สุดท้ายหร่านซวี่จือก็ไม่ได้เห็นสถานที่ฝังศพของเซียวหง แต่กลับถูกหวังเฉิงหิ้วกลับบ้านเสียก่อน
ขณะที่ทั้งสองกลับบ้านนั้น หร่านซวี่จือเห็นคนถือไฟฉายมาแล้วส่ายไปมาอยู่หน้าประตูบ้านไป๋ ซึ่งตอนนี้ก็ดึกถึงเพียงนี้แล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่า้าจะทำอะไร
หวังเฉิงขมวดคิ้วและเปิดไฟฉายจากมือถือส่องไปทางนั้น พอแสงไฟส่องเข้าใบหน้าของคนคนนั้นก็เห็นว่าเป็จ้าวผิงนั่นเอง
“เหล่าจ้าว เวลานี้นายมาทำอะไรที่นี่? ”
จ้าวผิงเหมือนจะอึ้งไปแล้วหัวเราะ “เหอะๆ ฉันเดินผ่านมา เลยมาดูน่ะ”
หลังจากที่จ้าวผิงจากไป หร่านซวี่จือก็เดินไปตรงที่ที่จ้าวผิงยืนอยู่เมื่อครู่ แล้วมองเข้าไปก็สามารถมองเห็นห้องรับแขกในบ้าน
ตำแหน่งนี้สามารถมองเห็นห้องนอนของไป๋หลิงฮัวกับห้องของตนเองได้พร้อมกัน ประตูห้องของไป๋หลิงฮัวนั้นปิดอยู่ ส่วนประตูห้องของตนนั้นเปิดไว้
หวังเฉิงมองเงาด้านหลังของจ้าวผิงอย่างเยือกเย็น ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร
หร่านซวี่จือใช้กุญแจเปิดประตูบ้านเพื่อเข้าไปปิดไฟในห้องรับแขก เสียงหลอดไฟส่งเสียงดังเล็กน้อยก่อนจะดับไป
หร่านซวี่จือดึงอีกสองที หลอดไฟก็ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไร
“ไส้หลอดไฟคงขาดน่ะ” หวังเฉิงใช้โทรศัพท์ส่อง
หร่านซวี่จือ “พี่หวังซ่อมเป็ไหม? ”
“ถ้าเปลี่ยนหลอดไฟ ก็ทำได้” หวังเฉิงเอ่ย “ต้องรอตอนเช้า ขอฉันกลับไปหาว่ายังพอมีเหลืออยู่ไหม”
“อืม” หร่านซวี่จือเอ่ยต่อ แล้วเดินไปทางห้องของตนเอง “งั้นรอถึงพรุ่งนี้เช้าแล้วผมจะไปหาพี่ที่บ้าน”
หวังเฉิงยืนตรงอยู่ตรงหน้าประตู นานครึ่งค่อนวันถึงจะกลั้นใจเอ่ยออกมา “นี่ก็ดึกมากแล้ว”
หร่านซวี่จือ “? ”
“บ้านนายยังมีเตียงว่างพอให้นอนไหม? ” หวังเฉิงเอ่ยด้วยความหน้าแดง
“ไม่มี บ้านฉันมีแค่สี่ห้องนอน” หร่านซวี่จือเอ่ยตรงไปตรงมา “พี่จะไปนอนห้องเก็บฟืนไหม? ”
หวังเฉิง “เ้ากระต่าย นี่นายไม่มีหัวจิตหัวใจเลยหรือ ตอนนายมาบ้านพี่ นายนอนที่ไหนกัน? ”
“หืม” หร่านซวี่จือก้าวเท้าเดินไปข้างใน “งั้นผมไปนอนห้องเก็บฟืนเอง”
หวังเฉิง “…”
หลังจากหวังเฉิงจัดการล้างเนื้อล้างตัวจนสะอาดแล้วและกำลังจะเข้าห้องหร่านซวี่จือ ขณะเดินผ่านห้องของไป๋หลิงฮัว จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงจากด้านใน
เป็เสียงกรอบแกรบ เหมือนกำลังมีคนค้นของอะไรอยู่ในนั้น
ดึกขนาดนี้แล้วและถ้าอิงตามหลักแล้วไป๋หลิงฮัวก็น่าจะนอนไปตั้งนานแล้ว ไม่น่าลุกขึ้นมากลางดึกนี่นา
หรือว่ามีคนอื่นอยู่ข้างในอีก?
