จวบจนพวกของหลิ่วจิ้งทั้งสามคนทานอาหารกันท้องป่องไม่หลงเหลือภาพลักษณ์งามใดๆจึงค่อยจ่ายเงินแล้วออกจากร้านไป
“ฮูหยินเ้าคะ ทานอาหารกันเช่นนี้นานๆ ครั้งหนึ่งเป็พอนะเ้าคะทานทุกวันไม่ไหว มิเช่นนั้นบ่าวต้องกลายเป็หมูอ้วนตัวเขื่องแน่ๆ เ้าค่ะ”อิ๋งเหอลูบท้องของนางที่ตอนนี้พองกลมขึ้นมาไม่น้อย
“อิ๋งเหอเ้าฝันกลางวันหรือ ยังจะกินทุกวันอีกเ้าคิดว่าเงินของฮูหยินใช้ได้ไม่มีวันหมดหรือไร ถึงจะกินเช่นนี้ทุกวัน”อวี้จิ่นเคาะหัวอิ๋งเหอ
คนพูดไม่ตั้งใจ คนฟังกลับรู้สึก หลิ่วจิ้งะเืใจหากนางไม่ทำสิ่งใดเงินที่นางมีอยู่ก็จะใช้อย่างไม่มีวันหมดเหมือนที่อวี้จิ่นพูดจริงๆ หรือ?
เมื่อคิดถึงเงินทุนที่นางมีอยู่ในตอนนี้หลิ่วจิ้งก็อารมณ์ดีนัก จนหลงลืมความเ็ปที่ถูกหั่วอี้ทำให้รู้สึกหึงหวงเมื่อครู่ไปได้“ไป วันนี้พวกเราไปเดินชมคณะงิ้วใหญ่ๆ กันดูว่าจะเลือกหาคณะงิ้วใดไปฉลองวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่าดี”
เที่ยวก็ส่วนเที่ยว แต่หลิ่วจิ้งก็ยังไม่ลืมเื่สำคัญในงานวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่า
“ฮูหยินเ้าคะ พวกเราไปดูที่ ‘คณะงิ้วสกุลอวิ๋น’ ก่อนเถิดเ้าค่ะ บ่าวเคยได้ยินพวกคนแก่ในจวนบอกว่าคนใน ‘คณะงิ้วสกุลอวิ๋น’ ล้วนเป็ชายที่แต่งเป็หญิงฮูหยินผู้เฒ่าเคยชมการแสดงของพวกเขาครั้งหนึ่ง และยังคิดถึงเรื่อยมาเ้าค่ะ”
พอได้ยินว่าจะไปดูงิ้วที่คณะงิ้ว อิ๋งเหอก็กระตือรือร้นขึ้นมารีบบอกข่าวที่นางได้ยินมาให้หลิ่วจิ้งฟังเพราะนางเองก็อยากดูเหลือเกินว่าคณะงิ้วจะแต่งชายเป็หญิงได้อย่างไร
“อ้อ มีเื่เช่นนี้ด้วย” ข่าวนี้ทำให้หลิ่วจิ้งเกิดความสนใจขึ้นมาแม้แต่ได้ยินนางก็ยังไม่เคยได้ยินงิ้วที่แต่งชายเป็หญิงมาก่อนเื่นี้ก็ต้องโทษที่เมื่อก่อนหยวนเซิ่งชิงคอยปกป้องนางมากเกินไปทุกครั้งที่พานางออกไปก็ล้วนพานางไปในสถานที่ระดับสูงมีหรือจะยอมให้นางไปัักับเื่ที่ผิดแผกไปจากธรรมดา
“เ้าค่ะฮูหยิน เื่นี้บ่าวก็เคยได้ยินมา” อวี้จิ่นก็เข้ามาสำทับสองวันมานี้นางเริ่มปรับตัวให้ปฏิบัติกับหลิ่วจิ้งเช่นพี่น้องขึ้นมาได้บ้างแล้วเมื่อไม่ต้องคอยเกร็งขัดๆ เขินๆ นางก็กล้าแสดงความเห็นมากขึ้น
“ดี เช่นนั้นที่แรกที่จะไปก็คือ ‘คณะงิ้วสกุลอวิ๋น’”พวกนางพูดมาดังนี้ หลิ่วจิ้งเองก็เกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาเช่นกันอยากเปิดหูเปิดตากับเื่แปลกๆ ที่ไม่เคยพบเห็น
หลิ่วจิ้งสอบถามที่ตั้งของ ‘คณะงิ้วสกุลอวิ๋น’ จากคนที่ผ่านไปมา ที่แห่งนั้นห่างจากตำแหน่งที่นางอยู่ตอนนี้ถึงสองลี้โดยรถม้าถ้าเดินเอาก็ออกจะไกลเกินไป
หลิ่วจิ้งจึงตัดสินใจทันทีว่าให้อิ๋งเหอไปเช่ารถมาคันหนึ่งพาพวกนางไปทว่าความรู้สึกโคลงเคลงหลังจากขึ้นรถม้ากลับทำให้นางนึกถึงเื่ร้ายที่เกิดขึ้นในคืนวันนั้น
