูบฉีดขึ้นมาจนแดงก่ำ แล้วเขาโผเข้ามากอดผมแน่นพลางยิ้มแล้วพูดขึ้นมา “เพื่อนฉันกลับมาแล้วเว้ย ฮ่าๆ ลู่เฉินเพื่อนฉันจะกลับมาแล้ว!”
ผมหัวเราะเสียงดัง “พอแล้วๆ ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้น”
“จะไม่ตื่นเต้นได้ยังไง?” ตู้สือซานหัวเราะ “เพื่อนฉันจะกลับมาแล้ว ฮ่าๆๆ อัจฉริยะระดับโลกกำลังจะแสดงฝีมือแล้ว นักเต้นที่เดินบนเส้นด้ายแห่งความตายได้กลับมายังโลกแล้ว! เฮ้อ ให้ตาย จูหยิ่งล่วนมันผยองเกินไป ถ้าเราสองพี่น้องจับมือกันต้องโค่นไอ้เทพเ้าาในตำนานนั่นได้แน่ ไอ้เทพเ้าาอึสุนัขเอ้ย!”
ผมบีบไหล่สือซานเพื่อไล่ความร้อนรนลงแล้วยิ้มออกมาน้อยๆ เป็การตอบกลับไป “ไม่ต้องรีบร้อน จูหยิ่งล่วนไม่ได้อยู่ในเขตเจียงซู เจ้อเจียง เซี่ยงไฮ้ เพราะฉะนั้นการที่พวกเขาจะมาปรากฏตัวในเมืองฝูปิงมันเป็ไปไม่ได้ อีกอย่างตอนนี้สมองฉันก็ยังช้าอยู่ตั้ง 0.7 วินาที ถ้ายังช้าอยู่แบบนี้ ยังไงตอนนี้ก็ยังเอาชนะจูหยิ่งล่วนไม่ได้หรอก พวกเราเงียบๆ ไว้ก่อนสักพักหนึ่งเถอะ ถึงยังไงซะฉันก็ไม่ได้ใช้ชื่อไอดีที่เคยใช้ก่อนหน้านี้เพราะฉะนั้นจูหยิ่งล่วนหาฉันไม่เจอแน่ รอให้ถึงโอกาสเหมาะ ฉันจะแย่งชิงทุกอย่างที่หมอนั่นติดค้างฉันกลับคืนมาให้หมด!”
“โอเค ฉันจะคอยสนับสนุนนายตลอดไป!” ตู้สือซานบีบไหล่ผมแล้วหัวเราะเสียงดัง “ลู่เฉิน ตอนนี้สมองที่เชื่องช้าของนายก็ลดลงมาอยู่ภายใน 1 วินาทีแล้ว เที่ยงนี้ไปดื่มเหล้าเพื่อฉลองกันไหม?”
“ไม่ได้ ตอนบ่ายต้องรีบอัปเลเวล พวกคนที่เลเวลสูงในตอนแรกยังนำอยู่ รอให้พวกเราได้เปรียบมากพอค่อยคุยเื่ฉลองก็ยังไม่สาย อีกอย่างนายก็มาอยู่ที่นี่แล้ว อยากดื่มเหล้าตอนไหนฉันก็จะดื่มเป็เพื่อนได้!”
“ฮ่าๆๆ ตกลง ตอนเที่ยงไปซื้ออาหารแห้งกลับมาสักหน่อยแล้วพวกเราจะได้รบกันโดยไม่ต้องออกไปไหนสักหนึ่งอาทิตย์!”
“โอเค!”
“เออใช่ บ่ายนี้ฉันจะอัปให้ถึงเลเวล 10 นะ นายเล่นไปคนเดียวก่อนละกัน รอให้ฉันออกจากหมู่บ้านเริ่มต้นแล้วฉันจะไปหานายที่เมืองฝูปิง ไอดีนายชื่ออะไรนะ?”
“เจ๋อจี่เฉินซา!”
“...”
“ของนายล่ะ?”
“เจี๋ยชูกาวโส่ว! (มือโปรผู้โดดเด่น!)”
“...”
