เซี่ยเสี่ยวหลานจากไปแล้ว แต่ไม่ได้แปลว่าการพบปะในวันนี้สิ้นสุดลง
คนทั้งตระกูลจะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างแน่นอน
กู้เจิ้งชิงย่อมกล่าวถึงเพียงในแง่ดีเป็ธรรมดา รับรองว่ากู้เจิ้งชิงมีภาษากลางร่วมกัน [1] กับอาจารย์ใหญ่ซุนผู้อยู่ไกลถึงอันชิ่งแน่นอน ในสายตาของคนทำงานด้านการศึกษา คะแนนดีก็คือทุกอย่างดี! ถ้าผลทางการเรียนไม่ดี แม้คุณจะหล่อสวยขนาดไหน ฐานะชาติตระกูลดีเพียงใด ปากหวานสักเท่าไร ล้วนเป็ของประดับที่ไร้ประโยชน์ ไม่มีทางได้การยอมรับจากคนประเภทพวกเขา!
ย่าโจวคือผู้ที่อิ่มเอมที่สุด เธอมาเพื่อดูหลานสะใภ้ด้วยความตั้งใจจริงโดยเฉพาะ จึงได้เตรียมของขวัญหนักน้ำใจไว้ตั้งนานแล้ว เป็กำไลข้อมือหยกล้อมทองเก่าหนึ่งวง
ส่วนผู้าุโคนอื่นที่ถูกย่าโจวป่าวร้องเรียกมาร่วมสนุกนั้น ได้เตรียมอั่งเปาให้เซี่ยเสี่ยวหลานกันทุกคน เงินเยอะเงินน้อยไม่สำคัญ จะให้เซี่ยเสี่ยวหลานจากบ้านโจวไปมือเปล่าในคืนนี้ พวกเขาเองก็กระอักกระอ่วนใจ
รวมถึงกวนฮุ่ยเอ๋อด้วยเช่นกัน เดิมทีก็เตรียมให้อั่งเปาพอเป็พิธี แม้ไม่โปรดเซี่ยเสี่ยวหลานเพียงใดก็จะไม่เสียมารยาทพื้นฐานนี้แน่นอน
เซี่ยเสี่ยวหลานแตกต่างจากที่เธอคิด กวนฮุ่ยเอ๋อจึงขึ้นห้องกลางคันเพื่อเปลี่ยนอั่งเปาเป็ตุ้มหูฝังเพชร เวลานี้เพชรยังไม่เป็ที่นิยมในประเทศ วัสดุหลากประเภทของเครื่องประดับที่เป็ที่นิยมในเวลานี้ก็คือเงิน ทองและหยก หรืออัญมณีมีสีชนิดต่างๆ ตุ้มหูเพชรคู่นี้ถูกซื้อมาจากต่างประเทศ กวนฮุ่ยเอ๋อชอบก็จริง แต่การใส่ออกไปข้างนอกดูจะดึงดูดความสนใจเกินสมควร เธอจึงได้แต่เก็บไว้ในตู้มาโดยตลอด
หญิงสาววัยรุ่นคงชื่นชอบของแวววาวแบบนี้ เหมาะที่จะมอบให้เซี่ยเสี่ยวหลานมากทีเดียว
เซี่ยเสี่ยวหลานกลับไปแล้ว การอภิปรายเกี่ยวกับเซี่ยเสี่ยวหลานจึงเริ่มต้นขึ้น
ป้าสะใภ้ของโจวเฉิงมีสีหน้านิ่งเฉย “เด็กคนนี้หน้าตาสวยมาก มิน่าโจวเฉิงถึงชอบ”
ยอดเยี่ยมขนาดไหนก็เป็คนอื่นอยู่ดี ไม่ได้แซ่โจวเสียหน่อย ทำไมถึงเหยียบโจวอี๋ของเธอไว้เพื่อเปรียบเทียบอยู่เรื่อย
อาหญิงเล็ก้าสนับสนุนสามี จึงพูดขยายเนื้อความเสียใหญ่โต “พี่สะใภ้ แฟนของโจวเฉิงเขาคงไม่ใช่แค่หน้าตาดีหรอก พี่ดูเธอสิ เป็ต้นแบบของการเรียนหนังสือเปลี่ยนชีวิตที่สมบูรณ์ เด็กคนนี้อยู่ที่ไหนก็สุดยอด แถมหลานชายเราไม่ใช่พวกตื้นเขินถึงขั้นดูแค่หน้าตานี่นา!”
