เยว่เฟิงเกอลากฉิงเอ๋อร์มานั่งลงที่เดิม กล่าวว่า “เ้าบรรเลงเพลงได้ไพเราะเหลือเกิน ข้ายังฟังไม่อิ่มหนำเลย เ้าช่วยเล่นให้ข้าฟังอีกสักเพลงเถิด”
ฉิงเอ๋อร์บรรเลงเพลงต่ออย่างหวั่นใจ ยามที่อ้าปากร้องเพลง เสียงยังสั่นน้อยๆ
เยว่เฟิงเกอลอบยิ้มในใจพลางคิดว่าเหมือนจะทำให้อีกฝ่ายใเข้าแล้วจริงๆ
ด้านเยว่เฟิงเกอกำลังฟังดนตรีอยู่ ส่วนกงซุนหนานเสียนที่หลังฉากกันลม เมื่อครู่เขาได้ชะโงกหน้ามาชมฉากที่นางกำลังหยอกล้อสาวน้อยอยู่
แม้กงซุนหนานเสียนจะรู้สึกว่าเงาร่างตรงหน้าช่างคุ้นตาเหลือเกิน แต่เมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่ายก็คิดว่าตนเข้าใจผิดไปหรือไม่ นั่นมันเสียงของบุรุษชัดๆ ไม่ใช่คนคนนั้นที่เขาคิด
เมิ่งซีหลันร่ายรำเสร็จก็นั่งลงตรงหน้ากงซุนหนานเสียน นางรินสุราให้เขาอีกจอก ก่อนจะยกจอกสุราขึ้นคารวะชายตรงหน้าอีกครั้ง “คุณชายกงซุน เราดื่มกันอีกจอกเถิดเ้าค่ะ”
“ได้” กงซุนหนานเสียนไม่ลังเล รับจอกสุรามาดื่มรวดเดียวจนหมด
เมิ่งซีหลันนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกงซุนหนานเสียน เฝ้ามองใบหน้างดงามเหนืุ์นั้น อดไม่ได้ให้รู้สึกอยากเป็สตรีของอีกฝ่าย
น่าเสียดาย นางเป็บุปผาอันดับหนึ่งแห่งหอชมบุปผา เป็ต้นไม้เงินของหอชมบุปผา
หากไม่มีนาง หอชมบุปผานี้คงต้องปิดตัวลงภายในหนึ่งเดือน
เพราะเพียงบรรดาคนชั้นสูงมาที่นี่ก็มักจะเจาะจงเลือกให้นางมาร่ายรำ บางคนยังถึงขนาดจะนอนค้างแรมกับนาง อยากจะััรสชาติของการหลับนอนกับหญิงงาม
เพียงแต่นางนั้นขายเพียงศิลปะ ไม่ขายเรือนร่าง ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็คนชั้นสูงคนใด นางก็ล้วนไม่เห็นอยู่ในสายตา เว้นแต่จั้นอ๋องม่อหลิงหาน และกงซุนหนานเสียนที่นั่งอยู่ตรงหน้านางผู้นี้
หากไม่ใช่เพราะสถานะที่ขวางกั้น เมิ่งซีหลันจะต้องสำแดงฝีมือให้กงซุนหนานเสียนหลงรักนางจนหมดใจให้ได้
หลังจากกงซุนหนานเสียนดื่มสุราในมือหมดก็เห็นว่ายามนี้ดึกมากแล้ว ควรจะกลับเรือนจิ้งจู๋ได้แล้ว เนื่องจากเขาแอบออกมาจากเรือนจิ้งจู๋ จึงไม่อาจรั้งอยู่ที่นี่นานมากได้ ไม่เช่นนั้นอาจถูกองค์ชายใหญ่จับได้
ด้วยเหตุนี้กงซุนหนานเสียนไม่คิดรั้งรออีกต่อไป ยืนขึ้นแล้วบอกลาเมิ่งซีหลันทันที
