หนิวต้าลี่อยากจะสั่งจองเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็ไปได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ยกประเด็นนี้ขึ้นมาั้แ่เนิ่นๆ หลังจากที่ได้ทำสัญญารับซื้อขายกับห้องเสื้อหลันเยว่ ยอดขายและกำไรของร้านค้าเขาก็พุ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เป็ที่เห็นๆ กันแล้วว่าเสื้อผ้าของหลันเยว่ขายดี สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมันกระตุ้นให้สินค้าอื่นๆ ในร้านของเขาขายดีไปด้วย ทำให้ร้านค้าของเขามีความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งกว่าร้านค้าประเภทเดียวกันในชิงไถ สิ่งนี้สำคัญที่สุด การที่สามารถกระตุ้นยอดขายของสินค้าอื่นๆ ได้ แสดงให้เห็นว่าร้านเสื้อผ้านี้ประสบความสำเร็จแล้ว
"หลันเยว่ พวกเธอวางแผนจะออกเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิเมื่อไหร่ มีแบบร่างอะไรให้ฉันดูก่อนไหม ถ้าดูแล้วใช้ได้ ฉันจะสั่งจองไว้ก่อนเลย จะได้ไม่ต้องรอสั่งทำหลังตรุษจีน"
เมื่อหนิวต้าลี่ได้ยินว่าหมี่หลันเยว่จะเริ่มผลิตเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิหลังตรุษจีน เขาก็แสดงอาการใจร้อนออกมาอย่างเห็นได้ชัด
"ฉันมีตัวอย่างแบบร่างเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิอยู่ในมือบ้างค่ะ แต่ยังไม่ได้ทำออกมามากนัก เอาอย่างนี้ไหมคะ เดี๋ยวกลับจากบ้านฉันแล้ว คุณลุงหนิวลองดูคร่าวๆ ก่อน ถ้าคุณลุงชอบแบบเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิพวกนี้ ก็สั่งจองพวกนี้ไปก่อน ส่วนแบบร่างที่ฉันจะทำออกมาหลังตรุษจีน ตอนนั้นคุณลุงค่อยมาดูอีกทีก็ได้ค่ะ"
ยังไงก็ตาม หมี่หลันเยว่มั่นใจในการออกแบบของเธอ แม้ว่าเธอจะยังไม่รีบทำแบบร่างเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิออกมา แต่ก็มีแบบออกมาแล้วกว่าสิบชุด เพื่อใช้สื่อสารกับหลิวเสี่ยวหว่านเกี่ยวกับรูปแบบเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิโดยรวม รวมถึงเส้นทางที่เสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิปีนี้จะเดิน ไม่อย่างนั้นคงไม่มีแบบร่างสิบกว่าชุดนี้
