ซุนเฟยและพัศดีโอเลเกร์ ทั้งสองคนพากันมาถึงเขตหวงห้ามหลังูเา
โชคดีที่พวกศัตรูที่บุกรุกเข้ามาเมื่อคืนเหมือนจะไม่รู้ว่าทางเข้าเขาวงกตใต้ดินอยู่ที่ไหน เมื่อไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ก็ทำได้แค่ค้นหาแบบลวกๆ ที่ด้านหลังูเา และได้ปะทะเข้ากับชายผมขาวเพียร์ซ ดร็อกบา และคนอื่นๆ หลังจากปะทะกันเพียงเล็กน้อย พวกมันก็รีบถอนตัวทันที เรียกได้ว่ามาไวไปไวจริงๆ ไม่มีใครได้รับาเ็หรือมีความเสียหายอะไร
“คนคนนั้นสวมชุดสีดำ ด้วยความที่มืดมาก ทำให้พวกเรามองรูปลักษณ์ของเขาไม่ชัดเจน...”
“เขาแข็งแกร่งมาก พวกเราไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้ในระยะสามเมตร...”
“คนคนนั้นเหมือนไม่อยากจะยุ่งให้มากนัก จึงไม่คิดสังหารใคร เพียงประมือกับพวกเราเล็กน้อยก่อนจะรีบถอนตัวจากไป...”
“เขาเหมือนกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง...”
เพียร์ซและคนอื่นๆ ดูละอายใจในขณะที่บอกเล่าเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อวานตอนเย็นให้ซุนเฟยฟังอย่างละเอียด สุดท้ายก็รู้สึกโล่งใจเล็กๆ ที่เื่จบลงด้วยดี ไม่มีใครตาย
เห็นได้ชัดว่า ผู้บุกรุกเมื่อคืนเป็คนที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง แม้แต่เพียร์ซและคนอื่นๆ อีกยี่สิบคนที่เป็บุรุษมีประสบการณ์ในการต่อสู้อย่างโชกโชนก็ยังไม่สามารถเป็คู่มืออีกฝ่ายได้ โชคดีที่ชายชุดดำคนนั้นไม่ได้คิดจะสังหารคน หลังจากเข้ามาค้นหาบางอย่างในูเาด้านหลังก็รีบออกไป เพียร์ซถือค้อนพยายามไล่ตามหลังชายคนนั้นไป แต่มันก็เล็ดรอดออกไปได้ แม้แต่ขนสักเส้นก็ยังหาไม่พบ
“ข้าทราบแล้ว พวกเ้ากลับไปประจำจุดเดิมของตัวเองก่อน!”
ซุนเฟยโบกมือให้ทหารยามถอยออกไป ก่อนจะพา ‘ลมกรดทมิฬ’ ไปตรวจสอบร่องรอยที่ผู้บุกรุกทิ้งไว้อย่างละเอียดทีู่เาด้านหลัง แต่ก็ไม่พบอะไรเลย แม้แต่ประสาทการดมกลิ่นของ ‘ลมกรดทมิฬ’ ก็ไม่มีประโยชน์ สุดท้ายหนึ่งคนหนึ่งสุนัขก็ยืนนิ่งอยู่ตรงเนินเขาของูเาด้านหลัง มองไปไกล ลมหนาวในตอนเช้าของปลายฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านร่าง สายลมนำพาใบไม้สีเหลืองปลิวว่อนอยู่กลางอากาศ ยามที่พระอาทิตย์สีทองสาดส่องลงมาทั่วเมืองแซมบอร์ด ทำให้เหมือนปราสาทสีทองในตำนาน
นี่เหมือนภาพวาดที่สวยงามและเงียบสงบ
นี่เป็บ้านเกิดเพียงแห่งเดียวของซุนเฟยในแผ่นดินอาเซรอท
“ไม่ว่าจะเป็ใคร ถ้ากล้ายื่นมือมาทางเมืองแซมบอร์ด บิดาจะตัดมือสุนัขของมันไม่ให้เหลือ!”
ซุนเฟยกำหมัดแน่นและแอบสาบานในใจอย่างเงียบๆ
ลมหนาวในยามเช้าพัดผ่านร่างของเขา ทำให้ซุนเฟยค่อยๆ ใจเย็นขึ้น
ไม่ช้าเขาก็พบว่า ความคิดก่อนหน้านี้ของตัวเองมันผิด เขาถูกคนอื่นจูงจมูกทั้งหมด ดังนั้นเขาถึงได้จนตรอกในตอนนี้ ความจริงแล้วมันมีเหตุผลเพียงข้อเดียวที่ทำให้เขาต้องเป็แบบนี้ นั่นก็คือแข็งแกร่งไม่พอ ไม่ว่าจะเป็ความแข็งแกร่งของซุนเฟยหรือเมืองแซมบอร์ด ล้วนแล้วแต่อ่อนแอมาก คิดๆ ดูแล้ว หากซุนเฟยมีพลังระดับสุริยะ หากเมืองแซมบอร์ดเป็ราชอาณาจักรระดับเก้า ยังจะมีใครหน้าไหนกล้าที่จะก่อความวุ่นวายในเมืองอีก?
ดังนั้น สำหรับซุนเฟยแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองและอาณาจักร
จากนั้นก็ใช้หมัดแก้ไขปัญหาทุกอย่าง
เมื่อคิดแบบนี้ ซุนเฟยก็รู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมา ความคิดชัดเจนขึ้น ไม่ช้าเขาก็อารมณ์ดีมากขึ้น ก่อนจะไปยังห้องโถงในเขาวงกตใต้ดิน ให้ทหารยามรักษาการณ์อยู่ด้านนอกส่วนตัวเองก็เข้าสู่โลก Diablo ไปที่หน้าจอโฮโลแกรมสามมิติแล้วเลือก ‘โหมดมือสังหาร’ แล้วเริ่มอัพเลเวลตัวละครมือสังหาร
เสียเวลาไปประมาณสามชั่วโมง ซุนเฟยก็สามารถทำเควสสำเร็จถึงสี่เควส คือ ‘กำจัดมอนสเตอร์ในถ้ำที่ชั่วร้าย’ ‘สังหารบลัด เรเว่น’ ‘ช่วยชีวิตเคน’ และ ‘ค้นหาค้อนเวทมนตร์’ ตัวละครมือสังหารก็อัพเลเวลถึงเลเวล 10 ในระหว่างนั้นซุนเฟยก็ได้ทหารรับจ้างสาวมาอีกคนชื่ออิไฮม์ลา เป็โร้กสาวสวยที่มีผมยาวสีเหลืองและมีทักษะธนูเวทมนตร์ธาตุไฟฟ้า ก็ไม่ได้เกินความคาดหวังของซุนเฟยเท่าไร นอกจากเอเลน่าที่เป็ทหารรับจ้างในโหมดคนเถื่อนแล้ว นางก็เหมือนกับทหารรับจ้างสาวคนอื่นๆ ผู้หญิงที่ชื่ออิไฮม์ลามีพฤติกรรมที่แข็งกระด้าง ไม่มีความสามารถในการคิดและสติปัญญาเป็ของตัวเอง ดูเหมือนเป็ NPC ธรรมดาๆ คนหนึ่ง
“นี่มันน่าแปลกใจจริงๆ ทำไมถึงมีเพียง NPC ของ ‘ค่ายโร้ก’ ในมิติของตัวละครคนเถื่อนถึงมีสติปัญญาเป็ของตัวเองได้ ทั้งยังดูเหมือนมนุษย์ที่มีเืเนื้อมีชีวิต แต่ NPC ในมิติอื่น ไม่ว่าจะเป็พาลาดิน จอมเวท หรืออีกหกตัวละคร แม้กระทั่งในแผนที่ของ ‘ลุกค์ โกลไลน์’ ในโหมดคนเถื่อนก็ไม่มีสติปัญญาหรือความคิดเป็ของตัวเองเลย?”
ความสงสัยนี้ปกคลุมทั่วหัวใจของซุนเฟย
หลังจากทำเควสที่สี่ใน ‘โหมดมือสังหาร’ เสร็จสิ้นก็เหลือเวลาอีกเพียงชั่วโมงเดียว ซุนเฟยจึงตัดสินใจไม่อัพเลเวลต่อ แต่เปลี่ยนเป็ ‘โหมดคนเถื่อน’ ซุนเฟยใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการเรียนรู้ทักษะปรุงยากับแม่ชีอาคาร่า และอีกครึ่งชั่วโมงก็ไปหาช่างตีเหล็กสาวชาร์ซี
“เฮ้ ปรมาจารย์การหลอมสาว ชุดเกราะที่ข้า้าเป็อย่างไรบ้าง?”
ช่างตีเหล็กสาวชาร์ซีที่กำลังวุ่นวายกับการยกค้อนเวทมนตร์ตีเหล็กเข้ารูป นางไม่สนใจจะพูดตอบเขาสักคำ นางเช็ดเหงื่อตรงหน้าผาก ก่อนจะโยนหมวกเกราะสีทองอร่ามไปให้ ค้อนในมือยังคงทุบเกราะส่วนอกดังกึงๆ “ข้ารู้ว่านายท่าน้าชุดเกราะพวกนี้อย่างเร่งด่วน ดังนั้นข้าจึงทยอยสร้างมันั้แ่เมื่อวานตอนเย็น แต่น่าเสียดายนักที่สร้างออกมาได้แค่หมวกเกราะอันเดียว...”
