“ข้ามาเพื่อเอาชีวิตเ้า”
เสิ่นเสวียนกล่าวประโยคนี้ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ดังไม่เบา ทำให้บรรยากาศตรงนั้นอึดอัดขึ้นมาทันที
ชายชราขั้นราชันสองคนนั้นมองเสิ่นเสวียนราวกับเป็คนตายไปแล้ว
เดิมทีเขาคิดว่าอีกฝ่ายมีเื้ัสูงส่ง ทว่าหลังจากที่อีกฝ่ายกล่าวเช่นนี้ออกมา แสดงให้เห็นว่าเขาตายไปแล้ว
“ฮ่าๆๆ เยี่ยมมาก เ้ารู้ไหมว่าเ้ากำลังกล่าวกับใคร”
อู๋ิตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา
เขาหัวเราะที่อีกฝ่ายอวดดี หัวเราะที่อีกฝ่ายช่างไร้เดียงสา
อีกฝ่ายคงจะไม่รู้ว่า ผู้แข็งแกร่งขั้นจักรพรรดิคนหนึ่งโกรธขึ้นมาจะน่ากลัวเพียงใดกระมัง!
“อู๋ิ สหายของข้าคนนั้นไม่คู่ควรที่จะสู้กับเ้าหรอก ข้าสู้เอง”
เสิ่นเสวียนแสดงท่าทีเหยียดหยามอีกฝ่าย และยังคงกินดื่มต่อไป
ในความเป็จริง การกินอาหารเป็พื้นฐานของมนุษย์อยู่แล้ว แม้การฝึกฝนจะแทนที่มื้ออาหารได้ แต่ความอยากอาหารสามารถเติมเต็มได้ด้วยการกินเท่านั้น
อาหารบนโต๊ะ ชายชราสามคนคงกินไม่หมด ซึ่งสมเหตุสมผลแล้วที่เขาเข้ามาช่วยกินเช่นนี้
“ดีเลย ข้าจะสู้กับเ้าเอง”
อู๋ิไม่เคยเจอคนอวดดีแบบนี้มานานแล้ว ครั้งก่อนสู้กับเสิ่นเลี่ยน เริ่นเสี้ยวเทียน และเสิ่นเสี่ยวเม่ย เกือบทำให้เขาต้องจากโลกที่งดงามแห่งนี้ไปเสียแล้ว
ผ่านไปครึ่งเดือนกว่าๆ เขาเฝ้ารออยู่ตลอดเวลา ตอนนี้เสิ่นเสวียนปรากฏตัวขึ้นแล้ว หากกำจัดเสิ่นเสวียนได้ก็เท่ากับทำภารกิจของเฝิงเทียนได้สำเร็จ
“เ้าอวดดียิ่งกว่าสามคนนั้นเสียอีก ไม่รู้เลยว่าเ้าโตมาขนาดนี้ได้อย่างไร”
ชายชราขั้นราชันระดับสูงสุดที่นั่งอยู่ข้างๆ กล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ทำตัวสงบเสงี่ยมสักหน่อยก็ไม่ได้ ต้องรนหาที่ตายเช่นนี้ด้วย
“พวกเ้าเคยเจอสามคนนั้นแล้วหรือ”
เสิ่นเสวียนกินเนื้อวัวคำใหญ่พลางถามอีกฝ่าย
“แน่นอนอยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะตาแก่นั่นอยู่ด้วย ป่านนี้พวกเขาคงตายไปแล้ว”
ชายชราคนนี้ไม่ค่อยพอใจเสิ่นเลี่ยนสักเท่าไร หนุ่มสาวสองคนนั้นทำให้พวกเขาเสียหน้า จนพวกเขาอยากสังหารให้สิ้นซาก
“พวกเ้าเคยสู้กับพวกเขามาก่อน และยังทำให้พวกเขาาเ็อีกด้วยใช่ไหม”
เสิ่นเสวียนใช้ตะเกียบชี้อีกฝ่าย
“เด็กผู้หญิงคนนั้นาเ็ด้วยไหม”
“นางวิ่งเร็วไปหน่อย แต่อีกไม่นานก็ต้องตายด้วยน้ำมือของข้าแล้ว”
“เ้าชื่ออะไร” เสิ่นเสวียนมองชายชราคนนั้น พลางจดจำไว้ในรายชื่อหมายหัวเรียบร้อยแล้ว
“ชื่ออันน่าภาคภูมิใจของข้า... ผีซาน”
ชายชรามองเสิ่นเสวียนพลางกล่าวเสียงเย็น เขามีความอดทนมากขึ้นต่อคนตาย อีกไม่นานเ้าหนุ่มนี่ก็จะตายแล้ว
“ดี ผีซาน ข้าจะจดจำเ้าไว้”
เสิ่นเสวียนรินสุราอีกหนึ่งจอกแล้วดื่มจนหมด
แล้วเขาก็กล่าวกับทั้งสามคนพร้อมกัน “ว่าอย่างไร ที่นี่หรือด้านนอก?”