“ลู่เฉิน น้องสาวแกน่ะสิ! อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นสิ…”
จริงๆ แล้วสือซานนั้นเป็มือสมัครเล่นเต็มตัว ถ้ารู้ว่ามันกล้าใช้ชื่อแบบนี้ผมจะเปลี่ยนไอดีเป็ “สาวสวยสะโอดสะอง”ตั้งนานแล้ว
......
เวลาบ่าย 2 กว่าๆ พวกเราสองคนก็ไปซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อหนึ่งและเกี๊ยวน้ำแช่แข็ง จากนั้นไปกินข้าวที่ร้านอาหารหูหนานที่อยู่ชั้นล่างจนอิ่มจึงกลับมาที่บ้านแล้วแยกกันออนไลน์ ผมก็ยังคงอยู่ในห้องของผม ส่วนสือซานใช้ชีวิตอยู่บนโซฟาห้องนั่งเล่น บ้านของไอ้เด็กเหลือขอคนนี้คงปล่อยปละละเลยจริงๆ นั่นแหละ เขาคงจะไม่ได้อยู่อย่างสุขสบายถึงต้องมาที่นี่เพื่อมาอยู่ด้วยกันในห้องของผมที่เล็กอย่างกับรูหนู
ถึงเวลาบ่าย 3 ครึ่งผมก็เริ่มออนไลน์!
“ปิ๊ง!”
ผมหรี่ตาลง ผมรู้ว่านี่แหละคือ “บ้าน” ของผม— หลุมฝังศพ
ไม่ผิดหรอกครับ ก่อนที่ผู้เล่นจะออฟไลน์จะต้องหาที่ปลอดภัย ไม่อย่างนั้นแล้วจะไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยได้ โดยทั่วไปแล้วทุกคนจะซื้อเต็นท์พักแรมง่ายๆ กับ NPC ของระบบ หลังหนึ่งราคา 10 เหรียญทองแดงแถมยังใช้ได้นานมากด้วย แต่เผ่าิญญารัตติกาลไม่ใช้เต็นท์เหมือนคนอื่น ทว่าทุกคนจะขุดลงไปเพื่อนอนในหลุมฝังศพ
หลุมฝังศพของผมอยู่ใกล้กับป้อมศีตเหมันต์โดยมีป้ายหลุมศพล้มลงอยู่ด้านข้าง
“สวบๆ...”
ผมปีนขึ้นมาจากหลุมฝังศพ จากนั้นก็มองดูตัวอักษรที่แกะสลักบนป้ายหลุมศพที่ทำจากหินอย่างสนใจใคร่รู้ ตัวอักษรนั้นเขียนไว้ว่าหลุมศพของไวเคานต์แห่งรูเต แหม...ที่แท้ก็เป็หลุมศพของขุนนางชั้นสูงนี่เอง มิน่าล่ะถึงได้นอนสบายขนาดนี้!
อย่างไรก็ดีตัวอักษรเหล่านี้ก็ทำให้คนอ่านรู้สึกคลื่นไส้ได้ดีชะมัด!
ดังนั้นผมจึงหยิบดาบขจีไพรขึ้นมาแล้วลูบไปที่ตัวอักษรที่สลักอยู่บนป้ายหลุมศพจากนั้นผมก็เขียนต่อลงไปหนึ่งประโยค “หนึ่งห้องนอน ประกาศแชร์ห้อง สัมภาษณ์ตัวต่อตัว”
……
ผมหัวเราะเสียงดังแล้วเดินจากบ้านหลังเล็กๆที่อบอุ่นหลังนี้ไปพร้อมกับถือดาบยาวเดินตรงไปยังป้อมศีตเหมันต์ ผมยังคงเห็นหัวหน้าโครงกระดูกฝ่าเค่อคนเก่าอยู่ตรงนั้น เมื่อวานไอ้หมอนี่ทำท่าจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูด ผมก็รู้ได้ว่าเขายังมีภารกิจที่อยากจะมอบให้ผมอยู่แน่ๆ
*บะหมี่เตาเซียว คือ แป้งหมี่ที่นวดแล้วใช้มีดฝานเป็แผ่นบางๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้