วันที่สอง ท้องฟ้าทอแสง!
เสวียนเทียนตื่นนอนแล้ว ฝึกฝน ‘ท่าเท้าเงาผีลวงิญญา’ อยู่ในเรือน
“หวงเทียน ออกมาซะข้าจะท้าสู้กับเ้า!” ทันใดนั้นนอกเรือนก็มีเสียงคุ้นหูเสียงหนึ่งดังขึ้น เป็ไป๋หลิงนั่นเอง
ไป๋หลิงมีพลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นสอง่กลางในขั้นที่สองชื่ออยู่อันดับที่หนึ่ง ขอเพียงพลังวัตรมั่นคงกว่านี้อีกนิดถึง่ปลายของชั้นเบิกนภาขั้นสอง ย่อมต้องทะลุขึ้นเป็ศิษย์อัจฉริยะขั้นที่หนึ่งได้แน่นอน
ยามนี้ฟ้าเพิ่งสว่างยังไม่มีศิษย์คนอื่นที่มายัง ‘เรือนหวงเทียน’ ท้าสู้กับเสวียนเทียนมีเพียงไป๋หลิงคนเดียวเท่านั้น
มือสองข้างของนางเท้าเอว โมโหจนหน้ายู่ลมหายใจกระชั้นเล็กน้อย เนินเนื้อนูนเด่นทั้งสองบนหน้าอก โค้งเว้าเป็คลื่นอยู่ใต้เสื้อสีขาวดุจหิมะ
หลังออกไปจากหอวิชายุทธ์วันนั้นนางก็ไปหาท่านปู่ของนางเพื่อฝึกวิชาท่านปู่ของนางเป็ผู้าุโรุ่นใหญ่ของหอกระบี่หลังนางอ่านบันทึกการฝึกด้านหลังคัมภีร์วิชาปราณในหอวิชายุทธ์ ฟังท่านปู่ของนางสั่งสอนอีกรอบหนึ่งแล้วค่อยฝึกจริงลงแรงครึ่งเดียวได้ผลเป็เท่าตัว
นางเก็บตัวฝึกฝนอยู่ในที่พำนักของผู้าุโรุ่นใหญ่เกือบหนึ่งเดือนคืนเมื่อวานถึงออกมาตอนนี้ถึงได้ยินข่าวที่เสวียนเทียนเอาชนะศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองหกสิบเจ็ดคนรวดนอกจากนี้ยังได้ยินว่าเสวียนเทียนผ่านหอกระบี่ชั้นที่สาม ชื่อได้อยู่ในขั้นที่หนึ่งของรายชื่ออันดับศิษย์สำนักในตรงหอกระบี่
ยามนั้นสมองของไป๋หลิงมึนงงไปเสวียนเทียนถึงกับผ่านชั้นที่สามของหอกระบี่ ชื่ออยู่ในขั้นที่หนึ่งของรายชื่ออันดับศิษย์สำนักในตรงหอกระบี่เหนือความคาดคิดของนางไปมากนัก
ที่สำคัญที่สุดก็คือที่หอวิชายุทธ์นางพบหน้ากับเสวียนเทียน ถามเสวียนเทียนว่า ‘ผ่านหรือไม่’ เสวียนเทียนตอบอย่างเฉยชาที่สุดว่า ‘ผ่านแล้ว!’ ไม่ได้พูดถึงเื่ที่ผ่านชั้นที่สามของหอกระบี่เลยสักนิดเดียว
นี่ทำให้ไป๋หลิงไม่พอใจมากรู้สึกเหมือนตนเองถูกมองข้าม
นอกจากนี้ ตอนนั้นไป๋หลิงยังพูดอีกว่า ‘ดูท่าใช้เวลาไม่นานเ้าก็คงตามข้าทันแล้ว’ ใช้เวลาไม่นานเสียที่ไหนเล่า?อันดับของเสวียนเทียนวันแรกที่เข้ามาในสำนักในก็แขวนอยู่บนขั้นที่หนึ่งแล้ว
ถึงแม้ชื่อของเสวียนเทียนอยู่อันดับท้ายสุดของขั้นที่หนึ่งส่วนไป๋หลิงอยู่ลำดับที่หนึ่งของขั้นที่สอง ระหว่างทั้งคู่ห่างกันเพียงอันดับเดียวแต่ความห่างชั้นกลับไม่ใช่เพียงชื่ออันดับเดียวเท่านั้น แต่เป็หนึ่งระดับขั้น
“เสียทีที่ข้าอุตส่าห์ใจดีบอกเ้าให้ทดสอบพลังธาตุให้เ้าเลือกวิชาปราณวิทยายุทธ์ที่เหมาะกับเ้า ที่แท้เ้ามองข้าเป็อากาศธาตุ ฮึ! ข้าจะต้องให้เ้าได้เห็นความร้ายกาจเสียบ้างมาดูกันว่าเ้าจะยังกล้ามองข้ามข้าอยู่อีกไหม!”
