ได้ยินดังนั้น สีหน้าเจิ้งหยวนพลันเคร่งเครียด อึดใจหนึ่งจึงเอ่ยถาม “แถวนั้นมีคนอยู่เยอะไหม?”
เจิ้งเจวียนรีบตอบ “เยอะ จะไม่เยอะได้ยังไง มุงกันเต็มเลยละ” เด็กหญิงว่าพลางคิดในใจ กำลังต่อแถวรอส่วนแบ่งเนื้อกันคึกคัก เป็ไปไม่ได้เลยที่คนจะน้อย
เจิ้งหยวนเท้าเอว ไฟในใจลุกโหมกระหน่ำ ก่อนเตะกองฟืนข้างกายอย่างแรงจนเฉินชุ่ยอวิ๋นสะดุ้งโหยง
เห็นดังนั้น ผู้เป็แม่จึงรีบเกลี้ยกล่อม “ช่างมันเถอะนะ หยวนหยวนอย่าโกรธเลย ไม่กี่วันก่อนบ้านพวกเราเพิ่งกินเนื้อไปเอง มื้อนี้ไม่จำเป็หรอก เนอะ” อันที่จริง ตัวเธอเองก็รู้สึกเสียดายไม่ต่างกัน ครอบครัวชนบทได้กินเนื้อกันแค่ปีละครั้งสองครั้ง คราวนี้ไม่รู้ได้ส่วนแบ่งมาเท่าไร อนิจจา กลับต้องยกให้บ้านลุงใหญ่ไปหมดแล้ว
“ฉันโกรธที่ไม่ได้กินเนื้อที่ไหนกัน!” เจิ้งหยวนงุ่นง่านเหงื่อออกแทบทั้งตัว พลางว่า “แม่ แม่ไม่ลองคิดดูล่ะ
การที่พ่อเอาเนื้อให้เพื่อการขอโทษป้าสะใภ้ใหญ่ต่อหน้าคนมากขนาดนั้น
มันไม่ใช่ตบหน้าฉันหรอกเหรอ? อีกอย่างฉันทำอะไรผิด
พ่อถึงต้องขอโทษด้วย? คนเขาจะคิดกันยังไง? พวกเขาคงได้เดากันว่าฉันทะเลาะกับเจิ้งสยาก่อนหน้านี้ ล้วนพูดโกหกทั้งหมด
ที่เจิ้งสยาบอกว่าฉันลักลอบคบหากับคนในอำเภอเมืองเป็เื่จริง?”
หากเจิ้งหยวนไม่บอกเช่นนี้ เฉินชุ่ยอวิ๋นคงคิดไม่ถึง ครั้นเธอพูดจบ เฉินชุ่ยอวิ๋นจึงพานวิตกกังวลตาม เธอพูดเสียงขาดห้วง “มะ... ไม่หรอกมั้ง?”
“ทำไมจะไม่ล่ะ? เดิมทีครอบครัวเรามีเหตุมีผล น่าเชื่อถือ
พ่อเข้ามายุ่งแบบนี้ ไม่แน่ใจเลยว่าคนอื่นจะคาดเดากันไปยังไงบ้าง?” เธอโกรธเสียจนแค่นหัวเราะ แล้วกัดฟันพูดต่อ
“พ่อจะทำลายชื่อเสียงฉันให้ได้เลยใช่ไหม? เขายังอยากให้ฉันแต่งเข้าสกุลเฝิงอย่างราบรื่นอยู่หรือเปล่า? ถ้าไม่อยาก ฉันจะได้ไปอำเภอเมืองเดี๋ยวนี้เลย
ยังไงหลินเสี่ยวหยางก็ยังคิดถึงฉันอยู่!”
“ตายจริง ลูกสาวฉัน แกพูดจาอย่างนี้ได้ยังไง” เฉินชุ่ยอวิ๋นจับแขนเจิ้งหยวน พานโมโหจนตบหลังเธอสองฉาดใหญ่ “พ่อต้องไม่ได้คิดมากขนาดนั้นแน่ แกอย่าปลงไม่ตก มาพูดว่าจะไปหาคนแซ่หลินนั่นอีกเด็ดขาดเชียวนะ”
เจิ้งหยวนพูดด้วยอารมณ์ทั้งนั้น ชาตินี้เธอไม่มีทางคืนดีกับหลินเสี่ยวหยางอีกแล้ว เธอรู้ดีว่าเจิ้งเฉวียนกังไม่ได้ตั้งใจหรอก และพอจะนึกออกด้วยว่าคำพูดป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งตอนนั้นคงระคายหูสุดๆ พ่อเธออับอายแบกหน้าไม่ไหวถึงยกเนื้อให้ เธอแค่โกรธ พ่อเธอคิดว่าเธอทำผิดต่อครอบครัวคุณลุงจริงๆ ใช่ไหม? มันช่างน่าโมโหนัก!
เจิ้งเจวียนมองพี่สาวรองที มองเฉินชุ่ยอวิ๋นที ก่อนอดไม่ได้ที่จะพูดแทรกกะทันหัน พยายามระมัดระวังคลื่นอารมณ์รอบข้างยามนี้อย่างยิ่ง “ฉันว่า... เื่มันอาจจะไม่ร้ายแรงขนาดนั้นก็ได้มั้ง?”
ครั้นเฝิงิเยว่เลิกงานกลับมาก็ล้างไม้ล้างมืออยากเข้าไปช่วยในครัว สุดท้ายได้ยินเสียงพวกเธอทะเลาะกัน่ท้ายๆ จึงถามสงสัย “เกิดเื่อะไรขึ้น?พวกเธอเป็อะไรกัน?”
เจิ้งหยวนส่งเสียงฮึในลำคอ ไม่พูดคำใด เฉินชุ่ยอวิ๋นถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม เด็กช่างพูดอย่างเจิ้งเจวียนเลยเป็คนถ่ายทอดเื่ราวให้เฝิงิเยว่ และถามเฝิงิเยว่หลังเล่าจบ “พี่สะใภ้ พี่สาวพูดจาน่ากลัวมาก คงไม่ร้ายแรงขนาดนั้นหรอกใช่ไหม?”
เฝิงิเยว่ครุ่นคิดแล้วขมวดคิ้วมุ่น ผ่านไปอึดใจหนึ่งจึงค่อยบอก “ฉันคิดว่าหยวนหยวนไม่ได้คิดเยอะไปนะ…”
เจิ้งเจวียนอุทานเสียงดังลั่น ก่อนหันกลับมาถามเจิ้งหยวนทันที “พี่สาวรอง จะทำยังไงกันดี?”
คราวนี้เฉินชุ่ยอวิ๋นทั้งใ ทั้งวิตกจนสติหลุดเหมือนกัน คนอื่นเป็อย่างไรเธอไม่สน แต่ชื่อเสียงลูกสาวเธอห้ามเสียหายเด็ดขาด! เธอร้อนรนจนแทบจะอยู่ไม่สุขแล้ว “ทำยังไงล่ะทีนี้
พ่อแกก็นะมัวไปทำอะไรอยู่เนี่ย”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้