พระอาทิตย์กำลังลาลับขอบเขาไปช้า ๆ แสงสีทองอ่อนสาดลอดช่องไม้ของหน้าต่างเข้ามาเป็ลำยาว ทอดเงาทาบพื้นดินแข็งกรังที่เต็มไปด้วยรอยรองเท้าเก่าๆ เสียงจักจั่นเริ่มขับกล่อมจากพุ่มไม้หลังบ้าน ดังสลับกับเสียงน้ำจากลำคลองที่ไหลเอื่อยๆ หานซื่อเดินกลับมาจากแปลงผักหลังบ้าน เธอถือกระบุงไม้ไผ่สานใบเก่า ในนั้นเต็มไปด้วยแตงกวาเขียวสด หัวหอมแดง และขิงแก่ที่เพิ่งถอนจากดินชื้น
“โชคดีที่ฝนลงต้นอาทิตย์ แตงกวาถึงได้งามแบบนี้”หานซื่อยิ้มให้หลินเซี่ยน พลางส่งกระบุงให้
“ถึงไม่สวยเท่าในตลาด แต่ถ้าเป็ฝีมือแม่ รับรองดองแล้วกรอบแน่นอนค่ะ”
หลินเซี่ยนรับกระบุงมาอย่างถนุถนอม เธอลูบแตงกวาอย่างเบามือ ก่อนเอ่ยพึมพัมกับตัวเอง
“เ้าพวกนี้นี่แหละ...จะกลายเป็เงินหยวนแรกของฉัน”
ขณะที่หลินเซี่ยนกำลังล้างแตงกวา เธออดไม่ได้ที่จะหยุดมองมือของตัวเอง แม้จะเป็เพียงมือเล็กๆ ของเด็กหญิงวัยเก้าขวบ แต่ความทรงจำในใจกลับชัดเจนกว่าครั้งไหน
‘สูตรผักดองนี้... ฉันจำได้ดี มันคือสูตรที่ฉันเคยช่วยคุณยายหมักตอนอยู่ที่บ้านชนบทในชาติที่แล้ว ไม่คิดเลยว่า...แค่ผักดองหนึ่งไห จะเป็คำตอบให้ชีวิตรอดในภายหลังได้’
ในค่ำคืนนั้น ขณะที่หานซิ่วเหมยกำลังซอยขิงและเตรียมน้ำเกลือใส่หม้อ หลินเซี่ยนนั่งหั่นแตงกวาเงียบๆอยู่ข้างๆ แต่ในใจเต็มไปด้วยความคิดที่ตีวนอยู่ตลอดเวลา
‘ถ้าใช้แค่สูตรเดิมของแม่...คงขายไม่ต่างจากบ้านอื่น’
‘ต้องเพิ่มอะไรบางอย่าง...ที่ทำให้คนชิมแล้วลืมไม่ลง’
เธอเงยหน้าขึ้นมองแม่อย่างลังเล
“แม่คะ...ฉันขอเสนออะไรอย่างหนึ่งได้ไหมคะ”
หานซิ่วเหมยชะงัก เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย
“หืม? ว่าไงลูก”
หลินเซี่ยนหยิบพริกแห้งขึ้นมา แล้วหยิบขิงซอยบางๆ ใส่ปนลงไปในถ้วยเล็กๆ ที่วางไว้
“ตอนที่หนูป่วย…หนูเคยฝันว่าได้กินผักดองรสแปลกๆ ค่ะ... มันเปรี้ยวเค็มเหมือนเดิม แต่มีรสขิงหอมๆ แล้วก็เผ็ดนิดๆ จากพริก มันอร่อยจนฉันจำได้แม่นเลย!”
แม่หัวเราะเบาๆ มองลูกสาวด้วยสายตาเอ็นดู
“ฝันขนาดนั้นเชียว? แล้วลูกอยากลองทำตามแบบในฝันเหรอ?”