ไป๋หลิงยิ่งคิดยิ่งโมโห กระทืบเท้าทีหนึ่งหน้าอกกลมทั้งสองกระเด้ง แล้วกระเพื่อมตามต่อเล็กน้อย
ครู่หนึ่ง เสียงแอ๊ดก็ดังขึ้น ประตูเปิดออกเสวียนเทียนเดินออกมา
สายตาหยุดอยู่บนร่างของไป๋หลิงหยุดอยู่ที่เนินเนื้อกลมตั้งเด่นตรงหน้าอกของไป๋หลิงโดยสัญชาตญาณครู่หนึ่งในใจของเสวียนเทียนความประหลาดใจผุดขึ้นมา เพิ่งผ่านไปยังไม่ถึงหนึ่งเดือนแม่นมโตคนนี้พลังวัตรถึงชั้นเบิกนภาขั้นสอง่ปลายแล้วห่างจากจุดสูงสุดของขั้นสองอีกเพียงก้าวเดียว จำได้ว่าครั้งแรกที่พบนางเมื่อห้าเดือนก่อนหน้านี้นางเพิ่งก้าวขึ้นชั้นเบิกนภาขั้นสอง ดูแล้วอย่างมากผ่านไปอีกเจ็ดแปดเดือนนางก็คงก้าวขึ้นชั้นเบิกนภาขั้นสามแล้ว
“ชั้นเบิกนภาขั้นสอง่กลางก็เป็อันดับหนึ่งของขั้นที่สองได้พลังของนางในตอนนี้ไม่เป็รองเฟิงปู๋จื้ออย่างน้อยก็ต้องอยู่ในสี่สิบห้าอันดับแรกของขั้นที่หนึ่งแล้ว”
ในใจเสวียนเทียนคาดเดาพลังของไป๋หลิงเดินมาข้างหน้า เอ่ยว่า “ศิษย์พี่ไป๋มาเยือนแต่เช้าเชียว!”
ไป๋หลิงสูดหายใจลึกทาบมือบนเนินเนื้อสูงเด่นตรงหน้าอกของตนเอง พูดว่า “เ้าอย่ามาเรียกข้าศิษย์พี่เ้าลำดับอยู่ขั้นที่หนึ่งไปแล้ว ยังกล้าเรียกข้าศิษย์พี่นั่นไม่ใช่เยาะเย้ยข้าหรือ ที่มาแต่เช้า เพราข้าจะสั่งสอนเ้าโดยไม่ให้คนอื่นได้เห็นสภาพอเนจอนาถของเ้า”
เสวียนเทียนไม่ใช่วิญญูชนทรงเกียรติอะไรสายตาหยุดอยู่ที่เนินเนื้อโค้งนูนสองลูกนั้นอยู่พักหนึ่ง ยิ้มละไมขึ้นมา “ถ้าเช่นนั้นข้าเรียกเ้าศิษย์น้องไป๋ก็แล้วกันมาแต่เช้าก็ดีกับเ้าเช่นกัน บางทีคนที่แพ้อาจไม่ใช่ข้า”
สายตาของผู้ชายแทบทั้งหมดชอบแอบมองมาทางหน้าอกของนางไป๋หลิงแทบจะคุ้นชินจนคุ้นเคยไปแล้ว แต่ตอนนี้นางกำลังโมโหเห็นสายตาของเสวียนเทียนชำเลืองมาที่หน้าอกของตน ความโกรธในใจยิ่งพวยพุ่งออกมาอารมณ์เหวี่ยงขึ้นลงหนักยิ่งกว่าเดิม
ไป๋หลิงกระทืบเท้าทีหนึ่ง พูดว่า “ปกติเห็นเ้าเป็คนซื่ออยู่บ้างที่แท้เ้าก็ร้ายเช่นนี้ ถ้ารู้ก่อนน่าจะมาตอนฟ้าสว่างโร่ ให้ศิษย์ทุกคนได้เห็นสภาพน่าอับอายของเ้า”
พูดแล้วไป๋หลิงก็ชักกระบี่ในมือออกมาเป็ศาสตรามีชื่อระดับสุดยอดเล่มหนึ่ง เอ่ยว่า “ปล่อยให้เ้าดูถูกข้า ให้เ้ามองแทะโลมวันนี้ข้าจะสั่งสอนเ้าให้สาสม รับกระบี่!”
