หมอหลี่ลอบก่นด่าตัวไร้ประโยชน์อยู่เงียบๆ ก่อนยิ้มกล่าวเสียงเรียบ "ท่านหมอถัง เมื่อเป็ความเข้าใจผิดกัน ก็ไม่ต้องตรวจสอบต่อแล้วก็ได้ ให้แล้วกันไปแค่นี้เถิด"
ถังชิงหรูมองไปที่ฝูงชน ใบหน้าทอยิ้มเจิดจรัส "ในฐานะหมอคนหนึ่ง หากรู้อยู่แก่ใจว่ามีปัญหาแต่ยังปล่อยผ่าน พวกท่านคิดว่าเหมาะสมหรือไม่"
แน่นอนว่าพวกชาวบ้านย่อมเอนเอียงไปทางถังชิงหรู ทั้งจริยธรรมและคุณสมบัติของความเป็แพทย์ของหมอหลี่ด้อยถึงขนาดนั้น มีแต่คนโง่งมเท่านั้นแหละถึงจะคล้อยตาม ไปเข้าข้างคนพรรค์นั้นจะมีประโยชน์อันใด แม้ถังชิงหรูเพิ่งมาอยู่ที่นี่เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ แต่กระแสความนิยมและเลื่อมใสศรัทธาในตัวนางกลับเพิ่มพูนขึ้นทุกวัน นางกล่าวสิ่งใดย่อมเป็สิ่งนั้น
"เื่นี้มีพิรุธอย่างเห็นได้ชัด ต้องตรวจสอบให้ชัดแจ้ง ไม่แน่ว่าพี่ชายคนนี้อาจเสียชีวิตอย่างไม่เป็ธรรมก็ได้ ท่านหมอถังบอกว่าในลำคอของเขามีพิษ เช่นนั้นผู้ใดเป็คนวางยาเล่า" คนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นมา
"จริงด้วยๆ ควรให้นายอำเภอมาสอบสวนให้กระจ่างไปเลยดีกว่า จะปล่อยให้จบแบบมีเงื่อนงำเช่นนี้มิได้เป็อันขาด"
"เ้าฟางหู่ผู้นี้เป็คนสับปลับ ไม่แน่ว่าเขาอาจจงใจสังหารคนเพื่อมาใส่ความท่านหมอถังก็เป็ได้ ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต เขาต้องชี้แจงออกมาให้ชัดเจน"
ฟางหู่เห็นถังชิงหรูไม่ยอมรามือ จึงมิอาจระงับความหวาดวิตกได้ ร้องโวยวายออกมา "ข้ามิได้สังหารญาติผู้น้อง แม้ว่าข้าจะเหลวแหลกอย่างไร ก็ไม่กล้าเอาชีวิตคน เ้าเรียกตนเองว่าเป็หมอผู้มีคุณธรรมมิใช่หรือ เื่เล็กน้อยแค่นี้ยังถือสา จะคู่ควรกับฉายาผู้มีจิตเมตตาและเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมได้อย่างไร ข้าสำนึกผิดแล้ว ต้องทำอย่างไรถึงจะปล่อยข้าไป อย่าลำพองใจให้มันมากนัก คนที่กล้ายั่วโทสะบิดา อย่าหวังจะได้อยู่อย่างเป็สุข"
ถังชิงหรูทำทีตบอกเหมือนตระหนกอย่างมาก ก่อนส่ายหน้า มองฟางหู่ด้วยความผิดหวัง "เ้าทำความผิด ยังกล้ามาข่มขู่ข้า นึกว่าข้ากลัวมากงั้นรึ"
ฟางหู่เป็คนอารมณ์รุนแรง ถังชิงหรูก็ไม่ลดราวาศอกแม้แต่น้อย เขาพลันขาดสติกำหมัดเงื้อง่า ตั้งท่าจะจัดการกับถังชิงหรู ชั่วขณะนั้นหมอหลี่รีบดึงเขาไว้ ลั่นวาจาอย่างเฉียบขาด "จะก่อเื่อันใดอีก? เ้าเป็ฝ่ายผิดก่อนแท้ๆ ไฉนจึงทำผิดซ้ำผิดซากแบบนี้ ยังไม่รีบขอขมาท่านหมอถังอีกรึ"
ฟางหู่ลดความเกรี้ยวกราดทางสีหน้าลง เบิกตากว้าง เอ่ยด้วยน้ำเสียงกระโชกโฮกฮาก "ท่านหมอถัง ได้โปรดอย่าเอาความกับเื่นี้เลยขอรับ"
