พวกเขาสามคนเหาะออกจากสุสานใต้ดินและถ้ำใต้ดิน เมื่อกลับมาบนพื้นดิน สัตว์ผลึกเสวียนพลันพุ่งมาข้างกายเหลยชิงโหรว ร้องครางต่ำๆ ทำให้เหลยชิงโหรวหัวเราะเบาๆ
เหลยอวิ๋นถิงและเหลยชิงโหรวยกระดับขึ้นมากในถ้ำใต้ดิน
เหลยอวิ๋นถิงย่างสู่ขั้นแรกกำเนิดเก้าชั้นฟ้าและกำลังจะทะลวงขั้น ส่วนเหลยชิงโหรวย่างสู่ขั้นเสวียนฟ้าสามชั้นฟ้า การเลื่อนขั้นของคนทั้งสองทำให้เซียวเฉินผงกศีรษะอย่างพอใจ
สิ่งที่ทำให้เซียวเฉินใที่สุดคือสัตว์ผลึกเสวียนก็บรรลุและย่างสู่ระดับแปดเช่นเดียวกัน ต้องรู้ก่อนว่า ความเร็วในการเติบโตของสัตว์ปิศาจไม่ด้อยไปกว่าเผ่ามนุษย์เลย ย่างสู่ระดับแปดแทบเรียกได้ว่าเท่ากับขั้นเสวียนเต๋าหนึ่งชั้นฟ้าระดับสูงสุด
ดวงตาของเซียวเฉินเปล่งประกาย
ท่าทางพวกเขามีความสามารถเพียงพอที่จะต้านทานเหลยเหมี่ยวได้แล้ว
“อวิ๋นถิง กลับไปคราวนี้ หมู่บ้านเหลยถิงจะไม่สงบสุขอีกต่อไปแล้ว” เซียวเฉินเอ่ยเรียบๆ
เหลยอวิ๋นถิงผงกศีรษะ
บัดนี้ พวกเขาเติบใหญ่ ย่อมจะไม่อดทนปล่อยให้ผู้อื่นมาฆ่าฟันตามแต่ใจเหมือนในอดีต
เขาจะทวงทุกอย่างที่เป็ของเขาคืนมา!
“คราวนี้สมควรชิงสิ่งที่เป็ของข้าคืนมา” เหลยอวิ๋นถิงเอ่ยเสียงเ็า แม้บัดนี้ความสามารถของเขาจะอยู่แค่ขั้นแรกกำเนิดระดับสูงสุด แต่เขามั่นใจว่าจะเอาชนะผู้เข้มแข็งขั้นเสวียนฟ้าสามชั้นฟ้าลงไปได้
เพราะตอนนี้พวกเขาก้าวหน้าแล้ว
“มอบเหลยเหมี่ยวให้ข้าจัดการ สัตว์ผลึกเสวียนถ่วงผู้าุโสองคนได้ ผู้าุโสองคนที่อยู่ฝ่ายเ้าสามารถลงมือได้เช่นกัน คราวนี้พวกเราลงมือได้แล้ว แต่ต้องให้เ้าย่างสู่ขั้นเสวียนฟ้า แบบนี้จะยิ่งมั่นใจมากขึ้น”
“เซียวเฉิน เหลยเหมี่ยวเป็ผู้เข้มแข็งขั้นเสวียนเต๋านะ เ้า...” ระหว่างเอ่ยวาจา คนทั้งสองพลันใ พวกเขารู้สึกว่าเซียวเฉินย่างสู่ขั้นเสวียนฟ้าเก้าชั้นฟ้าแล้ว การเลื่อนขั้นเช่นนี้ทำให้พวกเขาตื่นตระหนก
มิน่าเล่า เซียวเฉินจึงมีความมั่นใจมากขนาดนี้
เซียวเฉินยิ้มกล่าว “ข้าได้พบโชควาสนาในสุสานใต้ดิน ตอนนี้ข้าไม่เห็นเหลยเหมี่ยวอยู่ในสายตา ดังนั้น คราวนี้พวกเราจะชิงหมู่บ้านเหลยถิงคืนมาได้ หลังจากกลับไปแล้ว รอเ้าบรรลุขั้นเสวียนฟ้า นั่นคือเวลาที่พวกเราจะลงมือ ระหว่างนี้ติดต่อผู้าุโสองท่านนั้นไว้ลับๆ ได้เลย”
คำพูดของเซียวเฉินทำให้พวกเขามีความกล้าขึ้นมากอย่างไม่ต้องสงสัย
เหลยอวิ๋นถิงพยักหน้า
“ได้!”
