บทที่ 28 ศิษย์รับใช้ผู้แข็งแกร่ง
หลังจากลูกศิษย์จากยอดเขาชิงจู๋จากไป ก็เหลือแต่เหล่าลูกศิษย์ที่เหลือ จางจี้ ปรมาจารย์ผู้ดูแลยอดเขาชิงหยุนยืนทำหน้าอึ้งงันกันอยู่ นอกจากนี้ยังมีลูกศิษย์ของยอดเขาอื่นๆ อยู่ด้วย
“ไสหัวไปให้หมด” จางจี้ตวาดไล่เหล่าลูกศิษย์จากยอดเขาอื่น
ครั้นเื่ทุกอย่างในวันนี้จบลง ฉินชูก็มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมา กลายเป็ศิษย์รับใช้ที่แข็งแกร่งและบ้าระห่ำที่สุดของสำนักชิงหยุนเท่าที่เคยมีมา ตอนนี้เขามีฉายาว่า ‘ศิษย์รับใช้ผู้แข็งแกร่งที่สุด’ ในสำนัก ลูกศิษย์คนอื่นๆ ต่างค่อยๆ เริ่มปรับมุมมองต่อศิษย์รับใช้แห่งยอดเขาชิงจู๋ใหม่ ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ฉินชูมาท้าสู้เพียงคนเดียว แต่ศิษย์รับใช้คนอื่นๆ ล้วนถือไม้ถือกระบองติดตามมาด้วย เห็นได้ชัดว่าฉินชูได้รับความเคารพจากพวกเขา และพวกเขาก็พร้อมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับฉินชูทุกเมื่อ
ขณะที่ฉินชูกำลังฝึกตนอยู่ที่ผาหินตัด หลัวเจินและผู้เฒ่าคนหนึ่งก็ได้แวะมาหา
ฉินชูออกจากฌาน ยืนขึ้นและโค้งตัวคารวะหลัวเจินและผู้เฒ่าทันที
“ฉินชู ท่านผู้นี้คือผู้าุโซ่ง เป็หัวหน้าผู้ดูแลคลังทรัพยากรทั้งหมดของยอดเขาชิงจู๋ เนื่องจากเ้าสร้างชื่อเสียงให้ทางยอดเขา ก็สมควรได้รับรางวัล หากมีความ้าอะไรก็บอกกับผู้าุโซ่งได้เลย” หลัวเจินบอกฉินชู
ผู้าุโซ่งลูบเครายาวพลางพยักหน้าให้ฉินชูเล็กน้อย “ข้าดูเ้าตอนอยู่ยอดเขาหลักอยู่ไกลๆ ไม่เลวๆ”
“ศิษย์ผู้นี้ไม่้าอะไรขอรับ หาก้าจริงๆ ข้าจะแลกมาด้วยแต้มคุณูปการ แต่เหล่าศิษย์รับใช้ที่นี่มีสภาพความเป็อยู่ไม่ค่อยดีนัก เข้าถึงทรัพยากรได้ยาก แต่พวกเขามีใจอยากพัฒนาตัวเองและอยากเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเองกัน” ฉินชูมองไปทางหอศิษย์รับใช้ ก่อนหน้านี้ไป๋อวี้รายงานเขาว่า มีศิษย์รับใช้สองคนตายระหว่างทำภารกิจ
“ข้ารู้แล้วว่ามีศิษย์รับใช้ออกไปทำภารกิจ หลังจากนี้ข้าจะให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมกว่านี้แล้วกัน หากทำหน้าที่ได้ดี จะมอบโอสถจวี้หยวนให้ทุกเดือน แม้ไม่เท่ากับเหล่าลูกศิษย์ทางการ แต่ถือว่าเป็การให้โอกาสเริ่มต้นแก่พวกเขา” หลัวเจินพูดขึ้น