"เมื่อครู่การมาปรากฏตัวของเ้าส่งผลให้การรักษาคนไข้ของข้าล่าช้า เวลาเป็เงินเป็ทอง..." ถังชิงหรูมุ่นคิ้ว เผยสีหน้าลำบากใจ "ข้ารู้สึกหงุดหงิดกับเื่นี้ยิ่งนัก"
หมอหลี่แค่นเสียงเยาะหยันในใจ อุตส่าห์เล่นแง่อยู่เป็ครึ่งวัน ที่แท้ก็รอโอกาสอยู่นี่เอง อย่างที่ตนเองว่าใต้หล้านี้ไม่มีหมอคนไหนไม่คิดเื่หาเงิน ยังจะมาเฉไฉ แสร้งกระบิดกระบวน ผลสุดท้ายก็มิใช่เพื่อเงินหรอกหรือ
ฟางหู่มองหมอหลี่ ก่อนหันไปพูดกับถังชิงหรู "ข้ามีความผิด ท่านเห็นว่า... ควรจะชดใช้อย่างไร"
"เอาอย่างนี้เถิด" หมอหลี่เอ่ยแทรกขึ้นมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "หน้าที่ของหมอคือช่วยเหลือคนเจ็บไข้ ข้าทำให้ทุกท่านต้องเสียเวลา ระหว่างที่เสียเวลาอยู่นี้ไม่รู้ว่ามีคนป่วยอาการทรุดไปแล้วกี่คน หมอเยี่ยงข้าประกอบวิชาชีพอยู่ที่นี่มานานหลายปี ทุกท่านต่างก็ทราบดีว่าท่านหมอถังยุ่งจนแทบปลีกตัวไม่ได้ มิสู้ไปตรวจอาการที่โรงหมอของข้า รับรองว่าข้าจะรักษาทุกท่านให้หายอย่างแน่นอน"
ถังชิงหรูหลุดขำพรืดออกมา
ชาวบ้านที่มุงล้อมอยู่แต่ละคนต่างมีสีหน้าประหลาด ถอยห่างออกจากหมอหลี่หลายก้าว
หมอหลี่เห็นเช่นนั้น แววตาพลันมืดมิด
ฟางหู่หดคอเข้ามา เอ่ยว่า "ขะ... ข้าไม่มีอันใดสักอย่าง เื่นี้ก็ไม่ใช่ข้า..."
"เมื่อทุกท่านไม่ยินดี ก็ช่างเถิด ดูท่าฝีมือการรักษาของข้าคงมิอาจเทียบกับท่านหมอถังได้จริงๆ มิเช่นนั้นทุกท่านคงไม่ตั้งแง่รังเกียจขนาดนี้ แต่ข้าเห็นว่าฟางหู่เองก็กระทำไปโดยไร้เจตนา ก็น่าเห็นใจอยู่ เอาเป็ว่าข้าจะให้เขายืมสิบตำลึง เป็ค่าเสียเวลาชดเชยให้แก่ท่านหมอถังก็แล้วกัน" หมอหลี่กล่าวด้วยสีหน้าดำทะมึน
ถังชิงหรูปรายตาไปที่ฟางหู่ ก่อนหันกลับมาสนทนากับหมอหลี่ "อาการของคนไข้หลายคนต้องทรุดหนักกว่าเดิมเพราะเขา เงินแค่สิบตำลึงคิดว่าซื้อเวลาได้งั้นหรือ หนึ่งร้อยตำลึงขาดตัว"
"หนึ่งร้อยตำลึง!" ฟางหู่ร้องลั่น "ไยท่านมิไปปล้นชิงเอาเลยเล่า"
"นั่นคือสิ่งที่เ้าอยากทำ หากข้าไปตัดหน้า เ้าก็ตกงานพอดีน่ะสิ" ถังชิงหรูยิ้มเยาะ "ดูท่าเ้าคงมิได้สำนึกผิดจริงๆ สินะ เช่นนั้นก็ช่างเถอะ แจ้งทางการ"
"อย่านะ" ฟางหู่รีบเข้าไปขัดขวาง
"ได้ ร้อยตำลึง ข้าให้ยืม" หมอหลี่กัดฟันพูด ก่อนหยิบเงินร้อยตำลึงจากอกเสื้อส่งให้
ถังชิงหรูเอื้อมมือไปรับ แต่หมอหลี่นึกเสียดายและปวดใจอย่างยิ่ง จึงยึดตั๋วเงินไว้ไม่ยอมปล่อย ถังชิงหรูยกยิ้มน้อยๆ เอ่ยว่า "หากถ่วงเวลาไปอีกหนึ่งเค่อ[1] ต้องจ่ายเพิ่มสิบตำลึง"
ในที่สุดหมอหลี่ก็ปล่อยมือ แล้วพูดกับนางว่า "พ่อหนุ่ม อายุยังน้อยควรจะถ่อมตนเสียบ้าง มิเช่นนั้นหากวันใดฟ้าถล่มลงมา เกรงว่าเ้าจะร่างแหลกกระดูกป่นปี้ สิ้นหนทางรอดชีวิต"
