ในตอนนั้นหลินลั่วหรานกำลังใช้เท้าของเธอในการกลบดินอยู่รองเท้าแตะของเธอเต็มไปด้วยโคลนดิน เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับนักบวชหน้าตาคมคายคนหนึ่งเขากำลังชะโงกคออยู่ที่ประตูก่อนที่จะเดินเข้ามาตรงหน้าโดยที่เธอไม่ทันได้ถามไถ่อะไรแน่นอนว่าเขาต้องเป็นักปราชญ์คนหนึ่งอย่างแน่นอน
“ฉันไม่ถึงขั้นเป็รุ่นพี่หรอกค่ะฉันสกุลหลิน...เ้าสำนักมีเื่อะไรกับฉันเหรอคะ?”
หลินลั่วหรานมองพิจารณาเขาอย่างเป็ธรรมชาติ ใบหน้ากลมๆที่ดูเด็กของเขาทำให้ดูไม่ออกว่าอายุเท่าไร สวมใส่เสื้อคลุมของนักปราชญ์น่าจะเป็คนที่อยู่ในวัดทางหลังเขา
“รุ่นพี่หลิน พูดเกินไปแล้ว เรียกว่าเสี่ยวอันก็พอครับเ้าสำนักเสี่ยวอันนั้นก็เหมือนกับหลีซีเอ๋อร์ เขาเติบโตมาในเขาแม้ว่าตอนนี้การท่องเที่ยวจะพัฒนาไปมาก แต่วัดที่เขาอยู่อาศัยนั้นก็เป็บริเวณที่ห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไป นอกจากเป่าเจียแล้วแม้แต่เด็กสาวตัวน้อย เขาก็ไม่ได้พบเจอบ่อยนักเมื่อตอนนี้เห็นว่าหลินลั่วหรานกำลังส่งยิ้มมาให้ ใบหน้าของเขาก็ปรากฏสีแดงขึ้นมาจางๆด้วยความเขินอาย
เสี่ยวอัน? ทำไมถึงไม่มีชื่อในสำนักล่ะ? หรือว่าเสี่ยวอันจะเป็พวก “นักปราชญ์ที่แยกตัวออกมา” ทำให้ไม่มีชื่อเรียกความคิดนี้ลอยขึ้นมาในหัวของหลินลั่วหราน แต่เธอกลับรับตอบกลับไปอย่างมีมารยาท
เมื่อเ้าสำนักเสี่ยวอันมั่นใจว่าเธอคือหลินลั่วหรานแล้วจึงยกกล่องไม้เล็กๆ ขึ้นมา “ได้ยินว่ารุ่นพี่หลินพ้นจากอันตรายแล้วที่สำนักก็เลยให้ผมเอาของขวัญเล็กๆ น้อยๆ มามอบให้อย่างไรก็ขอให้รุ่นพี่ช่วยรับเอาไว้ด้วยนะครับ” ถ้อยคำสุภาพที่ทำเอาคนรู้สึกอึดอัดเหล่านี้ความจริงตัวเขาเองก็ไม่ได้อยากจะพูด แต่หน้าผากของเขายังเจ็บอยู่เลยถ้าอาจารย์จะปามาอีกรอบคงแย่แน่ๆ จึงได้แต่พูดออกไปตามที่จำมาจากในหนังสือเท่านั้น
ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ?