ไป๋หลิงแทงออกมาหนึ่งกระบี่รัศมีกระบี่สว่างบาดตาฉับพลันก็ปรากฏขึ้นมา ทั้งร่างของนางพลิ้วเหินมาข้างหน้าเสื้อสีขาวขยับรับสายลมราวกับเริงระบำอยู่
กระบี่ที่เหินมาในอากาศนี้ งดงามอย่างที่สุดแต่ในความงามแฝงอันตรายถึงชีวิตกระบี่นี้เทียบกับที่ผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาที่เพิ่งขึ้นชั้นเบิกนภาขั้นสามแล้วไม่ด้อยกว่าเลยสักนิด
“เพลงกระบี่ใช้ออกมาจากมือของต่างคนกัน ไม่เหมือนกันจริงๆ!” ในใจเสวียนเทียนคิด
กระบี่นี้ แม้ว่าในความงามแฝงอันตรายถึงชีวิตไว้แต่สำหรับเสวียนเทียนแล้ว ไม่นับว่าเป็อะไร
ชิ้ง!
‘กระบี่แรกฟ้า’ ออกจากฝัก แสงสีฟ้าราวกับแสงจันทราฉายส่องแผ่กระจายออกมา
เผชิญหน้ากับไป๋หลิงเสวียนเทียนใช้ความสามารถที่แท้จริงออกมานิดหนึ่ง
ร่างของไป๋หลิงแม้จะลอยละล่อง แต่ความเร็วก็ผิดธรรมดาราวกับิญญานางก็เคยศึกษา ‘เพลงกระบี่ดับเงา’ ถึงแม้ว่าจะเรียนไม่สำเร็จ แต่เจตคติแห่ง ‘ความเร็ว’ ก็บรรลุมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็ท่าร่างวิชาตัวเบาหรือว่าความเร็วกระบี่ที่โจมตี ล้วนเร็วกว่ามือกระบี่ทั่วไปอยู่ไม่น้อย
ฟึบๆๆๆ...!
พริบตา ไป๋หลิงแทงออกมาเก้ากระบี่ในอากาศชั่วพริบตาก็ปรากฏรัศมีกระบี่เก้าสาย แต่ละสายคมกล้าเหนือสิ่งใด
ในรัศมีกระบี่แฝงปราณแท้เบิกนภาสายวารีโอนอ่อนนุ่มละมุน แสงสะท้อนสว่างบาดตาอย่างที่สุด เทียบกับรัศมีกระบี่ทั่วไป อำนาจแข็งแกร่งยิ่งกว่าอีกทั้งยังยากจะสลายไป
“หนึ่งกระบี่แผดเผานภา!”
เมื่อเผชิญกับรัศมีกระบี่เก้าสายเสวียนเทียนเพียงแทงออกมาหนึ่งกระบี่ รัศมีกระบี่สีแดงชาด แผ่พุ่งออกมาราวกับเปลวไปะเิพุ่งออกมาลูกหนึ่ง ใหญ่ ร้อนแรง ไอร้อนระอุพุ่งออกไปข้างหน้าอย่างรุนแรง
รัศมีกระบี่สายวารีเบื้องหน้าของเสวียนเทียนล้วนถูกหนึ่งกระบี่นี้ทำลายรัศมีกระบี่ดุจเปลวเพลิงสีแดง ไม่ลดพลังลง พุ่งตรงไปที่ลำคอของไป๋หลิง!
ไป๋หลิงใมาก พลังของเสวียนเทียนเหนือความคาดหมายของนาง
‘ปราณเก้าวารีหยกเหมันต์’ โคจรถึงขีดสุด ไป๋หลิงใช้ ‘แจ้งทวงหยาวเยือกน้ำแข็ง’ หนึ่งกระบี่กวาดฟัน ปราณแท้เบิกนภาสายวารีแทบจะกลายเป็น้ำแข็งเย็นกระบี่ยาวในมือของนางกลายเป็กระบี่น้ำแข็งเล่มหนึ่งไปอย่างสมบูรณ์
ใช้ความเย็นเยือกที่สุดต้านทานเปลวเพลิงอันร้อนแรง
น้ำแข็งกับไฟประชันกัน!
