กลับคำพูดอย่างนั้นหรือ?
หานอวิ๋นซีมองไปที่หานฉงอันอย่างเ็า และเอนตัวไปหยิบกุญแจห้องเก็บของในมือ “ท่านคิดมากเกินไปแล้ว”
ในเมื่อเป็เื่ที่นางตอบตกลงไปแล้ว นางไม่มีทางกลับคำพูดอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น เื่นี้ไม่ใช่เื่เล็กน้อย การช่วยชีวิตตระกูลหานนั้นเหมือนกับการช่วยตระกูลหานทั้งสาม ตระกูลหานมีคนหลายร้อยคน ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็คนชั่ว ยังมีคนที่จิตใจดีและไร้เดียงสาในหมู่พวกเขา นอกจากนี้ ทักษะทางการแพทย์ของตระกูลหานจำเป็ต้องได้รับการสืบทอด มีผู้ป่วยจำนวนมากที่ต้องได้รับการช่วยเหลือ
ในตอนแรก เหตุผลที่ฮูหยินเทียนซินเลือกหานฉงอัน เกรงว่าไม่ใช่เพราะชอบหานฉงอัน แต่เป็เพราะชอบคนในตระกูลหาน
หานอวิ๋นซีจะไม่ให้เื่นี้อยู่เหนือทุกสิ่ง แต่นางจะทำให้ดีที่สุด
เมื่อเห็นว่าหานอวิ๋นซียอมรับกุญแจห้องเก็บของแล้ว หานฉงอันก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น นอกจากนี้เขายังตระหนักได้ว่าตนเองได้ก่อความผิดร้ายแรง จริงอยู่ที่พ้นโทษการปะาชีวิต แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความผิดนี้ได้อยู่ดี เขาอาจจะต้องอยู่ในห้องขังไปตลอดชีวิต
หานอวิ๋นซีไม่้าคุยกับคนผู้นี้อีกต่อไป นางจึงหันหลังกลับและเดินออกไป ทว่าหานฉงอันกลับเรียกนางไว้ “หานอวิ๋นซี ช้าก่อน!”
หานอวิ๋นซีหยุดฝีเท้าลง โดยไม่หันหน้าไป “มีอะไรอีก?”
“หานอวิ๋นซี อาการป่วยของไท่จื่อ...” หานฉงอันหยุดชั่วขณะ แล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า “ข้าเชื่อว่าการวินิจฉัยของข้าไม่ผิด!”
หานอวิ๋นซีผงะเล็กน้อย พลางคิดในใจว่าชายผู้นี้น่ารังเกียจก็จริง แต่ทักษะทางการแพทย์ก็ยังน่าทึ่งไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม นางไม่ได้คิดที่จะตอบคำถามและเดินต่อไป
หานฉงอันกลับไล่ตามและหยุดอยู่ที่ประตูห้องขัง “เื่ก็จบไปแล้ว ข้าเพียงแค่้ารู้ความจริง!”
รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏบนริมฝีปากของหานอวิ๋นซี “หมอเทวดาหาน ท่านคิดดีๆ สิ ด้วยพร์ที่โดดเด่นของท่าน ข้าเชื่อว่าท่านจะสามารถคิดออกได้ในไม่ช้า!”