ใบหน้าของหลินลั่วหรานแดงขึ้นมาทันทีที่วัดชิงเฉิงยังอุตส่าห์ช่วยดูแลครอบครัวหลินให้ ตัวเองนั้นยังไม่ได้เอาของขวัญอะไรไปมอบให้เลยพวกเขาก็เอาของขวัญแสดงความยินดีมาให้เสียแล้ว ผู้าุโที่เธอเคยเจอมาก่อนหน้านี้แม้ว่าอาจจะเป็เพราะมีเื่อื่น ท่าทางที่พวกเขามีให้กับเธอจึงไม่รู้จะพูดอย่างไร
ในใจของเธอยังคงคิดอยู่แบบนั้น แต่เธอกลับรีบรับกล่องไม้นั่นมา
เมื่อเห็นว่าหลินลั่วหรานน่าจะพูดจาด้วยง่ายความอึดอัดของเ้าสำนักเสี่ยวอันก็ลดลงไป และปรากฏความสดใสในแบบของวัยรุ่นออกมา “รุ่นพี่หลิน เื่ที่คุณกลับมาแล้วนั้นเมื่อวานเ้าอาวาสได้ประกาศบอกคนอื่นไปแล้วอย่างไรก็อย่าว่าที่พวกเรายุ่งไม่เข้าเื่เลยนะครับ”
หลินลั่วหรานเองก็กำลังยุ่งอยู่ จึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก เธอ “หายตัว”ไปกว่าสองเดือน พวกเหวินกวนจิ่งและหลีซีเอ๋อร์ก็คงจะเป็ห่วงเธอสินะแล้วยังจะมีเสี่ยวจินอีก ในระหว่างที่ห่างจากเธอไปนี้ ไม่รู้ว่าไปสร้างความเดือดร้อนอะไรให้ใครเข้าหรือเปล่า...เมื่อวานแม่ก็เพิ่งจะบอกว่าพวกพี่หวังก็มักจะโทรศัพท์มาถามความเป็ไปในตอนนั้นเพื่อความปลอดภัยของคนแก่ทั้งสอง เป่าเจียจึงไม่ได้บอกที่อยู่ของตระกูลหลินให้ใครได้รู้ตอนนี้เธอกลับมาแล้ว ก็น่าจะเชิญพวกเขามาฉลองกันเสียหน่อย
“เ้าสำนักเสี่ยวอันมาเหรอ?” เมื่อผู้เป็แม่ได้ยินเสียงพูดคุยกันก็สวมผ้ากันเปื้อนเดินออกมาเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่เป็คนที่เธออยากจะแสดงฝีมือทำอาหารให้เห็นที่สุดอย่างเ้าสำนักเสี่ยวอันเธอก็เผยรอยยิ้มออกมาเสียจนตาหยีก่อนจะรีบบอกให้เ้าสำนักเสี่ยวอันอยู่ทานอาหารกลางวันกับพวกเขาก่อน
หลินลั่วหรานเห็นว่าแม่ของตัวเองดูกระตือรือร้นมากจึงโทรศัพท์ไปหาพวกหวังเมี่ยวเอ๋อสองสามีภรรยา ทั้งสองเองก็อยู่ที่ในตัวเมือง ถ้าจะขับรถมาที่เขาชิงเฉิงก็ไม่ได้ไกลเท่าไรวันนี้งานเลี้ยงรวมเพื่อนจึงถูกกำหนดจัดขึ้นเป็ที่เรียบร้อย
