อวิ๋นอี้อยากจะบีบคอหรงซิวเสียให้ตาย เขาพูดพล่ามเช่นนี้ได้อย่างไร หากนาง้าฟังคำโกหก นางจะต้องถามเขาหรือ?
อวิ๋นอี้กลอกตาแล้วพูดอย่างโกรธเคือง “เื่จริงเพคะ”
หรงซิวเงียบไป แล้วถามซ้ำ “เ้าอยากฟังจริงๆ หรือ?”
“จะพูดหรือไม่เพคะ?”
“ข้ากลัวข้าพูดไปแล้ว อวิ๋นอี้จะดูถูกข้า” ชายหนุ่มกัดริมฝีปากอย่างขับข้องใจ แววตาของเขามืดลง
อวิ๋นอี้เห็นแล้วก็อดสงสัยมิได้
หรงซิวราวกับเป็ลูกรัก์ ทั้งรูปร่างหน้าตาและฐานะราวกับหนึ่งในร้อยของเพชรเม็ดงาม บุรุษอย่างเขามักจะเป็ผู้ที่หยิ่งผยองสิ แต่กลับถูกคำพูดของนางไม่กี่คำทำให้ไม่สบายใจได้เสียแล้ว หรือว่าเขาจะไม่มีน้ำยาจริง?
มิใช่แน่
นางเคยตรวจของมาก่อน มิได้ไม่มีน้ำยา เขายังนับว่าเด็ดมากทีเดียว
อวิ๋นอี้ยิ่งอยากรู้ ใจของนางยิ่งร้อนรนนัก ส่วนบุรุษที่นั่งขัดสมาธิตรงหน้ายิ่งสงบและดูลังเลมากขึ้น
“เป็เพราะเหตุใดกันแน่เพคะ?” นางถามอย่างไร้ความอดกลั้น
จู่ๆ หรงซิวก็จับมือนางมาลูบเบาๆ “อวิ๋นเออร์ เ้าคิดอย่างไรกับการกระทำของข้าในวันนั้น?”
วันนั้น?
จากสายตาของหรงซิว อวิ๋นอี้รู้ว่าเขากำลังถามถึงคืนที่แสนจะเย้ายวนนั้น
อวิ๋นอี้เม้มริมฝีปาก บอกตามตรงว่าความทรงจำในคืนนั้นของนางค่อนข้างคลุมเครือ นางจำได้เพียงว่าขานางอ่อนแรงมากหลังจากตื่นเพียงเท่านั้น
นางมิเคยมีประสบการณ์มาก่อน แต่การถูกเขาทำจนแทบจะลุกจากเตียงไม่ได้ ตามหลักเหตุผลหรงซิวน่าจะมีฝีมือนัก
"ไม่เลวเพคะ?" อวิ๋นอี้ลูบหน้าคาดเดา "ข้าเป็เช่นนั้น จำกระไรมิได้สักเท่าใดเพคะ"
หรงซิวได้ยินคำพูดนั้นแล้วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขนตายาวของเขาปิดลง หลังจากนั้นก็พูด "นั่นมันเป็ผลจากการโดนวางยา อันที่จริง...อันที่จริงแล้วข้า...มีโรคที่ต้องปกปิดไว้มาโดยตลอด"!!!
อวิ๋นอี้ใมาก
การคาดเดาเป็เื่หนึ่ง แต่การได้ยินเ้าของเื่พูดออกมาจังๆ เป็อีกเื่ไปเลย
ยิ่งถ้าหากอีกฝ่ายยอมรับ มันก็เป็เื่ที่ยิ่งใหญ่ของบุรุษเลยทีเดียว!
บุรุษจะพูดออกมาได้อย่างไรว่าตัวเองไร้น้ำยา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เอาไหนจริงๆ ก็ไม่น่าจะยอมรับออกมาสิ
อวิ๋นอี้รู้สึกเพียงว่าโลกนี้ช่างน่าพิศวง นางอ้าปากด้วยความประหลาดใจจนแทบจะเอาไข่มายัดปากได้อยู่แล้ว ผ่านไปอยู่นานกว่าอวิ๋นอี้จะกลับมาได้สติ พูดอย่างตะกุกตะกัก "เอ่อ... หรงซิว...ฝ่าามีโรคกระไร?"
"โรคที่ข้าต้องซ่อนเร้นไว้ มันเป็เพราะอวิ๋นเออร์"!!!
อวิ๋นอี้ตกตะลึงอีกครั้ง
นางมองหรงซิวด้วยใบหน้าตื่นตระหนก มุ่ยปาก "ฝ่าาอย่ามาใส่ร้ายกันสิเพคะ!"