“ดึกมากแล้ว ข้าคงต้องขอตัวก่อน คืนนี้มีแม่นางเมิ่งคอยอยู่เป็เพื่อน ข้าอิ่มเอมใจยิ่งนัก” กงซุนหนานเสียนประสานมือคารวะเมิ่งซีหลัน
เมิ่งซีหลันอยากจะรั้งเขาไว้ให้นานกว่านี้อีกสักหน่อย แต่กลับถูกปฏิเสธ
ยามที่กงซุนหนานเสียนจำเป็ต้องเดินผ่านฉากกันลม เขาจงใจมองไปยังเงาร่างนั้นพร้อมกับที่เยว่เฟิงเกอได้ยินเสียงฝีเท้าก็เงยหน้ามองไปยังบุรุษที่อยู่อีกฝั่ง
เมื่อดวงตาสองคู่สบกัน กงซุนหนานเสียนสบเข้ากับดวงตาดอกท้อทรงเสน่ห์คู่นั้น ใบหน้าของอีกฝ่ายช่างไม่คุ้นตาอย่างยิ่ง ไม่ใช่เยว่เฟิงเกอที่เขารู้จัก
กงซุนหนานเสียนแอบหัวเราะเยาะตัวเองในใจที่จำคนผิด เขาไม่มองอีกฝ่ายอีก เดินก้าวยาวๆ จากไป
ขณะเดียวกันเมิ่งซีหลันที่เดินตามมาหันไปมองทางเยว่เฟิงเกอทีหนึ่งด้วยเช่นกัน
ฉับพลันนั้นใบหน้าเย้ายวนดวงนั้นของเยว่เฟิงเกอก็ดึงดูดสายตานางทันที
เดิมนางคิดมาตลอดว่านอกจากจั้นอ๋องแล้วก็มีแค่กงซุนหนานเสียนนี่แหละที่เป็บุรุษที่หล่อเหลาที่สุด จึงไม่คิดว่าชายที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อนผู้นี้จะหล่อเหลาไม่แพ้สองคนนั้นเลย
เยว่เฟิงเกอเห็นว่าเมิ่งซีหลันจ้องมองนางค้าง ก็ส่งยิ้มเ้าเล่ห์ทรงเสน่ห์ให้ “คาดว่าแม่นางคงเป็อันดับหนึ่งแห่งหอชมบุปผา แม่นางเมิ่งซีหลันกระมัง”
เสียงไพเราะของบุรุษลอดเข้าหูเมิ่งซีหลัน นางถึงได้ดึงสติกลับมาได้ ยอบกายคารวะเยว่เฟิงเกอพร้อมยิ้มน้อยๆ “ผู้น้อยเมิ่งซีหลันเ้าค่ะ”
ท่าทางหันศีรษะชม้อยตามองอย่างไม่ปิดบังนี้ไม่ได้ส่งผลใดต่อเยว่เฟิงเกอ นางเพียงกวาดตามองเมิ่งซีหลันเรียบๆ ไปทีหนึ่ง มุมปากประดับยิ้มเ้าเล่ห์
“วันนี้เดิมทีข้า้าให้แม่นางเมิ่งซีหลันมาดื่มสุราเป็เพื่อน ร่ายระบำให้ชมให้อิ่มเอม คิดไม่ถึงแม่นางเมิ่งซีหลันจะถูกจับจองไปแล้ว” ยามที่เอ่ยวาจา เยว่เฟิงเกอกะพริบตาปริบๆ ไปทางเมิ่งซีหลัน
ดวงตาดอกท้องาม ขนตาเป็แพยาว ทำให้เมิ่งซีหลันเห็นแล้วเป็ต้องหัวใจเต้นรัว
อยู่ในหอชมบุปผามานานเพียงนี้ นี่เป็ครั้งแรกที่เมิ่งซีหลันถูกสายตาของบุรุษคนหนึ่งหยอกเย้าจนหัวใจเต้นไม่เป็ส่ำ
ทว่า ตอนที่เมิ่งซีหลันคิดจะพูดอะไรอยู่นั้น เยว่เฟิงเกอก็หันศีรษะกลับไปมองฉิงเอ๋อร์
