“ไม่ว่าจะเป็คนเลวก็ดี เป็อันธพาลก็ช่าง ไม่ว่าจะเป็คนเช่นไรก็ล้วนเป็บุรุษของเ้า” เมื่อพูดจบ จวินเหยียนก็หัวเราะฮ่าฮ่าแล้วจากไป
ขณะเดียวกันอวิ๋นซีทำได้เพียงสะบัดหมัดใส่เงาหลังของเขาด้วยนึกอยากจะตบชายที่มักคิดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียวมาโดยตลอดผู้นี้ให้ได้รู้จักเข็ดหลาบเสียสักทีจริงๆ เมื่อใดบ้างที่เขาจะไม่หลงตัวเองถึงเพียงนี้ เมื่อใดบ้างที่เขาจะเป็เหมือนคนปกติได้สักที
“ทำไม อาซีของข้าตัดใจเดินจากข้าไปไม่ได้หรือ? ” เห็นนางยืนอึ้งอยู่ที่เดิม เขาก็อดหันศีรษะมามองไม่ได้ เป็นานถึงได้ยิ้มและถามขึ้น
อวิ๋นซีแค่นเสียงเ็า “ท่านนี่ก็หน้าไม่อายเกินไปแล้ว ใครเป็อาซีของท่านกัน”
“เ้าไงเล่าอาซีของข้า” เขาเลิกคิ้วยิ้ม จากนั้นก็เดินไปอยู่ข้างกายนาง จูงมือนางเดิน ในตอนนั้นเองพวกสาวใช้และเด็กรับใช้ที่เดินผ่านไปมาได้เห็นท่านอ๋องและพระชายารักใคร่กันเพียงนี้ ต่างก็พากันอิจฉา
พระชายาผู้นี้ถึงแม้ชาติกำเนิดจะธรรมดา ทว่าคนนับว่ามีวาสนาในเื่มนุษย์สัมพันธ์อันดีเป็อย่างมากกับคนในนครหานโจวนี้ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็ผลพวงมาจากวิชาแพทย์ที่สูงส่งของนาง และแน่นอนว่าต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ดีแบบที่ใครๆ ก็ไม่อาจปฏิเสธได้
เมื่ออวิ๋นซีและจวินเหยียนกลับไปถึงสวนชิงเฟิงก็ให้คนจัดเก็บสัมภาระ และให้เพ่ยเอ๋อร์ไปแจ้งต่อแม่นมและสาวใช้ของหวานหว่าน เพื่อให้พวกนางจัดเตรียมเสื้อผ้า ผ้าห่ม และข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็ต่างๆ ของหวานหว่านให้เรียบร้อย เพราะในวันพรุ่งนี้พวกเขาจะออกเดินทางไกลไปด้วยกัน
นอกจากนี้อวิ๋นซียังได้กำชับไว้ว่า ไม่เพียงต้องเตรียมเสื้อผ้าและผ้าห่ม แม้แต่ถ้วยช้อนตะเกียบที่ปกติหวานหว่านใช้กินดื่มก็ต้องเตรียมให้พร้อม หากเป็ผู้ใหญ่ย่อมหาอะไรใช้แก้ขัดไปก่อนได้ ทว่าเด็กน้อยนั้นไม่ได้ โดยเฉพาะสุขภาพของหวานหว่านที่ไม่ดีอยู่เป็ทุนเดิม ดังนั้น เสื้อผ้า ของกิน ของใช้ทั้งหมดของเด็กน้อยล้วนต้องเป็ของที่ใช้อยู่แล้วยามอยู่ที่บ้าน ส่วนคนข้างกายของหวานหว่านนั้นนอกจากแม่นมแล้วก็ไม่ได้พาใครอื่นไปด้วยทั้งสิ้น ขณะที่สาวใช้ประจำตัวของอวิ๋นซีทั้งสี่ นางก็เลือกพาไปเพียงเซียงเอ๋อร์และเพ่ยเอ๋อร์ ส่วนฉุนเอ๋อร์และหวนเอ๋อร์นั้นให้รั้งอยู่ในจวน เพื่อคอยจับตาดูเื่ต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายใน
ทว่า ในตอนนั้นเองที่อวิ๋นซีกำลังตรวจดูของที่สาวใช้ประจำตัวทั้งสี่ช่วยกันจัดเก็บว่ามีอะไรขาดตกหล่นไปหรือไม่ เสียงใสของเด็กน้อยก็ดังลอดเข้ามาจากนอกประตู “ท่าแม่ ท่านแม่ ท่านอยู่ข้างในหรือไม่เ้าคะ”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ นางก็รีบหันกายกลับไป ก่อนจะพุ่งตัวออกไปด้านนอกโดยเร็ว ั้แ่ที่รู้ว่าเด็กคนนี้คือเด็กน้อยน่าสงสารที่นางคลอดออกมาในตอนนั้น การปฏิบัติตัวของอวิ๋นซีต่ออีกฝ่ายก็เปลี่ยนไปราวพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน นางรีบเดินออกไปนอกประตู และทันทีที่เด็กน้อยเห็นผู้เป็มารดาเดินออกมาก็ไม่รอช้า รีบโถมกายเข้าใส่ในอ้อมแขนของอีกฝ่าย “ท่านแม่เ้าคะ พวกเราจะออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกด้วยกันใช่หรือไม่เ้าคะ? ”
อวิ๋นซีพยักหน้ายิ้ม พูดว่า “ถูกต้อง เสด็จพ่อเ้าต้องออกไปทำงานข้างนอก ดังนั้น แม่จึงตั้งใจจะพาเ้าไปด้วยกัน เป็อย่างไร หวานหว่านดีใจหรือไม่? ” ในจิตใต้สำนึก นางได้ถือว่าเด็กคนนี้เป็ลูกของจวินเหยียนไปแล้ว เพราะมีเพียงคิดเช่นนี้ บิดาผู้ให้กำเนิดของหวานหว่านถึงจะได้ไม่ไม่น่ามอง
ลูกที่น่าสงสารของนางที่เดิมไม่ควรจะมีอยู่ แต่เพราะแผนร้ายของผู้อื่นทำให้เด็กคนนี้ต้องมาเกิดในท้องของนาง ซ้ำร้ายยังต้องถูกพิษร้ายรุมเร้าทั้งๆ ที่ยังอายุน้อยเพียงนี้
“ดีใจ” หวานหว่านยิ้มพยักหน้า “ข้ารู้ว่าท่านแม่ดีที่สุดเลย”
“รู้ว่าแม่ดีที่สุด เช่นนั้นในวันหน้าไม่ว่าจะเกิดเื่ใดเ้าล้วนต้องเชื่อฟังแม่ และห้ามดื้อรั้น รู้หรือไม่? ” เพราะความรู้สึกผิดมากมายที่สุมอก ดังนั้น นางจึงหวังเป็อย่างยิ่งว่าในวันหน้าตนจะสามารถปกป้องดูแลอีกฝ่าย และชดเชยในสิ่งที่ติดค้างไว้ในหลายปีที่ผ่านมาได้
เมื่อเก็บสัมภาระเรียบร้อย อวิ๋นซีและคณะเดินทางก็เริ่มออกเดินทางกันั้แ่เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น โดยพวกเขาจากไปอย่างเงียบเชียบขนาดที่แม้แต่คนที่หยวนอวี่สั่งให้จับตามองเรือนชั้นห้าไว้ก็ยังทำได้แค่มองพวกเขาจากไปเฉยๆ กับตา แต่ไม่อาจรู้ได้ว่าพวกเขาจะไปยังแห่งหนใด