หานอวิ๋นซีพูดพลางปัดมือของเขาออก เดินออกจากห้องขังและลงกลอนด้วยตัวเอง
“ข้าไม่เข้าใจ!” น้ำเสียงของหานฉงอันดังขึ้นด้วยความตื่นเต้นอย่างมาก
ทว่าใบหน้าของหานอวิ๋นซีกลับดูเฉยเมย “ถ้าไม่เข้าใจก็ลองคิดดูดีๆ สิ”
หลังจากที่นางพูดจบ นางก็เดินออกไปโดยไม่สนใจสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น การไม่บอกความจริงกับหานฉงอัน ถือได้ว่าเป็การลงโทษสำหรับเขาอย่างหนึ่งเช่นกัน เดาว่าเขาคงกังวลเกี่ยวกับเื่นี้อยู่ตลอด
หานอวิ๋นซีไม่ได้รู้สึกผิดและหานฉงอันก็สมควรได้รับทั้งหมดนี้ หากเขาเลี้ยงดูนางในฐานะบุตรสาวของเขาด้วยจิตใจที่เมตตา ถ้าอย่างนั้น วันนี้นางก็จะพยายามอย่างถึงที่สุด และช่วยเขาออกมาได้อย่างแน่นอน
ทว่าน่าเสียดายที่ไม่เป็เช่นนั้น และเมื่อครู่นางก็ไม่ได้เห็นความรู้สึกผิดใดๆ ในสายตาของหานฉงอันเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเดินไปตามทางเดินที่เย็นและลึก หานอวิ๋นซีก็กอดอก ก้มหน้าลงและจมดิ่งอยู่กับการครุ่นคิด
การตายของแม่ ความจริงคืออะไร? แล้วพ่อของนางคือใคร?
ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ นางควรเริ่มสืบหาจากตรงไหน ท่ามกลางฝูงชนมากมาย นางควรเริ่มมองหาที่ไหน?
ทำไมฮูหยินเทียนซินถึงแต่งงานกับคนอื่นหลังจากที่นางตั้งครรภ์แล้ว?
เป็เพราะสิ้นหวังหรือเพราะความจำเป็?
หญิงสาวเก่งกาจผู้เป็ตำนานอย่างนางอาศัยอยู่ในเทียนหนิงได้ไม่ถึงหนึ่งปี และทำให้ยุคนั้นเป็ที่น่าประหลาดใจได้ นางจะไปตั้งครรภ์มีบุตรก่อนแต่งงานได้อย่างไรกัน? หรือความจริงแล้ว นางแต่งงานแล้วก่อนที่จะมาแต่งกับตระกูลหาน?
ท่านพ่อยังมีชีวิตอยู่ และรู้ถึงการมีอยู่ของนางใช่หรือไม่?
คำถามมากมายคอยกวนใจหานอวิ๋นซี ยิ่งรู้มากเท่าไร นางก็ยิ่งมีคำถามมากขึ้นเท่านั้น
ในท้ายที่สุด นางก็ถอนหายใจและเก็บกุญแจห้องเก็บอของที่เป็สัญลักษณ์ของประมุขตระกูลหานไว้ นางคิดว่า หากมีเวลานางจะต้องไปที่สถานที่เก่าแก่ของตระกูลหานเพื่อดูสักหน่อย
แน่นอนว่า เวลานี้ตระกูลหานกำลังอยู่ในความสับสนวุ่นวาย หานอวิ๋นซีเองก็ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะคอยประสมโรงในตอนนี้ ดังนั้นนางจึงตัดสินใจปล่อยให้สนมที่เลวทรามต่ำช้าเ่าั้ต่อสู้กันเองไปก่อน
หลังจากออกจากคุก หานอวิ๋นซีก็เดินไปตามถนนอย่างไร้จุดหมายด้วยอารมณ์บูดบึ้ง จนกระทั่งฟ้ามืดจึงจะกลับไปถึงที่จวนฉินอ๋อง
เมื่อฮ่องเต้เทียนฮุยประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ นอกจากนี้ยังทรงเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับอาการป่วยที่แปลกประหลาดของไท่จื่ออีกด้วย สามวันต่อมา ไท่จื่อก็กลับมาที่ราชสำนักและมีส่วนร่วมในกิจการของราชการ
