อิ๋งเอ๋อร์ยืดตัวขึ้นหยิบเสื้อคลุมบนฉากกั้นที่เจียงเฉิงเยว่โยนไว้อย่างลวกๆ ลงมาแล้วยื่นให้เขา ขณะที่เจียงเฉิงเยว่สวมรองเท้าบูทอย่างลุกลี้ลุกลนก็รับมาคลุมบนร่าง จากนั้นมองอิ๋งเอ๋อร์แล้วสั่งด้วยใบหน้าซีดเซียว “ข้าไม่อยู่ที่นี่ ข้าจะออกไป...บอกนางว่าข้าจะไม่กลับมาในสิบวันหรือครึ่งเดือน เกลี้ยกล่อมให้นางจากไปดีๆ เล่า!”
อิ๋งเอ๋อร์ปิดปากยิ้ม “ตกลง”
ระหว่างที่เจียงเฉิงเยว่สวมเข็มขัดก็ขมวดคิ้วแล้วบ่นจากใจจริง “ข้ายอมแล้วจริงเชียว! สิ่งที่ควรพูดควรทำข้าก็พูดและทำไปหมดแล้ว! ขาดแค่ไม่ได้ลงมือทุบตีนางสักยกอย่างโเี้ แต่นางเป็สตรี ข้าลงมือตีนางไม่ได้จริงเชียว! สุดท้ายแล้วมีวิธีไหนที่จะทำให้นางหยุดตอแยข้าได้อีกกัน?!” เขาหันไปหาอิ๋งเอ๋อร์ “อิ๋งเอ๋อร์คนดี ช่วยข้าคิดวิธีหน่อยสิ?! เ้าเองก็เป็สตรี สุดท้ายแล้วคงมีวิธีรับมือกับนางมากกว่าข้า หรือมีวิธีใดที่จะทำให้คุณหนูใหญ่ผู้นี้ถอดใจและปล่อยข้าโดยสิ้นเชิง? หากสามารถจัดการเื่นี้ได้สำเร็จ จะให้ข้าคุกเข่าสามครั้งและคำนับเก้าครั้งเพื่อขอบคุณเ้าข้าก็ยอม!”
“นี่...” อิ๋งเอ๋อร์รู้สึกลำบากใจขึ้นมาเล็กน้อย
ขณะนี้พลันได้ยินเสียงฝีเท้าแว่วมาจากด้านนอกวิหาร ก่อนที่เสียงอันคุ้นเคยของเย่หลานจะดังขึ้น “ฉิงชางจวิน? อย่าได้ใช้ข้ออ้างว่าออกไปที่ใดอะไรเช่นนั้นมาเอาตัวรอดกับข้าอีก! ข้ารู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ในเมืองอี้หลี!”
เหล่าสาวใช้ของเจียงเฉิงเยว่กำลังง่วนอยู่กับการขวางนางพลางเกลี้ยกล่อม “คุณหนู ที่นี่เป็ห้องนอนของเ้าเมืองอี้หลี คุณหนูเย่หลานเข้ามาเกรงว่าจะไม่ค่อยสะดวก”
เจียงเฉิงเยว่โบกมือ หน้าต่างห้องนอนของเขาจึงเปิดออก เขาพลิกตัวะโออกจากหน้าต่าง บอกกับอิ๋งเอ๋อร์ด้วยเสียงต่ำ “บอกนางว่าข้า...บอกว่าข้าถูกตี้จวินเรียกไป!”