"แน่นอนสิ เดี๋ยวต้องนึกขึ้นมาให้ได้นะว่าต้องเอามาให้ฉันดู ถ้าฉันดูแล้วชอบ ก็ไม่ต้องรอมาดูหลังตรุษจีนแล้ว สั่งจองทั้งหมดที่ฉันดูแล้วถูกใจเลย ฉันเชื่อมั่นในการออกแบบของเธอ ถ้าแบบร่างพวกนี้ฉันชอบ แบบที่ออกมาหลังจากนี้ก็คงไม่ต่างกันมากนักหรอก"
"แถมจากที่ฉันประเมิน เธอยิ่งทำไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งดีขึ้น"
หนิวต้าลี่รู้จักนิสัยของหมี่หลันเยว่ดี เธอต้องทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้น ถ้าไม่ดี เธอยอมที่จะไม่ออกมาดีกว่าที่จะทำเสียๆ หายๆ เด็กคนนี้มีความดื้อรั้นอยู่ในตัว
"งั้นก็ขอยืมคำพูดดีๆ ของคุณลุงหนิวนะคะ ตรุษจีนนี้ ฉันจะต้องมีแต่ความโชคดี ทำอะไรก็ดีขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนค่ะ"
หมี่หลันเยว่แลบลิ้นออกมาอย่างซุกซน เมื่อถูกชมเชย เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกฮึกเหิมและตื่นเต้นเล็กน้อย ยังไงก็จะตรุษจีนอยู่แล้วนี่นา ก็ผ่อนคลายบ้าง
"แบบนี้สิถึงจะดี อย่าทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ตลอดเวลาเลย ฉันเห็นแล้วเหนื่อยแทน เด็กผู้หญิงก็ต้องมีความสดใสร่าเริงของเด็กผู้หญิง ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะบริหารธุรกิจของตัวเองอยู่ แต่ก็ไม่จำเป็ต้องพยายามทำตัวเหมือนผู้หญิงแก่ๆ พวกนั้นเลย ฉันชอบดูเธอทำอะไรตามใจมากกว่า"
หนิวต้าลี่รู้สึกสงสารหมี่หลันเยว่อยู่บ้าง เพราะยังไงปีนี้เธอก็อายุแค่สิบเอ็ดขวบ เป็สิบเอ็ดขวบที่ไม่จริงเอาเสียเลย เป็สิบเอ็ดขวบที่ยังไม่ผ่านแม้แต่วันสิ้นปี ไหล่เล็กๆ ต้องแบกรับภาระหนักอึ้งขนาดนี้ จะไม่ให้สงสารได้ยังไง
"ขอบคุณคุณลุงหนิวนะคะ ฉันไม่ได้พยายามทำตัวเป็ผู้ใหญ่จริงๆ ค่ะ จริงๆ แล้วนิสัยของฉันก็เป็แบบนั้นอยู่แล้ว"
ในส่วนลึกของจิตใจ หมี่หลันเยว่เป็ผู้หญิงอายุสี่สิบกว่าไปแล้ว เมื่อได้ยินหนิวต้าลี่บอกว่าอย่าพยายามทำตัวเป็ผู้หญิงแก่ๆ หมี่หลันเยว่ก็รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย ชีวิตสี่สิบกว่าปีที่ขโมยมานี้ ทำให้เธอโชคดีจริงๆ
"หลันเยว่ ฉันนับถือเธอจริงๆ นะ ทั้งเื่เรียน ทั้งบริหารร้านค้าและโรงงาน ยังทำได้ดีไปหมด ได้ยินจากเถียจู้ว่าเธอได้ที่หนึ่งทุกปี เป็เด็กดีที่ขยันขันแข็งจริงๆ แต่ฉันก็ต้องเตือนเธอ อย่าทำงานหนักเกินไป จัดเวลาของตัวเองให้ดีนะ"