"ท่านกล่าวมามิผิด แต่ยามหนุ่มสาวหากไม่ปลดปล่อยพลังอย่างเต็มที่ หรือต้องรอจนแก่หงำเหงือกค่อยวางอำนาจ เกรงว่าถึงเวลานั้นคงไม่มีแรงให้เบ่งแล้ว"
หมอหลี่มองถังชิงหรูด้วยสีหน้าแข็งกร้าว ก่อนหันไปพูดกับฟางหู่ "หามศพญาติผู้น้องของเ้ากลับไปฝังให้เร็วหน่อยเถิด"
ฟางหู่มองหมอหลี่อย่างหวั่นเกรง เอ่ยรับคำ "ขอรับ"
พอฟางหลี่แบกศพขึ้นมา ชาวบ้านต่างรีบถอยหลบทางให้ ศพถูกทิ้งอยู่ที่นี่มานานแล้ว สภาพไม่น่ามองนัก
ถังชิงหรูเห็นคนน่ารังเกียจไปแล้ว ก็หันไปพูดกับคนอื่นๆ "หากไม่มีอะไรแล้วก็แยกย้ายกันเถิด ผู้ใดยังอยากตรวจโรคก็กลับไปต่อแถว เวลาไม่เช้าแล้ว หากอาการไม่หนักหนาพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เชื่อว่าคงทำให้ทุกท่านต้องเหนื่อยล้า แต่ก็ใช่ว่าไร้ประโยชน์เสียทีเดียว เงินร้อยตำลึงนี้ ต่อไปข้าจะเอามาใช้ซื้อยาให้แก่ทุกท่าน"
"ท่านหมอถัง ช่างเป็ผู้ประเสริฐโดยแท้" มีคนกล่าวด้วยความตื้นตัน
"ใช่แล้ว ท่านถูกคนใส่ร้ายป้ายสี กว่าจะได้เงินร้อยตำลึงมาเป็ค่าเสียหายมิใช่ง่าย แต่กลับเอามาใช้จ่ายเพื่อพวกเรา ขอบคุณท่านหมอจริงๆ"
ถังชิงหรูโบกมือปราม กล่าวว่า "มิต้องเกรงใจขนาดนี้ก็ได้ ข้ารู้ว่าคนเจ็บป่วยทุกข์ทรมานแค่ไหน อย่านึกว่าข้าเป็หมอ แล้วต้องอยากเห็นคนป่วยไข้ แท้จริงแล้วสิ่งที่ข้าไม่้าเห็นที่สุดคือคนเจ็บไข้ได้ป่วย ข้าปรารถนาให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงไร้โรคภัย ดีกว่าต้องมาหาข้าเพราะล้มป่วยอยู่ทุกวัน"
ด้านนอกของฝูงชน มีรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่ คนในรถเลิกม่านขึ้น มองไปยังใบหน้ายิ้มแย้มของ 'หนุ่มน้อย' ที่อยู่ท่ามกลางวงล้อม ความเลื่อมใสศรัทธาวาบผ่านแววตา
"นึกไม่ถึงเลยว่าที่นี่จะมีหมอผู้เปี่ยมไปด้วยความเมตตาเช่นนี้" คุณชายสูงศักดิ์ในรถม้าเอ่ยปาก "น้องิช่างปกครองคนได้ยอดเยี่ยมนัก"
"ใช่แล้ว คาดไม่ถึงว่าชิ่งอ๋องจะปกครองที่นี่ได้ดีขนาดนี้ ยามจากเมืองหลวงมาตอนนั้น ยังคล้ายเป็เด็กชอบก่อเื่อยู่เลย ทำให้คุณชายต้องวิตกกังวลมาตลอดหลายปี บัดนี้คงมิต้องเป็ห่วงแล้วกระมัง" บุรุษผู้บังคับรถม้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พลางตั้งจีบดอกบัว[2]กลางอก อย่างนึกประหลาดใจ "คุณชาย ยังจะดูอีกหรือไม่"
"โรงหมอสุขสราญงั้นหรือ" ชายหนุ่มมองป้ายที่แขวนอยู่หน้าร้าน "กลับไปบอกกับน้องิด้วย ให้เขาดูแลท่านหมอผู้นี้ให้ดี มีเสาหลักเช่นนี้นับเป็โชคดีของแว่นแคว้น เสียดายที่ข้าไม่มีอำนาจ มิเช่นนั้นก็คงพากลับเมืองหลวงไปด้วยกัน ชื่อเสียงความเป็หมอผู้เปี่ยมคุณธรรมของเขาจะได้ขจรขจายไปทั่วหล้า"
"คุณชาย ไม่ช้าก็เร็วย่อมมีวันนั้น เ้าหนุ่มคนนี้นับว่ามีบุญวาสนายิ่ง ที่ได้รับความสำคัญจากคุณชาย" คนบังคับม้ากล่าว
