ชิงผิงอ๋อง... พระเ้า พระองค์ทรง้าให้หม่อมฉันตายที่นี่ในวันนี้จริงๆ ใช่หรือไม่ กรี๊ด!
‘พรึ่บ’ เหยาเชียนเชียนอาศัยจังหวะที่เป่ยเซวียนเฉิงชะงักมุดออกมาอยู่ข้างๆ เป่ยเหลียนโม่ นางกอดแขนเขาอย่างประจบประแจง และพยายามบีบน้ำตาสองหยดออกมาอย่างสุดชีวิตเพื่อให้ตัวเองดูไร้เดียงสาสักหน่อย
“ท่านอ๋อง พระองค์ทรงเสด็จมาได้เสียที เมื่อครู่หม่อมฉันกลัวมากเลยเพคะ”
นางกอดแขนเป่ยเหลียนโม่และลูบไล้เบาๆ ท่าทางเสแสร้งแกล้งทำเช่นนั้นแม้แต่ตัวเหยาเชียนเชียนก็รับตัวเองไม่ได้ แต่ถ้านางเริ่มแสดงความอ่อนแอออกมาก่อน เช่นนั้นน่าจะสามารถลดโทษได้ไม่มากก็น้อยกระมัง?
สตรีน้อยซบอยู่ข้างตัวเขาอย่างประจบประแจง สีหน้าเป่ยเหลียนโม่นิ่งเฉย ทว่ามุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เขาเชยคางนางขึ้นมาแล้วโน้มตัวไปกระซิบชิดใบหูว่า
“รอกลับไปค่อยคิดบัญชีกับเ้า”
แง!
เหยาเชียนเชียนชะงักค้างไปทันที
“พี่สามแต่เดิมพระวรกายก็ไม่ค่อยแข็งแรงนัก ทว่าวันนี้กลับเสด็จออกมาวิ่งเต้นตากลมเพื่อหวังเฟยของเปิ่นหวัง ด้วยไมตรีจิตนี้ของท่านทำให้เปิ่นหวังรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก”
“ไม่ใช่นะเพคะ” เหยาเชียนเชียนส่ายหน้าอย่างร้อนใจ “แค่บังเอิญผ่านมาแล้วพบกันเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจมาพบกัน แค่สนทนากันเื่ทั่วไปเล็กน้อยเท่านั้นเพคะ”
เป่ยเซวียนเฉิงเผชิญกับสายตาเ็าของเป่ยเหลียนโม่ ใบหน้าซีดขาวประดับรอยยิ้มบางเบา
“สีหน้าน้องสี่ดูสดใสนัก ดูเหมือนว่าสองสามวันมานี้จะแข็งแรงดี ได้แต่งงานกับสตรีอันเป็ที่รักของผู้อื่นแล้ว น้องสี่คงมีความสุขไม่น้อยกระมัง”
สตรีอันเป็ที่รักหรือ เป่ยเหลียนโม่บีบหน้าเหยาเชียนเชียนบังคับให้นางเงยหน้าขึ้น น้ำเสียงของเขาอันตรายทว่าเจือความไร้เดียงสาอยู่บางส่วน
“ไม่ทราบว่าสตรีอันเป็ที่รักของพี่สามคือผู้ใด หากเปิ่นหวังรู้อาจจะช่วยร้องขอต่อเสด็จพ่อให้ได้ หวังเฟยรู้จักคนผู้นั้นหรือไม่?”
เหยาเชียนเชียนส่ายหน้าเต็มแรง นี่มันรักสามเส้าน้ำเน่าแบบใดกัน ไม่ใช่สิ เป่ยเหลียนโม่ไม่ชอบเ้าของร่างเดิม ไม่ถึงขั้นที่จะเชื่อมกันเป็สามเหลี่ยมได้ และความรู้สึกของทั้งสามคนนี้ แท้จริงแล้วมีเพียงเ้าของร่างเดิมเท่านั้นที่จริงใจ
น่าเสียดายที่เ้าของร่างเดิมวางมือไปแล้ว เื่ราวยุ่งเหยิงที่เหลืออยู่ก็เลยถูกส่งต่อมาให้นาง
“เหตุใดท่านอ๋องต้องสอดมือไปยุ่งเื่ของผู้อื่นด้วยเพคะ ยิ่งไปกว่านั้น เื่ของความรู้สึกไม่ใช่เื่ที่ผู้อื่นจะควบคุมได้ ก็เหมือนความรักของหม่อมฉันกับท่านอ๋องที่เพิ่มขึ้น ผู้อื่นก็ไม่มีสิทธิ์มาตัดสินเช่นกันเพคะ”
ผู้อื่น ผู้อื่น ผู้อื่น!
