Chapter 16
โจไซอาในร่างหญิงสาวเดินทางผ่านประตูเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์ และโลกของเทพ เขาปรากฏกายที่บ้านชั้นเดียวของตนเอง ที่ที่เคยอบอุ่นน่าอยู่ แต่ยามนี้เงียบเหงาและหดหู่อย่างน่าใจหาย แสงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า โดยรอบเป็สีส้มสะท้อนกับใบไม้แห้งสีน้ำตาล ใบไม้เ่าั้ปลิวตามลม และร่วงกระจัดกระจายเต็มสนามหญ้า บางส่วนลอยอยู่บนสระว่ายน้ำคั่นกลางระหว่างบ้านปีกซ้ายและปีกขวา
ดวงตาสีน้ำตาลมองบ้านที่เคยอยู่ร่วมกับเอเดนด้วยความคิดถึง และตัดใจจากมันเพราะเขามีเวลาไม่มากนัก โจไซอาหายตัวอีกครั้ง ปรากฏกายที่ซอกตึกแห่งหนึ่งซึ่งเป็มุมอับที่ประจำของโจไซอายามใช้พลังวิเศษไม่ให้มนุษย์สังเกตเห็น เขาไม่มีเสื้อผ้าแบบมนุษย์ของหญิงสาว จึงมาในชุดกางเกงขายาวเอวหลวมกับเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ และตั้งใจมาหาเสื้อผ้าเปลี่ยนที่ร้านค้าในเมืองก่อนจะไปหาเอเดน
“สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง”
พนักงานของห้องเสื้อหรูให้การต้อนรับโจไซอาอย่างดี เขาไม่รู้สึกแปลกประหลาดหรือทำตัวไม่ถูกเมื่ออยู่ในร่างผู้หญิงนัก เพราะเขาเองก็เคยแปลงกายเป็ผู้หญิงมาที่โลกมนุษย์หลายครั้งเวลาอยากลองอะไรใหม่ ๆ นิ้วเรียวแตะไม้แขวนเสื้อที่มีเสื้อผ้าเรียงราย ระหว่างใช้ความคิด
“ขอลองชุดนี้ค่ะ”
เมื่อแต่งกายด้วยชุดกระโปรงสั้นสายเดี่ยวเข้ารูปสีดำ และรองเท้าส้นสูงสีเดียวกัน ทำให้โจไซอามองตัวเองในกระจกด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง เขาดูไม่เหมือนตัวเองที่เคยรู้จัก แม้ว่าหน้าตากับสีผมจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากก็ตาม แต่แน่นอนว่าเป็ความแตกต่างที่ทำให้รู้สึกดี รอยยิ้มสวยผลิบานน้อย ๆ ให้ตัวเองในกระจกหลังไม่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้ามาหลายวัน
โจไซอาออกจากร้านพร้อมชุดกระโปรง คลุมด้วยเสื้อสูทสีดำตัวใหญ่ เขาเดินตามทางเดินหิน กลมกลืนในหมู่มนุษย์ที่ยิ้มทักทายโจไซอาอย่างเป็มิตรและชื่นชมในความงาม ก่อนจะมองรอบกายอย่างระแวดระวังแล้วหายตัวอีกครั้ง ไปปรากฏกายที่ด้านล่างตึกสูงของบริษัทกริฟฟิน