ด้วยความที่ไท่จื่อเป็ว่าที่กษัตริย์ ทันทีที่เขาออกมา ราชสำนักเทียนหนิงก็เต็มไปด้วยพลังมหาศาลอย่างเงียบๆ
แม้ว่าข้อเท็จจริงที่ว่าหานอวิ๋นซีรักษาไท่จื่อจะไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ แต่มันก็แพร่กระจายไปในแวดวงระดับสูงแล้ว มีคนเกลียดหานอวิ๋นซีมากกว่าที่จะขอบคุณนาง และแน่นอนว่ามีผู้คนหลากหลายเปลี่ยนมุมมองต่อนางใหม่มากที่สุด
เื่เหล่านี้ หานอวิ๋นซีไม่ได้รู้สึกอะไรเลย หลายวันมานี้ นางก็เอาแต่อยู่ในลานดอกบัว
หลงเฟยเยี่ยไม่ได้กลับมาสองสามวันแล้ว ไท่อี้เฟยเองก็คงถูกนางทำให้โมโหไม่น้อยจากครั้งก่อน เลยไม่มารบกวนนาง และไม่มีข้ารับใช้คนใดกล้าเพิกเฉยต่อนาง ในที่สุดชีวิตของหานอวิ๋นซีก็ดีขึ้นกว่าเดิมบ้าง
อย่างไรก็ตาม นางก็กังวลเกี่ยวกับเื่ของฮูหยินเทียนซินที่สุด ทุกครั้งที่นางถามเื่ของตระกูลหาน ต่างก็ได้รับคำตอบว่า ใครกับใครในตระกูลหานทะเลาะกับใคร แล้วก็ใครที่แย่งสมบัติแล้วหนีไป
แน่นอน ฮูหยินหลักทั้งสามของตระกูลหานไม่มีทางหนีไป ในขณะที่ต่อสู้เพื่อตำแหน่งผู้นำตระกูล ก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะพบหานฉงอันเช่นกัน น่าเสียดาย เพราะไม่มีทางเป็ไปได้ แม้แต่ใช้เงินก็ไม่มีทางได้เจออยู่ดี
วันนี้ หานอวิ๋นซีกำลังพลิกอ่านบทนำของสำนักแพทย์หยุนคง เสี่ยวเฉินเซียงมารายงานว่า “นายหญิง ได้ยินมาว่าคนจากสำนักแพทย์ไปที่ตระกูลหาน และได้ถอนตระกูลหานจากตำแหน่งผู้ดูแลสำนักแพทย์ พร้อมกับเอาป้ายตำแหน่งไปด้วยเพคะ”
นี่เป็สิ่งที่คาดเอาไว้แล้ว หานอวิ๋นซีที่ตั้งใจดูบทนำของสำนักแพทย์เป็พิเศษเพื่อมองหาเบาะแส เหตุผลที่ฮูหยินเทียนซินสามารถช่วยหานฉงอันให้เป็ผู้ดูแลได้นั้น บางทีอาจเกี่ยวข้องกับสำนักแพทย์ก็เป็ได้
เพื่อเื่นี้แล้ว นางจึงไปที่คุกอีกครั้ง แต่หานฉงอันกลับบอกว่าฮูหยินเทียนซินสอนทักษะทางการแพทย์ให้เขา หลังจากแต่งงานกับเขาไปไม่ถึงปีนางก็ตายไป การที่ได้ขึ้นเป็ผู้ดูแลสำนักแพทย์นั้นก็เป็ความพยายามส่วนตัวของเขาเสียมากกว่า
หานอวิ๋นซีโกรธมากจนไม่อยากเจอเขาอีก หาก้าสืบเื่สำนักแพทย์การไปหากู้เป่ยเยวี่ยอาจจะสามารถขอความช่วยเหลือได้
ด้วยเพราะกู้เป่ยเยวี่ยเป็คนที่ยุ่งอยู่ตลอด ต้องนัดหมายล่วงหน้าจึงจะได้พบ แต่ใครจะรู้ว่าหานอวิ๋นซีส่งจดหมายไปที่จวนกู้ในตอนเช้า ในตอนเย็นกู้เป่ยเยวี่ยก็สามารถมาพบนางได้ทันที
ทั้งสองพบกันที่หอิเซียนซึ่งเป็โรงน้ำชาที่ใหญ่ที่สุดในเทียนหนิง
ทันทีที่เจอกู้เป่ยเยวี่ย หานอวิ๋นซีก็ใและอดไม่ได้ที่จะคิดถึงบทกวีประโยคหนึ่งที่กล่าวว่า หนุ่มน้อยรูปงามราวกับหยก ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเทียบเทียมได้