“ค่ะ แม่ให้ฉันลองทำขวดเดียวก่อนก็ได้...ถ้าไม่อร่อย ฉันจะไม่บ่นเลยสักคำ นะคะแม่”
หานซิ่วเหมยมองลูกสักพัก ก่อนพยักหน้า
“ก็ได้ ลองดูสักขวดสิ แม่ก็อยากรู้เหมือนกันว่ารสชาติในฝันของลูกจะเป็ยังไง”
หลินเซี่ยนยิ้มกว้างในใจ ก่อนรีบจัดส่วนผสมอย่างตั้งใจ
เธอใส่น้ำเกลือในอัตราส่วนเฉพาะ เติมขิงซอยเล็กน้อย และพริกแดงแห้งบดให้มีรสชาติเผ็ดปลายลิ้น
คืนนี้บ้านรองเงียบกว่าทุกวัน ใต้ตะเกียงน้ำมันที่ให้แสงสลัวในห้องครัวเก่าๆหลังบ้าน หลินเซี่ยนนั่งอยู่บนม้านั่งเตี้ย ข้างหน้าเธอคือถังไม้ใส่แตงกวาสด ข้างตัวคือ หลินเสี่ยวซาน น้องชายวัยเจ็ดขวบ เขาตัวเล็กผอมบาง ผิวคล้ำจากแดด แต่ดวงตามีแววขี้เล่นและอ่อนโยนเหมือนแม่
“พี่ครับ เราต้องหั่นอีกกี่ลูกน่ะ... ผมเริ่มเมื่อยแล้วนะ!”
“อีกนิดเดียวเองเสี่ยวซาน ดูนี่สิ ต้องหั่นให้เท่ากันแบบนี้ ผักดองถึงจะกรอบ!”
หลินเสี่ยวซานย่นจมูก หยิบแตงกวาอีกลูกมาหั่น
“ก็ได้ แต่พี่ต้องสัญญาว่าถ้าขายได้เงิน...จะซื้อขนมอบกรอบให้ผมนะ!”
“สัญญาเลย!” หลินเซี่ยนหัวเราะ พลางหยิบแตงกวาหั่นแล้วใส่ลงในขวดโหล
หานซิ่วเหมย แม่ของทั้งสองคนเดินเข้ามาพร้อมน้ำเกลือหมักในหม้อดิน
“แม่ใส่ขิงสับกับพริกแดงเพิ่มให้แล้วนะลูก... กลิ่นจะหอมขึ้นหน่อย”
หลินเซี่ยนพยักหน้า ยิ้มให้แม่ เธอเอื้อมมือค่อยๆ เทน้ำเกลือลงในขวดให้พอดี พร้อมปิดฝาอย่างแ่า
“เสร็จแล้วขวดแรก! อีกแค่เก้าขวด... เราก็พร้อมลุยตลาดพรุ่งนี้!”เสี่ยวซานตบมือดังเปาะ
“ผักดองของบ้านเราอร่อยที่สุดในหมู่บ้านแน่นอน!”
หลินเซี่ยนหันมามองน้องชาย ยิ้มอ่อนโยนที่ต่างจากเด็กวัยเก้าขวบทั่วไป ภายในใจเธอคือความทรงจำของหญิงสาววัย 29 ปี
"ถ้าพวกเราร่วมมือกัน...แค่ขายผักดอง ก็อาจเปลี่ยนชีวิตทั้งครอบครัวได้จริงๆ" เธอกล่าวเสียงมั่นใจ
รุ่งเช้าวันอาทิตย์ เป็วันที่มีตลาดนัดประจำตำบล ตลาดแห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของหลินเซี่ยนประมาณ 4 กิโลเมตร ตลาดนัดประจำตำบลคึกคักอย่างมาก ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่พากันเข็นของมาขายมีทั้ง ฟืน, ฟักทอง, หัวไชเท้า และปลาจากแม่น้ำที่ยังคงดิ้นสดๆอยู่ในถัง ครอบครัวหลินเซี่ยนเดินทางออกจากบ้านแต่เช้า เดินเท้ากว่าหนึ่งชั่วโมงจึงมาถึงตลาด หลินเซี่ยนเดินตามแม่ไปพร้ะกร้าไม้ไผ่ในมือ ในนั้นมีขวดแก้วสิบใบ ข้างในคือผักดองของบ้านเธอหั่นเรียงสวยงาม น้ำเกลือใสสะอาด มีกลิ่นหอมอ่อนๆจากขิงกับพริกแดง
“แม่ ฉันจะลองตั้งขายเองตรงซุ้มไม้ไผ่นั่นได้ไหมคะ? แค่วางกับเสื่อ แล้วลองะโเรียกลูกค้าดู...”