“เชียนเชียน” เป่ยเซวียนเฉิงกล่าวอย่างเ็ปว่า “เ้าไม่จำเป็ต้องด้อยค่าเช่นนี้เลย” และยิ่งไม่จำเป็ต้องผลักไสเขาให้ห่างไกลออกไป
เลิกพูดสักทีได้ไหมพี่ชาย! ดูไม่ออกหรืออย่างไรว่านางจะถูกเขาบีบจนตายอยู่แล้ว!
เหยาเชียนเชียนกลอกตาอย่างอดไม่ได้ จากนั้นจึงพูดกับเป่ยเหลียนโม่ต่ออย่างรีบร้อนว่า “ท่านอ๋อง วันนี้น่าจะเหนื่อยแล้ว เรากลับจวนกันเถิดเพคะ หม่อมฉันเพิ่งเรียนทักษะใหม่มา จะได้ช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าให้ท่านอ๋องได้ด้วย”
ไปเถิด รีบไปกัน หากยังฟังองค์ชายสามผู้นี้กล่าวต่อไป ใบหน้าของนางคงถูกชิงผิงอ๋องบีบจนแหลกเป็แน่
“หวังเฟยใส่ใจแล้ว เปิ่นหวังซาบซึ้งใจยิ่งนัก” เป่ยเหลียนโม่ยิ้มพลางโอบหญิงสาวเข้ามาในอ้อมแขน และมองเป่ยเซวียนเฉิงที่มีสีหน้าซีดเซียว ก่อนจะหมุนตัวและอุ้มนางขึ้นมา
“พี่สามก็รีบเสด็จกลับเถิด อย่างไรเสียท่านพี่สามก็ไม่เหมือนเปิ่นหวังที่เหนื่อยล้ามาครึ่งวันแล้วยังมีคนคอยปรนนิบัติบีบนวดให้ ท่านต้องให้ตัวเองได้พักผ่อนเยอะๆ ถึงจะดี”
เป่ยเซวียนเฉิงมองแผ่นหลังของเขาไม่ละสายตา สองมือกำหมัดแน่น ไม่หลงเหลือท่าทางอบอุ่นอย่างเมื่อครู่อีกแล้ว
ไม่ว่าเหยาเชียนเชียนจะเปลี่ยนไปจนเป็เช่นนี้ด้วยเหตุผลใด แต่นางต้องเป็ของเขาเท่านั้น ต่อให้เป็หมากที่เขาไม่้าแล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถยกให้ผู้อื่นได้ สักวันหนึ่งเขาจะชิงทั้งนางและบัลลังก์กลับมา!