"ไปเถอะ" ชายหนุ่มผู้นั้นออกคำสั่ง
ถังชิงหรูสังเกตเห็นว่ามีรถม้าวิ่งผ่านไปจากตำแหน่งที่ไม่ไกลนัก รถม้าคันนั้นตกแต่งอย่างหรูหรางามวิจิตร ทั้งยังเห็นเงาร่างคุณชายรูปงามคนหนึ่งอยู่รำไร
"ไม่นึกว่าดวงดาวที่ล้าหลังขนาดนี้จะมีหนุ่มหน้าตาดีอยู่เยอะเชียว ทั้งน่าหลันหลิงเอย ชิ่งอ๋องน่ารำคาญคนนั้นก็หน้าตาหล่อเหลา บัดนี้ยังมีคุณชายรูปงามโผล่มาอีกคน" ถังชิงหรูเปรยออกมา "แม้ว่าคนรุ่นหลังจะสามารถพัฒนาหุ่นยนต์ที่สมบูรณ์แบบขึ้นมามากมาย แต่ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม แม้ว่าพวกมันจะงดงามแค่ไหน ก็ไม่เป็ธรรมชาติ ส่วนมากล้วนใช้ฮอร์โมนเป็ตัวกระตุ้นทั้งสิ้น”
"ท่านหมอถัง... ท่านหมอถัง..." มีคนเอ่ยเรียกถังชิงหรู
ถังชิงหรูได้สติกลับมา เห็นท่านป้าผู้หนึ่งอยู่ตรงหน้า ยิ้มกล่าวว่า "ท่านป้าโปรดวางใจ โรคของท่านไม่หนักหนา ข้าจะเขียนเทียบยาให้ เพียงแค่จัดสมุนไพรไปกินก็ไม่มีปัญหาแล้ว"
"ขอบคุณท่านหมอมากเ้าค่ะ..." หญิงสูงวัยคนนั้นกล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ
หวนเอ๋อร์กับจิ่นเอ๋อร์จัดโอสถไม่เป็ ถังชิงหรูจึงต้องทำด้วยตนเอง นางรู้สึกว่าควรจะหาสาวใช้หรือเด็กหนุ่มที่มีความรู้เกี่ยวกับการแพทย์มาช่วยงานอีกสักคน แต่ผู้ที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมเช่นนี้ก็ใช่ว่าหากันได้ง่ายๆ
หลังส่งคนไข้คนสุดท้ายกลับไปแล้ว ถังชิงหรูก็ยกมือนวดแขน หวนเอ๋อร์รีบเข้ามาทุบไหล่ให้ กล่าวว่า "แม่นาง ท่านช่างลำบากเหลือหลาย"
"เรียกอะไรส่งเดช ยามอยู่ข้างนอกต้องเรียกข้าว่าคุณชาย ห้ามเรียกผิด" ถังชิงหรูกล่าวตักเตือน"
หวนเอ๋อร์แลบลิ้นรีบแก้คำให้ถูกต้อง "เ้าค่ะ คุณชาย"
"วันนี้เหนื่อยเหลือเกิน" ถังชิงหรูกล่าวด้วยความรู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรง "พวกเ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ ข้าเองก็จะนอนแล้ว"
"คุณชาย แต่ท่านยังไม่ได้กินข้าวเลยนะเ้าคะ" จิ่นเอ๋อร์ท้วง "บ่าวจะไปเตรียมบะหมี่ ท่านกินสักหน่อยค่อยพักผ่อนเถอะเ้าค่ะ งานยุ่งมาทั้งวัน หากปล่อยให้ท้องหิวแล้วร่างกายจะรับไหวได้อย่างไร"
ถังชิงหรูโบกไม้โบกมือ เอ่ยอย่างอ่อนล้า "ช่างเถอะ ข้าไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น"
หวนเอ๋อร์กับจิ่นเอ๋อร์ต่างมองหน้ากัน ก่อนที่จิ่นเอ๋อร์จะเอ่ยวาจา "เช่นนั้นก็ได้เ้าค่ะ หากท่านอยากกินเมื่อไร ก็เรียกพวกบ่าว เราจะไปทำอาหารมาให้ท่านเอง"
ถังชิงหรูรับคำ พลางลากสังขารอันอ่อนเปลี้ยไปยังเรือนด้านหลัง พอเห็นเตียงก็ะโขึ้นไปแล้วฟุบนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน
วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน นางตรวจคนไข้มิได้หยุดพักคนแล้วคนเล่า ตรวจจนตนเองหน้ามืดตาลาย ร่างกายนี้ก็อ่อนแอเหลือเกิน นางคงต้องหาทางออกกำลังกายบ้างถึงจะดี
ถังชิงหรูหอบความคิดนี้ก่อนผล็อยหลับไป จนกระทั่งได้หลับเต็มตื่น กลับมากระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ถึงลุกขึ้นมานั่ง
"เสี่ยวอี มีแต้มจิตพิสัยแพทย์เท่าไรแล้ว" ถังชิงหรูเอ่ยถามพลางลูบท้อง
"หนึ่งร้อยห้าสิบสอง" เสียงของเสี่ยวอีตอบกลับมา
ถังชิงหรูแค่นเสียงหึ "เหนื่อยแทบตาย ได้แค่ร้อยห้าสิบสองแต้มเองหรือ เมื่อไรฉันถึงจะได้โบนัสก้อนใหญ่เสียที"
"นายหญิงรักษาชิ่งอ๋องหายดีเมื่อไร ย่อมได้รางวัลก้อนใหญ่อย่างแน่นอน" เสี่ยวอีกล่าว "รักษาชาวบ้านทั่วไปก็ได้เท่านี้เองแหละครับ รักษาหายคนหนึ่งอย่างมากก็ได้เพิ่มมาสามแต้ม ปรกติก็แต้มเดียว"
"ชิ่งอ๋อง หมอนั่นนิสัยน่าชังนัก แต่ไม่ว่าจะน่ารำคาญแค่ไหน เพื่อแต้มจิตพิสัย พี่สาวก็จะไปหาเ้าเอง" ถังชิงหรูกล่าว
จิ่นเอ๋อร์เตรียมอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ถังชิงหรูเดินออกมา เห็นจิ่นเอ๋อร์กำลังจัดถ้วยชามและตะเกียบ นางนั่งลงเอ่ยว่า "ลำบากเ้าแล้ว จิ่นเอ๋อร์"
จิ่นเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองถังชิงหรู รอยยิ้มบนใบหน้าพลันชะงักค้าง ดวงตาฉายแววตกตะลึงระคนสงสัย "แม่นาง ยะ... ไยท่านถึงดูเปลี่ยนเป็ขาวขึ้นเช่นนี้"
ถังชิงหรูลูบพวงแก้มของตนเอง เดิมทีผิวหน้าของนางค่อนข้างหยาบกร้านบัดนี้นุ่มนวลขึ้นไม่น้อย ส่วนขาวขึ้นหรือไม่ คันฉ่องของยุคสมัยนี้เห็นได้ไม่ชัดขนาดนั้น นางจึงแยกไม่ออก แต่เมื่อจิ่นเอ๋อร์บอกว่าขาวขึ้น ย่อมไม่โกหกแน่ นั่นก็แสดงว่าโอสถที่กินเข้าไปวันก่อนเริ่มออกฤทธิ์แล้ว เพียงแค่วันเดียวก็เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
"เมื่อวานข้ากินยาที่ตนเองคิดค้น ไม่นึกว่าจะช่วยให้ขาวขึ้นได้จริงๆ" ถังชิงหรูอธิบาย "ข้าคิดว่า ตอนนี้เพื่อทำความดี จึงไม่เก็บค่ารักษากับคนยากจน แต่หากเป็เช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ โรงหมอไม่มีกำไร ช้าหรือเร็วคงรับภาระไม่ไหว ข้าเลยเกิดความคิดว่าจะทำโอสถเสริมความงาม ที่ช่วยให้ผิวพรรณผุดผ่องออกมาขาย คุณหนูลูกผู้ดีมีเงินเ่าั้ต้องชอบมากแน่ๆ"
--------------------------------------------------------------------------------
[1] เค่อ เป็หน่วยเวลาจีน มีค่าเท่ากับสิบห้านาที
[2] จีบดอกบัว คือท่าทางการกรีดนิ้วถือดอกบัวของพระพุทธรูป ที่ใช้ปลายนิ้วโป้งแตะปลายนิ้วชี้ ส่วนอีกสามนิ้วที่เหลือก็กรีดไปด้านหลัง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้