ั้แ่ที่เสิ่นเสวียนเข้ามาถึงที่นี่ ท่าทางของเขายังคงสงบนิ่งอยู่ตลอด สงบนิ่งจนเหมือนไม่ได้เดินเข้าหาความตาย แต่เดินมาเพื่อส่งคนอื่นไปตาย
ก่อนหน้านี้ในโรงเตี๊ยมของตระกูลเฝิง อู๋ิไม่เคยสนใจเสิ่นเสวียนมาก่อนเลย กระทั่งถึงตอนนี้เขาจึงพบว่าเด็กหนุ่มคนนี้สงบนิ่งมากจนน่ากลัว เขาเคยตรวจสอบพลังของอีกฝ่ายมาหลายครั้งแล้ว มั่นใจว่าอยู่ในขั้นราชันระดับต้นเท่านั้น ทว่าอีกฝ่ายไปเอาความมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหน ถึงกล้ามาท้าสู้ผู้แข็งแกร่งขั้นจักรพรรดิระดับกลางเช่นนี้
“เ้าคนเดียวอย่างนั้นหรือ”
อู๋ิถามด้วยความกังวลเล็กน้อย แม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกใ กังวลยิ่งกว่าเผชิญหน้ากับคนชั่วช้าเสียอีก
ในความเป็จริง เหตุผลสำคัญคือก่อนหน้านี้เสิ่นเลี่ยนทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว ทำให้เขาไม่กล้าดูถูกใครอีก ทว่าต่อให้เขาใช้หัวแม่เท้าคิด เสิ่นเสวียนก็ไม่มีทางเอาชนะผู้แข็งแกร่งขั้นจักรพรรดิระดับกลางอย่างเขาได้เลย
“แน่นอนอยู่แล้ว เสียเวลาอะไรกัน สามต่อหนึ่งยังต้องกลัวอะไรอีกหรือ”
เสิ่นเสวียนเริ่มหมดความอดทน โดยเฉพาะผีซานผู้นั้นที่ต้องตายอย่างสาสม
“นอกเมือง ตามข้ามา”
อู๋ิหรี่ตามองเสิ่นเสวียนเล็กน้อย แม้แต่เขายังรู้สึกน่าขัน ตนเองเป็ถึงผู้แข็งแกร่งที่มีหน้ามีตา เหตุใดถึงต้องระวังตัวขนาดนี้ หากเป็อย่างนี้จริงๆ แล้วจะเลื่อนขั้นอีกได้อย่างไร
จากนั้นอู๋ิก็วางก้อนทองลงไปบนโต๊ะสองก้อน แล้วเขาก็เดินออกไปจากโรงเตี๊ยม
เสิ่นเสวียนเดินตามหลังไป ก่อนเดินไปยังไม่ลืมที่จะหยิบขาหมูที่ยังไม่มีใครกินไปด้วย ของดีทั้งนั้น กินให้หนำใจไปเลย
ผีซานเห็นเสิ่นเสวียนกินเยอะขนาดนั้นอย่างไร้ยางอาย จึงเดินตามไปด้วยความรู้สึกละอายใจ
หลังจากทั้งสี่คนออกจากโรงเตี๊ยมไป ก็มุ่งหน้าไปยังประตูเมืองทิศใต้ของเมืองชางฉงในทันที
ภายในเมืองชางฉงมีกฎระเบียบ หากโดนราชวงศ์หรือทหารจับได้ว่าสู้กันบนท้องถนนอาจเกิดปัญหาขึ้นได้ หากออกไปนอกเมืองจะเป็หรือตายขึ้นกับ์เท่านั้น
เพียงไม่นานพวกเขาก็ออกจากเมืองไปและมุ่งหน้าลงใต้ไปเรื่อยๆ
อู๋ิไม่ได้หยุดเท้าลง เขา้าออกห่างจากเมืองไปไกลหน่อย เพื่อให้จัดการทุกอย่างได้เรียบร้อยไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง
เสิ่นเสวียนเดินตามออกไป เนื่องจากมีความคิดตรงกับอีกฝ่าย
“เ้าไม่กลัวตายเลยจริงๆ สินะ”
ผีซานเดินตามหลังมาพลางเอ่ยถามเสิ่นเสวียน เขาไม่เข้าใจเอาเสียเลย พลังยุทธ์ของอีกฝ่ายด้อยกว่าเขามาก ไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงท้าสู้กับอู๋ิ หากนี่ไม่ได้เรียกว่ารนหาที่ตายแล้วจะเรียกว่าอะไร
“ต้องกลัวอยู่แล้ว พวกเ้าไม่กลัวก็คงไม่ใช่หรอกกระมัง”
“ลำพังแค่เ้า? ขั้นราชันระดับต้น?”