“ข้าใส่ร้ายเ้าหรือ?” หรงซิวพูดอย่างเยือกเย็น อาจจะเป็เพราะว่าอารมณ์ขึ้น หน้าของเขาจึงเปลี่ยนเป็สีแดงก่ำ “หากมิใช่ในคืนอภิเษกคืนนั้น ในตอนที่ข้ากำลังอารมณ์เข้าได้เข้าเข็มอยู่นั้น เ้าก็ร้องใจนเป็ลมไป ข้าจะยืนขึ้นมิได้ถึงเพลานี้หรือ? พระชายาช่างเสียงดียิ่งนัก เสียงกรีดร้องบนเตียงดังราวกับเสียงหมูร้อง ผู้ใดที่รู้ก็เข้าใจว่าเรากำลังทำการใด ส่วนผู้ที่ไม่รู้กลับจะคิดว่าข้าเชือดหมูในคืนอภิเษก!”
เชือดหมู ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า อวิ๋นอี้หัวเราะท้องแข็ง ขณะที่หัวเราะอยู่ก็เหลือบเห็นหรงซิว มองมาที่นางอย่างขุ่นเคือง
นางยังหัวเราะไม่เสร็จ เสียงฮ่าฮ่าค้างอยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ถูกเขามองอยู่ นางจึงรีบปิดปาก จากการเคลื่อนไหวที่หุนหันเกินไป ทำให้นางสำลักอย่างจัง
อวิ๋นอี้หน้าแดง ขายหน้าเสียจริง
คำพูดของหรงซิวดังเข้ามา "หลังจากนั้น ตอนที่ข้าอยากจะร่วมหอ ใจถึงแม้จะอยากมากแต่กลับไม่มีแรงพอ"
"กระนั้นในคืนนั้น..."
"ข้าหาหมอหาหยูกยาอยู่เป็เวลานาน!" หรงซิวรู้ดีว่านางกำลังจะถามกระไร จ้องนางเขม็งอย่างโกรธเคือง ย้ำว่า “ข้ามิได้ไร้น้ำยา ข้าเพียงถูกเ้าทำให้เตลิดต่างหาก เสียงนั้นของเ้าทำให้ข้าลืมไม่ลง!”
จนถึงตอนนี้ เื่ทุกอย่างชัดเจนหมดแล้ว
อวิ๋นอี้พยักหน้าครุ่นคิด "กระนั้นฝ่าา โรคที่ซ่อนเร้นอยู่ของท่าน..."
ก่อนที่จะพูดจบ จู่ๆ ชายที่นั่งข้างหน้าก็เอนตัวลงมา ในตอนที่นางไม่ได้ระวังตัว ถูกผลักลงบนเตียงเสียแล้ว
เขาอยู่้ามองลงมา ใบหน้าของเขาได้ไม่ชัดเจน แต่เสียงของเขาอยู่ใกล้ๆ หู "หากอวิ๋นเออร์มีข้อสงสัย ข้ายินดีจะช่วย"
สิ้นคำเขาก็เริ่มต้นจูบนาง จากความอ่อนโยนและนุ่มนวลเอื่อยๆ ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็ความรุนแรง
อวิ๋นอี้ถูกจูบจนอ่อนแรงไปหมด เสียงครวญครางดังออกมาจากมุมริมฝีปากของนาง
การหายใจของกันและกันหนักขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเริ่มจะควบคุมมิได้ ในตอนที่สับสนอยู่นั้น อวิ๋นอี้ก็เห็นหรงซิวปลดเข็มขัดออก นางเริ่มมีความคิดร้ายๆ ในตอนที่หรงซิวมิได้ให้ความสนใจอยู่นั้น เสียงครางเบานุ่มของนาง ก็กลายเป็เสียงกรีดร้อง
นิ้วมือของหรงซิวชะงักเล็กน้อย และเมื่อเขาได้สติกลับมา ดวงตาสีแดงฉานก็มองนางราวกับไฟลุก
“อวิ๋นอี้!”
อวิ๋นอี้ใจนสั่น แทบไม่กล้าสบตาเขา รีบหลับตาลงด้วยความอับอาย
“ได้!” หรงซิวหัวเราะขึ้นทันที “มาดูกันว่าวันนี้ข้าจะรักษาเ้าอย่างไร”
“อย่า อย่า อย่าเพคะ!” อวิ๋นอี้ตื่นตระหนก ลืมตาขึ้นดวงตากลอกไปมา นางเห็นหรงซิวจ้องมาที่นางด้วยใบหน้าไม่เชิงยิ้ม นางจึงรีบเอนตัวไปจูบเขาที่มุมปาก พูดราวกับพยายามเอาใจเขา "ฝ่าา วันนี้ข้าเหนื่อยเหลือเกินเพคะ หากจะชำระบัญชีกับข้า ค่อยทำวันพรุ่งได้หรือไม่เพคะ?"
