คำพูดของฮวาชีเยว่ดึงสายตาทุกคู่ไปรวมกันที่คอชิวอวิ๋น ตรงนั้นมีรอยแดงอยู่
ฮูหยินผู้เฒ่าเดือดดาลขึ้น แม้โจวจื่อเฉิงจะเป็แขกของจวน ทว่าหลักฐานล้วนแต่บ่งชี้ว่าเขาพยายามล่วงเกินชิวอวิ๋น
“โจวจื่อเฉิง! ข้ามองเ้าเหมือนคนในครอบครัว แต่เ้ากลับใช้ประโยชน์จากเื่นี้ไปลวนลามสาวใช้ของข้าหรือ? ลากบุรุษผู้นี้ออกไป! โบยมันยี่สิบคราก่อนโยนมันออกจากจวนฮวาเสีย!”
ฮูหยินผู้เฒ่าให้ความสำคัญกับหน้าตาและชื่อเสียงมาก แม้ชิวอวิ๋นจะเป็เพียงสาวใช้ของตระกูลฮวา แต่คนก็ได้ขายตัวเองให้ตระกูลฮวา จึงนับได้ว่านางเองก็เป็ส่วนหนึ่งของจวนแล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่มีวันไว้หน้าผู้ที่มาทำให้คนของจวนได้พบความอับอาย
บุรุษร่างใหญ่สองนายเดินเข้ามาแล้วลากโจวจื่อเฉิงออกไป
โจวจื่อเฉิงะโด้วยความโกรธ “ท่านฮูหยินผู้เฒ่า ผู้น้อยบริสุทธิ์! ผู้น้อยไม่ได้แตะต้องชิวอวิ๋นเลย!”
ทว่าชิวอวิ๋นกลับร่ำไห้ออกมา หยาดน้ำแห่งความโศกไหลผ่านใบหน้าราวสายมุก เขามองฮวาชีเยว่ด้วยสายตาน่าสมเพชยามถูกลากผ่านกายนางไป
ฮวาชีเยว่เบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจ
ความรักของนางในชาติก่อนดูราวกับเื่ตลก ทว่าอย่างไรนางก็เป็ถึงอัจฉริยะในด้านการค้าขาย
แล้วเหตุใดนางจึงโง่เขลานักในแง่ความสัมพันธ์กับคู่ครอง ไม่เคยสังเกตเห็นการคบชู้ของโจวจื่อเฉิงเลย
เสียงโจวจื่อเฉิงเรียกหาความบริสุทธิ์ดังขึ้นไม่หยุดจากเบื้องนอก ทว่าไม่นานก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงกรีดร้อง ฮวาชีเยว่ช่วยพยุงฮูหยินผู้เฒ่าไปยังที่นั่ง จากนั้นนางจึงมองกล่องอันโตที่โจวจื่อเฉิงนำมามอบให้ ภายในเป็ฝ้ายชั้นเลิศ เงิน ทอง และเพชรพลอย
“โจวจื่อเฉิงช่างมีน้ำใจนัก เสียดายกลับไร้ซึ่งจริยธรรม การที่เขามาลวนลามสาวใช้เช่นนี้มีแต่จะสร้างความอับอายให้เทียนซี อย่าให้เื่นี้แพร่ออกไปจะดีกว่า” ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจ
ฮวาชีเยว่พยักหน้าอย่างว่าง่าย “ไม่ต้องห่วงเ้าค่ะท่านย่า ข้าไม่ปล่อยให้ข่าวลือนี้แพร่ออกไปแน่ ยิ่งกว่านั้น...หลังจากโจวฮูหยินจากไปแล้ว เทียนซีเองก็ถูกทรมานจนเกือบตาย เห็นได้ชัดว่าโจวจื่อเฉิงแทบไม่สนใจเขาเลย”
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า “ถูกแล้ว หากโจวจื่อเฉิงห่วงลูกจริง คงไม่ปล่อยให้ลูกชายถูกรังแกเช่นนั้นแน่ บุรุษรูปงามผู้นี้ดูไร้ประโยชน์ยิ่งนัก”