นางไม่เคยคิดว่าเวลาที่กู้เป่ยเยวี่ยถอดชุดแพทย์ออก แล้วสวมแค่เพียงชุดสีขาวสะอาดตาจะดูดีได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะสายตาที่นิ่งสงบของเขา หานอวิ๋นซีก็คงสงสัยว่าตนเองจำผิดคนหรือไม่
เสื้อผ้าสีขาวสะท้อนผิวของเขา ดูสะอาดสะอ้านและสง่างามอย่างมาก
ความอ่อนโยนของเขาไม่เหมือนของสตรีและไม่มีความเป็สตรีเลย ทว่าเป็กลิ่นอายของบุรุษที่ยากจะพรรณนาได้ เฉกเช่นน้ำปรุง เมื่อใดที่ได้กลิ่นก็รู้สึกสบายใจและไม่มีวันลืม
หานอวิ๋นซีเคยพูดติดตลกว่า กู้เป่ยเยวี่ยให้ความรู้สึกเหมือนพระพุทธเ้า ทว่ากู้เป่ยเยวี่ยกลับหัวเราะและส่ายหัว บอกว่าตนเองไม่อ้วนเสียหน่อย
รูปลักษณ์ของสตรีมีเสน่ห์ดึงดูดใจ ความงามของชายหนุ่มก็ไม่มีใครเทียบได้ เมื่อทั้งคู่เดินเข้าไปในโรงน้ำชา ต่างดึงดูดความสนใจเป็อย่างมาก และแน่นอนว่าไม่มีใครรู้จักตัวตนของพวกเขา
พวกเขาสองคนล้วนแล้วแต่สงบและไม่แสดงสีหน้าใดๆ โดยเฉพาะกู้เป่ยเยวี่ย
หานอวิ๋นซีลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็เก็บเื่ชีวิตของตัวเองไว้เป็ความลับ และถามกู้เป่ยเยวี่ยบางอย่างเกี่ยวกับสำนักแพทย์หยุนคง จากนั้นก็ถามอย่างจริงจังเกี่ยวกับการขึ้นเป็ผู้ดูแลของหานฉงอัน
จากการถามกู้เป่ยเยวี่ยนั้น หานอวิ๋นซีได้รู้ว่าคุณสมบัติของผู้สมัครตำแหน่งผู้ดูแลสำนักแพทย์นั้นได้รับการคัดเลือกโดยตรง ในขณะที่สมาชิกผู้ดูแลนั้นจะได้รับการคัดเลือกจากผู้สมัคร
สามปีหลังจากฮูหยินเทียนซินจากโลกไป หานฉงอันก็ได้รับการเสนอชื่อเป็ผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ดูแลสำนักแพทย์ เนื่องจากชื่อเสียงของตระกูลและทักษะทางการแพทย์ส่วนบุคคล หกปีต่อมาก็ได้รับตำแหน่งผู้ดูแลอย่างเป็ทางการ
ฮูหยินเทียนซินสัญญากับเขาไว้สิบปี และภายในสิบปีนั้นเขาก็ได้กลายเป็ผู้ดูแลจริงๆ
“ในตอนที่เขาได้ขึ้นเป็ผู้ดูแล ข้ากับท่านปู่ออกจากสำนักแพทย์ไปแล้ว จึงไม่ทราบรายละเอียดอะไรมากนัก แต่เขาเป็ผู้สมัครที่อายุน้อยที่สุดและเป็ผู้ดูแลที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของสำนักแพทย์”
กู้เป่ยเยวี่ยหยุดชั่วขณะแล้วพูดต่อว่า “การแข่งขันสำหรับผู้ดูแลนั้นรุนแรงมาก แม้จะได้แต่งตั้งให้เป็ผู้ดูแลก็ตาม สิบปียี่สิบปีหรือแม้แต่ตลอดชีวิตก็อาจจะถูกปลดได้เช่นกันและมันก็เป็เื่ทั่วไป”
แม้จะไม่ค่อยเข้าใจคำพูดสักเท่าไร แต่หานอวิ๋นซีก็เข้าใจว่า แม้ว่าหานฉงอันจะมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม แต่เขาก็ไม่ถือว่าโดดเด่นที่สุดเมื่อเทียบกับยอดฝีมือคนอื่นๆ
ผู้ดูแลสำนักแพทย์หลายคนเป็ผู้าุโที่มีอายุมากกว่าร้อยปี และแม้แต่ผู้สมัครก็ต่างมีผมหงอกทั้งนั้น หนทางของหานฉงอันไม่ราบรื่นเกินไปหรือไร?