ซุนเฟยรับหมวกเกราะที่ชาร์ซีโยนมาให้ก่อนจะกล่าวขอบคุณ เมื่อสังเกตอย่างละเอียดแล้ว
หมวกเกราะสีทองอันนี้ ้าเต็มไปด้วยแสงสีทองปกคลุมจางๆ รูปแบบหมวกเกราะนี้ไม่เหมือนหมวกเกราะอัศวินที่เป็รูปตัวอักษร T แบบที่เห็นทั่วไปในแผ่นดินอาเซรอท ลักษณะของมันราวกับว่าสร้างมาจากทองคำ ทั้งสองด้านจะของหมวกเกราะมีเขาวัวสีทองสองเขาทำให้ดูดุดันและแข็งแกร่งอย่างบอกไม่ถูก ตรงกลางศีรษะมีเข็มแหลมสั้นสีทองชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า...หมวกเกราะนี้มีเวทมนตร์แปลกๆ เมื่อเขาตั้งใจมอง ราวกับเห็นวัวที่แข็งแรงและมีเขาวัวที่แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า พร้อมที่จะพุ่งชน
ทอรัส!
“สวยงามมาก! ฮ่าๆๆ นี่มันสวยงามจริงๆ! ชาร์ซี นี่คือสิ่งที่ข้า้า ฮ่าๆ เ้าทำออกมาได้สวยตามแบบที่ข้าวาดไว้เลย ด้านการตีเหล็ก เ้านับว่าเป็อัจฉริยะโดยแท้!”
+20 ป้องกัน สามารถโจมตีด้วยเวทมนตร์ธาตุไฟฟ้าเลเวล 1
นี่เป็คุณสมบัติของทอรัส
แม้ว่าถ้าเทียบกับหมวกเกราะที่ซุนเฟยใช้อยู่ในตอนนี้ หมวกเกราะทอรัสอาจจะดูอ่อนแอกว่าเล็กน้อย แต่คุณสมบัติกลับไม่ด้อยเลย และนี่เป็เพียงสิ่งที่ชาร์ซีทำขึ้นเพื่อฝึกฝน ในปัจจุบันนางสามารถใช้ได้เพียง ‘เกล็ดอัญมณี’ มาสร้างไอเทมเวทมนตร์ได้เท่านั้น รอจนเทคนิคการตีเหล็กของนางพัฒนาไปถึงขั้นที่สูงกว่านี้ จะสามารถใช้อัญมณีที่สูงกว่าในการสร้างไอเทมเวทมนตร์ และสามารถสร้างชุดเกราะที่มีคุณสมบัติแข็งแกร่งตามที่ซุนเฟย้า ซุนเฟยเชื่อว่า สักวันหนึ่ง ช่างตีเหล็กสาวแสนสวยคนนี้จะสามารถสร้างชุดโกลด์คล็อธทั้งสิบชุดที่สวยงามที่สุดออกมาได้
ยังเหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก่อนจะตัดสินใจออกจากโลก Diablo ซุนเฟยขอให้ชาร์ซีสร้างดาบเวทมนตร์ขึ้นมา
แต่ดาบเวทมนตร์ที่จะสร้างขอให้สร้างนั้น มีตัวดาบเปลี่ยนเป็สีทอง รูปร่างเรียบง่าย ไม่ต้องมีลวดลายอะไร ใบดาบขนานกัน ปลายยาวและแหลมคม ตัวใบดาบค่อนข้างกว้างและหนา สามารถใช้สองมือจับด้ามดาบได้ ตรงโกร่งดาบให้สร้างเหมือนอินทรีกางปีกและตรงครอบปลายมีลักษณะแปดเหลี่ยม...ด้วยอิทธิพลของพลังเวทมนตร์และอัญมณี ทำให้ตัวดาบดูมีเสน่ห์ เหมือนสามารถตัดผ่านทุกสิ่งทุกอย่างได้
+20 พลังโจมตี ตามมาด้วยความแม่นยำในการโจมตี +20%
นี่เป็คุณสมบัติพิเศษของดาบทองเล่มนี้
ซุนเฟยัักับดาบ ความเยือกเย็นไหลเข้ามาระหว่างนิ้ว “จากนี้เป็ต้นไป ข้าจะเรียกเ้าว่าเอ็กซ์คาลิเบอร์!”