อิ๋งเอ๋อร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตกลง”
เพียงชั่วพริบตาเย่หลานได้เข้ามาแล้ว เจียงเฉิงเยว่เงยหน้าสบตากับนางด้วยความตกตะลึง คุณหนูใหญ่ผู้นั้นเรียก “ฉิงชางจวิน!” เจียงเฉิงเยว่กลับเคลื่อนไหวโดยใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาไปทันที
ถูกต้อง ไม่ผิด! มันคือเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา! นี่คือระดับของการหลบหนีที่มีเพียงความหวาดผวาเป็อย่างยิ่งต่อคุณหนูใหญ่ผู้นี้ ณ ตอนนี้
ภายหลังถูกบังคับให้ต้องหลบหนีออกจากเมืองอี้หลี เขาซึ่งไม่มีที่ไปคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทำได้เพียงวิ่งไปหาหลิวเฟิงที่เมืองจู้ยงเพื่อฆ่าเวลา อีกคนหนึ่งในสองผู้ยิ่งใหญ่แห่งปรโลกมองลงมาที่เขา เจียงเฉิงเยว่นั่งขัดสมาธิอยู่หน้าโต๊ะเตี้ยอย่างเรียบร้อย จากนั้นหันหน้าไปทางโต๊ะที่มีเหล้าและอาหารชั้นดี ไม่คิดว่าตนเองเป็คนนอก สิ่งที่ควรกินก็กิน สิ่งที่ควรดื่มก็ดื่ม สิ่งที่ควรสั่งก็สั่ง เขาให้สิทธิตนเองเป็เ้านาย
หลิวเฟิงเอ่ย “หากเ้ายอมก็จบแล้วนี่?”
เจียงเฉิงเยว่ยกถ้วยอยู่ กำลังจะดื่มสุรา เมื่อถ้อยคำเอ่ยออกมาเขาพ่นออกไป “อะไรนะ?”
หลิวเฟิงเอ่ยอีกครั้ง “แม่นางคนนั้นมีภูมิหลังที่ลึกซึ้ง เลี่ยหยางจวินเป็ลูกหลานของเผ่ามารา...เ้าเป็ลูกเขยในอุดมคติของเขา ทั้งสามโลกจะต้องเคารพและยอมเ้าสามส่วน อีกทั้งคุณหนูเย่ที่นับว่าดื้อรั้นและเอาแต่ใจ รูปร่างและรูปลักษณ์ไม่มีอะไรต้องกล่าวถึง เ้าลองคิดดู นี่คือพันธมิตรที่แข็งแกร่งเชียวนะ ได้กำไรโดยไม่เสียอะไรเลย! นอกจากนี้ ในเมื่อผู้อื่นตกหลุมรักเ้าแล้ว พุ่งเข้าหานั้นเป็ท่าทีที่จำเป็ เ้าก็ไม่มีที่ให้หนีแล้ว ความแตกต่างคือตนเองริเริ่มที่จะปล่อยวางกับถูกบังคับให้ปล่อยวาง สู้ให้เ้าริเริ่มสักหน่อย พยายามมีความรู้สึกดีเล็กน้อย เื่ดีๆ อย่างสาวงามทุ่มเทเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดเช่นนี้ มีคนเท่าไรที่ร้องขอแต่ไม่ได้มันมา เ้าเล่ามัวหนีอะไรอยู่?”
หลังจากเจียงเฉิงเยว่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังล้อเลียนตนเองจึงกลอกตา “เื่การมอบหัวใจเช่นนี้ ดูเหมือนว่าจะเหมาะกับท่านเ้าเมืองจู้ยงมากทีเดียว ไม่เช่นนั้น ข้าน้อยแนะนำให้ท่านดีหรือไม่?”