เ้าสำนักเสี่ยวอันเมื่อเห็นลั่วตง ใบหน้าของเขาก็ปรากฏความน่ารักแบบเด็กๆออกมา ก่อนที่ทั้งสองจะพากันไปดูต้นท้อที่เพิ่งปลูกใหม่ หลังจากได้รับการอนุญาตจากหลินลั่วหราน ข้างนอกนี้ไม่เหมือนกับในพื้นที่ลึกลับที่ผลท้อที่สุกงอมแล้วไม่เก็บก็ไม่เป็ไร ดังนั้นลูกท้อพวกนี้หากสุกงอมแล้วไม่รีบกินให้หมด ก็อาจจะเน่าเสียได้
เมื่อได้ยินเสียงของหลินลั่วหราน หวังเมี่ยวเอ๋อก็ดูดีใจมากหลินลั่วหรานมักจะรู้สึกว่าน้ำเสียงของเธอดูจะสั่นๆ อยู่อีกทั้งยังเป็กังวลว่าหลินลั่วหรานจะเป็อะไรไปและที่สำคัญคือเต็มไปด้วยความดีใจที่ปกปิดเอาไว้ไม่อยู่ นี่มันดูขัดแย้งกันไปหมด
เสี่ยซุยเอาแต่คอยบอกอยู่ตลอดว่าจะถึงภายในหนึ่งชั่วโมงแน่นอนหลินลั่วหรานได้แต่ยิ้ม ก่อนที่จะเข้าไปช่วยผู้เป็แม่ทำอาหาร
วันนี้แน่นอนว่าอาหารกลางวันของบ้านหลินจะต้องครบครันและสุดยอด
แน่นอนว่าเ้าสำนักเสี่ยวอันนั้นมีความสามารถด้านของกินมากกว่าครอบครัวหลินทั้งครอบครัวรวมกันเสียอีกเมื่อได้ยินว่าจะมีเพื่อนมา เขาก็พาเสี่ยวลั่วตงเข้าไปในป่า ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จับกระต่ายกลับมาสองตัว ไก่ป่าที่มีสีสันสวยงามอีกหนึ่งตัวในกระเป๋าเสื้อของหลินลั่วตงยังเต็มไปด้วยเห็ดธรรมชาติมากมายดูท่าทางแล้วเ้าสำนักเสี่ยวอันน่าจะไม่ใช่เพียงหาวัตถุดิบมาเท่านั้นแต่ยังจับคู่ทำอาหารไว้แล้วอย่างเรียบร้อยอีกด้วย
ปลาแซลมอนที่หลินลั่วหรานขนกลับมาจากนอร์เวย์ถูกเอาออกมาจากพื้นที่ลึกลับเพราะถูกเก็บเอาไว้ในพื้นที่ลึกลับจึงทำให้มันสดใหม่มากทีเดียวมันบริสุทธิ์สดใหม่เสียยิ่งกว่าพวกร้านอาหารญี่ปุ่นที่ใช้การขนส่งทางอากาศระดับสูงเสียอีกแม้ว่าจะยังไม่ได้เสิร์ฟขึ้นโต๊ะอาหาร ก็มันถูกเป่าเจียแอบกินไปเยอะเลยทีเดียว
ไก่ป่าก็ต้องต้มเห็ดอย่างแน่นอนเนื้อกระต่ายถูกสับเอามาผัดเป็กระต่ายผัดพริกไทย เนื้อแมวน้ำก็เอามาทำเนื้อย่างแม้แต่เป่าเจียยังต้องบ่นออกมาว่า ทั้งโต๊ะมีแต่อาหารป่ามันก็แลดูจะโเี้เกินไป
เื่อาหารจานผักนั้นไม่ต้องพูดกันกระเทียมจากในพื้นที่ลึกลับถูกเอาออกมาใช้ต้มไข่ส่งกลิ่นหอมดึงดูดให้ผู้คนพากันน้ำลายไหลผู้เป็แม่ได้แต่ยืนลังเลว่ามะเขือม่วงที่หลินลั่วหรานเอาออกมาจากพื้นที่ลึกลับนี่จะเอาไปทำเป็ปลาผัดมะเขือม่วง หรือว่ามะเขือม่วงผัดดี?