ดาบศักดิ์สิทธิ์เอ็กซ์คาลิเบอร์ที่โลกเก่าเป็ท่าไม้ตายของแคปริคอร์น ชูร่า หนึ่งในสิบสองโกลด์เซนต์ เรียกได้ว่าท่าไม้ตายนี้สามารถตัดผ่าได้ทุกสรรพสิ่ง อานุภาพเกรียงไกร อาบด้วยแสงสว่างของพระอาทิตย์และพระจันทร์ เป็ดาบสองคมที่แม้แต่พระเ้ายังต้องหวาดหวั่น
ซุนเฟยหวังว่าดาบนี้จะสามารถอัพเกรดได้ แล้วสักวันหนึ่งระดับความคมของดาบจะเหมือนกับท่าไม้ตายของแคปริคอร์น ชูร่า
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็ถึงขีดจำกัดในการอยู่ในโลก Diablo ของวันนี้ ซุนเฟยจึงออกจากโลก Diablo แต่ก่อนจะออกก็ได้สื่อสารกับเสียงเ็าลึกลับในหัว เตรียมจะแลกเปลี่ยนเอ็กซ์คาลิเบอร์และหมวกเกราะทอรัสออกไปยังโลกแห่งความจริง
นี่เป็ครั้งแรกที่ซุนเฟยแลกเปลี่ยนไปไอเทมเวทมนตร์
ก่อนหน้านั้นนอกจากน้ำยาและอัญมณีแล้ว ม้วนคัมภีร์และอาวุธเขาไม่เคยแลกเปลี่ยนสำเร็จสักครั้ง ทุกๆ ครั้งคำตอบของเสียงเ็าลึกลับก็คือ ‘เลเวลไม่ถึง ไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้’ แต่เมื่อครุ่นคิดแล้ว เอ็กซ์คาลิเบอร์และหมวกเกราะทอรัสเป็สิ่งที่เขาออกแบบเองและเป็รายการใหม่ที่ชาร์ซีสร้างขึ้น ไม่ได้มีอยู่แล้วในเกม ดังนั้นเขาก็น่าจะลองดู
“...หมวกเกราะทอรัส อัตราความสำเร็จในการแลกเปลี่ยนหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ มูลค่าการแลกเปลี่ยนหนึ่งหมื่นเหรียญทอง เอ็กซ์คาลิเบอร์ อัตราความสำเร็จในการแลกเปลี่ยนหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ มูลค่าการแลกเปลี่ยนหนึ่งหมื่นเหรียญทอง ท่านยืนยันการแลกเปลี่ยนหรือไม่?”
คำตอบที่เสียงลึกลับเ็าตอบกลับมาทำให้ซุนเฟยดีใจออกนอกหน้า
คาดไม่ถึงว่าอัตราความสำเร็จในการแลกเปลี่ยนจะเป็หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ นี่เป็เื่ที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก
“ยืนยันการแลกเปลี่ยน!”
“อยู่ในระหว่างการแลกเปลี่ยน...แลกเปลี่ยนสำเร็จ นักรบซุนเฟย ท่านได้กระตุ้นทักษะ ‘การให้’ หนึ่งในทักษะเทพเ้า หมวกเกราะทอรัสและเอ็กซ์คาลิเบอร์ ท่านสามารถมอบให้คนอื่นใช้ได้ ไม่มีข้อจำกัด”
ซุนเฟยดีใจยิ่งกว่าถูกหวยเสียอีก
……
เขาวงกตใต้ดินูเาด้านหลังเมืองแวมบอร์ด
ซุนเฟยออกมาจากโลก Diablo กลับมาที่ห้องโถง
เขาครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะทำการอัญเชิญ เสียงวิ้งดังขึ้นในอากาศ ประตูมิติสีฟ้าปรากฏขึ้นมาในห้องโถง ช่างตีเหล็กสาวชาร์ซีเดินออกมาจากด้านใน
“ข้าจะหากลุ่มผู้ช่วยให้เ้า” ซุนเฟยหัวเราะก่อนจะชี้นิ้วไปช่างตีเหล็กซามูเอลและคนอื่นๆ ที่กำลังเหงื่อแตกพลั่กขณะที่ตีเหล็กเข้ารูปอยู่ด้านนอกห้องโถง และพูดกับช่างตีเหล็กสาวว่า “ถ้ามีผู้ช่วย บางที ความเร็วในการสร้างอาจจะเร็วขึ้น...จริงสิ หากเป็ไปได้ เ้าก็ช่วยสอนพวกเขาสักเล็กน้อย เทคนิคการตีเหล็กเข้ารูปของพวกเขาค่อนข้างแย่ หากเ้ารับพวกเขาเป็ลูกศิษย์ได้ นั่นคงเป็เื่ที่ดีมาก!”
ซุนเฟยทำตัวเหมือนตาแก่ที่พยายามหลอกล่อเด็กด้วยขนม เขาหวังแค่ว่าช่างตีเหล็กในเมืองแซมบอร์ดจะมีโอกาสได้เรียนรู้เทคนิคการหลอมระดับสูงจากชาร์ซี
--------------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้