หลิ่วจิ้งเกิดวิตกจริตขึ้นมารีบกวาดตาไปยังชายร่างกำยำที่เป็คนขับรถม้า จ้องเขม็งจนเขาขนลุกเขาแอบคิดถึงเื่ที่พวกพี่น้องเคยเล่าให้ฟังอยู่ในใจว่ามีฮูหยินและอนุในบ้านเรือนใหญ่โตมากมายที่ทนความเหงาในเรือนไม่ไหวมักออกมาหาคนไปเล้าโลมพวกนาง ยิ่งตื่นเต้นเท่าใดยิ่งดีเขาคงไม่ได้มาเจอกับฮูหยินที่เหลวแหลกเช่นนั้นหรอกกระมัง
แม้แต่คนรถก็ยังเสียใจที่รับงานนี้ เขาไม่อยากกลายเป็ของเล่นของฮูหยินจำพวกนี้คิดขึ้นมาชายฉกรรจ์ก็รีบบึ่งรถม้าไปอย่างรวดเร็ว อยากส่งแขกกลุ่มนี้ไปให้ไวๆ
แต่หลิ่วจิ้งจะเดาความคิดของชายฉกรรจ์คนนี้ออกได้อย่างไรรู้สึกแต่ว่าเขาควบม้าไปเร็วนัก ไม่ว่าดูอย่างไรก็ผิดปกติชัดๆ นางจึงยิ่งระวังตัวไม่มองทิวทัศน์รอบตัวอีก เอาแต่จ้องเขม็งไปที่ชายฉกรรจ์บังคับรถ
ดีที่นี่เป็เวลากลางวัน แม้ตำแหน่งของ ‘คณะงิ้วสกุลอวิ๋น’ จะไกลไปสักหน่อย แต่ก็ยังมีผู้คนผ่านไปมาพลุกพล่านหลิ่วจิ้งจึงพอจะวางใจลงได้บ้าง
อวี้จิ่นกับอิ๋งเหอเอาแต่ชมทัศนียภาพแสนงดงามสองข้างทางจึงไม่เห็นความผิดปกติของหลิ่วจิ้ง
ทั้งหลิ่วจิ้งและคนขับรถม้าต่างฝ่ายต่างคิดกันไปคนละอย่างจนไม่สบายใจกันทั้งคู่ดีที่วิ่งมาด้วยความเร็ว แม้จะเป็ระยะทางรถม้าสองลี้แต่ก็มาถึงอย่างรวดเร็ว
“ถึงแล้วขอรับฮูหยิน” พร้อมๆ กับเสียงร้องบอกจากคนขับรถม้าป้ายที่มีตัวอักษรขนาดใหญ่สามตัวว่า ‘คณะงิ้วสกุลอวิ๋น’ ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าหลิ่วจิ้ง ตอนนั้นเองนางถึงได้ถอนใจยาวด้วยความโล่งอกหลังจากจ่ายค่ารถก็รีบพาอวี้จิ่นกับอิ๋งเหอออกจากรถไปโดยเร็วส่วนคนขับรถม้าก็เอื้อมมือขึ้นมาปาดเหงื่อบนหัวเช่นกันก่อนจะเร่งม้าจากไปโดยไม่หันหน้ากลับมาราวกับกลัวว่าหลิ่วจิ้งจะเปลี่ยนใจอย่างนั้น
พวกของหลิ่วจิ้งทั้งสามคนเดินเข้าไปข้างในซึ่งมีคนออกมาต้อนรับอยู่นานแล้ว “ ฮูหยินเชิญด้านในขอรับ”
หลิ่วจิ้งมาสถานที่เช่นนี้เป็ครั้งแรก จึงไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรบ้างเมื่อเห็นว่ามีคนออกมารับนางย่อมพึงพอใจ รีบวางท่าพยักหน้ารับแล้วเดินตามคนนำทางเข้าไปข้างใน
คนต้อนรับพาพวกนางสามคนมาที่ห้องรับรองแห่งหนึ่งนี่เป็ห้องที่กั้นจากห้องอีกห้องหนึ่ง เมื่อเขาจากไปและปิดประตูก็จะกลายเป็พื้นที่ส่วนตัวข้างหน้าสามารถชมการแสดง นอกจากห้องฝั่งตรงข้ามอีกฟากหนึ่งที่สามารถมองเห็นพวกนางแล้วด้านขวา ซ้าย และหลังล้วนกั้นออกจากภายนอกโดยสิ้นเชิงทำให้มีความเป็ส่วนตัวอย่างมาก
หลิ่วจิ้งพึงพอใจกับสถานที่เช่นนี้ไม่เบา นางชื่นชอบความครึกครื้นแต่กลับไม่ชอบอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย
มาชมการแสดงของ ‘คณะงิ้วสกุลอวิ๋น’ จะต้องนัดไว้ล่วงหน้าเท่านั้น ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเวลาหากไม่ได้นัดหมายไว้ก็ต้องชมเื่ที่คนอื่นสั่งเอาไว้ก่อน
