บทที่ 152 คู่ต่อสู้คนงาม
บนเวทีประลองยุทธ์ขนาดใหญ่ เวลานี้เต็มไปด้วยเสียงะโดังสนั่น คนส่วนใหญ่ถึงกับยืนขึ้นอย่างนั่งไม่ติด
เพราะในวันนี้ พวกเขาดูเหมือนจะได้เห็นปาฏิหาริย์เกิดขึ้น!
ชายหนุ่มคนหนึ่งในระดับเก้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ สามารถต่อสู้ข้ามสามระดับได้ติดต่อกัน ไม่แม้แต่จะหอบหายใจก็คล้ายยังมีพลังปราณเหลืออยู่ นี่ไม่อาจหยั่งรู้ได้โดยแท้
ตราบใดที่ฉู่อวิ๋นเอาชนะนักรบระดับสี่ขั้นมหาสมุทรได้ แค่เอาชนะได้อีกครั้ง ก็จะถือได้ว่าเป็ผู้ชนะของการประชันห้าั และนั่นเป็สิ่งที่เขาทำได้ในระดับเก้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ!
นี่คือประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยมีมาก่อน!
“เ้าเด็กคนนี้ที่มาจากไหนก็ไม่รู้ กลับสามารถผ่านสามระดับติดต่อกันได้ ทำผู้เฒ่าเช่นข้าได้เห็นเป็บุญตาแล้วจริงๆ” ชายชราเคราขาวถอนหายใจ เขาเป็ชาวเมืองชุยเสวี่ยที่มาชมการแข่งขันที่ลานประลองยุทธ์ทุกวัน
แต่ผู้เฒ่าคนนี้กลับไม่เคยเห็นใครที่อยู่ในขอบเขตควบแน่นพลังปราณท้าทายการประชันห้าั
นี่เป็ครั้งแรก และถูกกำหนดให้ตรึงตาต้องใจ ต้องเป็ที่จดจำของผู้คน!
“แต่คิดว่าเด็กนี่คงจะถึงจุดจบแล้ว ต้องรู้ไว้นะว่าขั้นมหาสมุทรระดับกลางนั้นอยู่อีกระดับหนึ่ง” มีคนส่ายหัวเบาๆ พวกเขาไม่ได้เข้าข้างฉู่อวิ๋นมากนัก
ขั้นมหาสมุทร แบ่งออกเป็ระดับต่ำ ระดับกลาง และระดับสูง และแต่ละระดับจะแบ่งออกเป็สามระดับ
สำหรับนักรบขั้นมหาสมุทรระดับต่ำ แก่นแท้ในจุดตันเถียนจะอยู่ในรูปหยดของเหลว
สำหรับนักรบขั้นมหาสมุทรระดับกลาง แก่นแท้ในจุดตันเถียนจะอยู่ในสถานะคล้ายทะเลสาบ
สำหรับนักรบขั้นมหาสมุทรระดับสูง แก่นแท้ในจุดตันเถียนจะอยู่ในสถานะของมหาสมุทรอันไพศาล
อาจกล่าวได้ว่า แม้ว่าจะมีความแตกต่างในการฝึกฝนเพียงระดับเดียวที่ดูเหมือนจะไม่ห่างกันมากนัก แต่สถานะของแก่นแท้ในจุดตันเถียนนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
“เ้าหนุ่มนี่มีความสามารถมาก แต่สิ่งที่เขาต้องเผชิญต่อไปคือนักรบระดับสี่ของขั้นมหาสมุทรที่ดับพลังปราณจากแก่นแท้ ทั้งในด้านคุณภาพหรือปริมาณ พลังย่อมเพิ่มขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ ไม่อาจเทียบได้”
มีบางคนชื่นชมฉู่อวิ๋นจากใจจริง แต่พวกเขาก็อดทอดถอนใจไม่ได้ เพราะขอบเขตควบแน่นพลังปราณเป็เพียงจุดเริ่มต้นของการฝึกฝน มันแตกต่างจากขั้นมหาสมุทรมากจริงๆ คุณภาพของพลังปราณเพียงอย่างเดียวไม่สามารถนำมาเทียบกันได้
การก้าวข้ามสามระดับนี้ยังพอเข้าใจและยอมรับได้ แต่สี่ระดับ? นี่เป็เื่แปลกไปสักหน่อย
“ฮิๆ รอบนี้พวกข้าจะต้องชนะแน่” บางคนเริ่มเตรียมความพร้อม ดวงตาเป็ประกาย พวกเขาคือคนที่เดิมพันว่าฉู่อวิ๋นจะแพ้ในรอบที่สี่ ซึ่งมีเพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น
นี่คือกลุ่มนักพนัน คราแรกที่พบเห็นความขัดแย้งระหว่างฉู่อวิ๋นและซิวหลัวหน้าผี พวกเขาก็แอบเดาว่าเด็กคนนี้ต้องไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงตัดสินใจเดิมพันในรอบที่สี่
เมื่อดูจากสถานการณ์แล้ว คนเหล่านี้ย่อมคิดว่าตนใกล้ชนะ
ในที่สุด การจับฉลากก็จบลง และคู่ต่อสู้ของฉู่อวิ๋นในการประชันห้าัครั้งที่สี่ก็ค่อยๆ เดินเข้าสู่เวทีประลอง
นี่คือนักรบระดับสี่ขั้นมหาสมุทร ที่มาพร้อมพลังที่แข็งแกร่ง!