"รู้แล้วค่ะ คุณลุงหนิว ฉันจะทำค่ะ ขอบคุณที่เป็ห่วงนะคะ ตอนนี้ฉันยังไหวอยู่ ทุกวันฉันจะกินข้าวตรงเวลา นอนหลับตรงเวลา ไม่ได้ทำให้ตัวเองเหนื่อยเกินไป ตอนกลางวันพวกเราก็เหมือนพนักงานที่เข้างาน ทำงานให้ครบแปดชั่วโมงก็พอค่ะ"
ในเื่นี้ หมี่หลันเยว่ทำได้ดีจริงๆ ไม่ได้ทำให้พนักงานเหนื่อยเกินไป เพียงแต่ว่าคนงานในโรงงานเพราะอาศัยอยู่ในโรงงาน ดังนั้นหลังอาหารเย็น พวกเธอจึงจะช่วยกันทำงานต่ออีกหน่อย ซึ่งทำให้หมี่หลันเยว่รู้สึกซาบซึ้งใจมาก
เธอเคยพูดคุยกับพี่ๆ แล้ว พี่ๆ บอกว่าเวลาอยู่ที่บ้าน เวลานี้ก็ต้องทำงานอยู่ดี พวกเขาไม่ได้รู้สึกว่าลำบากอะไร แต่ความเสียสละของพี่ๆ พวกนี้ หมี่หลันเยว่จดจำไว้ในใจ ดังนั้น ในภายหลังเธอจะมอบความขอบคุณและการตอบแทนให้แก่พวกเขา
"อืม เธอมีความคิดแบบนี้ก็ดีแล้ว คนเราจะดิ้นรนไปทำไม สุดท้ายก็แค่กินใช้อย่างจำกัด เพราะฉะนั้นสุขภาพสำคัญที่สุด มีร่างกายที่ดี อย่างอื่นต้องมาทีหลัง"
หนิวต้าลี่รู้สึกแบบนั้นอย่างลึกซึ้ง เพราะเมื่อหลายปีก่อนเขาเริ่มเดินทางไปทั่ว ทำให้เขาได้รับความลำบากอย่างแท้จริง
ตอนนี้อายุแค่สามสิบห้าสามสิบหกเท่านั้น แต่โรคต่างๆ มากมายก็เริ่มมาเยือนแล้ว ทั้งหมดเป็ผลมาจากการที่ตอนหนุ่มๆ อาศัยว่าร่างกายแข็งแรง ไม่ใส่ใจผลที่ตามมา ตอนนี้เสียใจก็สายเกินไป ทำได้แค่พยายามชดเชย แต่ร่างกายที่เสียหายไปแล้ว ก็ไม่สามารถกลับไปเป็เหมือนเดิมได้อีกต่อไป
"ทราบแล้วค่ะ คุณลุงหนิว ฉันจะดูแลตัวเองค่ะ"
ความห่วงใยของหนิวต้าลี่ ทำให้หัวใจของหมี่หลันเยว่อบอุ่น เพื่อนร่วมงานทางธุรกิจสามารถเข้ากันได้ถึงขนาดนี้ หมี่หลันเยว่ก็พอใจแล้ว
"ถึงแล้วค่ะ คุณลุงหนิว"
หมี่หลันเยว่ให้หนิวต้าลี่จอดรถที่หน้าบ้านของเธอ หมี่จิ้งเฉิงกำลังดูแลบ้านอยู่ในห้องหนังสือ เมื่อเห็นรถจอดอยู่ที่หน้าบ้านก็เดินออกมาจากห้องหนังสือ
"ว่าไม่ได้เลยนะ หลันเยว่ บ้านเธออยู่ใกล้ร้านค้าจริงๆ แบบนี้ไปทำงานก็ไม่ลำบากเท่าไหร่แล้ว"
หนิวต้าลี่พูดพลางเปิดท้ายรถ เริ่มยกของลง หมี่หลันเยว่รีบเข้าไปช่วย
"ใช่ค่ะ เพราะฉะนั้นคุณลุงหนิวไม่ต้องเป็ห่วงฉันนะคะ ฉันถือว่าไปเดินเล่น ไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้วค่ะ"
"หลันเยว่..."