การคาดคะเนเวลาตามที่พ่อของโจไซอาบอกเอาไว้ไม่ผิดพลาด เอเดนเดินออกจากประตูกระจกของตึกกริฟฟินพร้อมผู้ติดตามสองคนเดินตามหลัง สองเท้าของโจไซอาพร้อมจะวิ่งไปหาอีกฝ่าย และโอบกอดคลายความคิดถึง แต่เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากแอบมองอยู่ห่าง ๆ เช่นนี้
เอเดนในวันนี้แตกต่างไปจากที่โจไซอารู้จัก ร่างสูงกำยำอยู่ในชุดสูทสามชิ้นสีกรมท่า ทรงผมหวีเปิดหน้าผากเก็บเรียบทุกเส้น และสาวเท้าก้าวเดินอย่างว่องไว รอคอยให้คนขับรถเปิดประตูให้ ก่อนจะสอดตัวเข้าไปในรถยนต์หรูสีดำ ตอนนี้เอเดน กริฟฟินดูเหมือนนักธุรกิจเต็มตัวแล้ว หมดคราบชายหนุ่มที่มีแววตาสดใสเป็ประกายที่ได้เห็นโลกกว้าง และมีความสุขง่าย ๆ แค่ได้มองพระอาทิตย์ตก
โจไซอารู้ดีว่าเอเดนกำลังไปที่ไหน เขาจึงใช้พลังหายตัวอีกครั้งและปรากฏกายที่ห้องอาหารของโรงแรม หนึ่งในธุรกิจของกริฟฟิน และนั่งคอยอีกฝ่ายที่โต๊ะใกล้ห้องกระจกตัวเดิมกับที่เคยพาเอเดนหนีออกมาเมื่อครั้งก่อน
น่าเศร้าใจที่ก่อนหน้านี้เอเดนเกลียดวงการนักธุรกิจของเหล่าผู้บ้าอำนาจ จนพาลให้เกลียดโต๊ะอาหารที่มาพร้อมการเจรจาธุรกิจไปด้วย แต่ตอนนี้เอเดนได้รับหน้าที่ให้พบลูกค้าคนสำคัญของตระกูลกริฟฟินบนโต๊ะอาหาร โดยไม่มีทางหนีอีกต่อไปแล้ว
โจไซอาจิบไวน์และอ่านสมุดเมนูสีแดงเืนกแนะนำคอร์สอาหารของวันนี้ เพียงไม่นานเอเดนพร้อมกับผู้ติดตามอีกสองคนก็เดินเข้ามา และนั่งที่โต๊ะในห้องกระจก พร้อมกับคู่ค้าสวมชุดสูทที่ตามมาภายหลัง
เขาลอบมองแววตาเฉยเมยของเอเดนที่ซ่อนอยู่ในรอยยิ้มเสแสร้ง กิริยาท่าทางของเอเดนสุภาพ ดูดีทุกกระเบียดนิ้ว บ่งบอกว่าเขาปลงตกกับชีวิต เลิกต่อต้านครอบครัว และเริ่มใช้ชีวิตไปวัน ๆ ด้วยหัวใจด้านชา น้ำตาจึงเริ่มเอ่อคลอที่ขอบตาของโจไซอาช้า ๆ ด้วยความทุกข์ใจ
ขณะที่เอเดนยกแก้วไวน์ขาวขึ้นจิบ ดวงตาสีเฮเซลที่เขาเฝ้าคิดถึงเหลือบมองโต๊ะด้านนอกห้องกระจก ทั้งคู่สบสายตากันในเสี้ยววินาที แต่กลับดูเหมือนยาวนานหลายนาทีราวเอเดนกำลังตกอยู่ในห้วงความหลงใหลความงามของโจไซอาในร่างหญิงสาว ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีแดงแย้มยิ้มบางให้เอเดน และได้รับรอยยิ้มมุมปากตอบกลับ
เมื่อแขกผู้เป็คู่ค้าของเอเดนจากไป ทุกคนที่โต๊ะยืนขึ้นเพื่อจับมือบอกลา โจไซอาอาศัย่เวลานั้นในการลุกขึ้นจากโต๊ะเช่นกัน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองเอเดนรอคอยจนอีกฝ่ายหันมาสบตา แล้วหยิบเสื้อสูทตัวใหญ่ที่พาดบนเก้าอี้มาคลุมไหล่ตนเอง ก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาหาร และส่งสายตาหาเอเดนอีกครั้งหวังให้อีกฝ่ายตามมา