ฮวาชีเยว่คลี่ยิ้มบาง “ท่านย่า ท่านมิจำเป็ต้องไปโกรธเ้าคนต่ำช้านั่นหรอก ตอนนี้เทียนซีเป็บุตรบุญธรรมของข้าแล้ว เขาก็ไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับโจวจื่อเฉิงอีก หากว่ากันตามธรรมเนียมของฉางจิง เขามิใช่บุตรของโจวจื่อเฉิงอีกต่อไปแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าแล้วจิบชา โจวจื่อเฉิงถูกตะเพิดออกจากจวนไปแล้ว
ทว่าเขายังเดินได้ไม่ถนัดนักเนื่องด้วยถูกลงโทษ ขณะที่ฮวาชีเยว่สั่งให้บ่าวไพร่นำของกำนัลจากเขาไปโยนทิ้งนอกประตูจวนเสีย
ละครลิงระหว่างจวนสกุลฮวาและโจวจื่อเฉิงกลายเป็ประเด็นร้อนทั่วเมืองหลวงในเวลาไม่นาน อย่างไรเสีย ฮวาชีเยว่ก็เป็ผู้สั่งให้ชิวอวิ๋นไปกระจายข่าวลือเอง
โจวจื่อเฉิงนั้นมิใช่บิดาของเทียนซีโดยแท้จริง หลังเทียนซีเกิดมา โจวจื่อเฉิงก็แทบไม่เคยสนใจเขาเลย สิ่งที่เคยมอบให้มีเพียงสายตาอันเ็าและท่าทีเมินเฉยเท่านั้น
ฮวาชีเยว่เชื่อในคำพูดขององค์หญิงฮุ่ยเจิน แม้นางจะไม่รู้ว่าในคืนวิวาห์นั้นเกิดอะไรขึ้น แต่เทียนซีคงมิใช่บุตรของโจวจื่อเฉิงจริงๆ...มิเช่นนั้นโจวจื่อเฉิงคงไม่ปฏิบัติกับเด็กชายเช่นนี้
อาณาจักรฉางจิงนั้นให้ความสำคัญกับทายาทชายมากกว่าหญิงเสมอมา การที่มีบุตรชายเกิดมาย่อมเป็เื่น่ายินดี แต่สำหรับเขาแล้ว ไม่ว่าเด็กจะออกมาเป็เพศใดก็เป็เื่น่าอับอาย
สิ่งเดียวที่ทำให้เขาดูมีสมองขึ้นมา คือการที่เขารอให้ฮวาชีเยว่ช่วยผลักดันธุรกิจครอบครัวของเขาก่อน ก่อนที่จะตัดขาดกับตระกูลหรง
แต่นั่นก็เป็เพียงจุดเริ่มต้น งิ้วเื่นี้เพิ่งจะเริ่มเท่านั้น
ในวันที่เจ็ด วันปะาองค์หญิง
ยามดึกสงัดในยามจื่อ ฮองเฮาได้พาเฉิงมามาเข้ามายังคุกของวังหลวง
เมื่อเห็นว่าฮองเฮาเสด็จมาถึงแล้ว เหล่าทหารยามจึงโค้งคำนับอย่างนบนอบ พวกเขาเปิดกรงขององค์หญิงฮุ่ยเจินก่อนจะถอยไปด้านข้างด้วยความเคารพ
ฮองเฮาเดินช้าๆ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของนาง องค์หญิงฮุ่ยเจินก็รีบคลานมาคุกเข่าเบื้องหน้าองค์ฮองเฮา “ท่านแม่ ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย”
ฮองเฮามององค์หญิงฮุ่ยเจินอย่างไร้อารมณ์แล้วจึงถอนหายใจ พลันตบหน้าบุตรีของนาง
“แพศยา เ้ากล้าทำเื่โง่เขลาน่าผิดหวังเช่นนั้นได้อย่างไร!”
องค์หญิงฮุ่ยเจินถูกตบจนเซล้มไป เฉิงมามารีบทิ้งอาหารที่นำมา เข้าช่วยพยุงองค์หญิงลุกขึ้น “ฮองเฮา โปรดเมตตาองค์หญิงด้วย เพียงเท่านี้ก็ทรงน่าสงสารเหลือเกินแล้วเพคะ...”