เสียงเกือกม้าหยุดลงที่ด้านนอกของจวนอ๋อง เหยาเชียนเชียนถูกเป่ยเหลียนโม่หิ้วกลับไปที่เรือนและโยนลงบนเตียงทันที
เป่ยเหลียนโม่ยืนอยู่ข้างเตียงด้วยใบหน้ามืดมน มองแค่ปราดเดียวก็ทำให้รู้สึกหวาดหวั่นได้
เหยาเชียนเชียนถดตัวไปที่ปลายเตียงตามสัญชาตญาณ ไม่รู้ว่าเขาได้ยินบทสนทนาของนางกับองค์ชายสามมากน้อยเท่าไร คิดในใจว่าถ้าเขาได้ยินทั้งหมดก็ไม่ถือว่าเป็เื่เลวร้าย และนางก็ไม่ได้พูดถึงเขาในทางที่ไม่ดีแม้แต่น้อย
สตรีน้อยมองเขาอย่างระแวดระวัง ในดวงตาคู่นั้นปรากฏแววหวาดกลัวและป้องกันอยู่ในที ทว่ากลับไม่ปรากฏแววอบอุ่นเหมือนเช่นยามที่อยู่กับเป่ยเซวียนเฉิงเมื่อครู่แม้แต่น้อย
หากไม่ได้ไปขวางทั้งคู่ไว้ พวกเขากอดกันแล้ว ต่อไปจะปิดประตูไปทำอย่างอื่นกันหรือไม่
เพียงคิดว่าหวังเฟยของเขากอดกันร้องไห้กับชายผู้นั้น เป่ยเหลียนโม่ก็ระงับความหงุดหงิดไม่ได้ หลังจากสบตากันสองครั้ง เหยาเชียนเชียนก็ยื่นมือเล็กๆ ออกไปอย่างสั่นเทาและวางลงบนลาดไหล่กว้างอย่างแ่เบา
“ทำอะไร” เขาปัดออก ท่าทางดูไม่เป็ธรรมชาติอย่างยิ่ง
เหยาเชียนเชียนกะพริบตาปริบๆ หลุดขำออกมากับท่าทางที่เหมือนกลัวจะถูกล่วงเกินของเขา แต่ก็ต้องหุบยิ้มอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นแววตาสีดำสนิทของเป่ยเหลียนโม่
ภายในห้องเงียบลงอีกครั้งจนเหยาเชียนเชียนแทบจะได้ยินเสียงหัวใจของตนเอง ที่มากกว่านั้นคือความรู้สึกอึดอัดในบรรยากาศตึงเครียดที่กำลังก่อตัวอยู่นี้
เป่ยเหลียนโม่ตีหน้าขรึมไม่พูดจา เหยาเชียนเชียนก็เดาทางไม่ถูกว่าเขาคิดอย่างไรกันแน่ ถ้าต้องอธิบายก็ยังพอมีทางหนีทีไล่อยู่บ้าง แต่ถ้าไม่พูดอะไรเลยก็จะเป็การยอมรับในความสัมพันธ์ของนางกับองค์ชายสามไปโดยปริยาย
“ท่านอ๋อง วันนี้หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจจะออกจวนจริงๆ นะเพคะ” เหยาเชียนเชียนแก้ตัวอย่างหยั่งเชิง “หม่อมฉันแค่อยากซื้อของว่างให้อาเหยียนน้อย ไม่คิดว่าจะได้พบกับองค์ชายสาม พระองค์อย่าทรงเข้าพระทัยผิดนะเพคะ”
“ท่านอ๋อง เื่ก่อนหน้านี้หม่อมฉันปล่อยวางไปหมดแล้วจริงๆ พระองค์ก็ปล่อยให้มันผ่านไปกับสายลมเถิดเพคะ หม่อมฉันจะดูแลอาเหยียนอย่างดี และจะปรนนิบัติท่านอ๋องอย่างเต็มที่”
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันสำนึกผิดจากใจจริงแล้ว หากพระองค์ไม่เชื่อ หม่อมฉันสาบานได้ว่าหากกล้าโกหกพระองค์ ขอให้หม่อมฉันขาดผู้สืบเชื้อสาย และไม่ได้...อ๊ะ!”
มือที่จับนางเต็มแรงดึงนางเข้าสู่อ้อมกอด เหยาเชียนเชียนจะมุดออกมาตามสัญชาตญาณ ขัดขืนอยู่นานแต่ก็ถูกกักตัวอยู่ที่เดิม นางทำได้เพียงมองเป่ยเหลียนโม่อย่างน่าสงสาร
“ท่านอ๋อง พระองค์อย่าทรงกริ้วไปเลย ไม่ดีต่อพระวรกายนะเพคะ”
“หวังเฟยเป็ห่วงเปิ่นหวังโดยแท้” เป่ยเหลียนโม่มองนางจากมุมสูง รอยยิ้มที่ปกติมักจะประดับอยู่ตรงมุมปากก็ไม่มีอีกแล้ว ราวกับสายตาที่แท้จริงกำลังพินิจมองนางทุกกระเบียดนิ้ว เหมือนอยากจะหั่นนางออกเป็ชิ้นๆ
“หวังเฟยและเปิ่นหวังเป็สามีภรรยาที่นับว่าเป็หนึ่งเดียวกัน หากคำสาบานเป็จริง เ้า้าให้เปิ่นหวังขาดผู้สืบเชื้อสาย ไม่ได้ตายดีอย่างนั้นหรือ?”