เฮ้อ ในเมื่อเป็มนุษย์ล่องหนไม่ได้ ก็ทำได้เพียงยืนหยัดแก้ต่างแทนเซี่ยเสี่ยวหลาน ใครใช้ให้กู้เจิ้งชิงสามีเธอตื่นเต้นขนาดนั้นกันเล่า ไม่เหมือนกิริยาที่สองสามีภรรยาตกลงกันไว้ก่อนนี้แม้แต่น้อย อาหญิงเล็กพอมองออกว่าสองผู้เฒ่าบ้านโจวพึงพอใจในตัวเซี่ยเสี่ยวหลานมากทั้งคู่ ทำไมเธอต้องขัดใจคนแก่ด้วย มีแต่คนอย่างพี่สะใภ้เธอนี่แหละที่จะหาเื่ใส่ตัวอย่างน่าอึดอัด
พ่อเฒ่าโจวสรุปจบด้วยคำสุดท้าย
“รูปลักษณ์ภายนอกกับสติปัญญาคือของที่ติดตัวมาโดยกำเนิด พวกเธอยังไม่ได้มองเห็นเนื้อแท้เสียหน่อย”
เนื้อแท้ของหญิงสาวคนนี้คือมีความทรหดมากเป็อย่างยิ่ง เป้าหมายแน่ชัด รู้ว่าตนเอง้าอะไรในขณะที่อายุยังไม่ถึง 20 ปี ไม่เกียจคร้านเหยาะแหยะเพียงเพราะมีใบหน้าสวย ตั้งเป้าหมาย หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าฝ่าฟันไปยังเป้าหมายตน สอบเข้ามหาวิทยาลัย เรียนสถาปัตยกรรม หลังเรียนจบจะทำอะไรบ้าง แผนการทุกอย่างเป็ขั้นเป็ตอน การคบกับโจวเฉิงอาจกระทบต่อการเลือกมหาวิทยาลัยของเธอ แต่ไม่สั่นคลอนแผนการโดยรวมของเธอแม้แต่น้อย... ปู่โจวกล่าวหนึ่งประโยคที่ไม่เสนาะหูนัก โจวเฉิงยังไม่สามาถคว้าหญิงสาวคนนี้ไว้ได้มั่น ทั้งสองมีสถานะเป็คนรักกัน และเป็แค่คนรักเท่านั้น ในสัดส่วนชีวิตของเซี่ยเสี่ยวหลาน น้ำหนักของโจวเฉิงยังถือว่าเบาบางเหลือเกิน
ฝ่ายหญิงยอดเยี่ยมก็จริง ทว่าโจวเฉิงยังต้องไตร่ตรองอีกทีว่าเหมาะสมกันหรือไม่
หากผ่านไปหลายปี สิ่งที่ครองพื้นที่ชีวิตเซี่ยเสี่ยวหลานยังคงเป็การงานเล่า?
อาชีพของโจวเฉิงตัดสินแล้วว่าฝ่ายหญิงต้องเสียสละบางอย่าง แต่สาวเ้าอาจไม่ยินดีเสียสละเสมอไป รอดูว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะเลือกอย่างไร อีกสองปีจะฝันใฝ่ในงานวิวาห์และครอบครัวเหมือนสตรีทั่วไปหรือเปล่า!