เคร้ง!
สองกระบี่ปะทะกัน เสียงแหลมสูงดังกังวาน
ไป๋หลิงใอุทานออกมาแรงกระแทกหนักหน่วงทำให้กระบี่ยาวในมือนางหลุดมือไป
จุดแข็งของนางคือว่องไว พลิ้วไหว รวดเร็วพละกำลังเป็จุดอ่อนของนาง แต่ความเร็วก็เป็จุดแข็งของเสวียนเทียนเช่นเดียวกับบีบจนนางต้องเข้าปะทะ ส่วนพละกำลังเป็จุดแข็งข้อใหญ่ของเสวียนเทียนกระบี่เดียวตัดสินแพ้ชนะ
ร่างของไป๋หลิงถลากระเด็นถอยหลังปลิวลอยไปในอากาศถึงสามสิบกว่าเมตร ร่างกายของนางหมุนไปหลายตลบตอนนี้ด้านหน้าหันลงพื้น เห็นว่ากำลังจะร่วงหมอบกับพื้นดิน ถ้าตกลงไปจริงเกรงว่าบนใบหน้าคงทิ้งรอยแผลไว้หลายรอย
ถ้าเป็ศิษย์ชาย ล้มก็ล้มไป เสวียนเทียนไม่สนใจแต่ไป๋หลิงอย่างไรก็เป็เด็กสาวงดงามวัยสิบหกปีคนหนึ่ง ถ้าปล่อยให้นางล้มคว่ำใบหน้าเสียไปนั่นย่อมผิดบาป
เงาภูตเทวยาตรา!
เสวียนเทียนใช้วิชาตัวเบาวิชาใหม่ทันทีร่างกายราวกับภูตผีฉับพลันปรากฏอยู่ด้านหลังของไป๋หลิง มือขวายื่นออกไปรวบเอวของไป๋หลิงเข้ามากอด ไป๋หลิงตกลงมาแรงมากแต่พละกำลังของเสวียนเทียนน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าพริบตาก็หยุดร่างที่ร่วงลงมาของไป๋หลิงได้
แต่คิดไม่ถึง ไป๋หลิงเพิ่งหลุดพ้นจากอันตรายฝ่ามือหนึ่งก็ตบเข้าหาเสวียนเทียน
ครั้งนี้ใกล้เพียงเอื้อมมือทั้งไป๋หลิงยังลงมืออย่างรวดเร็วที่สุด และนอกเหนือความคาดหมายของเสวียนเทียนต่อให้เป็เสวียนเทียนครั้งนี้ก็ไม่อาจป้องกันไว้ได้
แต่เสวียนเทียนก็ยังคงเป็เสวียนเทียนปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วอย่างที่สุดทิ้งตัวลงกลิ้งกับพื้นทั้งที่ยังกอดไป๋หลิงอยู่ ฝ่ามือนั้นจึงพลาดเป้า
นอนกลิ้งอยู่ที่พื้น สองขาของเสวียนเทียนหนีบสองขาของไป๋หลิงไว้สองมือโอบกอดสองแขนของไป๋หลิงจนไปถึงหน้าอกของนางไว้พลิกกายทีหนึ่งก็กดไป๋หลิงไว้ใต้ร่าง ทำให้นางขยับไม่ได้
ท่านี้ดูชวนเข้าใจผิดอยู่บ้างไป๋หลิงนอนคว่ำอยู่บนพื้น เสวียนเทียนทับอยู่บนร่างของไป๋หลิง
ศีรษะของทั้งคู่แนบติดกัน แผ่นอกแนบติดแผ่นหลังตัวแนบติดสะโพก ต้นข้าหนีบต้นขา ร่างทับร่าง เสวียนเทียนคุมไป๋หลิงไว้นิ่งสนิทใต้ร่างตนเอง
ถ้าเกิดยามนี้มีศิษย์ในผ่านมาเห็นเข้าย่อมคิดว่าเสวียนเทียนบังคับข่มเหงไป๋หลิง ไม่มีทางเป็อื่นแน่