เมื่อเซียวเฉินขยับความคิด พื้นดินก็สั่นะเือย่างรุนแรงราวกับแผ่นดินไหว สุดท้ายเขาถึงกับถอนสุสานใต้ดินออกมาทั้งยวงภายใต้การจับจ้องของเหลยอวิ๋นถิงและเหลยชิงโหรว จากนั้น เขาควบคุมและเปลี่ยนเป็แสงเทพเข้าสู่ห้วงการรับรู้ของตนเอง เื่นี้ทำให้คนทั้งสองตะลึงงัน
พวกเขามองเซียวเฉินด้วยสีหน้าเหมือนมองเซียน
ในสายตาของพวกเขา เซียวเฉินดุจเทพเ้าที่สามารถทำได้ทุกอย่างและมักจะสร้างปาฏิหาริย์อยู่เสมอ
จากนั้น เซียวเฉินก็พาสองคนหนึ่งสัตว์จากไปอย่างรวดเร็ว บัดนี้เซียวเฉินย่างสู่ขั้นเสวียนฟ้าระดับสูงสุด ย่อมรวดเร็วสุดขีด แต่ยังมีสิ่งที่เร็วยิ่งกว่าเขา นั่นคือสัตว์ผลึกเสวียน
ฟุ่บ ฟุ่บ!
สามคนหนึ่งสัตว์เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง พริบตาก็มาไกลหลายกิโลเมตร
ผู้าุโของหมู่บ้านเหลยถิงกำลังรออยู่นอกเทือกเขาตั้งเทียน มีคนจำนวนไม่น้อยกลับมาล่วงหน้า และมีคนเริ่มทยอยกันกลับมา ในเวลานี้เอง มีเสียงสัตว์คำรามสะท้านฟ้าะเืดิน ไอหนาวเหน็บแผ่ปกคลุมฟ้าดิน
“ระวัง!” ผู้าุโสองคนมีสีหน้าแปรเปลี่ยน คุ้มกันทุกคนไว้ด้านหลัง มองไปข้างหน้าด้วยสายตาวาววับ
“โฮก!”
สัตว์ปิศาจขนาดั์ที่ทั่วร่างเหมือนผลึกน้ำแข็งตัวหนึ่งย่างเท้ามา อานุภาพน่าตระหนก ทันใดนั้น พวกเหลยเทียนซินก็มีสีหน้าน่าเกลียด
“สัตว์ปิศาจระดับแปด คราวนี้...”
สัตว์ปิศาจระดับแปดเทียบได้กับขั้นเสวียนเต๋า ส่วนคนทั้งสองแม้ได้ชื่อว่าขั้นเสวียนเต๋าครึ่งก้าว แต่ก็ยังห่างไกลจากผู้เข้มแข็งขั้นเสวียนเต๋าที่แท้จริงอยู่มาก
ชั่วขณะ ทุกคนก็มีสีหน้าน่าเกลียด
พวกเซียวเฉินสามคนเดินตามหลังสัตว์ผลึกเสวียน สีหน้าของเหลยเทียนซินยิ่งน่าเกลียดมากขึ้น “อวิ๋นถิง ชิงโหรว ระวัง! องค์ชาย พวกท่านรีบจากไปเสีย”
แต่วินาทีถัดมา สัตว์ผลึกเสวียนก็หมอบลงกับพื้น เหลยชิงโหรวเดินไปลูบหัว จากนั้นมันก็แบกนางไว้บนหลังพลางเดินไปหาทุกคนช้าๆ
ภาพนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง
สัตว์ปิศาจระดับแปดถึงกับยอมสยบต่อเหลยชิงโหรวเหมือนบ่าวรับใช้ เป็ไปได้อย่างไร?
เหลยอวิ๋นถิงยิ้มกล่าว “ผู้าุโ สัตว์ปิศาจตัวนี้รับชิงโหรวเป็นาย ไม่ต้องกลัว”
สีหน้าของพวกเหลยเทียนซินแดงก่ำอย่างเก้อเขิน
สัตว์ปิศาจที่คนทั้งสองยังหวาดกลัวไม่หายถึงกับเป็บ่าวรับใช้ของเหลยชิงโหรว เื่นี้ทำให้ใบหน้าของคนทั้งสองแสบร้อน
“ที่แท้ก็เป็เช่นนี้...”
ความโกลาหลจึงหยุดเพียงเท่านี้ คนของหมู่บ้านเหลยถิงทยอยกันกลับมา แต่ยังขาดอีกสิบสามคน ในบรรดานั้นมีเหลยอ้าวและเหลยเผิงรวมอยู่ด้วย!
เื่นี้ทำให้เหลยเทียนซินมีสีหน้าแปรเปลี่ยน
“มีใครในพวกเ้าเห็นพวกเหลยอ้าวกับเหลยเผิงหรือไม่” เหลยเทียนซินมองทุกคนและมองพวกเซียวเฉินสามคนเหมือนไร้เจตนา ทว่าทุกคนกลับเงียบ คิดแล้วก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจ
“อาจจะถูกสัตว์ปิศาจ...”