“ใครคือคนที่เลื่อนตำแหน่งเขาในตอนนั้น?” หานอวิ๋นซีถามอีกครั้ง
กู้เป่ยเยวี่ยทำได้เพียงส่ายหัว “นี่เป็ความลับ เกรงว่าหานฉงอันเองอาจไม่รู้ด้วยซ้ำ”
ที่แท้ก็เป็เช่นนี้นี่เอง ดูจากตอนนี้แล้ว นางไม่สามารถเอาอะไรออกจากปากของหานฉงอันได้เลยสินะ
เมื่อเห็นนางขมวดคิ้ว รอยยิ้มที่ไม่มีใครสังเกตเห็นเผยออกมาบนริมฝีปากของกู้เป่ยเยวี่ย พร้อมกับพูดเบาๆ ว่า “ข้าจะลองขอให้ใครสักคนไปสืบดู แต่ก็ไม่รับประกันว่าจะสืบได้หรือไม่”
เฮ้ ชายผู้นี้มีเส้นสายจริงๆ
คราวนี้ หานอวิ๋นซียิ้ม วางถ้วยชาลงบนโต๊ะและพูดอย่างร่าเริงว่า “เช่นนั้นก็ขอบคุณล่วงหน้าไว้เลยก็แล้วกัน วันหน้าข้าจะเลี้ยงสุราท่านเอง”
กู้เป่ยเยวี่ยไม่ค่อยคุ้นเคยกับน้ำเสียงแบบนี้ของหานอวิ๋นซีเสียเท่าไร รู้สึกว่าดูไม่เหมือนหวังเฟย ไม่มีความสง่างามและความสูงส่งที่หวังเฟยควรจะมี อย่างไรก็ตามความเรียบง่ายที่ไม่ถ่อมตัวนี้ ก็ดึงดูดเขาอยู่ดี
กู้เป่ยเยวี่ยคิดว่าถ้าหานอวิ๋นซีไม่ได้เกิดในตระกูลหาน หรือเป็ฉินหวังเฟย นางต้องไปได้สูงกว่านี้อย่างแน่นอน เพียงแต่สิ่งเหล่านี้ล้วนซ่อนอยู่ในใจของเขา ดังนั้นเขาจึงตอบตกลงด้วยรอยยิ้มโดยไม่พูดอะไร
เป็โอกาสหายากที่จะได้พบกันข้างนอก ทั้งสองจึงนั่งด้วยกันจนถึงเย็น หานอวิ๋นซีสังเกตว่า กู้เป่ยเยวี่ยที่ดูเงียบขรึมและสงวนตัว ทว่าพอได้คุยแล้วกลับไม่ได้เ็าเช่นนั้น
พวกเขาพูดคุยเกี่ยวกับทักษะทางการแพทย์ ร้านขายยาและอาการป่วยในกรณีต่างๆ บางครั้งหานอวิ๋นซีก็คิดอย่างจริงจัง บางครั้งก็หัวเราะ อย่างไรก็ตามกู้เป่ยเยวี่ยกลับทำเพียงแค่ยิ้มเบาๆ อย่างสวยงามมาก
จนกระทั่งเสี่ยวเฉินเซียงวิ่งเข้ามาเตือนนาง หานอวิ๋นซีจึงจะตระหนักว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก ท้องฟ้าเองก็ใกล้มืดแล้ว