“ฉันจะอยู่ต่อ เอารถของฉันมาไว้ที่นี่ด้วย”
เอเดนสั่งกับเลขาที่กำลังผายมือเชิญเขาขึ้นรถกลับคฤหาสน์กริฟฟิน เลขาตัวสูงมีสีหน้าสงสัยเพียงครู่หนึ่งก่อนจะก้มหัวทำความเคารพและทำตามคำสั่งเ้านาย
เอเดนรีบมองหาหญิงสาวผมสีทองหม่นใส่ชุดสีดำทันทีที่เลขาเดินออกไป เขาติดกระดุมเสื้อสูท สอดส่องมองหาเธอระหว่างเดินออกจากห้องอาหาร กระทั่งเห็นเ้าของเรือนผมลอนยาวถึงกลางหลังกำลังเดินเข้าไปในลิฟต์ เอเดนรีบสาวเท้าเดินตามทันที แต่ประตูลิฟต์กลับปิดเสียก่อน เขามองลูกศรชี้ลงของลิฟต์ตัวนั้น ก่อนจะกดลิฟต์ตามเธอ
เขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่เมื่อเข้ามาอยู่ในลิฟต์ และไม่รู้ว่าตนเองควรจะไปที่ชั้นไหน เพราะห้องอาหารของโรงแรมอยู่ชั้นบนสุด ปุ่มกดตัวเลขละลานตาตรงหน้ามีมากเกินกว่าจะสุ่มมั่วและตามหาหญิงสาวคนนั้นพบ
ความรู้สึกบางอย่างบอกให้เขากดชั้นใต้ดิน ซึ่งเป็ชั้นบาร์เครื่องดื่มของโรงแรม หัวใจของเอเดนเต้นระรัวแรงขึ้น แรงขึ้น โดยที่เ้าของไม่รู้เหตุผล เขาแปลกใจที่หญิงสาวหน้าตาสวยและเรือนร่างมีเสน่ห์ซึ่งสบตาเพียงไม่กี่วินาทีก็ทำให้เขาตามหาเธอ พร้อมกับหัวใจเต้นแรงได้ถึงเพียงนี้
การคาดเดาของเอเดนถูกต้องอย่างน่าภูมิใจ เพราะเขาพบหญิงสาวกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ทรงสูงหน้าโต๊ะบาร์เพียงลำพัง มือเรียวหยิบแก้วค็อกเทลสีใสจรดริมฝีปากและจิบเพียงเล็กน้อย ก่อนจะวางลงที่เดิม เอเดนเดินไปหาเธอ จับจองเก้าอี้ข้างกันอย่างไม่ลังเล
“เนโกรนีครับ”
เขาสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของหญิงสาวที่กำลังดื่มดราย มาร์ตินีหันมามองเพียงเสี้ยววินาที ทั้งคู่จึงได้สบตากันอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะหันหน้าไปทางอื่น ราวกับไม่ได้ใส่ใจการมาของเอเดนมากนัก
มือหนาปลดกระดุมสูท ยิ้มบางให้บาร์เทนเดอร์ประจำบาร์ซึ่งรู้ดีว่าเขาเป็ทายาทตระกูลกริฟฟิน และกระดกเครื่องดื่มสีแดงใสตกแต่งด้วยส้มในแก้วทรงสั้น พร้อมเหลือบมองใบหน้างดงามของหญิงสาวผมสีทองหม่นด้านข้าง ยามที่นิ้วเรียวจับเส้นผมทัดใบหูจนเห็นกรอบหน้าชัดเจน ยิ่งทำให้เอเดนใจสั่นหวั่นไหว