“อ๊ะๆๆ—“
“นางหรือ?! ถึงกับเป็นาง!”
“การต่อสู้ครั้งนี้เป็บุญตาแล้ว~”
ทันทีที่นักรบปรากฏตัว ชายฉกรรจ์ด้านล่างก็ส่งเสียงหอนกันเหมือนหมาป่า หน้าแดงหูแดงไม่หยุด
ผู้ชมทุกคนดูตื่นเต้นเป็พิเศษ และเวทีประลองก็ดูคึกคักมากขึ้นด้วยเสียงะโโห่ร้อง
เมื่อมองไปที่คู่ต่อสู้คนที่สี่ตรงหน้า แม้แต่ฉู่อวิ๋นเองก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เป็นักรบหญิงจริงๆ
นางร่างกายสูงโปร่ง มีผมหางม้ายาวห้อยอยู่ละบั้นท้าย แลดูกล้าหาญชาญชัย นับได้ว่าเป็หญิงแกร่ง
เมื่อมองใกล้ๆ รูปลักษณ์ของผู้หญิงคนนี้ก็ไม่เลว ใบหน้าของนางงดงาม มีร่องรอยของความกล้าหาญอยู่ระหว่างคิ้ว ดวงตากลมโตดำสว่างราวกับอัญมณี
“เป็ผู้หญิงที่อันตรายมาก” ฉู่อวิ๋นขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา
“หนุ่มน้อย เหตุใดจึงจ้องหญิงสาวเช่นนั้นเล่า? ไม่เคยพบหญิงงามมาก่อนหรือ?” ผู้หญิงคนนั้นยืนบิดตัวไปมา ยกยิ้มส่งไปถึงดวงตา ในสายตาของนาง ฉู่อวิ๋นเป็เพียงหนุ่มน้อยคนหนึ่ง
หญิงนางนี้ชื่ออีน่า เป็ลูกศิษย์ของสำนักเสวียนหนี่[2] สำนักของนางรับเฉพาะศิษย์หญิง มีชื่อเสียงไม่น้อย อยู่ทางทิศเหนือของราชวงศ์เซี่ยตะวันออก
ทักษะและวิชาที่สำนักเสวียนหนี่ถ่ายทอดนั้น งดงามอ่อนหวาน แต่ใช้ความอ่อนหวานนั้นแทนกำลัง สามารถโจมตีคู่ต่อสู้ได้โดยไม่คาดคิด ดังนั้น ศิษย์ของสำนักนี้จึงถูกเรียกว่าดอกไป่เหอ[3]มีหนาม เปื้อนโลหิตก็มิหวั่นไหว
อีน่าแข็งแกร่งและมีรูปร่างสูงโปร่ง ย่อมมีชื่อเสียงในลานประลองยุทธ์ของเมืองชุยเสวี่ยไม่น้อย
“ถ้าให้ดีรอบนี้ก็สู้นานหน่อยดีกว่า ฮิๆ”
แม้ว่าทุกคนจะจ้องมองที่อีน่าด้วยสายตาแทะโลม แต่พวกเขาก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่พวกตนจะแตะต้องได้
หากถูกคนงามหลอก ย่อมต้องตายอย่างอนาถ
“น้องชายสุดหล่อท่านนี้ คนเขาสงสัยยิ่งนักว่าเหตุใดท่านต้องปิดบังความแข็งแกร่งของตนเองด้วย?” อิน่ายิ้มอย่างมีเลศนัย หมุนแถบแพรรัดเปียผมที่พันคล้องคอเล่นโดยคิดจะเริ่มโจมตี
“โอ้?” ดวงตาของฉู่อวิ๋นเข้มขึ้น เขายกมือขึ้นกอดอกแล้วพูดว่า “แม่นางท่านนี้ เหตุใดจึงพูดเช่นนั้น?”
