จุนห่าวเอาชนะหลิวสือไปหนึ่งยก เขาอารมณ์ดีขึ้นมาก นี่เป็ครั้งแรกที่เขาได้ออกแรงหลังจากข้ามเวลาทะลุมิติมา เขารู้สึกว่าทักษะของเขาไม่เพียงแค่ไม่ถดถอย แต่ยังพัฒนาขึ้นมากด้วย เมื่อใช้พลังปราณในการต่อสู้ ผลลัพธ์ที่ได้ดีกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก ครั้นพลังปราณเข้าสู่กำปั้น พละกำลังในหนึ่งหมัดเท่ากับหนึ่งเท่าตัวของเมื่อก่อน ขนาดมีพลังปราณเพียงขั้นที่หนึ่ง ถ้าพลังปราณเพิ่มสูงขึ้น ย่อมทำให้พละกำลังเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
จุนห่าวเดินกลับจวนเล็ก ๆ ของเขาด้วยจิตใจกระปรี้กระเปร่า หานรุ่ยกำลังนั่งเอนกายอยู่บนเก้าอี้กึ่งเอนนอนพลางอ่านหนังสือ เมื่อเห็นท่าทางกระปรี้กระเปร่าของจุนห่าว จึงเอ่ยถามว่า “เหตุใดถึงอารมณ์ดีเพียงนี้ เกิดเื่ดีอันใดหรือ” หานรุ่ยรู้สึกอยากรู้อยากเห็น หลังจากที่หานรุ่ยอยู่กินกับจุนห่าว เขาร่าเริงกว่าเดิมขึ้นมาก อันที่จริงเพราะอายุยังน้อย ความอยากรู้อยากเห็นจึงเห็นเป็สิ่งที่สำคัญ
“ไม่มีอันใด แค่วันนี้ได้พบคนที่ไม่คิดว่าจะได้พบเข้ามาหาเื่ข้า ข้าก็เลยจัดการพวกนั้นและออกกำลังกายไปนิดหน่อย ก่อนหน้านี้ ถ้าหากไม่ทำภารกิจก็ต้องฝึกร่างกาย หนึ่งเดือนมานี้ข้าไม่ได้ออกแรงเลย จนข้ารู้สึกว่าเนื้อตัวจะกลายเป็สนิมไปเสียแล้ว” จุนห่าวกล่าวพร้อมยักไหล่และนั่งลงบนเก้าอี้กึ่งเอนนอนที่อยู่ด้านข้างหานรุ่ย จากนั้นก็เล่าเื่ที่เพิ่งประสบพบเจอทั้งหมดให้หานรุ่ยฟัง
หลังจากที่หานรุ่ยฟังจบ จึงเอ่ยขึ้นว่า “หลิวสือคนนั้นชอบหาเื่ ที่นี่คือเมืองอวี้หวา หากเป็ที่อื่นหลิวสือตายไปคงไม่มีใครรู้ คนที่มีพละกำลัง แต่นิสัยไม่ดีมีอยู่ทุกที่ ที่อื่นไม่มีใครเห็นแก่หน้าตาตระกูลหลิวหรอก ตระกูลหลิวมีฐานะแค่เมืองอวี้หวาเล็ก ๆ แห่งนี้ และตระกูลเล็ก ๆ ในเมืองเย่ว์เซียนนั้น ก็มีมากมายเหลือคณานับ”
“ข้าจะไม่พูดถึงหลิวสือแล้ว เขาเป็แค่ขยะสังคม ที่ใช้ดวงตาหมา ๆ มองคนอื่นต่ำต้อย สักวันย่อมได้พบคนพาล ไม่ช้าก็เร็วเขาจะรนหาที่ตายเอง” จุนห่าวกล่าว คนอย่างหลิวสือถึงแม้จะใช้สายตาเก่ง แต่คนที่มีพละกำลังหลายคนพรางตัวเป็สามัญชนก็มีมาก หากหลิวสือสร้างเื่กับคนพวกนั้น ย่อมได้ผลไม่เป็ดังที่คิดแน่นอน
“เ้าอยากฝึกปรุงยาเพื่อเป็เย้าซือหรือ?” หานรุ่ยเอ่ยถาม เมื่อครู่ที่ได้ฟังจุนห่าวเขาได้ยินคำนี้อยู่ เย้าซือบนแผ่นดินชางหลานถือว่า เป็อาชีพหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็อย่างมาก