หลิวเฟิงปิดปากยิ้ม “นางชมชอบเ้า ไม่ใช่ข้า”
เจียงเฉิงเยว่คร้านจะทะเลาะ เขาพูดคุยเื่ล้อเล่นกับหลิวเฟิงเป็เวลานานแล้วจึงร่ายเคล็ดวิชาเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาอีกครั้งด้วยความหวาดผวา ไม่กล้าเข้าประตูไปโดยตรงจึงลงบนถนนด้านข้างจวน พลางสำรวจทั่วทั้งจวนอย่างละเอียด หลังไม่มีไอมารจึงกล้าเดินไปที่ประตูใหญ่อย่างอาจหาญ
เมื่อเดินไปได้สองก้าว จู่ๆ ฉิงชางจวินกลับชะงักฝีเท้า รับรู้อย่างฉับไวถึงลมปราณที่ไม่ประสงค์ดี เขาขมวดคิ้วแน่น ทันใดนั้นหันศีรษะไปมองจุดที่มีความแปลกประหลาดพุ่งขึ้นมา สายตาที่เฉียบคมของเขามองผ่านถนนที่พลุกพล่านไปบริเวณมุมถนน อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรอยู่เลย ช่างเงียบสงบ ความรู้สึกแปลกๆ นั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอยด้วยความรวดเร็ว เร็วจนราวกับว่าไม่เคยมีมาก่อน
เจียงเฉิงเยว่บีบขมับ ยังคงคิดอยู่ในใจ...หรือว่าตนเองถูกแม่มดน้อยผู้นั้นทรมานจนเป็โรคหมกมุ่นไปเสียแล้ว? ทั้งร่างราวกับนกที่ใคันธนูจนต้องมีทหารล้อมรอบ ขณะที่เขาเดินก็ขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด เขาก้าวเข้าประตูไปด้วยความงุนงง
“คุณชาย ท่านกลับมาแล้ว” เหล่าข้ารับใช้ในจวนมาต้อนรับเขา
ฉิงชางจวินรีบถาม “คุณหนูใหญ่ผู้นั้นไปแล้วหรือ?”
“ไปแล้วเ้าค่ะ แต่คุณชายไม่เห็น ครั้งนี้คุณหนูเย่หลานทำการใหญ่ นำผู้ติดตามกลุ่มหนึ่งมาจากโหลวจัว เห็นท่าทางนั้นแล้วราวกับว่ากำลังจะมัดคุณชายกลับไปแต่งงานด้วยทันที! เคยเห็นแต่ปล้นตัวฮูหยิน ยังไม่เคยเห็นปล้นตัวสามีอย่างครอบงำเช่นนี้มาก่อนเลย” สาวใช้พูดหยอกเย้าด้วยท่วงท่างดงาม
ฉิงชางจวินปฏิบัติต่อคนของตนเองเป็อย่างดีเสมอ ดังนั้น เหล่าสาวใช้ที่คอยรับใช้ในเมืองอี้หลีจึงไม่เกรงกลัวเขา เจียงเฉิงเยว่จ้องนางอย่างอารมณ์เสียแวบหนึ่ง “พอได้แล้วๆ คิดจริงหรือว่าข้าจะไม่ลงโทษเ้า? พูดจาเหลวไหลไร้สาระ”
สาวรับใช้ผู้นั้นรู้ว่าเขาพูดไปเท่านั้นเองจึงไม่ได้หวาดหวั่นมากนัก นางยิ้มอ่อนแล้วจากไปพร้อมกับสหายกลุ่มหนึ่ง เดินไปบนทางเดินชนเข้ากับคนผู้หนึ่งพอดี ทุกคนค้อมตัวคำนับหญิงชราก่อนเอ่ยเรียกด้วยความเคารพ “คุณหญิง”
ขณะที่อิ๋งเอ๋อร์เดินก้มศีรษะพลางครุ่นคิด ใบหน้าซีดขาว ดวงตาแดงก่ำ ท่าทางจริงจัง นางไม่ได้สนใจจึงไม่ตอบสนอง แม้ว่าเหล่าคนรับใช้จะแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เมื่อเห็นว่านางไม่ตอบกลับ ทั้งยังลุกขึ้นเองจากไปอย่างมีพิรุธ
เจียงเฉิงเยว่เห็นบางอย่างแปลกๆ จากระยะไกล จึงรีบเข้าไปถามด้วยความเป็ห่วง “อิ๋งเอ๋อร์ เ้าเป็อะไรไป?”