“เป็ยังไงบ้างครับ” หญิงสาวหันมาอีกครั้ง ดวงตาของเธอเป็สีน้ำตาลอ่อน ทั้งกลมโตและเฉี่ยวสวยในเวลาเดียวกัน เธอเหลือบมองแก้วดราย มาร์ตินีตรงหน้าซึ่งมีรอยลิปสติกสีแดงติดอยู่บนขอบแก้ว
“ดีค่ะ”
โจไซอาตอบเพียงสั้น ๆ เพราะแทบกลั้นความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามายามได้มองหน้าเอเดนในระยะใกล้ไม่ไหว เขาต้องอดกลั้นและเหยียบย้ำความรู้สึกให้มิดชิด ไม่อย่างนั้นจะผิดแผนและแก้ไขยากกว่าเดิม
“ฉันตั้งใจจะสั่งเดอร์ที มาร์ตินี แต่ที่นี่ไม่มี น่าเสียดายนะคะ”
เมนูค็อกเทลประจำของโจไซอาไม่ปรากฏอยู่ในเมนู เขาจึงจำใจสั่งเครื่องดื่มที่ใกล้เคียงกันที่สุด พร้อมหวนนึกถึงครั้งแรกที่ได้พบเอเดน ครั้งนั้นโจไซอาดื่มเดอร์ที มาร์ตินี ส่วนเอเดนดื่มเนโกรนีเช่นเดียวกับตอนนี้ อีกฝ่ายแทบไม่เปลี่ยนไป
“ขอโทษด้วยนะครับ ถ้าอย่างนั้นตอนคุณกลับมาที่นี่อีก ผมสัญญาว่าจะมีเมนูเดอร์ที มาร์ตินีแน่นอน แล้วผมขอเลี้ยงคุณสักแก้ว”
“คุณเป็… เ้าของบาร์เหรอคะ” โจไซอาแสร้งทำใบหน้าแปลกใจ
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ” เอเดนตอบด้วยรอยยิ้ม ดวงตาสีเฮเซลเป็ประกายสะท้อนแสงไฟในร้าน โจไซอาจึงรู้ว่านี่ไม่ใช่รอยยิ้มเสแสร้ง
มือหนายกแก้วทรงสั้นของตัวเองขึ้น และส่งมาทางโจไซอาด้วยแววตาแพรวพราว เอเดนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างรอคอยคำตอบด้วยความคาดหวังว่าโจไซอาจะตกลง
“ตกลงไหมครับ” โจไซอามองแก้วทรงสั้นในมือเอเดน ที่นิ้วชี้ข้างขวาของอีกฝ่ายมีแหวนเงิน หัวแหวนสลักสัญลักษณ์เป็ตัวกริฟฟิน
“นี่เป็วิธีที่ทำให้ลูกค้ากลับมาที่บาร์อีกครั้งของคุณเหรอคะ” เสียงหวานของหญิงสาวเอ่ยพร้อมรอยยิ้มขบขัน การแย้มยิ้มดั่งดอกไม้ผลิบานซึ่งเคลือบด้วยลิปสติกสีแดง ทำให้เอเดนนึกถึงกุหลาบสีแดงสดในฤดูใบไม้ผลิ
“ไม่ใช่ครับ คุณคือคนแรก”
เอเดนใช้ความทุ้มนุ่มนวลของน้ำเสียง เอ่ยประโยคชวนให้เขินอายพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอแ่เบา เมื่อโจไซอาทิ้งความเ็ปและความคิดถึงไป จดจ่อกับเอเดน กริฟฟินตรงหน้าราวกับเพิ่งรู้จักกันครั้งแรก ทำให้เกิดรอยยิ้มและเสียงหัวเราะหลายต่อหลายครั้งเพียงแค่นั่งคุยกัน โจไซอาอยากจดจำ่เวลานี้ไว้ให้ดีที่สุด และหวังว่าเอเดนจะตั้งใจจดจำมันเหมือนกับเขา