เ้าสำนักเสี่ยวอันมองไปยังเหล่าวัตถุดิบทำอาหารชั้นสูงที่เต็มไปด้วยพลังมือของเขาคันยุบยิบขึ้นมาจนไม่รู้ว่าจะเอาไปวางไว้ไหนแม่ของหลินลั่วหรานนั้นตั้งใจจะแสดงฝีมือ จึงไม่้าให้เขาเข้ามาช่วยทำเอาเ้าสำนักเสี่ยวอันแทบจะทนไม่ได้ ต้องปิดหูปิดจมูกเอาไว้เขารู้สึกว่าการที่ทำได้เพียงมองวัตถุดิบพวกนั้น ถูกนำลงหม้อไปเรื่อยๆแต่กลับไม่สามารถลงมือทำอาหารได้เองแบบนี้มันเ็ปทรมานมากกว่าเวลาที่อาจารย์ตีเขาเป็ร้อยเท่า
อาหารถูกนำมาเสิร์ฟจนเกือบจะครบแล้ว หลินลั่วหรานก็แอบลงไปยังห้องใต้ดินเธอตั้งใจจะเตรียมของขวัญตอบแทนให้กับเ้าอาวาสวัดชิงเฉิงเพียงแต่ของขวัญยังไม่ได้จัดเตรียมเอาไว้ ดังนั้นจึงต้องรีบเสียหน่อย
ก้อนแร่ที่เธอซื้อกลับมาจากรุยลี่รวมทั้งก้อนหินที่ซื้อมาจากตลาดโบราณก็ยังเหลืออยู่อีกก้อนพวกมันต่างก็ถูกเป่าเจียย้ายมาไว้ที่นี่แล้ว
เธอเลือกก้อนที่ด้านในมีหยกขนาดราวๆ ชามใบใหญ่ออกมามันคือก้อนแร่ที่มีขนาดราวๆ ยี่สิบเิเหลินลั่วหรานนั้นไม่จำเป็ที่จะต้องใช้อุปกรณ์อะไร ความแหลมคมของเวทธาตุทองนั้นไม่ใช่อะไรที่เครื่องตัดจะสามารถทัดเทียมได้อยู่แล้ว
หลินลั่วหรานจัดการตัดเจียระไนแร่หยกออกมาอย่างราบรื่นแต่ในตอนที่กำลังจะแกะสลักให้มันเป็ขวดขนาดเท่าๆ กันสามใบอยู่นั้นเสียงเรียกทานข้าวของผู้เป็แม่ก็ดังขึ้นมา
หลินลั่วหรานนำเหล้าลิงหมักออกมาจากด้านในพื้นที่ลึกลับและแบ่งเทเหล้าที่มีอายุไม่เท่ากันลงในขวดหยกทั้งสามใบ แล้วหาผ้าไหมสีแดงมาปิดทับเมื่อมองดูแล้วก็เพิ่มระดับขึ้นมาได้มากทีเดียว แม้ว่าหยกนี้จะไม่ได้มีคุณภาพดีอะไรมากนักแต่ว่าในโลกธรรมดานี้ ก็ไม่มีใครใช้ขวดหยกในการบรรจุเหล้าแบบนี้หรอก
หลินลั่วหรานเองก็ไม่ใช่ว่าอยากจะสิ้นเปลืองอะไรเพียงแต่สภาพของพลังบนโลกในทุกวันนี้เป็อย่างไร ทุกคนต่างรู้ดีกันอยู่ นอกจากหยกและพื้นที่ลึกลับของหลินลั่วหรานที่จะช่วยรักษาพลังเอาไว้ได้แล้วแม้ว่าจะเป็เหล้าที่ดีอย่างเหล้าลิงหมักนี้ ก็สามารถที่จะสูญเสียพลังไปเรื่อยๆจนกลายเป็เพียงเหล้าธรรมดาได้เช่นกัน
ของขวัญที่เ้าอาวาสวัดชิงเฉิงให้เ้าสำนักเสี่ยวอันนำมาให้เธอนั้นถูกบรรจุเอาไว้ในกล่องไม้ หลินลั่วหรานจึงคัดลอกความคิดนั้นมาทันทีเธอจัดการนำไม้ขนาดใหญ่สักหน่อย มาแกะสลัก ก่อนที่จะปูลงไปด้วยผ้าไหมแล้วนำขวดหยกที่บรรจุเหล้าเอาไว้เรียบร้อยแล้ววางลงไป
เธอคิดอยู่สักพัก ก่อนที่จะเอาต้นหลิวที่อยู่ข้างแม่น้ำมาทำเป็ตะกร้าแล้วเก็บลูกท้อมาจากพื้นที่ลึกลับของเธอ
ผู้เป็แม่เริ่มออกอาการเร่งให้เธอออกไปกินข้าวหลินลั่วหรานก็ไม่อยากจะยืดเยื้ออีกอย่างไรของขวัญตอบแทนก็ถูกเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เธอก็ออกไปล้างมือได้อย่างสบายใจ