อิ๋งเอ๋อร์ใ ชั่วขณะกลับมามีสติสัมปชัญญะ รีบเงยหน้ามองเขาแล้วกล่าว “คุณชายกลับมาแล้วหรือ? ข้าจะไปสั่งคนเตรียมอาหารให้คุณชาย”
เจียงเฉิงเยว่เอ่ยอย่างเร่งรีบ “ไม่เป็ไร ข้ากินมาแล้ว” หลิวเฟิงไม่กล้าปฏิบัติต่อเขาไม่ดีอยู่แล้ว เขาจับไหล่ของนางพร้อมถามด้วยความกังวล “อิ๋งเอ๋อร์...เ้าเป็อะไรไป ทำไมดวงตาถึงแดงและบวมเช่นนี้ ใครรังแกเ้ากัน?”
อิ๋งเอ๋อร์ตกตะลึง รีบตอบ “ไม่มี ไม่มี...คุณชายอย่าได้คิดมาก” ขณะที่พูดนางดิ้นรนออกมาจากฝ่ามือของเจียงเฉิงเยว่
เจียงเฉิงเยว่ครุ่นคิดอย่างละเอียด เมืองอี้หลีนี้ไม่ว่าจะทั่วทั้งเผ่าผีในปรโลก ใครบ้างไม่รู้ว่าการกล้ารังแก ‘ข้ารับใช้’ ผู้นี้เปรียบได้กับการตบหน้าฉิงชางจวิน หากคิดดูแล้วจึงไม่มีใครใจกล้าเช่นนี้หรอก
เวลาต่อมา เื่ซุบซิบเ่าั้ในตลาดผีกลับยิ่งประหลาด มีหลายคนสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสองคน ยิ่งกว่านั้นถึงกับเยาะเย้ยอย่างมุ่งร้ายในรสนิยมที่ไม่เหมือนใครของฉิงชางจวิน กล่าวกันว่าผู้ใดก็ตามที่อายุแปดสิบปีขึ้นไปค่อยลงมาถึงสิบแปดปีนั้นจะไม่ปฏิเสธ สามลัทธิและเก้ากระแสในตลาดผีแห่งปรโลก ปกติแล้วพวกเหลือขอในสามโลกล้วนมีทั้งหมด ห้ามปากคนยากยิ่งกว่าห้ามสายน้ำ และตัวเจียงเฉิงเยว่เองคร้านที่จะโต้เถียงกับเหล่าคนโสโครก เพียงแค่ยามได้ยินถ้อยคำเหล่านี้แล้วอาจเป็มลพิษกับหู หากบังเอิญได้ยินพวกเขาทำเพียงขอโทษก็จบ เพราะอย่างนั้นจึงไม่มีความกังวลต่อการซุบซิบเื่เหล่านี้ ขอเพียงทำลับหลังฉิงชางจวินก็พอ
ฉับพลัน เจียงเฉิงเยว่นึกถึงสิ่งที่สาวรับใช้พูดก่อนหน้านี้ เขารีบถามอีกครั้ง “ใช่แล้ว วันนี้คุณหนูใหญ่ผู้นั้นยังพาคนจากโหลวจัวมาด้วยหรือ เป็คนเช่นไรกัน เ้าเกลี้ยกล่อมให้พวกเขาจากไปได้อย่างไร พวกเขาทำให้เ้าลำบากหรือไม่?”
อิ๋งเอ๋อร์รีบบอกด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีอะไร คุณชายอย่าได้เดาไปเรื่อย เมื่อไม่กี่วันก่อนไม่ใช่ว่าคุณหนูเย่หลานพาพี่ชายคนที่สามออกมาหรือ? คุณชายหวยซานผู้นั้นช่างมีรูปลักษณ์ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับข่าวลือจริงเชียว ทั้งรู้จักมารยาท บางทีหลังจากที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อาจไม่ยอมที่จะออกมากับน้องสาวอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าอีกก็เป็ได้ ซึ่งครั้งนี้มีการพาผู้ติดตามาุโที่อยู่ข้างกายบิดาของนางมาด้วย แม้ว่าเขาจะมีฐานะเป็ผู้ใต้บังคับบัญชา แต่หากดูท่าทางของคุณหนูเย่หลานแล้ว อย่างไรก็มีความเคารพต่อเขาเป็อย่างมาก คาดว่าเขาเองก็ถูกคุณหนูใหญ่หลอกเช่นเดียวกัน หลังจากที่รู้เหตุและผลแล้ว...จึงไม่ได้สร้างความลำบากให้พวกเรา”
เจียงเฉิงเยว่เอ่ยอย่างขบขันเล็กน้อย “เลี่ยหยางจวินมีคนเช่นนี้อยู่ข้างกายด้วยหรือ?”