ร่างกายวัยสาวของไป๋หลิงนุ่มนิ่มชวนให้คนตะลึงทำให้ใจของเสวียนเทียนเกิดความคิดไม่ดีขึ้นมา ร่างกายร้อนผ่าวอยากปล่อยมือออกแต่การขัดขืนของไป๋หลิงก็ทำให้เสวียนเทียนคิดถึงฝ่ามือเมื่อครู่จึงได้แต่ต้องรัดให้แน่นอีก สองขาหนีบไว้แน่นกว่าเดิม ร่างกายแนบชิดเข้าไปยิ่งขึ้น
“เ้า....ปล่อยข้านะ!” ไป๋หลิงหลีกเลี่ยงััแนบชิดกับผืนดินเอียงศีรษะหอบหายใจ
ไป๋หลิงถูกเสวียนเทียนกอดรัดไว้แน่นร่างกายไม่อาจขยับได้ ได้แต่เพียงดิ้นรนขัดขืนการกระตุ้นเช่นนี้เทียบกับการดิ้นรนขัดขืนแล้ว ยิ่งร้ายแรงถึงชีวิตร่างกายท่อนล่างของบางคนแข็งขืนน่าอับอายขึ้นมาไม่น้อยจนทิ่มเข้าที่ระหว่างกลางบั้นท้ายของสาวน้อย
ใบหน้าของเสวียนเทียนอยู่ข้างแก้มขาวราวกับหยกของไป๋หลิง ลมหายใจร้อนพรูออกมาปะทะใบหน้าของไป๋หลิงเอ่ยว่า “ศิษย์น้องไป๋ให้ข้าปล่อยมือย่อมได้ เ้าอย่าตบข้าอีก ไม่อย่างนั้น ข้าจะกอดนิ่งไม่ขยับ”
ร่างกายของสาวน้อยถูกผู้ชายกอดแนบชิดเป็ครั้งแรกทำให้ทั้งร่างของไป๋หลิงร้อนผ่าว ลมหายใจกระชั้นชิดเนินเนื้อเต็มล้นทั้งสองที่กดทับอยู่ใต้ร่างขยายออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บั้นท้ายเพราะมีของแข็งทิ่มอยู่ที่ระหว่างกลางบั้นท้ายสองข้างไป๋หลิงไม่คุ้นชินจึงบิดขยับบั้นท้าย คิดอยากหนีของสิ่งนั้นแต่ยิ่งบั้นท้ายของไป๋หลิงบิด ของสิ่งนั้นก็ยิ่งแข็งขึ้น ทิ่มมามากกว่าเดิม
ไป๋หลิงรู้ว่าตนดิ้นไม่หลุดแล้ว เอ่ยว่า “เ้ารีบปล่อยมือลามกทั้งสองของเ้าออกซะยังมีของต่ำๆ ที่ทิ่มบั้นท้ายข้าอยู่อีก นั่นคืออะไร รีบเอาออกไปเลยนะ”
มือลามก?
เสวียนเทียนขยำสองที นิ่มเหลือเกินที่แท้สองมือของเขาไปวางอยู่บนหน้าอกใหญ่โตของสาวน้อยพอดี เมื่อครู่กอดแน่นมือยังโดนไป๋หลิงทับไว้ข้างใต้ เสวียนเทียนจึงไม่ทันได้รู้สึกตอนนี้ถึงเพิ่งรู้ถึงกับบังเอิญขนาดนี้
นึกขึ้นมาได้ว่าในใจเคยก่นด่าไป๋หลิงในใจไว้ข้าจะบิดนมให้ร้องครวญคราง!
ไม่คิดว่า เื่ราวบนโลกจะบังเอิญถึงเพียงนี้ได้บิดเข้าจริงๆ
“ฮึๆ...!” เสวียนเทียนยิ้มชั่วร้าย เอ่ยว่า “ศิษย์น้องไป๋ข้าปล่อย เ้าก็ตีข้าอีก นอกเสียจากเ้าสาบานว่าจะหาเื่ข้าอีกไม่อย่างนั้นข้าไม่ปล่อย”
พูดพลางสองมือน่าไม่อายก็บีบหนักๆ สองทีทำให้ไป๋หลิงอ้าปากหลุดเสียงครางชวนใจสั่นออกมา ส่วนที่อยู่ข้างล่างก็ยิ่งแนบชิดยิ่งกว่าเดิม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้