เมื่อคนเ่าั้ไปรายงานหยวนอวี่แล้ว หยวนอวี่ก็รีบลุกขึ้นมาสวมรองเท้าแล้วออกวิ่งไล่ตามไป ทว่ากว่าจะถึง ทุกอย่างก็นับว่าสายเกินไป ในตอนนั้นคณะเดินทางไม่ได้อยู่ที่นอกประตูแล้ว นางจึงได้แต่ต้องไต่ถามองครักษ์ที่เฝ้าประตู ก่อนจะได้ความว่าท่านอ๋องพาพระชายาและจวิ้นจู่น้อยเดินทางออกนอกนครหานโจว ส่วนสถานที่ปลายทางจะเป็ที่ใดนั้นหาใช่เื่ที่พวกเขาจะรู้ได้
หยวนอวี่ขอบตาแดงน้อยๆ ขณะเฝ้ามองหน้าประตูอันว่างเปล่าของจวนอ๋อง นางกัดริมฝีปากแล้วพูดเสียงเบา “พี่จวินเหยียน ท่านรังเกียจข้าถึงเพียงนี้เลยหรือ? ถึงขนาดว่าข้าที่เพิ่งมาถึงได้ไม่เท่าไร ท่านก็ต้องรีบร้อนจากไป”
อิ๋งอิ๋งกล่าวเสริม “บ่าวว่า เื่นี้จะต้องเป็พระชายาที่ให้หานอ๋องทำเช่นนั้นแน่เ้าค่ะ นางไม่้าให้หานอ๋องได้ใกล้ชิดกับคุณหนู จึงได้ใช้ลูกไม้ชั้นต่ำเช่นนี้”
องครักษ์ที่เฝ้าประตูอยู่เมื่อได้ยินถ้อยคำว่าร้ายสิ้นคิดนั้นก็พูดขึ้นเสียงดัง “แม่นางท่านนี้คงจะเข้าใจพระชายาผิดไปแล้ว ก่อนหน้าที่พระชายาจะแต่งเข้า ท่านอ๋องของเรามีเหตุให้ต้องเสด็จออกไปข้างนอกอยู่เป็ประจำอยู่แล้ว ทว่า คิดๆ ดูครั้งนี้คงเป็เพราะต้องจัดพิธีอภิเษกสมรสให้พระชายา ท่านอ๋องถึงได้ละเว้นจากการออกไปด้านนอกมาได้พักใหญ่แล้ว”
“นั่นสิ จริงอย่างเ้าว่า อีกประการ หานโจวนี้เป็เขตแดนพระราชทานของหานอ๋อง ดังนั้น ความเป็อยู่ หรือทุกข์สุขของประชาชนล้วนเกี่ยวข้องกับท่านอ๋องของเราเป็อย่างยิ่ง หากพระองค์ไม่เสด็จออกไปเยี่ยมเยียน เพื่อตรวจดูความเป็อยู่ของประชาชน แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ามีปัญหาใดเกิดขึ้นที่ตรงไหน หรือพื้นที่ส่วนไหนที่ยังปรับปรุงแก้ไขได้ไม่ดีพอ”
สตรีผู้นี้เป็คุณหนูสูงศักดิ์ที่มาจากเมืองหลวงจริงๆ จึงได้ไม่รู้แม้กระทั่งความยากลำบากของชาวบ้าน พระชายาของพวกเขานับว่าดีกว่ามาก ถึงแม้จะมีชาติกำเนิดที่ต่ำต้อย แต่นางกลับมีใจเป็ห่วงไพร่ฟ้าราษฎร เป็ห่วงท่านอ๋อง อีกทั้ง ตอนนี้ยังไปตรวจเยี่ยมประชาชนเป็เพื่อนท่านอ๋อง ช่างเป็พระชายาแสนดีที่เป็ห่วงแว่นแคว้นและประชาชนเช่นเดียวกับท่านอ๋องจริงๆ
น่าเสียดายที่คนภายนอกเห็นเพียงด้านที่พระองค์เอาแต่กินดื่มเสเพลไปวันๆ จึงไม่ได้ล่วงรู้เลยว่า เพื่อหานโจวแห่งนี้ ท่านอ๋องจะต้องขบคิดแล้วขบคิดอีก และเป็กังวลมากเพียงไร
หยวนอวี่แค่นเสียงเ็าก่อนจะเดินมุ่งหน้ากลับเข้าไปในจวนอ๋อง นางไม่เข้าใจเลยจริงๆ เหตุใดพี่จวินเหยียนถึงได้เขลาเช่นนี้ ทั้งๆ ที่หากแต่งนางเข้ามาก็ราวกับได้รับทางสายพิเศษให้ได้กลับสู่เมืองหลวง แต่เหตุใดเขาจึงยังโง่เง่าอยู่กับสตรีที่มีนามว่าอวิ๋นซีคนนั้นอีกนะ ทั้งยังเฝ้าอยู่ในสถานที่ที่สมควรตายดังเช่นหานโจวแห่งนี้ราวกับคนโง่