นางขยิบตาให้เขาเหมือนนางปีศาจ แววตาที่มีแสงสะท้อนอยู่ในนั้น ทำให้หรงซิวแทบทนไม่ไหว
ความโกรธที่รุนแรงและความปรารถนาที่แผ่ขยายออกไป มลายหายไปทันทีเพียงเพราะคำพูดออดอ้อนของนาง
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วลูบแก้มนาง "หลับเถิด มิฉะนั้นเรามีเื่ต้องทำกัน"
"นอนแล้วเพคะ!" อวิ๋นอี้จ้อง "ดึกดื่นกลางคืน หาไม่นอนจะทำกระไรได้เล่าเพคะ มาเถิด นอนกันเพคะฝ่าา"
คืนนี้อวิ๋นอี้คิดไปต่างๆ นานา คอยระแวงว่าหรงซิวจะฉวยโอกาสอยู่เสมอ แต่ไม่คิดเลยว่าคนที่หลับไปก่อนกลับเป็เขา
ลมหายใจเอื่อยๆ เข้ามาในหูเรื่อยๆ ยาวนานและช่างคุ้นเคย
อวิ๋นอี้เอียงหน้าไปดูฟ้ามืดด้านนอก พระจันทร์ส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้า ดวงดาวพร่างพราย มีชายหนุ่มรูปงามข้างกาย ริมฝีปากของนางโค้งขึ้น
จนถึงกลางดึก นางถึงจะผล็อยหลับไป
วันรุ่งขึ้นเมื่อนางตื่นขึ้น ในห้องเหลือนางเพียงคนเดียว ในระหว่างที่เรียกให้เซียงเหอไปเตรียมของอาบน้ำ อวิ๋นอี้นึกถึงสิ่งที่หรงซิวพูดเมื่อคืนนี้และสั่งให้คนใช้ไปเรียกพ่อบ้านมา
พ่อบ้านทำความเคารพนางแล้วถามว่า “พระชายามีเื่กระไรขอรับ?”
อวิ๋นอี้เรียกให้สาวใช้ออกไป ถึงจะพูด “พ่อบ้าน เื่อย่างว่าของฝ่าามีปัญหา เ้าพอจะรู้หรือไม่?”
พ่อบ้านหน้านิ่ง ใจเต้นตึกตัก การกระทำของพระชายาเป็ไปดังที่องค์ชายคิดไว้มิมีผิด ดึงนั้นเขาจึงพูดตามเื่ที่ฝ่าารับสั่งไว้ก่อนออกไป แล้วพูดอย่างตรงไปตรงมา “พระชายา...ข้ารู้ขอรับ ในจวนนี้มีเพียงแค่ข้ารู้เท่านั้นขอรับ ยาที่ฝ่าาทานไปก่อนหน้านี้ ข้าก็เป็คนจัดการหามาให้เองขอรับ"
อวิ๋นอี้พยักหน้าอย่างเข้าใจ "กระนั้นเพลานี้ฝ่าาฟื้นตัวเป็อย่างไร?"
"......" พ่อบ้านกระแอมเบาๆ "ฝ่าาฟื้นตัวเป็อย่างไร พระชายามิทราบหรือขอรับ?"
อวิ๋นอี้หน้าแดงขึ้นทันที นางไม่คิดเลยว่าพ่อบ้านจะหาความจริงจังมิได้ นางเบิกตากว้างทันทีแล้วพูดว่า "พ่อบ้าน เ้ากำลังพูดถึงเื่กระไร!"
"ข้า..."
“พอกันที เ้าปิดปากให้สนิทนะ” อวิ๋นอี้รีบขัดเขา เพราะกลัวว่าเขาจะพูดกระไรที่น่าอายออกมา “ถึงแม้ฝ่าาจะฟื้นตัวได้มากแล้ว แต่ก็ยังบำรุง จากความคิดของข้า เหตุใดไม่เริ่มบำรุงจากอาหารการกินเล่า?”
พ่อบ้านเฒ่าชะงักเมื่อได้ยินเช่นนั้น ภายใต้แรงกดดันของอวิ๋นอี้ เขาก็รับคำพยักหน้าอย่างเร็ว แต่ในใจกลับตื่นตระหนก คิดไม่ถึงเลยว่าพระชายาที่ดูปกติแล้วจะเป็คนเรียบร้อย จะมีความ้าที่รุนแรงเพียงนี้ ชายกำยำร่างสูงอย่างฝ่าา กลับยังต้องบำรุง พระชายาเป็คนจริงไม่เผยหน้า [1] นี่เอง...
เชิงอรรถ
[1] คนจริงไม่เผยหน้า 真人不露相 หมายถึง คนที่ไม่แสดงตัวตนต่อหน้าคนอื่น ไม่โอ้อวดความดีหรือความสามารถ