หวังเฉิงขมวดคิ้วแล้วเดินไปตรงประตูแล้วตั้งใจฟัง แต่กลับไม่ได้ยินอะไรและก็เงียบสนิท
คิดไปเองหรือ?
ขณะที่คิด หวังเฉิงก็ไม่ได้หยุดอยู่นาน เขาเปิดประตูห้องของหร่านซวี่จือแล้วเข้าไป
หร่านซวี่จือกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า ครึ่งท่อนบนนั้นจึงเปลือยเปล่า แผ่นหลังขาวดุจหิมะ เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู หร่านซวี่จือก็หันไปมองและสบตากับหวังเฉิงพอดี
หวังเฉิงเลื่อนสายตาลงด้านล่าง สายนั้นจรดอยู่ที่แผงอกขาวเนียนของเขา
“พี่หวัง พี่ไม่ได้ใส่กางเกงดีๆ ” หร่านซวี่จือสวมเสื้อแล้วเตือนเขา
หวังเฉิงเลิกมุมปาก เขาปิดประตูแล้วยืนอยู่ด้านนอกเพื่อสงบสติอารมณ์ตนเอง ขณะสูบบุหรี่ก็ครุ่นคิด
เ้ากระต่ายคงไม่ได้จงใจใช่ไหม?
กลางคืนตอนนอน หร่านซวี่จือเอาพัดลมเล็กมาด้วย
“นี่เอามาจากไหน? ” หวังเฉิงถาม
หร่านซวี่จือเสียบปลั๊กไฟ “แต่ก่อนมีคนให้พี่สาว แล้วพี่ก็ให้ผมน่ะ”
“ไป๋หลิงฮัว? ”
หร่านซวี่จือพยักหน้า
พัดลมค่อยๆ พัด ห้องนอนก็เริ่มเย็นลงมา หร่านซวี่จือกับหวังเฉิงนอนหลับตาอยู่บนเตียง แต่กลับนอนไม่หลับ เพราะต่างคนต่างคิดเื่ของตน
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทางฝั่งของหร่านซวี่จือก็ส่งเสียงลมหายใจที่สงบ
หวังเฉิงเอามือพาดท้ายทอยแล้วยันศีรษะไว้ เขารู้สึกว่าข้างกายตนเองเหมือนมีะเิเวลา
หลายนาทีผ่านไป หร่านซวี่จือก็พลิกตัวแล้วพาดแขนพาดขามาบนตัวของหวังเฉิง จากนั้นก็กอดเขาไว้เหมือนกับปลาหมึก
“…” หวังเฉิงเลิกมุมปากขึ้น นี่์ส่งคนมาทดสอบเขาอยู่หรือ?
หวังเฉิงเองก็พลิกตัว เดิมทีเขาอยากมองหน้าของหร่านซวี่จือ ไม่ทันระวังดันเหลือบลงไปเห็นหน้าอกแทน
เสื้อกล้ามที่หร่านซวี่จือใส่นั้นค่อนข้างใหญ่ เวลานอนตะแคงคอเสื้อจึงเปิดออก สิ่งที่เพิ่งเห็นก่อนหน้านี้กำลังกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะหายใจของเ้าของ
หวังเฉิงเอามือเลื่อนเข้าไปตรงขอบด้านล่างของเสื้อกล้ามและตั้งใจจะช่วยเขาดึงให้เรียบ
“พี่หวัง ผมยังไม่หลับ” หร่านซวี่จือเอ่ย
“ฉันรู้” หวังเฉิงตอบ
ทั้งสองคนจ้องตากัน
“นายตั้งใจจริงๆ ด้วย” หวังเฉิงต่อว่า
ท่ามกลางความมืดหร่านซวี่จือยกยิ้มมุมปาก เขาใช้หัวเข่าสะกิดหวังเฉิง “พี่โดนตัวผมแล้ว”
หวังเฉิงส่งเสียง “บ้าจริง” พลิกผ้าห่มออกแล้วขึ้นทับบนตัวของหร่านซวี่จือ ใช้มือหยิกแก้มของเขา “เด็กอย่างนายนี่ทำไมก้าวร้าวจริงๆ เลย? ”