ยามนี้ฉิงเอ๋อร์ยังคงกอดผีผาไว้ เนื้อตัวสั่นสะท้าน จะอย่างไรนางก็เห็นเยว่เฟิงเกอเป็ชายโฉดชั่วเช่นเดียวกับคุณชายพวกนั้นไปแล้ว
เยว่เฟิงเกอจับพัดไว้แล้วเคาะเป็จังหวะบนฝ่ามืออีกข้างตามทำนองที่ฉิงเอ๋อร์บรรเลงขึ้น
เมิ่งซีหลันเห็นว่าคุณชายสูงศักดิ์ตรงหน้าไม่มองนางแล้ว แต่กลับมองไปยังสาวใช้หน้าใหม่ตรงหน้าตาไม่กะพริบ นางก็ถลึงตามองฉิงเอ๋อร์อย่างดุร้าย ส่งเสียงหึทางจมูก
ถึงแม้เสียงจะเบามาก แต่เยว่เฟิงเกอได้ยินชัดเจน
เยว่เฟิงเกอไม่สนใจเมิ่งซีหลัน เหตุที่นางมาเยือนหอชมบุปผานี้ก็ไม่ใช่ว่าเพื่อเมิ่งซีหลันเสียหน่อย
นางแค่อยากมาเที่ยวเล่นเปิดหูเปิดตาเท่านั้น
ส่วนว่าใครจะมาอยู่เป็เพื่อน นางไม่ได้สนใจ
เมื่อฉิงเอ๋อร์บรรเลงเพลงจบก็ก้มหน้าลงไปไม่กล้ามองเยว่เฟิงเกอ
ทางด้านเยว่เฟิงเกอ เมื่อเห็นว่าเมิ่งซีหลันยังยืนนิ่งไม่ยอมจากไป นางก็หันศีรษะไปมองด้วยความสงสัย
“แม่นางเมิ่งยังมีเื่ใดอีกหรือ? ”
ชัดเจนว่าเยว่เฟิงเกอกำลังไล่แขกแล้ว เมิ่งซีหลันจะฟังไม่เข้าใจได้อย่างไร นางหัวเราะเอียงอายไปทีหนึ่ง “นายท่านไม่้าให้ข้าอยู่เป็เพื่อนแล้วหรือเ้าคะ? ”
เยว่เฟิงเกอส่ายหน้าเบาๆ “ไม่ต้องแล้ว ข้ามีนางก็เพียงพอแล้ว” พูดจบก็ใช้พัดชี้ไปที่ฉิงเอ๋อร์
ฉิงเอ๋อร์ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิม
เมิ่งซีหลันถลึงตาใส่ฉิงเอ๋อร์แล้วส่งยิ้มให้เยว่เฟิงเกอ ก่อนจะเดินทิ้งสะโพกจากไป
เพียงไม่นาน ในตอนที่เยว่เฟิงเกอดื่มชาและกำลังจะให้ฉิงเอ๋อร์ร้องอีกเพลง ประตูกลับถูกคนเปิดออกอย่างกะทันหัน
ชายอ้วนเตี้ยกลมป้อมคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาไม่แม้แต่จะมองเยว่เฟิงเกอ เพียงเข้ามาก็ยื่นมือเข้าหาฉิงเอ๋อร์
เยว่เฟิงเกอได้กลิ่นสุราคละคลุ้งจากร่างชายคนนั้น เขาคงดื่มไปไม่น้อย
ชายคนนั้นจับแขนฉิงเอ๋อร์ไว้ ออกแรงจนฉิงเอ๋อร์อดส่งเสียงร้องไม่ได้
“ขนมหวานของข้า ที่แท้เ้าอยู่ที่นี่ ข้าตามหาเ้าไปทั่ว ช่างยากลำบากนัก คืนนี้เ้าจะหนีไปไหนไม่ได้แล้ว ข้ารอไม่ไหวแล้วนะ” ชายคนนั้นพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ กกกอดฉิงเอ๋อร์ไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับยื่นริมฝีปากไปยังใบหน้าของฉิงเอ๋อร์