เสียงเครื่องยนต์ของรถดังขึ้น เมื่อหลินลั่วหรานมองผ่านรั้วเหล็กออกไปก็เห็นรถฮัมเมอร์คุ้นตาคันหนึ่ง สองสามีภรรยามาถึงแล้ว
หลินลั่วหรานรีบออกไปในทันที
เสี่ยซุยลงมาจากฝั่งด้านคนขับเขายังคงเป็คนอ้วนตุ้ยนุ้ยคนหนึ่งเหมือนเดิม ประกายเืฝาดประดับอยู่เต็มใบหน้าอธิบายถึงความก้าวร้าวน่ากลัวของเขาไม่ออก เขาวิ่งออกไปอีกทางด้วยกริยาประจบก่อนที่จะเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับออก
หลินลั่วหรานยังรู้สึกแปลกใจที่ทำไมวันนี้หวังเมี่ยวเอ๋อถึงได้ดูนุ่มนวลแบบนี้ก็เห็นว่าคนที่ลงมาจากที่นั่งฝั่งคนขับ คือคนสวยวัยราวๆ สามสิบกว่าคนหนึ่ง
เธอสวมชุดกระโปรงสีครีมที่ถูกสั่งตัดมาพอดีกับตัวผิวพรรณขาวใสเกินจะบรรยาย รูปร่างผอมเพรียวแต่ทั่วทั้งตัวกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันคุ้นเคย...นี่คือพี่หวัง?
หลินลั่วหรานใเสียยิ่งกว่าตอนที่เห็นพ่อของตัวเองดูเด็กลงเสียอีกหวังเมี่ยวเอ๋อนั้นไม่ได้ดูเปลี่ยนไปเพียงผิวพรรณเท่านั้นแต่รูปร่างของเธอก็ผอมลงไปกว่าสองรอบตัวใบหน้าของเธอก็ปรากฏความสวยงามแต่เดิมออกมาทำให้คนไม่กล้าที่จะมั่นใจว่าเป็คนเดียวกันได้ในทันที
เมื่อเห็นท่าทางอึ้งทึ่งของหลินลั่วหรานหวังเมี่ยวเอ๋อก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาเธอพูดออกมาโดยที่ยังคงความเป็แม่เสือสาวของเธอเอาไว้ “เป็เพราะยาอะไรก็ไม่รู้ที่น้องเอามาให้นั่นแหละ พอกินหมดขวดก็เปลี่ยนไปแบบนี้เลย...”
หลินลั่วหรานตบหัวของตัวเองเบาๆ ที่เธอลำบากลำบนทำ “ยาผิวหยก” นี่ขึ้นมาก็เพื่อที่จะมอบมันให้กับหวังเมี่ยวเอ๋อไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงลืมไปได้กันนะเมื่อเห็นท่าทางที่ยอมทำตามทุกอย่างของเสี่ยซุยแล้วก็คิดได้ว่าเมื่อก่อนพี่หวังก็คงจะสวยแบบนี้ เพียงแต่เพราะอยากจะมีลูกก็เลยกินยาเข้าไปมากมาย จนทำให้ร่างกายของเธอเสียสมดุลและกลายเป็ว่าทำให้เธอทั้งอ้วนและดำแบบนั้น
แม้ว่าจะมีความผูกพันใน่เวลาหลายปีเป็ข้อรับประกันแต่ว่าสามีคงจะยอมละทิ้งภรรยาที่สวยขึ้นของตัวเองได้? เมื่อเห็นว่าตอนนี้เสี่ยซุยยอมพี่หวังไปเสียทุกอย่างหลินลั่วหรานก็ดีใจที่ตัวเองสามารถทำอะไรให้เพื่อนของเธอได้บ้างและสามารถทำให้ความสัมพันธ์ของสองสามีภรรยาดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
หลินลั่วหรานขยับเข้าไปหาหวังเมี่ยวเอ๋อที่ยืนเขินอยู่เมื่อมือของเธอจับเข้าที่มือของหวังเมี่ยวเอ๋อก็สามารถััได้ถึงความผิดปกติในร่างกายของหวังเมี่ยวเอ๋อทันที “พี่หวัง พี่...?”