“อื้อ ยาิญญามีส่วนช่วยในการบำเพ็ญเพียรของเรา ทั้งยังสามารถสร้างรายได้ ข้าคิดว่าอาชีพนี้ ดียิ่งนัก เพียงแต่ข้าไม่มีใบสั่งยา หอหยุนเซียวมีขาย แต่แพงเหลือเกิน ดังนั้นข้าจึงวางแผนจะปลูกหญ้าิญญาอันล้ำค่าในเทศะ หญ้าิญญาที่พบเจอบ่อย ๆ ทำเงินได้ไม่เท่าไหร่ วันนี้ได้แค่หนึ่งต้น หนึ่งตำลึงเงินเอง” จุนห่าวถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย แต่เดิมเขาคิดว่าหญ้าิญญาหนึ่งต้น หนึ่งตำลึงเงินถือว่ามีมูลค่าสูงแล้ว ต่อให้เงินรายเดือนของร่างเดิมจะได้แค่สองตำลึงเงินต่อเดือน แค่นี้ก็ใช้ชีวิตสามัญชนได้ทั้งเดือนแล้ว ยามนี้จุนห่าวได้ทราบว่า สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรนั้น เงินสองตำลึงเงิน ไม่มีค่าอะไรเลย เห็นได้ชัดว่า ตระกูลจุนโหดร้ายกับร่างเดิมเพียงใด คนรับใช้ธรรมดาของตระกูลเดือนนึงยังได้สองตำลึงเงิน เท่ากับว่าจุนห่าวถูกปฎิบัติเยี่ยงคนรับใช้
“ได้ ปลูกในเทศะส่วนหนึ่งดูก่อน ทางที่ดีที่สุดพวกเราควรออกไปเช่าที่นาิญญาข้างนอกไม่กี่หมู่ ที่นาิญญาปลูกหญ้าิญญาได้เช่นกัน ถ้ารดน้ำจากบ่อโอสถเหมาะสม ข้าเชื่อว่ามันจะเติบโตได้ดี หญ้าิญญาในเทศะนั้นโตได้ดีเกินไปและเป็หญ้าิญญาชั้นดี มันจะสะดุดตาเกินไป ยาิญญาและยาวิเศษล้ำค่าหาซื้อได้ยาก นักพรตและนักรบส่วนใหญ่จึงกินหญ้าิญญาโดยตรงไปเลย แม้ว่าแบบนั้นจะสิ้นเปลืองไปบ้าง แต่ก็ได้ผลที่ใช้ได้เลยทีเดียว” หานรุ่ยกล่าวขึ้น เขาเป็พลเมืองที่นี่ จึงรู้ว่านักพรตและนักรบคลั่งไคล้หญ้าิญญามาก หากเขาเ่าั้รู้ว่า พวกเขามีหญ้าิญญาชั้นดีจำนวนมาก อีกทั้งตอนนี้พวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งอะไร แค่คิดก็พอรู้จุดจบของพวกเขาแล้ว
“เป็เพราะข้าคิดไม่ละเอียดถี่ถ้วน ข้าคิดแค่ว่าพรางตัวไปขายก็เพียงพอแล้ว แม้ว่าเทคนิคการพรางตัวของข้าจะใช้ได้ ทว่าที่นี่คือโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร เล่ห์เหลี่ยมแบบไหนก็มีหมด แม้จะพรางตัวก็รับประกันอะไรได้ไม่มากนัก อีกอย่างพวกเราไม่อาจพรางตัวได้ตลอดเวลา ถึงตอนนั้น ถ้าจู่ ๆ พลังปราณของเราเพิ่มขึ้น เราก็ไม่อาจอธิบายสาเหตุได้ ต่อให้ในสายตาของผู้อื่นเราจะเป็คนยากจนและไม่มีอะไรเลย อีกทั้งพร์อ่อนด้อย และไม่มีทรัพยากรด้านการบำเพ็ญเพียร ทำให้ดูไม่น่าจะเลื่อนขั้นได้ แต่ถ้าถึงตอนนั้นทุกคนคงสงสัยว่าเราต้องมีสมบัติล้ำค่าอยู่แน่ และชีวิตของพวกเราคงจะไม่สงบสุขอีกต่อไป เราควรจะมีทรัพย์สินของตัวเอง