อย่างไรก็ตามปู่โจวยังชื่นชมเซี่ยเสี่ยวหลานมากอยู่ดี ทั้งความทรหดของเธอ และความตื่นรู้ของเธอ เป็สิ่งที่น่าเคารพเหลือเกิน
นับลูกหลานตระกูลโจวหลายคนจนครบ ก็มีแต่โจวเฉิงที่เป็เ้าของคุณสมบัติเช่นนี้ โจวเฉิงเลือกออกไปทำงานข้างนอกั้แ่อายุ 15 ปีด้วยตนเอง! หันกลับมาดูโจวอี๋ อายุ 24 แล้วยังล่องลอยไปเรื่อยๆ ปู่โจวนึกถึงก็ปวดศีรษะขึ้นมา—นอกจากนี้เขายังตำหนิโจวอี๋ไม่ได้เสียด้วย เพราะพอพูดไปก็เป็หลักฐานมัดแน่นว่า ‘เชิดชูเพศชายกว่าเพศหญิง’ บุตรชายคนโตด้อยกว่าบุตรชายคนรอง ทั้งครอบครัวสามคนล้วนอ่อนไหวกับประเด็นนี้เหลือเกิน!
กู้เจิ้งชิงยังก้มหน้าคิดถึง 4 คะแนนที่เซี่ยเสี่ยวหลานเสียไปอยู่ หลังใคร่ครวญสักพัก คิดว่าน่าจะเป็เพราะอาการาเ็
“ถ้าไม่โดนรถชน ก็คงเป็ที่หนึ่งของทั่วประเทศในปีนี้แล้วน่ะสิ!”
อาหญิงเล็กจ้องสามีเขม็ง นี่จะไม่จบใช่หรือไม่?
ในเทปบันทึกภาพเมื่อครู่ มือขวาของเซี่ยเสี่ยวหลานใส่เฝือกอยู่ ผู้สื่อข่าวจงใจถามคำถามนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานตอบว่าจักรยานชนกับคนอื่นและล้มลงเองก่อนการสอบ อาหญิงเล็กรู้สึกว่าชั่วขณะนั้นโจวเฉิงมีสีหน้าไม่สู้ดีเลย คิดไม่ถึงว่าโจวเฉิงไม่ได้ถามออกไป กู้เจิ้งชิงกลับจับประเด็นนี้ไม่ปล่อย
—-----------------------------------
โจวเฉิงพาเซี่ยเสี่ยวหลานกลับบ้านพักรับรอง วันนี้คือวันเกิดของเซี่ยเสี่ยวหลาน เด็กคนหนึ่งอย่างเธอไม่ควรให้เหล่าคนตระกูลโจวแสดงความยินดีต่อเธอทั้งที่เพิ่งพบเจอกันครั้งแรก ก่อนไปบ้านโจวเฉิงก็ตกลงกันแล้วว่าไม่เปรยถึงเื่นี้
เซี่ยเสี่ยวหลานออกจากบ้านโจวพร้อมหอบหิ้วของขวัญจากคนตระกูลโจว ผลลัพธ์ในวันนี้ดูไม่เลวเสียด้วย ไม่ว่าการยอมรับเธอจะเป็มารยาทผิวเผินหรือไม่ เซี่ยเสี่ยวหลานก็ได้เห็นลักษณะการอบรมบ่มนิสัยของครอบครัวโจวเฉิงแล้ว
โจวอี๋ตอบสนองอย่างไรน่ะหรือ เซี่ยเสี่ยวหลานไม่แยแสหรอก นั่นเป็แค่ลูกพี่ลูกน้อง ต่อให้อยากจุ้นจ้านก็ยุ่งเกี่ยวกับเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้อย่างเต็มที่
ผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจเด็ดขาดของตระกูลโจวเฉิงคือปู่ของเขา ชายชราอายุมากแต่ไม่เลอะเลือน และเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้สนทนากับเขาอย่างขอไปที แม้ปู่โจวไม่พอใจเธอจริงๆ ก็คงไม่ถึงขั้นรังเกียจรังงอนเธอหรอกสินะ
บิดาของโจวเฉิงแทบไม่พูดอะไร ทว่ามีท่าทีเป็มิตรอย่างมาก
ตอนแรกมารดาของโจวเฉิงออกจะเฉยชา ต่อมาดูเหมือนเกิดการเปลี่ยนแปลง
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงย่าของโจวเฉิง อัธยาศัยดีต่อเธอที่สุดอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
ตัวแปรหนึ่งเดียวก็คืออาเขยเล็กกู้เจิ้งชิงผู้เป็ ‘แฟนคลับ’ ที่โผล่ออกมาระหว่างทาง การกระทำนี้ของอาเขยเล็กได้คลี่คลายความเคลือบแคลงของคนตระกูลโจวแทนเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างสมบูรณ์ อาเขยเล็กพยายามกู้ชื่อให้เธอสุดความสามารถ เขาตื่นเต้นเกินพอดีโดยไม่ระวัง ถึงกับส่งเทปบันทึกภาพการสัมภาษณ์ของเธอมา!