“แล้วคุณจะรู้ได้ยังไงคะ ว่าฉันจะมาที่นี่อีกเมื่อไหร่” เอเดนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูท หยิบนามบัตรกระดาษสีน้ำเงินเข้ม สลักด้วยหมึกสีทองเป็ชื่อเอเดน กริฟฟิน พร้อมกับเบอร์ติดต่อ และสัญลักษณ์กริฟฟินที่โจไซอาเห็นมันอยู่บนแหวน
“ติดต่อมานะครับ ผมจะรอ”
“เอเดน กริฟฟิน…” เสียงหวานอ่านชื่อที่ปรากฏในนามบัตรแ่เบา แล้วเก็บมันไว้อย่างดีในกระเป๋าเสื้อสูทคลุมไหล่ จากนั้นมือเรียวจึงยกแก้วค็อกเทลของตัวเอง ยื่นไปทางคนข้างกาย
“ตกลงค่ะ”
เสียงขอบแก้วกระทบกันดังขึ้น ทั้งคู่จรดแก้วกับริมฝีปากโดยยังคงจ้องมองกันและกัน โจไซอาเผลอมองปากและลำคอของเอเดนที่กระดกเครื่องดื่มอึกใหญ่ ผิดกับเมื่อก่อนที่จิบช้า ๆ เพราะไม่ชอบรสชาติเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ทุกชนิด ตอนนี้เอเดนเปลี่ยนไปแล้วในเื่นี้
“ชอบดื่มั้แ่เมื่อไหร่” เขาเผลอพูดออกไป
“หืม” เอเดนครางในลำคอและเลิกคิ้วกับรูปประโยคแปลก ๆ
“ขอโทษทีค่ะ ฉันยังไม่เก่งภาษาอังกฤษ หมายถึง… คุณคงชอบดื่มใช่ไหมคะ” โจไซอาแก้ตัวด้วยคำโกหก พร้อมพูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงคนฝรั่งเศส เอเดนจึงไม่สงสัยอะไร
“ครับ ก็ประมาณหนึ่ง” เอเดนตอบด้วยความไม่แน่นอนในแววตา “คุณก็ชอบใช่ไหม”
“ค่ะ ฉันชอบ”
“แล้วคุณมาเที่ยวที่นี่เหรอครับ” แขนข้างขวาของเอเดนวางค้ำที่บาร์ และหันทั้งตัวมามองโจไซอา เหมือนกับท่าทางตอนเจอกันครั้งแรกไม่มีผิด
“ความจริงแล้ว ฉันมาทำงานค่ะ” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันและเอียงคอเล็กน้อยด้วยความแปลกใจทันทีหลังได้ยินคำโกหกตามแผนการของโจไซอา
“ที่โรงแรมนี้ถือเป็ที่ทำงานของฉันด้วย เพียงแต่ว่าคืนนี้ฉันไม่มีแขก”
ทีแรกเอเดนเข้าใจว่าโจไซอาคือหนึ่งในพนักงานของโรงแรม แต่เมื่อตีความตามคำบอกกล่าวอีกครั้ง จึงเข้าใจว่างานที่โจไซอาหมายถึงคือการบริการทางเพศ เขาไม่เคยรังเกียจอาชีพนี้ จึงไม่ห่วงว่าการซื้อขายบริการทางเพศแล้วนัดแนะมาใช้ห้องในโรงแรมแห่งนี้จะทำให้กริฟฟินเสื่อมเสียภาพลักษณ์ ต่างจากวิลเลียม กริฟฟินที่ไม่ยอมให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น แต่ตนเองกลับนอกใจภรรยา แล้วซื้อบริการหลายหนั้แ่ที่เอเดนยังเด็ก
“เราต่างก็เป็คนที่กำลังทำงานอยู่สินะครับ” เอเดนเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม แล้วกระดกเครื่องดื่มอึกใหญ่ จนมันเหลือเพียงค่อนแก้ว