เธอจ้องมองไปยังบริเวณท้องของหวังเมี่ยวเอ๋อ ด้วยความไม่ยากจะเชื่อ
ความดีใจที่จะได้เป็พ่อของเสี่ยซุยนั้นไม่สามารถปกปิดได้มิดเขาหัวเราะออกมา “วันก่อนไปตรวจมาหมอบอกว่าได้สองเดือนแล้ว...น้องสาว พี่ซุยของเธอจะได้เป็พ่อคนแล้วนะ ฮ่าๆๆๆ”
หวังเมี่ยวเอ๋อไม่ได้สนใจท่าทางภูมิใจเสียเต็มประดาของเสี่ยซุยแต่กลับแสดงท่าทางจริงจังออกมา พร้อมทั้งจับเข้าที่มือของหลินลั่วหรานดวงตาของเธอแดงก่ำไปหมด “น้องสาวถ้าไม่ใช่เพราะน้อง...พี่ติดหนี้เธอครั้งใหญ่แล้วล่ะไม่รู้ว่าจะตอบแทนยังไงเลยจริงๆ”
หลินลั่วหรานกลัวว่าหากรู้สึกไม่ดีในตอนตั้งครรภ์จะเกิดผลเสียได้เธอจึงรีบพูดออกมาทันที “พี่หวังนี่นะพี่จะตอบแทนอะไรกัน เอาไว้ให้ฉันได้เป็แม่ทูนหัวของลูกพี่ก็พอแล้ว” เมื่อพูดถึงตรงนี้ เธอก็เบาเสียงลง “จะได้ลดความกังวลเื่ที่ฉันไม่แต่งงานออกไปสักทีของพ่อกับแม่ได้บ้างให้มีหลานให้พวกเขาได้กังวลใจเล่นๆ ไป”
หวังเมี่ยวเอ๋อถูกคำพูดหยอกล้อของเธอทำเอาขบขันไปหมดเธอใช้นิ้วมือดีดลงที่หน้าผากของหลินลั่วหรานเบาๆ
“เธอนี่นะ ไม่รู้จะพูดยังไงเลยจริงเชียว”
ทั้งสองคนพูดคุยหัวเราะกัน ก่อนที่จะเดินไปด้านหน้า เสี่ยซุยก็รีบตามติดมาด้วยความเป็ห่วงภรรยาแต่ในหัวของเขากลับเต็มไปด้วยประโยคคำพูดติดตลกของหลินลั่วหราน อ๊า คนที่ชี้หินเป็หยกอย่างน้องหลิน อีกทั้งยังรักษาอาการเจ็บป่วยได้แถมยังหน้าตางดงามราวกับภาพวาดอีก สุดท้ายแล้วต้องเป็คนแบบไหน ถึงจะเหมาะสมกับเธอกันนะ?
เสี่ยซุยส่ายหน้าพร้อมทั้งถอนหายใจออกมาเริ่มเข้าใจความกังวลของพ่อและแม่ของหลินลั่วหรานขึ้นมาแล้ว
ทางครอบครัวหลินนั้นก็กำลังนำอาหารไปวางที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวนดอกไม้หลังบ้านในตอนที่กำลังจัดการและจัดอาหารอยู่นั้นด้านนอกของคฤหาสน์บนเขาก็กำลังมีการมาเยือนของกลุ่มคนที่ทำให้ผู้รักษาความปลอดภัยปวดหัวอยู่ไม่น้อย
แม้ว่าวันนี้เขาจะได้รับสายจากผู้ดูแลมาว่าหลังจากนี้ไม่ต้องไปยุ่งกับเื่ของคฤหาสน์หมายเลข 18 อีก แม้แต่หน่วยลาดตระเวนก็ไม่ต้องเข้าไปใกล้แต่ว่าแขกผู้มาเยือนในวันนี้มันไม่ประหลาดไปหน่อยเหรอ?