ผีซานหัวเราะเสียงเย็น ชายชราขั้นราชันอีกคนหนึ่งก็หัวเราะเช่นกัน วัวแรกเกิดไม่กลัวเสือกิน รอให้ถึงกำแพงทิศใต้คงสายเกินไปแล้ว
อู๋ิเดินนำหน้าไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย พลางกวาดตามองหาสถานที่ที่ปลอดภัย
ทว่าระหว่างที่เดินไป เสิ่นเสวียนพลันหยุดเท้าลง
ห่างไปอีกร้อยกว่าลี้ทางทิศใต้มีคลื่นพลังแข็งแกร่งปะทุออกมา
และที่แห่งนั้นคือสถานที่ที่เสิ่นเสวียนเก็บตัวฝึกฝนก่อนหน้านี้ มีคนเข้าไปตรวจสอบตรงนั้นแล้ว และคนเ่าั้ยังมีพลังยุทธ์ขั้นจักรพรรดิทั้งหมดด้วย ประเมินคร่าวๆ ได้ว่ามีมากกว่าห้าคน
กองกำลังขนาดนี้เขาจัดการไม่ไหวจริงๆ
“ตรงนี้ล่ะ”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับอู๋ิที่เดินนำหน้าไป
“กลัวแล้วหรือ”
อู๋ิหันกลับมามองเสิ่นเสวียนด้วยแววตาเย็นะเืในทันที
“หากเดินหน้าต่อไป ข้ากังวลว่าเ้าจะเสียใจขึ้นมา”
เสิ่นเสวียนมองตรงไปทางทิศใต้
เมื่อเสิ่นเสวียนกล่าวเตือนเช่นนี้ อู๋ิจึงมองตามไปและสังเกตเล็กน้อย เป็อย่างที่คาดไว้ ไอพลังแข็งแกร่งเ่าั้ทำให้สีหน้าของอู๋ิเปลี่ยนไป
“ผู้ช่วยของเ้า... ไม่ใช่สิ คนจากราชวงศ์”
อู๋ิสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ที่นี่ก็แล้วกัน หากเ้าตายข้าจะตั้งสุสานให้เ้า เพื่อสรรเสริญในความกล้าหาญของเ้า”
อู๋ิรู้ดีว่ามิอาจรอช้าได้ ไม่อย่างนั้นอาจเกิดความไม่แน่นอนขึ้น
แล้วอู๋ิก็หายตัวไปทันทีที่กล่าวจบ
ขณะเดียวกับที่อู๋ิหายตัวไป เสิ่นเสวียนที่ยืนอยู่ด้านหน้าผีซานก็หายตัวตามไปด้วยเช่นกัน
ทั้งสองคนหายตัวไปพร้อมกันโดยที่ผีซานและชายชราขั้นราชันอีกคนหนึ่งไม่ทันได้สังเกตเห็น ทำให้ทั้งสองคนตื่นใเป็อย่างมาก และล่าถอยออกไปไกลเพราะกลัวโดนลูกหลง
ตูม!!!
เสียงพลังปะทะกันดังออกมาจากความว่างเปล่า แล้วร่างของเสิ่นเสวียนและอู๋ิก็ปรากฏขึ้นพร้อมกัน ทั้งสองคนต่อสู้กันไปมา โจมตีกันอย่างต่อเนื่อง พลังของแต่ละคนรุนแรงมาก คิดจะใช้พลังของตนเองควบคุมอีกฝ่ายเอาไว้
ทว่าเสิ่นเสวียนมีพลังต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ผ่านไปเพียงสองลมหายใจ ฝั่งเสิ่นเสวียนเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง ในขณะที่พลังของเสิ่นเสวียนกำลังโดนกด ฝ่ามือของอู๋ิก็ฟันลงมาที่คอของเสิ่นเสวียนราวกับมีด
พลังฝ่ามือนี้รวบรวมพลังที่แข็งแกร่งของเขาเอาไว้ แม้แต่ขั้นจักรพรรดิยังอาจถึงชีวิตได้เพราะพลังโจมตีนี้ และที่สำคัญที่สุดก็คือ เขาพุ่งเป้าไปที่เสิ่นเสวียนแล้ว มิติโดยรอบถูกผนึกทำให้เสิ่นเสวียนหลบหลีกไม่ได้เลย
อู๋ิกลายเป็ผู้าุโในตระกูลเฝิงแห่งเมืองชางฉงได้ เขาต้องมีทักษะการเอาตัวรอดอยู่แล้ว เขาผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน แม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิที่สู้กับเสิ่นเสวียนก่อนหน้านี้ยังเทียบเขาไม่ได้เลย
แต่เขาไม่ได้รู้จักเสิ่นเสวียนมากพอ
“พลังต่างกันมากจริงๆ”
เสิ่นเสวียนส่ายหัวพลางถอนหายใจ ต่อมาร่างของเขาก็เลือนหายไปอย่างน่าประหลาด
ต่อมา หัวขนาดใหญ่พลันปรากฏขึ้นในตำแหน่งที่เสิ่นเสวียนหายตัวไป