ทั้งสองเพิ่งเริ่มลงมือ หมี่จิ้งเฉิงก็มาถึงข้างรถแล้ว กำลังเห็นลูกสาวคุยอยู่กับชายวัยกลางคนแปลกหน้า
"พ่อคะ นี่คือคุณลุงหนิว ลูกค้าของหนู คุณหนิวต้าลี่ค่ะ คุณลุงหนิว นี่คือพ่อของหนู หมี่จิ้งเฉิงค่ะ"
หลันเยว่รีบแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน
"คุณพ่อหมี่ สวัสดีครับ เรียกผมว่าต้าลี่ก็ได้ครับ ลูกสาวคุณคนนี้ เก่งเกินคนแล้วครับ"
หนิวต้าลี่รีบวางของในมือ ลงมาจับมือกับหมี่จิ้งเฉิง หมี่จิ้งเฉิงได้ยินว่าเป็ลูกค้าของลูกสาวก็ไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย รีบจับมือตอบอย่างกระตือรือร้น ชวนคนเข้าไปในบ้าน
"คุณต้าลี่ มาๆ เข้าไปนั่งในบ้านก่อน ดูสิ คุณอุตส่าห์เดินทางมาไกลถึงบ้านเราก็ลำบากแล้ว ยังเอาอะไรมาให้อีก ทำให้บ้านเราเกรงใจแล้วจริงๆ"
หลังจากหมี่จิ้งเฉิงจับมือเสร็จ ก็ดึงแขนคนเข้าไปในบ้าน
"คุณหมี่ๆ พวกเรายกของเข้าไปก่อน แล้วค่อยคุยกัน ดีไหมครับ? ผมไม่ได้เอาอะไรมีค่ามาหรอกครับ ลูกสาวคนเล็กของพวกคุณมีหลักการมาก ถ้าเป็ของขวัญที่มีราคาแพงเกินไป เธอไม่รับแน่นอนครับ เพราะฉะนั้นเป็แค่ของกินของใช้ในบ้าน อย่าเกรงใจเลยครับ"
เมื่อพูดถึงขนาดนี้แล้ว หมี่จิ้งเฉิงก็ต้องตามหนิวต้าลี่ไปเอาของที่ท้ายรถ เมื่อเห็นท้ายรถที่อัดแน่นไปด้วยของ เขาก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากนัก เขาไม่ได้คิดว่าของพวกนี้เป็ของบ้านตัวเองทั้งหมด คิดว่าหนิวต้าลี่กำลังตระเวนแจกของขวัญตรุษจีน
"เดี๋ยวก่อน...นี่จะขนไปให้หมดเลยเหรอครับ?"
แต่เมื่อเขาพบว่าเป็การขนของทั้งหมดเข้าไปในบ้านจริงๆ เขาก็ทนไม่ไหวแล้ว ของเยอะเกินไป ของขวัญหนักๆ ต้องมีอะไรแอบแฝง อย่าให้ลูกสาวต้องมีปัญหาในภายหลัง
"ครับ แค่แสดงน้ำใจเล็กน้อยครับ เร็วเถอะครับ ยกแป๊บเดียวก็เสร็จแล้วครับ"
หนิวต้าลี่ยัดกล่องดอกไม้ไฟที่อยู่ข้างๆ มือให้หมี่หลันซิง เด็กน้อยก็เข้ามาช่วยแล้ว แต่เขากลับหยิบแต่ของที่เขาสนใจเท่านั้น เช่น ดอกไม้ไฟ ประทัด และขนมหวาน
"คุณต้าลี่ แบบนี้ไม่ดีหรอกครับ คุณช่วยหลันเยว่เื่ธุรกิจ พวกเราก็ขอบคุณมากแล้ว ตอนนี้คุณยังซื้อของเยอะแยะขนาดนี้มาเยี่ยมบ้าน พวกเรารับไม่ไหวแล้ว ของที่เหลืออย่ายกเข้าไปเลย แค่นั้นก็พอแล้ว น้ำใจไม่ได้วัดกันที่ของเยอะแยะขนาดไหน"