เมื่อหาเงินได้ย่อมซื้อทรัพยากรที่ใช้ในการบำเพ็ญเพียรได้ เช่นนั้นแล้วหากพลังปราณของเราเพิ่มขึ้น ก็จะไม่เป็ที่สะดุดตาใครแล้ว สำหรับการปลูกหญ้าิญญาถือว่าดี และขึ้นอยู่กับความสามารถของเราแล้ว คนที่ปลูกหญ้าิญญาได้ดีมีมาก เราจึงไม่ถือว่าเป็หัวหอก” จุนห่าวได้ฟังที่หานรุ่ยกล่าวแล้วนั้น เพราะเขาคิดไม่ละเอียดถี่ถ้วนพอ นี่คือโลกจินตนาการแห่งการบำเพ็ญเพียร ทุกอย่างย่อมเป็ไปได้หมด ทำอะไรโดยสอดคล้องกับความเป็จริงไว้จะดีที่สุด การร่ำรวยในชั่วข้ามคืนย่อมดึงดูดความละโมบของผู้อื่น
“นั่นแหละ เรากำลังจะมีลูก เพื่อให้พวกเขามีพื้นที่ปลอดภัยในการเติบโต ข้าไม่้าให้ลูกและเ้าใช้ชีวิตอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ” หานรุ่ยกล่าวพลางลูบท้องของเขา
“ไม่มีทาง ข้าไม่มีทางให้เกิดเื่เช่นนั้นแน่ จากนี้ไปถ้าข้าจะทำอะไรที่ใด ข้าจะคิดให้รอบคอบ ดีแล้วที่เ้าตักเตือนข้า พวกเราสองสามีภรรยา แต่ใจดวงเดียวกันช่วยกันพิจารณาให้รอบคอบ” จุนห่าวกล่าวพร้อมจับมือหานรุ่ย เขาเพิ่งจะมาถึงที่นี่ ฟังหานรุ่ยให้มากยิ่งดี
“อื้อ งั้นเ้าคิดว่า ควรปลูกหญ้าวิเศษชนิดไหนดี? การปลูกหญ้าิญญานั้นละเอียดอยู่ แต่ก็ไม่มากขนาดนั้น แค่เราปลูกหญ้าิญญาดี ๆ ได้ก็พอแล้ว”
“ถ้าปลูกหญ้าไหมเงินเปลวไฟโลหิต เ้าคิดว่าเป็อย่างไรบ้าง ตอนที่กลับมา ข้าได้ทำความเข้าใจมาบ้าง หญ้าิญญาชนิดนี้ดูแลไม่ง่าย จึงมีในท้องตลาดไม่มาก แต่เป็ที่้าของคนจำนวนมาก นี่เป็โอกาสของเรา” จุนห่าวกล่าวขึ้น นักพรตที่มีรากิญญาธาตุไฟใช้หญ้าิญญาชนิดนี้เพิ่มพูนพลังิญญาได้ และหากปลูกหญ้าไหมเงินเปลวไฟโลหิตชั้นดีได้ จะยิ่งช่วยให้นักพรตที่มีรากิญญาธาตุไฟบุกทะลวงจากลมปราณขั้นที่สี่ไปยังลมปราณขั้นที่ห้าได้ เปลี่ยนจากผู้ฝึกปราณระดับต่ำไปสู่ระดับกลางได้ มีหลายคนติดอยู่ในอุปสรรคนี้ ซึ่งไม่ใช่เื่ง่ายเลย ที่จะบุกทะลวงผ่านไปได้ จึงเห็นได้ว่า การปลูกหญ้าไหมเงินเปลวไฟโลหิตมีค่าเพียงใด ราคาของหญ้าิญญาชนิดนี้ มีราคาสูงมาก หนึ่งต้นของระดับต่ำ คือ 100 ตำลึงเงิน หนึ่งต้นของระดับกลาง คือ 1,000 ตำลึงเงิน และหนึ่งต้นของระดับสูงจะขึ้นอยู่กับการประมูลใน่นั้น ๆ ได้ยินมาว่า หนึ่งต้นสามารถประมูลได้ถึง 1,000,000 ตำลึงเงิน และนี่เป็แค่ราคาของเมืองอวี้หวา หากเป็เมืองใหญ่ ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้น
หานรุ่ยเห็นด้วยที่จะปลูกหญ้าไหมเงินเปลวไฟโลหิต ก่อนหน้านี้เขาเคยได้กินมาก่อน และได้ผลดีทีเดียว แต่หาซื้อยาก