“ฮิๆ” อีน่าสะบัดเปียผมแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เมื่อครู่นี้คนเขารู้สึกเบื่อเลยหันไปสนใจตอนท่านกับซิวหลัวหน้าผีทะเลาะกันพอดี ตอนนั้นท่านชักกระบี่ยาวออกมาด้วยนี่?”
“อีกอย่าง... พลังในเวลานั้นแข็งแกร่งกว่าที่เป็อยู่ตอนนี้มาก” ขณะที่พูด อีน่าก็ขยิบตาให้ฉู่อวิ๋น
“ข้าใช้อาวุธอะไรแล้วเกี่ยวอันใดกับแม่นางหรือ? หรือข้าต้องขออนุญาตจากท่านเสียก่อน?” ฉู่อวิ๋นขมวดคิ้ว แม้ภายนอกจะเห็นว่านางกล้าหาญชาญชัย ทว่าภายในกลับระแวดระวังยิ่งนัก
เมื่อครู่นี้ นางถึงกับสังเกตความขัดแย้งระหว่างเขากับซิวหลัวหน้าผี
สตรีนางนี้อันตรายมาก
“หรือท่านดูถูกคนเขา ไม่คิดจะลงมือเต็มกำลังหรือ?” อีน่าหัวเราะอีกครั้ง จากนั้นดวงตาของนางก็เ็า “เช่นนั้นท่านจะตายอย่างอนาถนะ~”
“จิ๊! นางคนนี้ขึ้นมาก็สู้เสียสิ มัวทำอะไรอยู่กัน?” สีหน้าของเสวี่ยหรูเยียนเปลี่ยนไป พูดกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับเหล่มองอีน่าในลานประลอง
“ทำไมอวิ๋นเอ๋อร์ถึงไปเล่นหูเล่นตากับผู้หญิงคนนั้นล่ะ? หรือว่า... หรือว่าเขาชอบแบบนั้นหรือ?”
ฉู่ซินเหยาก้มศีรษะลงมองดูเสื้อผ้าของตนเอง จากนั้นก็ดูกังวลและพูดกับตัวเองว่า “ข้าแต่งกายเฉิ่มเชยไปหรือ?”
เมื่อคิดเช่นนี้ ใบหน้างดงามของฉู่ซินเหยาก็ร้อนขึ้นทันที ร่างกายนิ่งงัน นางส่ายหน้าแล้วมุ่งความสนใจไปที่ฉู่อวิ๋นอีกครั้ง
แน่นอนว่าที่มุมหนึ่งของจัตุรัสก็มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังสร้างความวุ่นวายอยู่ด้วย
“นี่ยังจะสู้กันหรือไม่นี่?! เอิ้ก~ ปูขายาวนี่มาจากไหนกัน? อยากขนาดนั้นก็ไปหลอกผู้ชายคนอื่น!”
ใบหน้าของมู่หรงซินแดงก่ำ ฤทธิ์สุรายังคงทำงานดีอยู่ นางเต้นแร้งเต้นกาอย่างโมโห ทำเอาสาวใช้เหงื่อตก ก้มหน้าขอโทษขอโพยผู้ชมโดยรอบ
แต่ทั้งคู่บนเวทีประลองกลับไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งนี้ เวลานี้ ฉู่อวิ๋นก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ และพูดว่า “แม่นาง เข้ามาเถอะ เพราะท่านไม่คู่ควรกับกระบี่ของข้าหรอก”
“โอ้?!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อีน่าก็เปลี่ยนท่าทางพราวเสน่ห์เป็เ็าน่ากลัว “เช่นนั้นแล้วท่าน... จะต้องเสียใจเป็แน่!”
“ควับ!”
แสงหลากสีกะพริบผ่านตา อีน่าลงมือแล้ว นางสะบัดแถบแพรให้กางออก มันแวววาวคล้ายลายเมฆที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า
แถบแพรเส้นนี้ดูอ่อนหวานอย่างยิ่ง สีสันสดใสสวยงาม แต่ในชั่วพริบตา มันก็ส่งเสียงสายฟ้าดังลั่น ราวกับกระบี่อ่อนที่กำลังพุ่งเข้าหาฉู่อวิ๋น
“ควับ!”
ทันใดนั้น แถบแพรสายฟ้าอันชั่วร้ายก็พุ่งเข้ามาที่เขา ดวงตาของฉู่อวิ๋นปรากฎแววตื่นตระหนก เขาเอนตัวหลบไปด้านข้าง แต่ ณ ที่นั้นที่เขาเพิ่งยืนก็กลายเป็เศษหินกรวดแตกทลายเป็เศษเล็กเศษน้อยในทันใด ทั้งยังมีสีดำไหม้เกรียม
“ช่างเป็แถบแพรที่ทรงพลัง!” ฉู่อวิ๋นไม่แม้แต่จะคิด เขาก้าวเดินอย่างต่อเนื่อง ะโหลบไปรอบๆ เวทีประลอง หลีกเลี่ยงกระบี่แถบแพรที่แข็งราวกับเพชร
“ตึง!”