ดวงตาคล้ายอัลมอนด์ของหร่านซวี่จือยิ้มโค้งขึ้น และเวลาที่ยิ้มนั้นดูก็สวยไปอีกแบบ สามารถดึงดูดคนได้เป็พิเศษ
“พี่หวัง ผมอยากจูบพี่”
เสียงหายใจของหวังเฉิงถี่ขึ้นไม่น้อย
หร่านซวี่จือกดท้ายทอยของเขาให้โน้มลงมา
ริมฝีปากของทั้งสองคนประกบกัน
หวังเฉิงใช้นิ้วมือช้อนคางของหร่านซวี่จือขึ้นมา ปลายลิ้นเลียเข้าไปที่เพดานบนของเขา ออกแรงจนหร่านซวี่จือรู้สึกว่าเพดานปากนั้นเสียวซ่านทั้งร้อนและเผ็ด
หร่านซวี่จือเชิดคางขึ้นตาม ขาสองข้างไขว้เกี่ยวเอวของหวังเฉิงไว้ ขณะจูบก็ยิ้มไปด้วย
“นายยิ้มอะไร? ” หวังเฉิงไม่พอใจ
หร่านซวี่จือ “พี่ไม่เคยจูบใครมาก่อนใช่ไหม? ” ในน้ำเสียงนั้นมีการเยาะเย้ยปนอยู่ด้วย
หวังเฉิง “…”
เมื่อเห็นหวังเฉิงหน้ามืดมนลง หร่านซวี่จือจึงรีบปลอบเขา “ผมไม่ได้หัวเราะพี่นะ ผมแค่ดีใจมาก จริงๆ นะ”
“ช่างมัน นอนกันเถอะ” หวังเฉิงยังคงโกรธอยู่ เขาลงมาจากตัวหร่านซวี่จือ แล้วหลับตานอนลง
หร่านซวี่จือกอดแขนของเขา “พี่ไม่เสียดายผมหรือ? ”
หวังเฉิง “ฉันเคยบอกว่าเสียดายนายหรือ? ”
“งั้นผมจะไปหาจ้าวผิง”
หวังเฉิงคว้าหมับไปที่เอวของหร่านซวี่จือแล้วดึงเข้ามาข้างกายตนเอง เอ่ยน้ำเสียงเหมือนควันออกหู “เชื่อไหมว่านายโดนฉันจัดการแน่? ”
หร่านซวี่จือหัวเราะเหอๆ
“นายมันร้ายนัก ชอบแกล้งฉัน”
“ก็พี่น่าแกล้ง”
หร่านซวี่จือจูบคางของเขา
หวังเฉิงหยิกแก้มของเขา “เื่เทคนิคไว้พี่หวังค่อยมาฝึกกับนาย”
จู่ๆ หร่านซวี่จือก็เริ่มรู้สึกเสียใจทีหลัง
หร่านซวี่จือ: “สองสามสาม ที่นายมียาที่ช่วยเกี่ยวกับเื่นั้นไหม? ”
ระบบ: “มี แต่่นี้ของขาดสต็อกครับ ถ้าอยากซื้อก็ต้องรีบหน่อย”
หร่านซวี่จือ: “หืม งั้นเอามาสิบกล่อง”
ระบบ: “…คุณรันไม่กลัวเหนื่อยตายหรือครับ? ”
หร่านซวี่จือ: “ไม่ ฉันเชื่อใจผู้ชายของฉัน”
ระบบ: “…”
หร่านซวี่จือส่งหวังเฉิงออกจากบ้านไปแต่เช้าแล้วก็กลับบ้านมาช่วยทำงาน เขาได้ยินเสียงเหมือนดังมาจากข้างนอก
หร่านซวี่จือวิ่งไปก็เห็นคนล้อมกันอยู่ตรงคันนาเป็กลุ่มใหญ่ เสียงดังอื้ออึงและมีเสียงร้องไห้ปนอยู่ด้วย
หร่านซวี่จือแหวกออกจากกลุ่มคน
ตรงคันนามีคนนอนอยู่ เสื้อผ้าคุ้นตามาก เหมือนกับเพิ่งเจอเมื่อวาน
จ้าวผิงนี่
จ้าวผิงก็เสียชีวิตแล้ว
คนที่อยู่ข้างจ้าวผิงคือแม่ของเขาซึ่งเป็คุณยายอายุแปดสิบ เธอกำลังคลานและร้องไห้อยู่กับพื้น
หร่านซวี่จือได้ยินคนรอบข้างพูดว่า มีคนมาพบจ้าวผิงตอนที่ออกมาทำงานใน่เช้าซึ่งตอนนั้นเขาก็เสียชีวิตไปแล้ว
ตอนเช้าที่พบก็เสียชีวิตแล้ว?
งั้นก็แปลว่าเสียชีวิตเมื่อคืน
หร่านซวี่จืออึ้งไปชั่วขณะ