มีคนเอ่ยขึ้น ทุกคนที่นั่นวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา
ผู้าุโสองคนมีสีหน้าอึมครึมทันที ต้องรู้ก่อนว่า เหลยเผิงเป็อัจฉริยะที่หาได้ยากของหมู่บ้านเหลยถิง เป็ไปไม่ได้ที่จะมาสายในการทดสอบ หรือว่าจะ...
ทุกคนรออีกสามวันก็ยังไม่เห็นพวกเขากลับมา
เหลยเทียนซินจึงได้แต่พาทุกคนกลับไป
เซียวเฉินยิ้มหยัน “ต่อให้เ้ารออีกสามสิบปีพวกเขาก็ไม่กลับมา...”
ทุกคนอยู่ในบรรยากาศอึมครึมตลอดทาง
จนกระทั่งกลับถึงหมู่บ้านเหลยถิงจึงมีความกระตือรือร้นเข้ามาแทนที่ เพราะการทดสอบครั้งนี้พวกเขาทำผลงานได้ดีเป็พิเศษ
“รายงานหัวหน้าหมู่บ้าน การทดสอบหนึ่งเดือนเสร็จสิ้นแล้ว มีผู้เข้าร่วมทั้งหมดสามสิบหกคน แต่ขาดไปสิบสามคน” เหลยเทียนซินรายงานด้วยสีหน้าน่าเกลียด
เหลยเหมี่ยวมีสีหน้าแปรเปลี่ยน
“เพราะเหตุใด?”
“ถูกสัตว์ปิศาจสังหาร ในบรรดานั้นมีเก้าคนอยู่ขั้นเสวียนฟ้า ส่วนอีกสี่คนอยู่ขั้นแรกกำเนิด และมีเหลยเผิงกับเหลยอ้าวรวมอยู่ในนั้นด้วย...”
ตูม!
สีหน้าของเหลยเหมี่ยวเย็นเยียบอึมครึมทันใด
เขากวาดสายตามองทุกคน อานุภาพกดดันอันน่าสะพึงปกคลุมท้องนภา
เนิ่นนาน เหลยเหมี่ยวจึงเอ่ยช้าๆ “ช่างเถอะ ชะตาชีวิตของพวกเขาคงเป็เช่นนี้ ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ การทดสอบครั้งนี้สิ้นสุดลงแล้ว หมู่บ้านเหลยถิงจะจัดอันดับตามผลึกสัตว์ที่หาได้”
จากนั้น ทุกคนก็นำผลึกสัตว์ออกมาวางไว้บนแท่นสูงตรงเบื้องหน้า
ใบหน้าของเหลยอวิ๋นถิงและเหลยชิงโหรวประดับด้วยรอยยิ้ม เพราะเหลยชิงโหรวย่างสู่ขั้นเสวียนฟ้า ส่วนเหลยอวิ๋นถิงยังไม่เข้าสู่ขั้นเสวียนฟ้า ดังนั้น ครั้งนี้เหลยอวิ๋นถิงจะชิงอันดับหนึ่ง
นี่คือเื่ที่พวกเขาหารือกันไว้เรียบร้อยแล้วตอนกลับมา
เมื่อทุกคนเห็นผลึกสัตว์ที่อยู่เบื้องหน้าของเหลยชิงโหรวและเหลยอวิ๋นถิงก็ใสุดขีด ต่างพากันสูดลมหายใจหนาวเหน็บ
เพราะทั้งสองคนมีผลึกสัตว์เกินสองร้อยก้อน!
สุดท้ายเหลยอวิ๋นถิงได้อันดับหนึ่ง หาผลึกสัตว์ได้สองร้อยสิบสองก้อน เหลยชิงโหรวได้อันดับสอง หาผลึกสัตว์ได้สองร้อยสามก้อน เหลยอู่ได้อันดับสาม หาผลึกสัตว์ได้หนึ่งร้อยเจ็ดก้อน...
ทุกคนนิ่งอึ้ง
เหลยอู่ยิ่งหน้าแดงก่ำเหมือนตัวอัปลักษณ์น้อย รู้สึกว่าสามอันดับแรกช่างแตกต่างกันมาก ผลึกสัตว์ก็ต่างกันถึงร้อยกว่าก้อนทีเดียว
“สามอันดับแรกออกมารับรางวัลจากตระกูล...”
เหลยเทียนซินเอ่ยเสียงเข้มงวด เหลยอวิ๋นถิง เหลยชิงโหรว และเหลยอู่พากันเดินมาและก้าวขึ้นเวที