“ฉินเฟิงยะ...อย่าบังคับฉันเลย ฉะ...ฉันเรียนไม่ได้หรอก”ใบหน้าของสวี่รั่วโหรวแดงก่ำและอยากจะฝังตัวเอง
“ช่างมันเถอะฉันรู้แต่แรกแล้วว่าภารกิจ 3,000 แต้มนี่มันจะต้องโคตรยาก” ฉินเฟิงส่ายหัวยอมแพ้
เขาไปหาร่างของหลี่ตงและเตะมันอย่างไร้ปรานีอีกครั้ง“เลิกแกล้งตายได้แล้ว ลุกมา ถ้าแกอยากจะนอนบนพื้นตลอดชีวิต งั้นเดี๋ยวฉันจัดให้”
หลี่ตงที่กำลังแกล้งตายตลอดเวลาและได้ยินฉินเฟิงสอนสวี่รั่วโหรวด่าเขาอยากจะบอกฉินเฟิงว่าไอ้บ้า แต่ฉินเฟิงเก่งเกินไป หลี่ตงรู้ว่าเขาชนะฉินเฟิงไม่ได้ในเื่ชกต่อยเขาจึงรีบลุกมาที่เท้า
“พะ...พี่ใหญ่ไว้ชีวิตผมด้วย ผมไม่รู้ว่าเธอเป็ผู้หญิงของพี่”
“ถ้าผมรู้แต่แรกนะต่อให้มีความกล้ามากกว่านี้สิบเท่าก็ยังไม่พอที่จะให้ผมกล้าล่วงเกินคุณสวี่เลย”เมื่อเขาลุกขึ้น เขาก็คุกเข่าต่อหน้าฉินเฟิงและร้องขอความเมตตา
ฉินเฟิงกระทืบเขาจนทำให้เขาขวัญหนีดีฝ่อฉินเฟิงไม่ให้โอกาสแม้แต่จะตอบโต้และกระทืบหลี่ตงจนเละ
“เลิกพล่ามและคืนเงินค่าเช่ากับค่าประกันให้รั่วโหรวด้วยและให้เธอ 3,000 หยวนสำหรับค่าทำขวัญที่โดนแกทำร้ายจิตใจ ไม่งั้นฉันจะหักขาหมาๆของแกซะ” ฉินเฟิงจ้องหลี่ตงอย่างโเี้
ด้วยอำนาจของฉินเฟิงหลี่ตงจึงไม่กล้าขัดขืน หลี่ตงวิ่งไปเอาเงินทันที และไม่นานหลังจากนั้นเขาก็นำถุงผ้าเล็กๆ สีแดงมา
“พี่ใหญ่ครับนะ...นี่คือเงิน 6,000 หยวนครับส่วนที่เกินมาถือว่าเป็คำขอโทษแก่คุณสวี่รั่วโหรวครับ พี่ใหญ่ ยกโทษให้ผมด้วย”
ฉินเฟิงยังไม่มีโอกาสได้พูดอะไรสวี่รั่วโหรวก็กระตุกชายเสื้อของเขาเบาๆ เธอกล่าวอย่างนิ่มนวล “ฉินเฟิงไปกันเถอะค่ะ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว”
พวกเขาได้ทั้งเงินและหลี่ตงก็โดนอัดแล้วฉินเฟิงจึงหยิบกระเป๋าเดินทางที่สวี่รั่วโหรวจัดไว้และพาเธอออกจากอพาร์ทเม้นท์เมื่อเขาออกมาแล้ว พวกเขาก็เห็นรถจากบริษัทเคลื่อนย้ายที่ลุงฝูเป็คนโทรเรียก
“นายน้อยฉินครับ!”