หลังจากหลิ่วจิ้งนั่งเข้าที่ สองตางามก็มองไปทางเวที นางพลันลืมเลือนไปว่าตอนนี้นางอยู่ที่ใดนึกว่าตนเองได้เห็นเทพธิดา นางไม่ได้สนใจว่าบนเวทีกำลังแสดงสิ่งใดความงามของทั้งสามคนบนเวทีทำเอาตานางพร่ามัวไปหมดแล้ว
ช่างเป็สตรีที่งดงามเหลือเกินแม้แต่นางที่เป็สตรีคนหนึ่งก็ยังรู้สึกว่าถูกดึงดูดอย่างมากคำกล่าวที่ว่ากันว่าความงามน่ากลืนกินก็ยังเทียบมิได้ สายตายามชม้ายชายตาตรึงตราประทับใจร่างกายอรชรบอบบางงามสง่าจนคล้ายว่าไม่มีกระดูกนั้นพลิ้วไหวดั่งกิ่งหลิว ราวเทพธิดาจากสรวง์มาจุติในโลกมนุษย์ค่อยๆ เยื้องกรายเข้ามาหา จนนางต้องมองเหม่อด้วยใจลุ่มหลง
“เป็สตรีที่งดงามนักไม่ว่าบุรุษคนใดได้เห็นก็ล้วนอยากเก็บเอาไว้ให้ตนเสพสุขกระมัง” หลิ่วจิ้งรำพึงกับตนเอง
“ฮูหยินล้อเล่นแล้ว บนเวทีนั้นมีแต่บุรุษ มิใช่สตรีขอรับ” คนต้อนรับเข้ามาเติมน้ำในห้องพอดีพอได้ยินหลิ่วจิ้งรำพึงจึงอธิบายให้ฟัง
“อะไรนะ? พวกเขาล้วนเป็ชายหรือ?” ไม่บ่อยนักที่ทั้งหลิ่วจิ้งอวี้จิ่นและอิ๋งเหอจะอุทานออกมาด้วยความสงสัยเป็เสียงเดียวกัน
คนต้อนรับยิ้มด้วยท่าทางไม่ได้แปลกใจอันใดเพราะเื่เช่นนี้มีให้เห็นอยู่ทุกวัน จนบางครั้งเขาก็ยังคร้านจะอธิบายเลย
“ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ” คนต้อนรับเติมน้ำเสร็จแล้วก็ออกไปแต่พวกของหลิ่วจิ้งยังคงดำดิ่งอยู่ในความประหลาดใจ
หลิ่วจิ้งพยายามตั้งใจสังเกตลักษณะพิเศษของสตรีบนเวที หน้าอกนูนๆนั้นดูไปแล้วยังเป็สตรีเสียยิ่งกว่านางอีก รูปร่างบอบบางอ้อนแอ้นผิวพรรณขาวละเอียด ลำคอราบเรียบ จะมองออกที่ใดว่าพวกเขาล้วนเป็ชาย
“ฮูหยิน งามเหลือเกินเ้าค่ะ จ้างพวกเขาไปแสดงที่จวนเถิดเ้าค่ะรับรองว่าฮูหยินผู้เฒ่าต้องชื่นชอบเป็แน่”อิ๋งเหอขยับเข้ามากระซิบข้างหูหลิ่วจิ้ง
หลิ่วจิ้งยังคงเคลิบเคลิ้มอยู่กับการแสดงบนเวที จึงไม่ได้สนใจอิ๋งเหอ
อิ๋งเหอไม่ยอมใจที่หลิ่วจิ้งไม่สนใจนาง จึงใช้ศอกแตะตัวหลิ่วจิ้งเพื่อดึงสติอีกฝ่ายกลับมา และเพราะเหตุนี้เองเมื่อหลิ่วจิ้งได้สติก็ได้ยินเสียงด่าทอมาจากข้างห้อง
“เ้าดูให้ดีๆ ข้าจะให้เวลาเ้าครึ่งปีจะเชิญอาจารย์การแสดงที่ดีที่สุดมาให้เ้า เ้าจะต้องเรียนกิริยาท่าทางให้เหมือนกับคนที่แสดงอยู่บนเวทีมิเช่นนั้นข้าจะถลกหนังเ้าเสีย”
ภายในห้องมองเห็นเพียงเวทีการแสดงที่อยู่ตรงหน้าสองข้างซ้ายขวาล้วนปิดเอาไว้สนิท หลิ่วจิ้งจึงแค่ได้ยินเสียงแต่มองไม่เห็นตัวคน
“ได้ยินชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ลำพังแค่เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นแต่ไม่มีกิริยาเย้ายวน จะครองใจองค์รัชทายาทได้อย่างไร”
_____________________________