เมื่อเดินไปได้เรื่อยๆ นางก็รู้สึกเวียนหัวตาลายเล็กน้อย เตี๋ยอีที่อยู่ด้านหลังสังเกตเห็นความผิดปกตินี้ จึงรีบก้าวมาด้านหน้าเพื่อช่วยประคองนาง “คุณหนู ท่านไม่เป็ไรนะเ้าคะ”
ชั่วขณะนั้นหยวนอวี่ก็นึกถึงเื่ที่เมื่อวานให้อิ๋งอิ๋งไปสืบมา ซึ่งพบว่าคนนอกพื้นที่ที่มายังหานโจวนี้มีอยู่หลายคนจริงๆ ที่ประสบปัญหาไม่ถูกกับดินฟ้าอากาศ ส่วนคนที่สาหัสก็เป็ดังที่อวิ๋นซีพูดไว้ว่า คนอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ยิ่งกว่านั้น หลังจากสืบได้ความกลับมา เมื่อคืนนี้อิ๋งอิ๋งก็เอาแต่โอดครวญว่าอยากกลับเมืองหลวง ส่วนตัวนางในตอนนี้ก็เริ่มจะมีอาการเวียนหัวคลื่นไส้เหมือนกับที่อิ๋งอิ๋งไปสืบมาได้จากด้านนอกจวนไม่ผิดเพี้ยน
ทว่า หากจะให้กลับไปเมืองหลวงเช่นนี้ นางไม่ยินยอมแน่ เพราะกว่านางจะขอร้องบิดามาหานโจวได้ก็ช่างลำบากลำบนยิ่ง และหากพี่จวินเหยียนไม่ยอมแต่งกับนางในครานี้ เมื่อกลับไปยังเมืองหลวงอีกครั้ง นางจำต้องแต่งให้คุณชายท่านอื่น ถึงกระนั้นใจของนางก็ได้มอบให้พี่จวินเหยียนไปั้แ่เมื่อหลายปีก่อนแล้ว ด้วยเหตุนี้ นางจึงจินตนาการไม่ออกเลยว่า หากนางต้องแต่งให้ชายอื่นจริงๆ ชีวิตในวันหน้าของตนจะเป็เช่นไร?
นางกัดฟันพูด “ประคองข้ากลับไป” ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่มีทางไปจากที่นี่แน่ เพราะหากจะต้องกลับไป นางก็จะกลับไปพร้อมกับพี่จวินเหยียน
“คุณหนู” อิ๋งอิ๋งมองดูสีหน้าซีดขาวของคุณหนู ก่อนที่ขอบตาตนจะค่อยๆ แดงก่ำขึ้นมา “คุณหนู ท่านจะดื้อดึงต่อไปเช่นนี้ไม่ได้แล้วนะเ้าคะ หากว่าเกิดเื่อะไรขึ้นมาจริงๆ ละก็ จะลำบากเอานะเ้าคะ”
คุณหนูเป็บุตรสาวสายตรงเพียงคนเดียวของหยวนจวิ้นอ๋อง ดังนั้น หากเกิดเื่ขึ้นกับคุณหนูจริงๆ จวิ้นอ๋องจักต้องสังหารพวกนางที่เป็สาวใช้ข้างกายที่ได้เดินทางมากับคุณหนูเป็แน่
“หากว่าไม่สามารถแต่งให้พี่จวินเหยียนได้ ต่อให้ข้าต้องตายก็จะไม่ยอมกลับไป” นางไม่เชื่อว่าตนจะไม่มีวิธีจัดการกับอาการไม่ถูกกับดินฟ้าอากาศที่สมควรตายนี่ นางไม่เชื่อว่า์จะโหดร้ายกับตนเช่นนี้จริงๆ
ต่อให้จะต้องใช้ชีวิตของตนมาต่อกรกับ์ ยามนี้นางก็ไร้ซึ่งความหวาดกลัว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้