เมื่อลุงฝูเห็นฉินเฟิงกำลังหอบกระเป๋า2 ใบกับสาวน้อยระดับคุณภาพยืนอยู่ข้างเขา ลุงฝูก็รู้ว่าฉินเฟิงจีบสาวอีกแล้ว
ฉินเฟิงโยนกระเป๋าไปด้านข้างและวิ่งไปหาลุงฝูเขากระซิบที่หูของลุงฝู “ลุงฝูครับจากนี้ไปผมคือผู้ดูแลส่วนตัวของนายน้อยฉินนะครับ อย่าหลุดปากล่ะ”
ลุงฝูไม่ได้แปลกใจไปทั้งหมดเขาไม่ถามคำถามอะไรต่อและพยักหน้าเพียงเล็กน้อย
เห็นได้ว่าลุงฝูชินกับการเปลี่ยนสถานะของฉินเฟิงเพื่อตกสาวแล้ว
“นาย...ผู้ดูแลของนายน้อยฉินกับคุณหนูสาวสวยโปรดขึ้นรถเถอะครับ นายน้อยฉินรอพวกคุณอยู่ที่ตำหนักตระกูลฉินแล้ว”ลุงฝูรีบสวมบทบาทและเชิญทั้งคู่ขึ้นรถ
“เฮ้ย...พี่เฉียงดูนั่นสิ เด็กนั่นโคตรสวยเลย!” เมื่อฉินเฟิงและสวี่รั่วโหรวขึ้นรถกลุ่มอันธพาลที่นั่งยองๆ อยู่ก็เอะอะขึ้น
มันเป็ครั้งแรกที่พวกเขาเห็นคนสวยบริสุทธิ์อย่างสวี่รั่วโหรวและพวกเขาก็มองดูเธอขึ้นรถอย่างหมดหวังและหายไป
ชายที่กำลังนั่งอยู่ในกลุ่มคนพวกนี้ใส่ตุ้มหูและย้อมผมสีเหลืองเขาคือบอสของกลุ่ม เขาโยนบุหรี่ลงบนพื้นและย้อนฉากก่อนหน้านี้ในหัวเขายืนขึ้นพร้อมกับกล่าว “น่าเสียดาย เราเห็นสาวน้อยย้ายออกจากที่นี่ขึ้นเมอร์เซเดส-เบนซ์คันใหญ่ของคนอื่นข้าเกรงว่าเธออาจจะเป็เด็กเสี่ย ถ้าเรายึดพื้นที่นี้ั้แ่ไม่กี่วันก่อนป่านนี้เราอาจจะได้ลิ้มรสเธอแล้ว”
“พี่เฉียงผมจำเลขทะเบียนรถเบนซ์นั่นแล้ว ถ้าเราตรวจสอบรอบๆ ก็จะรู้ว่าใครพาเธอไป แล้วเราก็จะได้ไปนั่งรอหน้าประตูและจับเธอเราจะได้ใช้เวลาสนุกกับเธอ” ทุกคนข้างๆหวังเฉียงแสยะยิ้มอย่างร่าเริงและสายตาส่องประกาย
หวังเฉียงตบหัวพวกมันและบ่น“ไอ้เวร พ่อพาพวกแกทุกคนมาที่นี่เพื่อทำการสมควร เรายังเหลืออีก 3 งานจาก 10 งานเพื่อทำให้สำเร็จภายในเดือนนี้ พวกแกต้องคอยจับตาดูไว้ถ้ามีโอกาสเคลื่อนไหวก็อย่าลังเล”
“ถ้าจบเดือนนี้และงานที่ได้รับมอบหมายยังไม่เสร็จพวกเราทุกคนโดนตระกูลหลี่ฆ่าแน่”
เมื่อพวกเขาพูดเื่งานที่ได้รับมอบหมายทุกคนก็เคร่งเครียดและพยักหน้า “พี่เฉียง อย่าห่วงไปเลยเรามาที่เว่ยเฉิงจากเมืองหยุนไห่ และเราก็เลือกพื้นที่แร้นแค้นอย่างนี้ต่อให้เราจับคนที่นี่ไปก็ไม่มีใครสนใจหรอกครับ คืนนี้เราจะพากลับมาสัก 3 คน”
นี่เป็ครั้งแรกที่สวี่รั่วโหรวนั่งรถในฝันอย่างซีดานหลังจากขึ้นรถ เธอก็คว้าแขนของฉินเฟิงั์ตาที่สวยงามของเธอตรวจสอบภายในรถด้วยความสงสัย
“รั่วโหรวอย่ากลัวไปเลย ตอนนี้เธอคือสมาชิกของตำหนักฉินแล้วชื่อเสียงในสังคมของเธอจะต้องเพิ่มขึ้นแน่”ฉินเฟิงจับต้นขาขาวเนียนของสวี่รั่วโหรว ดูเหมือนว่าพยายามจะปลอบเธอ แต่จริงๆแล้วเขากำลังดื่มด่ำกับต้นขาที่เนียนนุ่มของเธอ