“ขอบพระคุณท่านาุโเป็อย่างยิ่ง ว่าแต่พอจะมีตำราวิชากระบี่สักเล่มให้ศิษย์ผู้นี้ได้ฝึกฝนบ้างหรือไม่ขอรับ” ครุ่นคิดสักพักหนึ่ง ฉินชูก็ไม่เกรงใจอีกต่อไป ถ้าไม่เอ่ยปากตอนนี้ แล้วจะเอ่ยปากตอนไหน หลังจากเอ่ยปากขอผลประโยชน์ให้พี่น้องศิษย์รับใช้เสร็จ ก็ถึงคราวของตัวเองบ้างแล้ว
หลัวเจินแปลกใจเล็กน้อย เพราะท่าทีของฉินชูเปลี่ยนไปเร็วเหลือเกิน เมื่อครู่ยังเกรงใจอยู่เลย ตอนนี้กลับตรงกันข้ามเสียแล้ว
“ไม่มี จงฝึกตำราวิชากระบี่พื้นฐานของเ้าต่อไปเถอะ ที่เ้ากำลังฝึกอยู่นั่นดีแล้ว แต่ยังไม่พอ มันยังดีได้อีก” จากนั้นหลัวเจินกับผู้าุโซ่งก็จากไป
ฉินชูแอบหน่ายใจเล็กน้อย ไหนบอกว่ามีรางวัลให้กับเขา อยากได้อะไรก็ให้บอก แต่ทำไมถึงเปลี่ยนท่าทีกะทันหันเช่นนี้
“ท่านปรมาจารย์ วิชากระบี่พื้นฐานของเขาถึงขั้นเป็ศาสดาจารย์ได้แล้ว เป็ทักษะพลังที่วิเศษเหนือจินตนาการเป็ยิ่งนัก ลับคมเก็บรายละเอียดอีกนิดหน่อยก็สามารถฝึกเคล็ดวิชากระบี่ชั้นสูงได้แล้ว เผลอๆ อาจฝึกสำเร็จได้อย่างรวดเร็วด้วย” ผู้าุโซ่งพูดขึ้น
หลัวเจินพยักหน้า “หากเขาขออย่างอื่น ข้าไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน แต่ข้ามอบตำราวิชากระบี่ให้เขาไม่ได้จริงๆ ใน่เวลาอันสั้นเช่นนี้ เขาไม่ควรแตะต้องตำราวิชากระบี่แขนงอื่น การที่เขาสามารถขัดเกลาวิชากระบี่พื้นฐานได้แตกฉานจนเป็ศาสดาจารย์กระบี่ได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ ถือว่ามีพร์ด้านวิถีกระบี่ที่ทรงพลังเป็ยิ่งนัก เราควรปล่อยให้เขาขัดเกลาเช่นนี้ต่อไปเพื่อความบริสุทธิ์ของกระบวนท่า แต่นอกเหนือจากฉินชู เ้าคนที่ชื่อไป๋อวี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน พวกเราควรให้ความสำคัญแก่เขาเช่นกัน”
ผู้าุโซ่งมองไปทางหอศิษย์รับใช้ ภายในใจก็รู้สึกครั่นคร้าม หอศิษย์รับใช้ที่นี่เป็แหล่งรวมอัจฉริยะจริงๆ
เมื่อกลับถึงห้องโถงหลักแห่งยอดเขาชิงจู๋ หลัวเจินก็ได้กำชับเหล่าผู้ดูแลและผู้คุมกฎให้ใส่ใจหอศิษย์รับใช้มากกว่าที่ผ่านมา
“เฝ้าระวังความเคลื่อนไหวของเสวี่ยอินให้ดี ห้ามให้นางเข้าใกล้หอศิษย์รับใช้และฉินชูเด็ดขาด” ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลัวเจินก็ออกคำสั่งเื่นี้เพิ่มอีกเื่