“คุณยังไม่เลิกงานเหรอคะ”
“ผมเลิกงานตอนไหนก็ได้ครับ คุณอยากให้ผมเลิกงานเหรอ” เขาถามด้วยแววตาเ้าเล่ห์
“ค่ะ”
โจไซอาเอ่ยพร้อมรอยยิ้มหวานสวย ดวงตาเปิดเผยความรู้สึกหลงใหลอย่างตรงไปตรงมา มันเต็มไปด้วยความรักมากล้นที่ก่อเกิดในหัวใจจนยากจะจางหาย ใน่เวลาั้แ่เอเดนเดินตามมานั่งข้างกัน โจไซอาไม่รู้สึกถึงหัวใจที่บีบรัดจากโรครักระทมเลย
ดวงตาสีเฮเซลจ้องตอบกลับและคงอ่านความรักมหาศาลที่โจไซอาส่งให้ทางสายตาไม่ออก เพราะคงไม่มีเหตุผลอะไรให้หญิงสาวคนนี้รักคนแปลกหน้าที่เพิ่งคุยกันไม่กี่ประโยคอย่างสุดหัวใจ ยามนี้เอเดนรับรู้เพียงความลุ่มหลงและเย้ายวน หัวใจด้านชาเพราะการฝืนทำสิ่งที่ไม่อยากทำกลับกระชุ่มกระชวยอีกครั้ง ด้วยรอยยิ้มราวดอกไม้ผลิบานของหญิงสาวผมสีทองหม่น ที่ไม่ว่าโจไซอาจะอยู่ในร่างใด เอเดนก็จะตกหลุมรักเช่นเดิม
“ถ้าอย่างนั้น คืนนี้คุณก็มีแขกแล้วครับ”
เอเดนให้โจไซอาในร่างหญิงสาวควงแขนตนเองระหว่างเดินเข้าลิฟต์ เพื่อขึ้นไปห้องหนึ่งของโรงแรม มือหนาข้างขวาของเอเดนจับมือของโจไซอาที่วางอยู่บนท่อนแขนข้างซ้าย ความอบอุ่นแตะััผิวกายของเทพผู้เป็โรครักระทมยิ่งกระตุ้นความโหยหาในหัวใจ โจไซอาจึงนิ่งเงียบไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ เพราะต้องพยายามกลั้นน้ำตา
เมื่อเท้าสองคู่เหยียบห้องพักขนาดใหญ่สุดของโรงแรมที่มีเพียงสองต่อสอง เอเดนก็โอบกอดรอบเอวบางจนเสื้อสูทที่คลุมไหล่ตกลงบนพื้น เผยลาดไหล่บางสวยที่มีสายเดี่ยวสีดำของชุดกระโปรงเข้ารูป ที่คอเป็รูปตัววีผ่าลึกจนเห็นเนินอกสีนวลเนียนน่าัั เอเดนจรดปลายจมูกที่เส้นผมสีทองหม่นแ่เบา ระหว่างลูบไล้ปลายนิ้วที่เอวคอด
“อยากรู้จังว่าคุณทำอะไรให้ผมได้บ้าง”
“เริ่มจากถอดชุดนี้ออกดีไหมคะ” มือเรียวจับเสื้อสูทของเอเดน แล้วช้อนตามองอีกฝ่าย เขาพยักหน้าให้โจไซอาช่วยถอดมันออกทันที
ั้แ่เสื้อสูทตัวนอก จนถึงเสื้อกั๊กด้านใน และเนกไท มือเรียวค่อย ๆ ปลดมันออกอย่างเชื่องช้า และทิ้งมันลงบนพื้น โดยที่เอเดนจ้องมองทุกการกระทำของโจไซอาไม่วางตา กระทั่งกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวในสุดกำลังปลดออกจากกันทีละเม็ด เอเดนก็แสดงความใจร้อนออกมาด้วยการจับมือสองข้างของโจไซอาขึ้นมาแนบปลายจมูกทู่มน เข้าสูดกลิ่นหอมหวานคล้ายดอกไม้สีขาว