อิ๋งเอ๋อร์พยักหน้ารับ
“แม้ว่าคุณหนูใหญ่ผู้นี้จะตอแยนัก แต่ทุกคนข้างกายนางนับว่าดี” เขาทอดถอนใจอีกครั้ง “ไปแล้วก็ดี เพียงแต่ไม่รู้ว่านางถูกพาตัวกลับไปครั้งนี้ จะสามารถอยู่อย่างสงบสุขได้อีกกี่วัน?” ขณะที่พูดก็ส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้
อิ๋งเอ๋อร์กลับเอ่ย “นางจะไม่มาอีกแล้ว”
เจียงเฉิงเยว่ตกตะลึง เขารู้สึกประหลาดใจขึ้นมา “จริงหรือ หมายความว่าอย่างไร?”
“ในเมื่อผู้ติดตามคนนั้นเป็คนข้างกายของเลี่ยหยางจวิน ข้าคิดว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเปรียบได้กับการพูดคุยกับเลี่ยหยางจวินโดยตรง ดังนั้นจึงบอกอย่างชัดเจนกับพวกเขาว่าคุณชายไม่ได้มีใจให้คุณหนูเย่หลาน คงทำได้เพียงทำให้คุณหนูเย่หลานต้องผิดหวังที่รักคนผิด ร้องขอพวกเขาว่าไม่ต้องมาอีกแล้ว”
“แค่นี้ก็จบแล้วหรือ ง่ายดายเช่นนี้เชียว? ถ้อยคำเช่นนี้ข้าเองก็เคยบอกกับนางไปแล้ว ทำไม่ข้าพูดแล้วถึงไม่เป็ผล...” จากนั้นเขาหยุดไปเล็กน้อยก่อนรู้สึกสบายใจขึ้นมา หากบอกกับเย่หลานด้วยตนเอง นางอาจเลือกที่จะมองข้าม ทว่ายาม ‘ผู้ปกครอง’ พูดย่อมแตกต่างออกไป สุดท้ายแล้วโหลวจัวเป็ตระกูลใหญ่ เกรงว่าอาจรู้สึกเสียหน้ากับคนผู้นี้ไม่ได้
เจียงเฉิงเยว่ตื่นเต้นเป็อย่างยิ่ง จากนั้นดึงมืออิ๋งเอ๋อร์ขึ้นมา “อิ๋งเอ๋อร์ นับว่าเ้าช่วยข้าอีกครั้งแล้ว! อิ๋งเอ๋อร์ บุญคุณและความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของเ้า เกรงว่าข้าอาจคืนให้ไม่หมด!”
อิ๋งเอ๋อร์ตกตะลึง รอยยิ้มจางหายไป
่เวลานี้เจียงเฉิงเยว่กำลังยินดีอยู่จึงไม่ทันได้สังเกต “นี่เป็ข่าวดียิ่งนัก ควรค่าแก่การดื่มสองแก้วเพื่อฉลองเป็อย่างยิ่ง ข้าจะไปเอาเหล้ามา!” พูดจบเขาหมุนตัววิ่งไปที่ห้องเก็บสุราด้วยตนเอง
“พี่ใหญ่…” จู่ๆ อิ๋งเอ๋อร์กลับเอ่ยเรียกด้วยเสียงแ่
เจียงเฉิงเยว่รู้สึกแปลกใจ เขาหยุดแล้วหันกลับมามองนาง ั้แ่เขาพาอิ๋งเอ๋อร์กลับมา นับแต่นางตัดสินใจที่จะติดตามเขาในฐานะทาสรับใช้ นางไม่เคยเรียกเขาเช่นนี้อีกเลย ปกติจะเรียกว่า ‘คุณชาย’ ด้วยความเคารพ ไม่กี่ปีก่อนเจียงเฉิงเยว่แก้ไขอย่างไรก็แก้ไม่ได้ ฉะนั้น การที่อิ๋งเอ๋อร์กลับมาเรียกในเวลาเช่นนี้ จึงทำให้เจียงเฉิงเยว่อดไม่ได้ที่จะหยุดเดินด้วยความประหลาดใจนัก
เจียงเฉิงเยว่ถามด้วยรอยยิ้ม “มีอะไรหรือ?”