“ค่ะขอบคุณนะคะฉินเฟิง ฉะ...ฉันยังกลัวนิดหน่อย!” ั้แ่วันนี้สวี่รั่วโหรวจะไม่สามารถกลับที่ที่เธอเช่าได้อีกแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่มีที่ให้ไปชีวิตของเธอจึงตกอยู่ในมือของฉินเฟิง
เธอเข้าใกล้ฉินเฟิงโดยไม่รู้ตัวและกอดแขนของเขาแน่น
“ฮ่าๆๆไม่มีอะไรต้องกลัวหรอก นายน้อยฉินเป็คนที่ยอดเยี่ยม” ฉินเฟิงโอบไหล่ที่หอมหวนของสวี่รั่วโหรวและมือที่วางบนต้นขาของเธอก็เลื่อนสูงขึ้น
“ตะ...แต่ฉันได้ยินข่าวลือว่านายน้อยฉินทั้งชั่วช้าและโรคจิตเขาอาศัยความรวยของพ่อใช้ชีวิตเหลวไหลไปวันๆเขาไม่ได้ทำงานอะไรและก็ปะ...เป็ตัวอย่างมนุษย์ขยะ” สวี่รั่วโหรวพูดตามข่าวซุบซิบที่เธอได้ยินมา
หลังจากที่เธอพูดเสร็จทั้งหมดเธอก็ยิ่งกลัวมากขึ้น ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังเข้าถ้ำหมาป่าเธอจึงเข้าใกล้ฉินเฟิงมากยิ่งขึ้น
ฉินเฟิงสะดุ้งเหมือนโดนไฟช็อกเขาคัดค้านอย่างไม่พอใจ “ใครบอกกัน? พวกนั้นมันก็พูดไร้สาระไม่มีมูลความจริงถ้าฉันจับได้เมื่อไร ฉันจะฆ่ามัน”
เมื่อเธอเห็นฉินเฟิงร้อนตัวกะทันหันเธอก็มองที่เขาแบบประหลาดใจ “ทำไมคุณต้องโมโหขนาดนี้ด้วยล่ะคะ? ฉันไม่ได้พูดถึงคุณสักหน่อย ฉันพูดอะไรผิดหรือเปล่า?”
“อ่ะแฮ่มฉันคือผู้ดูแลส่วนตัวของนายน้อยฉิน ฉันก็ต้องปกป้องเขาจากข่าวลือมั่วซั่วนั่นสิ”ฉินเฟิงรู้ว่าเขาเกือบจะเปิดเผยตัวจริงออกไปจึงรีบอธิบาย
“งั้นจริงๆแล้วนายน้อยฉินเป็คนแบบไหนเหรอคะ?” สวี่รั่วโหรวมองฉินเฟิงอย่างคาดหวัง
ในฐานะแม่บ้านของนายน้อยฉินเขาจะเปลี่ยนชีวิตของเธอในภายภาคหน้า สวี่รั่วโหรวต้องได้ข้อมูลทั้งหมดเสียก่อน
ฉินเฟิงกระแอมและนั่งตัวตรงทันทีเขามองสวี่รั่วโหรวด้วยสีหน้าจริงจัง “รั่วโหรว ในฐานะผู้ดูแลส่วนตัวของนายน้อยฉินฉันเติบโตมากับเขาฉันคือคนที่เหมาะสมมากที่สุดในการจะพูดเื่นิสัยและบุคลิกของนายน้อยฉิน”
“นายน้อยฉินในสายตาของฉันที่อยู่ในฐานะลูกน้องตอนที่เขายังเด็ก เขาเป็คนเรียนเก่งมากและมีบุคลิกที่ยอดเยี่ยม ชอบช่วยเหลือผู้คนตอนวัยรุ่นเขามีพร์มากมายและรอบรู้ในด้านวิชาการเทียบได้กับขงจื๊อและตอนนี้นายน้อยฉินทั้งใจดี เข้าใจง่าย เคารพผู้สูงอายุไม่พึ่งพาอำนาจและอิทธิพลของตระกูล และเป็ชายหนุ่มมากพร์ที่ดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองเติบโตขึ้น...นี่คือนายน้อยฉินในสายตาของฉัน!”