เฉิงมามาและเซามามาต่างก็เคยเป็แม่นมขององค์หญิงฮุ่ยเจิน พวกนางได้เฝ้ามองการเติบโตขององค์หญิงมาแต่เล็กจนมีความผูกพันกัน
เมื่อได้เห็นองค์หญิงต้องนอนคุกเช่นนี้ เฉิงมามาผู้อ่อนโยนจึงรู้สึกโศกเศร้าเป็อย่างมาก
“ไสหัวไป!” องค์หญิงฮุ่ยเจินผลักเฉิงมามาออก หยาดน้ำตายังเอ่ออยู่ในสายตา นางไม่มีความรู้สึกอันใดให้แม่นมเหล่านี้อีกแล้ว จิตใจต่อต้านของนางได้แย่งชิงเอาความอ่อนโยนที่นางเคยมีไปเสียสิ้น
ดังนั้นเมื่อนางขับไล่เซามามาไปสู่ความตาย นางจึงไม่รู้สึกผิดหรือไม่สบายใจเลยแม้แต่น้อย
“เ้ายังไร้มารยาทปานนี้อยู่อีก!” ฮองเฮาะโพลางตบองค์หญิงฮุ่ยเจินอีกครา
องค์หญิงฮุ่ยเจินรู้สึกใกับการทุบตี เท่าที่นางจำได้ ฮองเฮาไม่เคยเข้มงวดและเดือดดาลใส่นางถึงเพียงนี้มาก่อน นางมองสายตาอันเ็าและจริงจังของฮองเฮา จึงหวาดกลัวต่อความโกรธและความผิดหวังที่ซ่อนอยู่ภายใน ดังนั้นแล้วนางจึงนั่งลงด้วยความใ พูดอะไรไม่ออก
ฮองเฮาหยุดมือที่สั่นเทา ดวงตาแดงก่ำด้วยความเสียใจ
นางรู้จักฮ่องเต้มาั้แ่สิบแปด นางเคยเป็คนที่มีความงดงามดุจบุปผา ส่วนฮ่องเต้นั้นหล่อเหลาราวภูตพราย แต่การแข่งขันระหว่างเหล่าสนมนั้นทั้งดุเดือดและต้องใช้เวลามากกว่านางจะสามารถคว้าตำแหน่งฮองเฮามาครองได้ แม้จะเป็เช่นนั้นแล้วความกังวลและความไม่สบายใจก็ทำให้จิตใจของนางแตกสลายจนแท้งไปในที่สุด
หมอบอกว่ามดลูกของนางมีโรค และเป็การยากที่นางจะมีบุตรอีก
แม้จะเป็แบบนั้น แต่ฮองเฮาก็ยังคงให้กำเนิดฮุ่ยเจินและฮุ่ยหลิงขึ้นมาได้ แม้พวกนางจะเป็เพียงองค์หญิง แต่ฮองเฮายังคงรักใคร่โปรดปรานพวกนาง
เพราะฮองเฮารู้ดีว่าตนมีบุตรยาก เป็ตอนที่นางให้กำเนิดองค์ชายลำดับหนึ่งนั่นเองที่นางให้ความสนใจบุตรีทั้งสองน้อยลง
และเพราะความขาดความเอาใจใส่นี้เองที่เปลี่ยนทั้งสองให้เป็สมิงที่ทำทุกอย่างตามใจ หาเื่ทุกคน และนางต้องไปคอยเก็บกวาดให้เสมอ
แต่ครั้งนี้ นางมิอาจปกป้องบุตรีของนางได้อีกแล้ว
ได้เห็นบุตรีทั้งสองเข่นฆ่ากันเอง สิ่งที่นางทำได้มีเพียงการเฝ้ามองอย่างเศร้าสร้อยของการร่วงหล่นของทั้งสอง
นั่นคือความโศกเศร้าของคนเป็แม่ ความโศกเศร้าถึงขีดสุด!
“ตอบมา เ้าทานอาหารร่วมกับใครอีกที่ภัตตาคารวั่งเยว่”
ฮองเฮากระซิบใส่ฮุ่ยเจินผู้กำลังตื่นตะลึงด้วยสายตาเ็า
ฮุ่ยเจินได้สติ แล้วจึงก้มหัวลงด้วยความหวาดกลัว “ท่านแม่ ตอนนั้นลูกอารมณ์เสียกับน้องหญิงมากเกินไป...จึงกระทำการโง่เขลาเช่นนั้น...ตอนนั้นมีคนมากมายอยู่ด้วย จี้เฟิง จี้จิง ฮวาชีเยว่ และองค์หญิงิจูเพคะ...”
“ฮวาชีเยว่หรือ?” ฮองเฮาลดสายตามองพื้น ผู้หญิงคนนั้นกลายเป็ผู้มีชื่อเสียงไปแล้ว นางนำหลงแดงสองดอกมามอบให้ไทเฮาในวันเกิด
หลงแดงเป็โอสถปาฏิหาริย์ที่หาได้ยากยิ่ง การที่นางได้มันมานับเป็เื่ผิดปกติ
“จากนี้ไป จงถอยหนีให้ห่างจากนาง หลีกเลี่ยงนางแม้ตอนเ้าเห็นนาง...แต่เ้าไม่มีโอกาสนั้นอีกต่อไปแล้ว ฮุ่ยเจิน แม่นม เอาสุรามาให้นาง!
ฮองเฮาหันหลังกลับแล้วเดินจากไปเงียบงันด้วยสายตาไร้ความรู้สึก
หัวใจของฮุ่ยเจินแทบหยุดลง นางพลันกรีดร้องขอความช่วยเหลือ “ไม่ ไม่นะ... เสด็จแม่! ข้ายังไม่อยากตาย ช่วยข้า! ช่วยข้าด้วย!”
ยิ่งเวลาผ่านไป เสียงขององค์หญิงฮุ่ยเจินยิ่งน่าสมเพชและเอาเป็เอาตายขึ้นขึ้นเรื่อยๆ นางไม่อยากดื่มสุราพิษที่ฮ่องเต้ส่งมา ทหารยามสองนายจึงต้องจับมันกรอกปากนาง...