หมี่จิ้งเฉิงยืนกรานที่จะไม่ให้ยกของลงไปอีก หนิวต้าลี่จะยอมได้ยังไง อุตส่าห์เกลี้ยกล่อมให้หมี่หลันเยว่ยอมรับของขวัญตรุษจีนของเขาได้แล้ว จะมายอมแพ้กลางคันไม่ได้ และในสายตาของเขา เป็แค่ของกิน ของใช้ ไม่ถือว่าเป็ของขวัญชิ้นใหญ่ เขาให้ของขวัญชิ้นใหญ่กับคนอื่นเยอะแยะ ของแค่นี้ไม่ถือว่าเป็ของขวัญด้วยซ้ำ
แต่เขาก็เห็นจากตรงนี้ว่าครอบครัวของหมี่หลันเยว่เป็คนที่มีศีลธรรมและซื่อสัตย์ ไม่เล่นเล่ห์เหลี่ยม การได้รู้จักกับครอบครัวนี้ก็เป็โชคดีของเขาเช่นกัน และการบริหารธุรกิจของหมี่หลันเยว่ก็ดีจริงๆ ครอบครัวที่ซื่อสัตย์แบบนี้ การร่วมมือในระยะยาวเป็สิ่งที่ทำได้แน่นอน
"คุณหมี่ อย่าเกรงใจผมเลยครับ ของยกมาถึงหน้าบ้านแล้ว จะเอากลับไปได้ยังไง ผมก็บอกแล้วว่าไม่ใช่ของมีค่าอะไร อย่าห้ามเลยครับ พวกเราเป็คนจริงใจ มาผลักไสกันอยู่แบบนี้ ให้เพื่อนบ้านเห็นก็ไม่ดี"
สองหนุ่มใหญ่ต่างก็เกรงใจกัน หมี่หลันเยว่กลับคล่องแคล่วว่องไว ยกของเข้าไปในบ้านหมดแล้ว เธอเกรงใจกับหนิวต้าลี่ไปรอบหนึ่งแล้ว รู้ว่าเขายังไงก็ต้องยกของพวกนี้เข้ามาในบ้านของเธอให้ได้ ถ้าอย่างนั้นก็รับไว้อย่างเต็มใจ หลังจากนี้ยังต้องไปมาหาสู่กันอยู่แล้ว ตัวเองค่อยหาวิธีตอบแทนน้ำใจกลับไปก็แล้วกัน
เมื่อเห็นว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้จริงๆ ลูกสาวและลูกชายก็ยังยกกันอย่างสนุกสนาน หมี่จิ้งเฉิงก็ต้องยกของที่เหลือให้หมด พาคนเข้าไปในบ้านด้วยความรู้สึกเหมือนได้รับเกียรติอย่างสูง ชงชาดีๆ ให้ดื่ม สองหนุ่มใหญ่กลับคุยกันถูกคอมากกว่า
"ผมได้ยินหลันเยว่เล่าให้ฟังแล้ว ั้แ่เธอสร้างโรงงานขึ้นมา คุณก็ช่วยเธอไว้เยอะแยะ ขอบคุณจริงๆ ครับ เธอยังเด็ก มีอะไรที่พูดจาไม่เข้าท่า ทำอะไรไม่รอบคอบ คุณก็ต้องอดทนด้วยนะครับ ยังไงเธอก็เรียกคุณว่าลุง มีอะไรผิดพลาด คุณก็เตือนเธอด้วยนะครับ"
"อย่าดูถูกลูกสาวคนนี้ของคุณไปเลย ไม่ต้องให้ผมเตือนเธอหรอก เธอเตือนผมเสียมากกว่า ถึงแม้ว่าจะเซ็นสัญญารับซื้อขายกับหลันเยว่ได้แค่ไม่กี่เดือน แต่ลูกสาวของคุณคนนี้ก็ให้คำแนะนำผมเยอะแยะ ทำให้ผมได้รับผลตอบแทนมากมายครับ"
"คุณหมี่ หลันหยาง หลันเยว่ ลูกของคุณนี่สุดยอดทั้งคู่ อย่าดูถูกอายุยังน้อย ทำผลงานได้ไม่ธรรมดา ไม่รู้ว่าคุณอบรมสั่งสอนลูกยังไงให้ดีขนาดนี้ ผมอิจฉาจริงๆ ผมอยากจะส่งลูกชายมาให้คุณช่วยสอนสักสองปีแล้ว"
ถึงแม้ว่าจะเป็คำพูดเล่น แต่ก็เป็ความปรารถนาในใจของหนิวต้าลี่ ดูลูกของบ้านสกุลหมี่สิ อบรมสั่งสอนได้ดีขนาดไหน