นี่เป็สิ่งเดียวที่เซี่ยเสี่ยวหลานคาดการณ์ไม่ได้!
ดังนั้นปัญหาเื่อาการาเ็ข้อมือที่เธอปิดบังโจวเฉิงไว้ก็เสียเปล่าหมดแล้วน่ะสิ อย่างไรก็ตามอากาศร้อนอบอ้าวขนาดนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้อยากสวมชุดแขนยาวกระโปรงยาวเหมือนกัน
ตอนนั้นสีหน้าของโจวเฉิงเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดด้วยซ้ำ ทว่าเขาไม่ถามต่อหน้าคนตระกูลโจว
เซี่ยเสี่ยวหลานครุ่นคิดว่าตนเองจะสารภาพต่อโจวเฉิงอย่างตรงไปตรงมาดีหรือไม่ โจวเฉิงเองก็อดทนเก่งจริงๆ ตลอดทางเขาไม่ถามอะไรเธอเลย
เมื่อถึงบ้านพัก เป็เซี่ยเสี่ยวหลานที่รู้สึกผิดเองมากกว่า เธออธิบายแก้ตัวอย่างไร้ชีวิตชีวา
“ฉันกลัวว่าเธอจะกังวล อีกอย่างอาการไม่หนักหนาด้วย เธอดูสิว่าตอนนี้ฉันถอดเฝือกออกแล้วด้วยซ้ำ...”
“ยังเจ็บอยู่ไหม? ”
เขาจับมือขวาของเธออย่างอ่อนโยน เซี่ยเสี่ยวหลานใช้มือที่าเ็คู่นี้เข้าสนามสอบ อีกทั้งยังเป็ถึงอันดับหนึ่งประจำมณฑลอวี้หนาน โจวเฉิงทั้งภูมิใจในตัวเธอ ทั้งสงสารเธอจับใจ—ทำไมเธอต้องพยายามขนาดนี้? เพราะคิดว่าตัวเองไร้ซึ่งหนทางให้ถอยกลับสินะ!
เห็นเขาเป็ที่พึ่งพิงไม่ได้หรือไร?
โจวเฉิงไม่รู้ว่าเขาทำตรงไหนได้ไม่ดีพอ
เสี่ยวหลานช่างเด็ดเดี่ยวเหลือเกิน ต้องเป็สภาพแวดล้อมแบบไหนกันที่บังคับให้เธอกลายเป็แบบนี้ ต้อนเธอจนทำได้เพียงจัดการร้อยแปดพันเก้าปัญหาด้วยตนเอง
โจวเฉิงสังเกตเห็นความผิดปกติั้แ่แรกแล้ว หลังพบกันเซี่ยเสี่ยวหลานมักหลบเลี่ยงไม่ให้เขาไปแตะมือขวาโดยไม่รู้ตัว พอดูเทปบันทึกภาพ โจวเฉิงก็เข้าใจแจ่มแจ้งทั้งหมดทันที าแหายดีถอดเฝือกแล้วอะไรกัน ชัดเจนว่าถอดออกชั่วคราวเพื่อมาพบเขาต่างหาก!
ไม่กล้าให้เขาใช้แรงจูงมือ ไม่กล้าถือของหนัก เพราะว่าข้อมือยังมีโอกาสปวดได้น่ะสิ...
เชิงอรรถ
[1]有共同语言 มีภาษากลางร่วมกัน หมายถึง มีความสนใจ รสนิยม หรือทัศนคติเหมือนกัน