“เพราะอะไรหรือขอรับ” ผู้คุมกฎคนหนึ่งถามขึ้น
“เสวี่ยอินเป็พวกชอบเลื่อยขาเก้าอี้ และยังเป็คนหมกมุ่นในความ้าของตัวเอง นางเล็งฉินชูเอาไว้ และนางจะต้องพยายามแย่งชิงตัวฉินชูไปทุกวิถีทางแน่ อีกอย่างฉินชูก็ยังเป็เด็กอยู่ การที่เขาอยู่ที่ยอดเขาชิงจู๋ของพวกเราโดยไม่มีสถานะและไม่มีผลตอบแทนเช่นนี้ เขาไม่มีทางทนแรงเย้ายวนอันมหาศาลได้แน่นอน หากถูกแย่งตัวไป พวกเราคงเสียหน้าพอๆ กับยอดเขาหลัก” หลัวเจินอธิบายขึ้น
ฉินชูไม่รู้ว่าตอนนี้มีการคุ้มกันและเฝ้าระวังอย่างแ่าอยู่รอบๆ หอศิษย์รับใช้ หากมีใครที่ไม่ใช่ศิษย์รับใช้ปรากฏตัวขึ้นมาก็จะถูกสกัดไว้ทันที
แม้ตัวฉินชูจะไม่ได้ทำหน้าที่ของศิษย์รับใช้ แต่เขาก็ชดเชยโดยการทิ้งโอสถจวี้หยวนเอาไว้ให้จำนวนหนึ่ง และมอบหมายให้เอ้อพั่งเป็คนเอาไปจัดสรรแบ่งส่วน เมื่อบรรลุตบะขั้นสอง เขาก็จะใช้มันไม่ได้แล้ว ถึงตอนนั้นจำเป็ต้องใช้โอสถหนิงหยวนแทน
ฉินชูดื่มโอสถจวี้หยวนและฝึกตนไปพลาง เมื่อบ่มเพาะลมปราณเสร็จก็ขัดเกลาวิชากระบี่ต่อ
เมื่อฝึกกระบี่เสร็จก็ได้เวลาชำระร่างกาย เขาแช่ตัวในโอสถน้ำ หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็เตรียมกินข้าวเย็น โดยข้าวเย็นวันนี้เป็แกงตุ๋นอสรพิษ
แต่อยู่ๆ ก็มีผู้หญิงพกกระบี่ในชุดกระโปรงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา เธอก็คือเสวี่ยอิน
“การเป็อยู่ของศิษย์รับใช้อย่างเ้าถือว่าไม่เลวเลยจริงๆ มีระดับความเป็อยู่แทบจะใกล้เคียงกับผู้าุโแล้ว นับว่าเป็เรือนที่เงียบสงบดีไม่เบา” เสวี่ยอินพูดพลางกวาดมองกระท่อมที่มีโครงกระดูกและหนังของอสรพิษัหิมะแขวนอยู่
ฉินชูมองพินิจเสวี่ยอิน เขาไม่รู้จักเธอ ในวันที่เขาไปท้าสู้กับศิษย์สายนอกที่ยอดเขาหลัก เขาเห็นเธอยืนข้างๆ หลัวเจิน แต่ไม่รู้รายละเอียดว่าเธอเป็ใครมาจากไหน
“อสรพิษัหิมะ สัตว์อสูรขั้นที่สี่ จากกลิ่นเืที่ยังเหลืออยู่ตามกระดูก แสดงให้เห็นว่ามันถูกฆ่าตายในสภาพสมบูรณ์ เป็ฝีมือเ้าอย่างนั้นหรือ” เสวี่ยอินวิเคราะห์อสรพิษัหิมะอยู่พักหนึ่ง แล้วถามขึ้น
“ใช่แล้ว” ฉินชูพยักหน้า ในเมื่อเสวี่ยอินมองออก เขาเองก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องปิดบัง