ฮองเฮากระตุกไปเล็กน้อยในระหว่างเดิน นางออกมาจากคุก แล้วจึงมองลึกเข้าไปในท้องฟ้าอันดำมืดด้วยสายตาที่มีประกายแห่งความลึกลับ “ฉงเซียว ไปสืบเื่ของฮวาชีเยว่มาให้ข้า”
ฉงเซียวเป็ทหารลับของฮองเฮา เป็ผู้ใช้พลังปราณระดับเมฆาทะยาน เงานั้นปรากฏขึ้นราวิญญาหลอน แล้วส่งเสียงกระซิบ “องค์ฮองเฮา ฮวาชีเยว่เป็เพียงท่านหญิงไร้ประโยชน์ จำเป็ต้องสืบเื่ของนางด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“เ้าไม่คิดหรือว่า...องค์หญิงทั้งสองนั้นทำตัวน่าสมเพชลงมากหลังจากที่นางเปลี่ยนไป แถมนางยัง...ยอมรับเลี้ยงเด็กของตระกูลโจวอีก”
ฮองเฮาตอบอย่างสงบ เงาิญญาจึงนิ่งไปแล้วตอบรับ “ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เื้ัฮองเฮามีเสียงขององค์หญิงฮุ่ยเจินที่กรีดร้องอย่างน่าสมเพช สายตาของฮองเฮาเปลี่ยนไปด้วยการเตรียมใจและจิตสังหาร เล็บยาวกรีดผ่านราตรี
“เอ้า นำองค์หญิงไปฝังตามธรรมเนียมของอาณาจักรฉางจิงเสีย อย่าให้มีความผิดพลาดเด็ดขาด!”
เมื่อฮองเฮาสั่งจบ นางจึงจากไป
...
เมื่อถูกพิษกรอกปากแล้ว องค์หญิงฮุ่ยเจินจึงถูกนำไปฝังในฐานะองค์หญิงลำดับหนึ่ง
ในเช้าวันถัดมา องค์หญิงฮุ่ยเจินได้รู้สึกราวกับคอของนางได้ลุกเป็ไฟ และมีใครบางคนพยายามป้อนน้ำให้นางเพื่อเติมความชุ่มฉ่ำให้คออันแห้งผากของนางอยู่
ในที่สุด องค์หญิงฮุ่ยเจินก็ได้ลืมตาขึ้น เป็เื่น่าในักที่นางพบว่านางกำลังนอนอยู่บนเตียงสะอาด สตรีวัยกลางคนสองคนมองนางด้วยความเคารพ
“องค์หญิง ตื่นแล้วหรือเพคะ? ดีเหลือเกิน!” สตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งกล่าวอย่างยินดี
“รีบๆ ไปรายงานให้ฮองเฮาสิ! แล้วอย่าใครเห็นล่ะ”
“เ้าค่ะ โจวมามา”
เด็กสาวอีกคนตอบ องค์หญิงฮุ่ยเจินมองไปรอบๆ อย่างงงวย ทุกสิ่งรอบตัวดูแปลกตา นางจึงมั่นใจว่าที่นี่มิใช่วังของนาง แล้วนางอยู่ที่ไหนกัน?
“องค์หญิงไม่ต้องกลัวไปเพคะ ที่นี่เป็สถานที่ที่ฮองเฮาแอบเตรียมไว้ให้ท่าน อยู่ห่างจากวังหลวงไปหลายร้อยลี้ จะไม่มีใครหาท่านพบในที่ลึกลับเช่นนี้แน่” แม่นมโจวกระซิบ
องค์หญิงฮุ่ยเจินมองฝ้าเพดานที่ไหวไปตามลมด้วยความใ เมื่อนางควรจะตายไปเพราะคำสั่งปะาของฮ่องเต้แล้วเช่นนี้ นางจึงปรากฏตัวต่อสังคมไม่ได้อีก
แต่สำหรับองค์หญิงฮุ่ยเจินแล้ว เพียงใช้ชีวิตไปเฉยๆ มันจะมีค่าอันใด? นางเคยชินกับชีวิตที่หรูของราชวงศ์ นางจึงไม่เต็มใจนักที่จะต้องเปลี่ยนมาใช้ชีวิตเช่นสามัญชนชั้นต่ำ
“องค์หญิงเพคะ ที่แห่งนี้มีสภาพแวดล้อมงดงาม เสื้อผ้าและอาหารเองก็มีเหลือเฟือ ท่านไม่ต้องห่วงเื่การใช้ชีวิตที่นี่เลยเพคะ” โจวมามาเชื่อว่าองค์หญิงฮุ่ยเจินกำลังกังวลกับการใช้ชีวิตที่นี่ จึงเอ่ยขึ้นอย่างเคารพ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้