แก้มของอิ๋งเอ๋อร์ที่แก่ชราไม่มีสีเืแม้แต่น้อย ใบหน้าโทรมไม่มีความอ่อนเยาว์อีกต่อไป แต่กลับมีแสงเป็ประกายแผดเผาในดวงตา หลังนิ่งเงียบอยู่นาน นางรวบรวมความกล้าแล้วถามอย่างระมัดระวัง “พี่ใหญ่...อิ๋งเอ๋อร์เป็อะไรสำหรับท่าน?”
ถ้อยคำนี้ถามอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ เจียงเฉิงเยว่นิ่งค้างเป็เวลานานจึงถามกลับ “อิ๋งเอ๋อร์...้าจะถามอะไร?”
อิงเอ๋อยิ้มอย่างขมขื่นครู่หนึ่ง นางถามอย่างหนักแน่น “ข้า้าถามว่าท่านให้ข้าเป็อะไรสำหรับท่าน?”
เจียงเฉิงเยว่ขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วจึงตอบ “แน่นอนว่าเป็ผู้มีพระคุณ หากไม่ใช่เพราะอิ๋งเอ๋อร์ ข้าอาจยังเป็ผีเร่ร่อนในหุบเขานั้นจนถึงทุกวันนี้ โอ้ ไม่สิ เป็ไปได้มากที่สายลมจะพัด โดนแสงแดดส่องจนิญญาแหลกสลายไปนานแล้ว”
อิ๋งเอ๋อร์ระบายยิ้ม ใบหน้านางยิ่งขาวซีด “นอกเหนือจากผู้มีพระคุณเล่า?”
วันนี้นางดูแปลกไปเล็กน้อยจริงเชียว เจียงเฉิงเยว่ยิ่งงุนงงมากขึ้น แต่กลับรู้ว่าคำตอบนี้ต้องสำคัญต่อนางมาก จึงครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน “อิ๋งเอ๋อร์ ไม่ใช่ว่า...เ้าเคยคำนับข้าเป็คนในครอบครัวหรอกหรือ? ข้าเองก็นับว่าอิ๋งเอ๋อร์เป็คนในครอบครัวแล้ว หากอิ๋งเอ๋อร์ไม่ถือสา ข้าจะนับว่าอิ๋งเอ๋อร์เป็น้องสาวแท้ๆ ของข้าแล้วกัน”
อิ๋งเอ๋อร์ตกตะลึงเป็เวลานาน จากนั้นยกมุมปาก พยักหน้าราวกับโล่งใจ นางตอบกลับอย่างสนิทสนม “ตกลง พี่ใหญ่”
เจียงเฉิงเยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก อดไม่ได้ที่จะเดินไปวางมือบนศีรษะของนาง ้าขยี้ผมของนางให้ยุ่งเหยิงด้วยความเอ็นดู แต่กลับเห็นว่านางติดปิ่นปักผมอย่างเรียบร้อยจึงไม่เหมาะที่จะทำนัก
วันหนึ่ง ภายหลังไม่กี่เดือนต่อมา อิ๋งเอ๋อร์มาพบเจียงเฉิงเยว่พร้อมกล่าวกับเขาอย่างจริงจัง “พี่ใหญ่ ข้า...้า ‘เกิดใหม่’ ”
เจียงเฉิงเยว่พลันนิ่งค้างไปทันที
------------------------