“มิน่าเ้าถึงกล้าไปท้าสู้กับศิษย์สายในบนยอดเขาหลัก แม้การฝึกปราณจะน่าสงสัยไปหน่อย แต่ร่างกายแข็งแรงใช้ได้ อืม... ระดับตบะไม่อาจบ่งบอกถึงพลังในการต่อสู้ได้จริงๆ” เสวี่ยอินมองพินิจฉินชู
ฉินชูในสภาพที่เพิ่งแช่โอสถน้ำเสร็จ เืลมจะสูบฉีดคล่องแคล่วกว่าภาวะปกติมากนัก เขาไม่มีทางปกปิดเสวี่ยอินได้
“ไม่ต้องเป็ศิษย์รับใช้แล้ว มาอยู่ที่ยอดเขาเชียนหลัวดีกว่า ข้าจะรับเ้าเป็ศิษย์สายในเอง หากเ้า้า สามารถมาเข้าร่วมเป็ศิษย์ของยอดเขาข้าได้ จริงสิ! ข้าลืมแนะนำตัวไปเสียสนิท ข้าคือปรมาจารย์ผู้ดูแลยอดเขาเชียนหลัวนามว่าเสวี่ยอิน” หลังจากเสวี่ยอินยื่นขอเสนอจบก็พูดแนะนำตัวขึ้น
ฉินชูโค้งตัวคารวะเสวี่ยอิน “คารวะท่านาุโเสวี่ยขอรับ”
“ไม่ต้องเป็พิธีมากก็ได้ มีความ้าหรือความคิดอะไรก็พูดออกมาได้เลย” เสวี่ยอินพูดขึ้น
“หากเป็เมื่อสองเดือนก่อน อย่าว่าแต่เป็ลูกศิษย์สายในเลย แค่ศิษย์สายนอก ฉินชูผู้นี้ก็อยากเป็ใจจะขาดแล้ว แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้วขอรับ ข้าไปท้าสู้กับยอดเขาหลักในนามของยอดเขาชิงจู๋ไปแล้ว และทำเื่เอิกเกริกไปทั่ว หากข้าไปจากที่นี่ตอนนี้ จะเป็การทำร้ายยอดเขาชิงจู๋และเป็การทำร้ายน้ำใจของท่านาุโหลัว หากทำเช่นนั้น ฉินชูจะมีกล้าเผชิญหน้ากับคนจากยอดเขาชิงจู๋ได้อย่างไร ขอท่านโอวุโสเสวี่ยอย่าได้ถือโทษโกรธเคือง แต่ฉินชูทำไม่ได้จริงๆ” ฉินชูเอ่ยปากอธิบาย
“ก็ถูก ข้าคิดน้อยเกินไป หากเ้าไปจากยอดเขาชิงจู๋ตอนนี้เกรงว่าคงไม่เหมาะสมเท่าไร แม้ข้าจะเป็คนชื่นชอบคนเก่ง แต่ควรไว้หน้าศิษย์พี่หลัว หากตอนนี้ไม่ได้ แล้วหลังจากนี้ได้หรือไม่” เสวี่ยอินมองฉินชูพลางถาม
ฉินชูส่ายหน้า “ในเมื่อยอดเขาชิงจู๋ไม่ทอดทิ้งฉินชู ฉินชูผู้นี้จะไม่มีทางทำให้ยอดเขาชิงจู๋ผิดหวังเด็ดขาด ขอท่านาุโเสวี่ยโปรดเข้าใจ”
“นี่คือเหรียญลัญจกรประจำตัวข้า เ้าสามารถแวะไปเยี่ยมชมยอดเขาเชียนหลัวได้ทุกเมื่อที่้าและสามารถมาขอความช่วยเหลือจากข้าได้ แต่ถ้าให้ข้าช่วย เ้าจะต้องเป็ศิษย์ของยอดเขาเชียนหลัวเท่านั้น” หลังจากมองเหรียญลัญจกรประจำตัวให้ฉินชู เสวี่ยอินก็ไปจากผาหินตัด
หลังจากออกห่างจากผาหินตัดได้ครู่หนึ่ง เสวี่ยอินก็หยุดชะงักฝีเท้าลง “ได้ยินคำพูดของฉินชูแล้ว ศิษย์พี่พอใจหรือไม่”
“ข้าน่ะพอใจกับฉินชู แต่ข้าไม่พอใจศิษย์น้องอย่างเ้าเป็อย่างมาก” หลัวเจินปรากฏตัว