เหยาเชียนเชียนส่ายหน้าสุดแรง นางก็แค่แกล้งทำไปอย่างนั้น น่าเสียดายที่นางกล้าแค่แอบแก้ต่างอยู่ในใจเล็กน้อย เบื้องหน้าทำได้เพียงปลอบโยนเทพสังหารผู้นี้อย่างระมัดระวัง
“หม่อมฉันจะสงสารท่านอ๋องก็ไม่ทันแล้ว ยังจะให้ท่านอ๋องต้องมาทนทุกข์กับหม่อมฉันอีกได้อย่างไรเล่าเพคะ”
นางยิ้มและพยายามผลักเขาออก แต่ไม่รู้ไปแตะโดนที่ใดเข้า เป่ยเหลียนโม่จึงได้ขมวดคิ้วและผลักตัวนางออก
ท่าทางหยาบคายเช่นนี้ทำให้เหยาเชียนเชียนชนเข้ากับปลายเตียง นางเจ็บเสียจนน้ำตาไหล จึงรวบรวมความกล้าและหันไปจะบ่นเขาสักสองคำ แต่ก็เห็นบั้นเอวของเป่ยเหลียนโม่ค่อยๆ ปรากฏคราบสีดำเป็วงกว้าง
เขาสวมอาภรณ์สีดำทั้งตัวจึงทำให้มองไม่ออกว่าเป็คราบอะไร แต่เมื่อเหยาเชียนเชียนลุกขึ้นกำลังจะก้าวเข้าไปกลับเห็นรอยเืเปรอะเปื้อนบนร่างของนางไม่น้อย
“ท่านอ๋องได้รับาเ็!” นางร้องอย่างใ
“ะโทำไม” เป่ยเหลียนโม่ขมวดคิ้วแน่น เขานั่งลงข้างเตียงและมองนางด้วยสายตาเ็า ถ้าไม่ได้รับข่าวว่านางกับเป่ยเซวียนเฉิงไปพบกันสองต่อสอง เขาจะรีบไปจนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้อย่างไร?
สองสามวันมานี้แสร้งทำเป็เชื่อฟัง เขาเกือบถูกนางหลอกเข้าให้แล้ว
“ยืนซื่ออยู่ทำไม หลังฉากกั้นมีกล่องยาอยู่ รีบมาช่วยเปิ่นหวังห้ามเืสิ”
“เพคะๆ!”
เหยาเชียนเชียนรีบคุ้ยหากล่องยามากอดไว้และวิ่งเหยาะๆ กลับมา หญิงสาวแอบแขวะในใจว่าเขาเจ็บอยู่ยังดุขนาดนี้ เดี๋ยวมือที่พันผ้าพันแผลไว้จะได้เจ็บเพิ่มอีกหรอก
ใน่ที่คิดไปเรื่อยเปื่อย นางไม่ได้ประคองสติไว้จึงเผลอเหยียบชายกระโปรงเข้า ทั้งคนทั้งกล่องยากระเด็นกระดอนออกไปจนกระแทกเข้ากับร่างกายของเป่ยเหลียนโม่พอดี
ต่อให้นางผอมบางเพียงใดแต่ก็เป็มนุษย์คนหนึ่ง เป่ยเหลียนโม่รู้สึกเจ็บที่แผลมาก เสือดสีสดคำหนึ่งทะลักออกมา ในปากเขาเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเืและรู้สึกวิงเวียน ยังไม่ทันดันตัวอีกฝ่ายออกก็รู้สึกว่าเรี่ยวแรงหดหายไปอย่างรวดเร็ว
แย่แล้ว!
ทันใดนั้นก็เกิดแสงสว่างวาบขึ้น บนเตียงเหลือเพียงเหยาเชียนเชียนกับแมวดำตัวหนึ่งที่พยายามดิ้นรนโก่งตัวออกห่างจากนาง แมวดำดวงตาคมปลาบ เมื่อมองอย่างละเอียดก็เห็นท่าทางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่หลายส่วน
เขาจะเชือดสตรีผู้นี้ทั้งเป็!