“อ๊า ช่วยด้วย ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ” ฉิงเอ๋อร์ใหน้าซีดขาว นางหลบเลี่ยงริมฝีปากของชายเตี้ยอ้วนกลมป้อมคนนั้นแล้วร้องออกมาด้วยความใลนลาน
เยว่เฟิงเกอยังคงนั่งอยู่ นางมองเห็นทุกอย่าง แต่กลับไม่มีทีท่าจะยื่นมือเข้าช่วย นางทำเพียงดื่มชาอย่างเอ้อระเหยและเล่นพัดในมือต่อไป
“คุณชายช่วยข้าด้วย” ฉิงเอ๋อร์เห็นว่าเยว่เฟิงเกอยังไม่ไป ด้วยความร้อนรนนางจึงเรียกหาความช่วยเหลือจากเยว่เฟิงเกอ
จนถึงตอนนี้ชายอ้วนเตี้ยคนนั้นเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าในห้องนี้มีคนอื่นอยู่อีก เขามองเยว่เฟิงเกอไปทีหนึ่ง ส่งเสียงหึออกทางจมูก “จะบอกเ้าให้นะ สาวใช้คนนี้เป็ของข้า วันนี้เวลาที่นางต้องร้องเพลงให้เ้าหมดลงแล้ว เวลาที่เหลือต่อจากนี้ของนางเป็ของข้า เ้ารีบไสหัวไปเดี๋ยวนี้เลย ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
เยว่เฟิงเกอรู้สึกว่าน่าขำยิ่งนัก นางทำทีเป็แคะหูด้วยท่าทางเสเพลอย่างที่สุด
“ใครบอกว่าเวลาร้องเพลงของนางหมดแล้ว ข้าซื้อนางไว้ทั้งคืน ห้องนี้ก็เป็ข้าที่จองไว้ แค่เ้าบุกเข้ามาโดยพลการก็ทำให้ข้าโกรธมากอยู่แล้ว หากเ้ายังไม่รีบไสหัวไปอีก ข้าจะทำให้เ้าเสียใจที่เกิดมาบนโลกใบนี้”
เมื่อเยว่เฟิงเกอพูดจบก็ได้ยินชายอ้วนเตี้ยคนนั้นหัวเราะฮ่าฮ่าคล้ายได้ฟังเื่ที่ตลกขบขันที่สุดในชีวิตก็ไม่ปาน หัวเราะจนไขมันทั้งร่างสั่นกระเพื่อม
แม้ฉิงเอ๋อร์จะดิ้นรนแทบเป็แทบตายเพื่อผละออกจากอ้อมแขนนั้น แต่กลับถูกอีกฝ่ายกอดรัดไว้แน่นกว่าเดิม
ฉิงเอ๋อร์มองเยว่เฟิงเกอด้วยสายตาเศร้าสร้อย หวังให้คุณชายตรงหน้ายื่นมือเข้าช่วยเหลือ หวังว่าเขาจะช่วยให้นางหลุดจากวงแขนของบุรุษผู้นี้เสียที
เยว่เฟิงเกอยกถ้วยชาขึ้นมา มุมปากประดับรอยยิ้ม ก่อนจะออกแรงสาดน้ำชาในถ้วยไปที่ปากชายตรงหน้า
น้ำชาพุ่งเข้าหาชายคนนั้นในจังหวะที่เขากำลังหายใจพอดี น้ำชาที่พุ่งตรงมาจึงเข้าสู่หลอมลมในทันใด
เขายังไม่ทันได้หายใจหายคอก็กระแอมกระไอจนหน้าดำหน้าแดง กระนั้นก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อยฉิงเอ๋อร์
ดูท่าคืนนี้ชายคนนี้คงไม่คิดจะปล่อยฉิงเอ๋อร์ไป