การพูดของฉินเฟิงแสดงทั้งความชื่นชมและความจริงใจสวี่รั่วโหรวโดนดึงดูดโดยอารมณ์ของเขาและเริ่มคิดใหม่ว่าเธอเข้าใจนายน้อยฉินผิดไป
ลุงฝูที่กำลังขับรถอยู่ได้เม้มปากเข้าด้วยกันมือของเขาสั่นและเกือบจะหักเลี้ยวกะทันหัน
ลุงฝูคือผู้ชายที่มีประวัติเขาผ่านประสบการณ์มาแล้วมากมายแต่คำพูดไร้ยางอายของฉินเฟิงฉีกความสงบเยือกเย็นของเขาเป็ชิ้นๆ
เขาจ้องสวี่รั่วโหรวไม่วางตาผ่านกระจกมองหลังและอดถอนหายใจไม่ได้มีสาวสวยบริสุทธิ์ตกลงขุมนรกอีกแล้ว
“ฉินเฟิงเป็เื่จริงเหรอที่นายน้อยฉินเป็คนแบบนั้น!” สวี่รั่วโหรวตื่นเต้นนิดหน่อยทันใดนั้นเธอก็ไม่กลัวนายน้อยฉินอีกต่อไป
ฉินเฟิงขมวดคิ้วและส่ายหัวอย่างพินิจเขามองไปยังด้านหน้าอย่างเลื่อนลอยและกล่าว “เธอผิดแล้วความหยั่งลึกของนายน้อยฉินไม่สามารถวัดได้ มันไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาอย่างเราจะเข้าใจทุกอย่างที่ฉันกล่าวมาเป็เพียงแค่ยอดูเาน้ำแข็งเท่านั้นเขาทั้งลึกลับและเข้าใจยาก...จริงสิ เขาอาจจะเรียกได้ว่าเป็ดั่งเทพเ้าก็ได้!นั่นคงจะถูกต้องกว่า!”
“ว้าวงั้นนายน้อยฉินคือชายที่หยั่งไม่ถึงสินะ” สวี่รั่วโหรวตาเป็ประกาย
ชายที่เปรียบดั่งเทพเ้านั่นเป็อะไรที่ดูเกินไปหน่อย
“อ่ะแฮ่ม...”ลุงฝูทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป เขายังต้องขับรถอยู่และเพื่อความปลอดภัยของฉินเฟิงและสวี่รั่วโหรว เขาต้องขัดจังหวะฉินเฟิง“นายน้อ...เอ่อ...นายผู้ดูแล เราจะถึงตำหนักฉินในไม่ช้าแล้วโปรดอย่าพูดอะไรแบบ...ดั่งเทพเ้า ถ้าเขาได้ยินเข้า เขาอาจจะไม่มีความสุขก็ได้”
แม้แต่ลุงฝูก็เริ่มบ่นฉินเฟิงเกาหัวอย่างเก้ๆ กังๆ “ใช่แล้ว นายน้อยฉินคือเทพเ้าเขาต้องรู้แน่เลยว่าเรากำลังพูดเื่เขาลับหลังอยู่”
“หยุดเลยหยุด”
สำหรับระยะทางที่เหลือในการมาตำหนักฉินสีหน้าของลุงฝูยุ่งเหยิง เขาขับรถมาที่คฤหาสน์และออกจากรถเพื่อช่วยขนของทันทีเขาทนต่อทักษะในการตอแหลของนายน้อยฉินไม่ไหว
“ว้าว...ฉินเฟิงทะ...ที่นี่มันใหญ่จัง คะ...คุณอยู่ที่นี่เหรอ?” สวี่รั่วโหรวไม่สามารถปิดปากได้ขณะจ้องด้วยความใไปยังตำหนักฉินที่เหมือนกับปราสาท
มันเป็ครั้งแรกของเธอที่เห็นอะไรอย่างนี้ในชีวิตจริงก่อนหน้านี้เธอได้เห็นที่แบบนี้แค่ในทีวีเท่านั้น ตอนนี้เธอได้มาอยู่ที่นี่แล้วมันรู้สึกเหมือนว่าเธออยู่ในห้วงแห่งความฝัน
“ใช่แล้วและเธอก็จะอยู่ที่นี่ทุกวันจากวันนี้เป็ต้นไปด้วยเช่นกันฉันเพิ่งบอกลุงฝูให้เธออยู่บนชั้นสามของคฤหาสน์ที่ใหญ่ที่สุดห้องทั้งกว้างขวางและเปิดโล่ง ฉันมั่นใจว่าเธอต้องชอบแน่”
ไม่ว่าสวี่รั่วโหรวจะชอบหรือไม่แต่ฉินเฟิงชอบแน่นอน
เนื่องจากเขาให้สวี่รั่วโหรวอยู่ห้องตรงข้ามกับเขาซึ่งห้องนี้ดีมาก แต่ไม่มีห้องน้ำในตัวถ้าใครอยากจะอาบน้ำก็ต้องไปห้องอาบน้ำรวมบนชั้นสาม
ฉินเฟิงคิดและแสยะยิ้ม
“ฉินเฟิงฉะ...ฉันยังไม่เห็นนายน้อยฉินเลย ขะ...เขาจะไม่ตำหนิคุณที่ตัดสินใจเอาเองใช่ไหม?” สวี่รั่วโหรวเริ่มกังวลนิดหน่อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้