“ไว้นัดเจอกันวันอื่นก็แล้วกัน ข้ายังต้องขอคำแนะนำจากท่านเกี่ยวกับโรคต่างๆ อีกมากมาย” ทักษะการใช้พิษของหานอวิ๋นซีนั้นยอดเยี่ยม แต่ทักษะทางการแพทย์ของนางยังมีข้อบกพร่องอยู่มาก นางที่เป็คนใฝ่รู้ จับกู้เป่ยเยวี่ยเอาไว้และไม่้าปล่อยไป แทบอยากพาเขากลับไปเป็ครูส่วนตัวเสียด้วยซ้ำ
“หวังเฟย นี่มันละเมิดทำนองคลองธรรมเกินไป” กู้เป่ยเยวี่ยพูดเตือนด้วยเสียงต่ำ
เมื่อออกมาจากจวนฉินอ๋องแล้ว จะกฎหรือข้อบังคับอะไรสำหรับหานอวิ๋นซีเป็แค่เื่ไร้สาระ ยิ่งเป็คนใจกว้างมากเท่าไร ก็ยิ่งไม่กลัวความคลุมเครือมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งเป็คนถือสามากเท่าไร ในใจก็จะยิ่งมีบางอย่างผิดปกติมากขึ้นเท่านั้น
ความเ้าเล่ห์ฉายผ่านดวงตาใสของนาง พร้อมกับกระซิบว่า “ในวันที่สิบห้าของทุกเดือน เราจะพบกันที่นี่ เ้าไม่ใช่หมอกู้ ข้าไม่ใช่ฉินหวังเฟย เราไปด้วยกันแล้วก็ปรึกษาหารือเกี่ยวกับทักษะทางการแพทย์ดีหรือไม่?”
พูดคุยเกี่ยวกับทักษะทางการแพทย์ สตรีนางนี้้าเรียนรู้จากเขา แต่กลับไม่เปิดเผยเื่วิชาพิษ กู้เป่ยเยวี่ยมองแวบเดียวก็รู้แล้ว แต่ไม่ได้เปิดเผยออกมาเพียงเท่านั้น
ในวันที่สิบห้าของทุกเดือน เราจะลืมตัวตนและนัดคุยเื่ยา ช่างเป็อะไรที่วิเศษมาก แต่น่าเสียดายที่กู้เป่ยเยวี่ยผู้อ่อนโยนนั้นมีเหตุผลอยู่เสมอ
เขายิ้มอย่างอบอุ่น “หวังเฟยช่างเป็คนอารมณ์ขันเสียจริง นี่ก็มืดค่ำแล้ว กลับกันเถอะ”
“กู้เป่ยเยวี่ย” หานอวิ๋นซีขมวดคิ้วทันที เดิมทีคิดว่าเขาจะเห็นด้วย คิดไม่ถึงว่าชายคนนี้จะปฏิเสธ
“หวังเฟย ข้าไม่สามารถออกจากวังได้ตามอำเภอใจ กลับกันเถอะ” กู้เป่ยเยวี่ยยังคงยิ้ม
รอยยิ้มนั้นดูอบอุ่นแต่ก็มีความแข็งกร้าวที่ทำให้ทุกคนรู้สึกหมดหนทางที่จะต่อต้านเขา หานอวิ๋นซีที่ไม่มีทางเลือก ก็ทำได้เพียงยอมแพ้และโบกมือเป็การอำลา