หานซิ่วเหมย มองลูกสาวแล้วพยักหน้าเบาๆ
“ลองดูเถอะลูก อย่าเสียใจนะถ้าไม่มีใครซื้อ...”
หลินเซี่ยนกางเสื่อ ปูผ้าขาว แล้วเรียงขวดผักดองอย่างตั้งใจ เด็กหญิงวัยเก้าขวบมองขวดแก้วทั้งสิบขวดด้วยสายตาแน่วแน่เปี่ยมด้วยความมั่นใจ เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนเริ่มะโเรียกลูกค้าด้วยเสียงสดใส
“ผักดองจ้าผักดอง! แตงกวาดองรสมือคุณแม่! เปรี้ยว เค็ม หวานครบรส ไม่ใส่สารเคมี!”
“สามเฟินก็ชิมได้ ขวดละหนึ่งหยวนก็อิ่มอร่อยทั้งครอบครัว!”
คนในตลาดหันมามองด้วยความแปลกใจ น้อยนักที่จะเห็นเด็กๆมาะโเรียกลูกค้าแบบนี้
“เด็กคนนี้ใครกัน? ลูกบ้านรองของหลินไท่ไท่ไม่ใช่เหรอ?”
หญิงชราคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ คิ้วขมวดแต่ตามองที่ขวดผักดอง
“นี่ชิมฟรีใช่ไหม? ไหนลองเอามาให้ชิมหน่อยสิ”
หลินเซี่ยนรีบเปิดฝาขวด หยิบตะเกียบไม้ จิ้มแตงกวาดองชิ้นหนึ่งส่งไปให้ หญิงชราลองกัด... แล้วดวงตาก็เบิกขึ้นเล็กน้อย
“อื้ม รสแบบนี้...เหมือนเคยกินเมื่อก่อน! ฉันเอาสองขวด!”
หลินเซี่ยนก้มศีรษะขอบคุณ หัวใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน นี่คือ “รายได้ก้อนแรกในโลกใหม่” ของเธอ
บริเวณข้างตลาด เกิดเสียงเอะอะดังขึ้น เด็กชายสามคนรุมล้อมเด็กหนุ่มแต่งกายสะอาดสะอ้าน ผู้ถือกระเป๋าผ้าสีเทา เขาดูคล้ายกับจะหลงทาง เด็กพวกนั้นกำลังแกล้งขโมยของจากกระเป๋าเขา หลินเซี่ยนเห็นจากมุมไกล เธอะโสุดเสียง
“หยุดนะ! อย่าขโมยของเขา!”
เด็กชายสามคนนั้นชะงัก ก่อนจะรีบวิ่งหนีไป เด็กหนุ่มมองมาทางเธอ พลางยิ้มบาง ๆ
“ขอบใจนะหนูน้อย... หนูชื่ออะไร?”
“หลินเซี่ยนค่ะ...” เธอตอบ
เด็กหนุ่มพยักหน้า หยิบขวดผักดองจากตะกร้ามาดู
“เธอเป็คนขายผักดองพวกนี้งั้นเหรอ?”
เธอพยักหน้า เขาหยิบเงินในกระเป๋ายื่นมาให้สองหยวน
“ฉันเอาสองขวด... แล้วพบกันใหม่นะ หลินเซี่ยน”
เขาเดินจากไป พร้อมรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง หลินเซี่ยนจ้องมองหลังเขา ไม่รู้เลยว่า “เด็กหนุ่มคนนี้” กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตของเธอไปทั้งชีวิต...