เขาะโขึ้นไปในอากาศ ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างรับการปะทะจากแถบแพรอย่างแรง ทำให้เกิดเสียงอื้ออึง นี่แสดงให้เห็นว่าแถบแพรนั้นทรงพลังและแปลกประหลาดเพียงใด
“หนุ่มน้อย เ้าจะหนีไปไหน?! จะหนีรอดจากเงื้อมือได้หรือ? ฮ่าๆๆ”
“เจ็ดอสรพิษร่ายระบำ!”
อีน่าหัวเราะเบาๆ ฉับพลันแววตาของนางก็เย็นเยียบ มือขวาร่ายคาถา มือซ้ายโบกแถบแพร สะบัดจนมันกลายเป็ลูกคลื่นล้อแสง
ในเวลาเดียวกัน เงาสีทองก็ปรากฏขึ้นข้างหลังนาง หากไม่สังเกตดีๆ คงไม่ทันเห็น
ภายใต้การโบกสะบัดอย่างต่อเนื่องของนาง แถบแพรหลากสีสันก็เปลี่ยนร่างเป็งูยาวเจ็ดตัวที่แตกต่างกัน หมุนวนและเต้นรำในเวหา เขี้ยวของพวกมันเปล่งประกาย
ยิ่งไปกว่านั้น ท่ามกลางการโจมตีที่น่าสะพรึงนี้ มีเส้นไหมเส้นยาวอยู่บนพื้นซึ่งแผ่ขยายออกไปอย่างเงียบๆ ไม่มีใครสังเกตเห็น
“มาแล้ว! นี่คือทักษะพิเศษของอีน่า! ไม่คิดเลยว่าแค่เริ่มนางก็ใช้กระบวนท่านี้เลย ดูท่าว่าความแข็งแกร่งของเด็กคนนี้จะประเมินไม่ได้จริงๆ!”
ทุกคนประหลาดใจ เจ็ดอสรพิษร่ายระบำนี้ เป็อีน่าที่ใช้ความพิเศษของแถบแพรและพลังปราณของตนเองสร้างขึ้น เส้นไหมบนพื้นก็เป็พร์ิญญายุทธ์ของนาง ช่อไหมฟ้า
หากผู้ใดโชคร้ายเข้าไปพัวพันกับเส้นไหมที่ขดไว้ จะขยับตัวไม่ได้ และจะถูกงูเจ็ดตัวกัดจนตาย
นี่เป็การผสมผสานทักษะที่โหดร้ายและรุนแรง
“ช่อไหมฟ้า? ิญญายุทธ์ของผู้หญิงคนนี้ มีวิธีควบคุมที่แปลกมาก” ซิวหลัวหน้าผีที่นั่งอยู่ข้างๆ ยกมือขึ้นลูบคาง แสดงท่าทีประหลาดใจ
ิญญายุทธ์มีหลายประเภท รวมถึงอาวุธ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ััทั้งห้า ทั้งอาจเป็ดอกไม้ ต้นไม้และวัชพืชก็ได้
ิญญายุทธ์ที่ไม่ใช่อาวุธ สัตว์ หรืออื่นใดจากนี้ จะถูกเรียกว่าิญญายุทธ์พิสดาร พวกมันมักจะมีความสามารถที่แปลกประหลาด และคล้ายจะมีคาถาอาคมเป็ของตนเอง
“ตึง!”
ยามนี้ ฉู่อวิ๋นเหยียบเท้าลงบนพื้น แต่ทันใดนั้นก็พบว่าตนเองขยับตัวไม่ได้
“อ๊ะ! เหยียบมูลสุนัขเข้าแล้วหรือ?”
ฉู่อวิ๋นขมวดคิ้วและมองลงไป ก่อนจะเห็นว่าขาของเขาถูกเส้นไหมสีทองพันอยู่ แม้ว่าจะดิ้นรนแค่ไหนก็ไม่อาจหลุดพ้นได้
----------
[1] เสวียนหนี่ หรือ เทพมารดาเสวียนหนี่ เทพธิดาผู้สอนยุทธวิถีแห่งาในตำนานจีนโบราณ ต่อมาได้รับการยกย่องว่าเป็เทพธิดาระดับสูง และเป็เทพคาถาในลัทธิเต๋า
[2] ดอกลิลลี่