รถแลนด์โรเวอร์คันหนึ่งจอดลงที่หน้าประตูใหญ่ของคฤหาสน์สาวน้อยสวมชุดโบราณคนหนึ่งยืนอยู่ข้างรถ หน้าตาของเธอน่ารักสดใส เมื่อยิ้มขึ้นมาก็ดูงดงามเสียยิ่งกว่าเ้าหญิงในทีวีคนขับรถที่เป็ผู้ชายนั้นก็ดูยังเด็ก เขาสวมเสื้อผ้าที่ดูปกติทั่วไปถ้าหากว่าเพียงเท่านี้ ผู้เฝ้าประตูก็อาจจะคิดว่าเป็เพียงพวกคนมีเงินที่ชอบแต่งตัวประหลาดๆแต่ว่าเ้าของที่อยู่บนหลังคารถนั่นมันอะไรกัน?
เสี่ยวจินนั้น แสดงท่าทางเป็ “อินทรีทองอันโดดเดี่ยว” เกาะอยู่บนหลังคารถ รถแลนด์โรเวอร์นั้นเกือบที่จะรับน้ำหนักของมันไม่ไหวภายใต้แสงอาทิตย์แรกของหน้าร้อน กระทบลงบนเรือนขนสีของเสี่ยวจินมันทำให้ดูเปล่งประกายราวกับหุ่นอินทรีทองแกะสลัก ถ้าหากว่ามันไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมาผู้เฝ้าประตูก็คงคิดว่าเป็หุ่นอินทรีที่เศรษฐีหน้าใหม่เตรียมจะเอาไปแต่งบ้านจริงๆ
หลีซีเอ๋อร์เบ้ปากออกบ่น “ฉันบอกแล้วว่าให้นั่งบนเสี่ยวจินบินตรงเข้าไปเลย ก็ยังเรียกร้องจะขับรถอยู่ได้มันวุ่นวายเกินไปแล้ว”
ซูอี้เหรินปาดเหงื่อบริเวณหน้าผากของตัวเองออกหลีซีเอ๋อร์นี่ใสซื่อเสียจริง เขาก็เพียงแค่ทำตัวธรรมดาเท่านั้นใครในโลกการฝึกศาสตร์ไม่รู้บ้างว่า เ้าอาวาสนั้นนิสัยแปลกประหลาดแค่ไหนเขาไม่กล้าที่จะขี่อินทรีแผดเสียงโชว์ต่อหน้าผู้าุโระดับพื้นฐานหรอกนะ...ในระหว่างที่ซูอี้เหรินยังคงอธิบายให้กับหลีซีเอ๋อร์ที่ไม่พอใจอยู่นั้นเสี่ยวจินที่อยู่บนรถแลนด์โรเวอร์ก็ไม่ทนอีกต่อไป มันกางปีกทั้งสองออกแรงกระพือปีกของมันทำให้หมวกบนหัวของผู้เฝ้าประตูเบี้ยวไปก่อนที่จะบินขึ้นไปยังท้องฟ้า มันบินวนอยู่้าของคฤหาสน์ก่อนจะส่งเสียงแผดร้องก้องกังวานออกมา
ด้านในของคฤหาสน์หมายเลข 18
ทุกคนต่างก็พากันเตรียมตัวล้างมือเรียบร้อยแล้วและกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะกลมเตรียมจะทานอาหารฝีมือของคุณแม่
หูของหลินลั่วหรานที่กำลังรินเหล้าอยู่ขยับสั่นไหวขึ้นเสียงอินทรีที่ดังเข้ามานั้น ช่างดูคุ้นหู และกลิ่นอายััแบบนี้อีกมันจะต้องเป็ของเสี่ยวจินอย่างแน่นอน
เมื่อนึกไปถึงเด็กสาวน่าเอ็นดูอย่างหลีซีเอ๋อร์ขึ้นมาหลินลั่วหรานก็เผยยิ้มออก พร้อมทั้งเงยหน้าขึ้นพูด
“แม่ ขอจานแล้วก็ตะเกียบเพิ่มหน่อยนะ มีแขกมาอีกแล้วล่ะ!”