“หอมจัง”
โจไซอาหัวเราะแ่เบา และพยายามดึงมือสองข้างออกจากการเกาะกุมเพื่อปลดกระดุมต่อ จนในที่สุดท่อนบนกำยำเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อน่ามองของเอเดนก็เปลือยเปล่าไม่มีอะไรปกปิด มือเรียวลูบไล้ัักล้ามเนื้อเป็ลอนที่หน้าท้อง เลื่อนต่ำเรื่อย ๆ และหยุดที่ขอบกางเกงสแล็กส์ ช้อนตามองเอเดนด้วยความเย้ายวน
การกระทำที่แสนกระตุ้นอารมณ์ตัณหายั่วเย้าจนเอเดนโอบกอดโจไซอาแน่นขึ้น เขาฝังจมูกที่ซอกคอระหง สูดดมกลิ่นหอมหวาน พร้อมพรมจูบไล่มาถึงลาดไหล่สวยจนสายเสื้อร่วงหล่นมาที่ต้นแขน เปิดเผยเนินอกนิ่ม มือที่โอบรอบเอวก็เลื่อนลงต่ำ จับขยำสะโพกเต็มมือระหว่างกดจูบข้างขมับ เสียงครางหวานอย่างพึงพอใจจึงหลุดออกจากริมฝีปากสีแดง
เอเดนผละออกไปถอดรองเท้าของตนเอง และเริ่มถอดชุดให้โจไซอา เริ่มจากการย่อลงจนนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งตรงหน้าหญิงสาว จับข้อเท้าเรียวบางแ่เบา ค่อย ๆ ปลดตะขอที่รัดข้อเท้าออก เพื่อถอดรองเท้าส้นสูงสีดำให้โจไซอาทั้งสองข้าง ก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูง ยามนี้ร่างเพรียวบางตัวเล็กลงเท่าอกของเอเดนเท่านั้น
สองแขนแข็งแรงกอดรวบรอบเอวแล้วอุ้มขึ้น เขาวางร่างเพรียวบางให้นั่งลงบนบาร์หินอ่อน มองใบหน้าที่มีรอยยิ้มงดงามประดับเอาไว้ โจไซอาโอบแขนรอบบ่ากว้างััความอบอุ่นจากิั ดึงอีกฝ่ายมาใกล้ชิดยิ่งขึ้นโดยมีมืออุ่นประคองที่เอวคอด โจไซอาประทับรอยจูบที่ข้างแก้มของเอเดนแนบค้างไว้นาน และผละออก มองรอยลิปสติกสีแดงบนใบหน้าอีกฝ่ายแล้วหัวเราะเสียงหวาน
“อะไร”
“ลิปสติกฉัน” โจไซอากำลังจะใช้นิ้วมือเช็ดออก แต่เอเดนกลับดึงมือเอาไว้
แล้วจุมพิตริมฝีปากสีแดงนั้น โดยไม่ห่วงว่ามันจะเปื้อน ราวกับอยากลิ้มรสลิปสติกสีแดงบนปากของโจไซอาด้วยตัวเอง เขาดูดดึงอย่างเนิบนาบและเร่าร้อนในเวลาเดียวกันจนลิปสติกเ่าั้หายไป ฝ่ามืออุ่น ๆ ก็ลูบไล้ตามร่างกายผ่านเนื้อผ้าของชุดสีดำที่โจไซอาสวมอยู่
เอเดนผละจูบ มองใบหน้างดงามด้วยสายตาร้อนแรง ขณะวางมือที่ข้อเท้าของโจไซอา ความทรงจำจึงแล่นเข้ามาในหัว ภาพตอนเอเดนลูบข้อเท้าเรียวบางหลายต่อหลายครั้งฉายชัดในความคิด พาลทำให้น้ำตารื้นขอบตา ก่อนจะปิดเปลือกตาลงแล้วจูบปลายคางเอเดนเพื่อเก็บซ่อนมันเอาไว้
มืออุ่นลูบั้แ่ข้อเท้าเรียวบางถึงต้นขา ถกชายกระโปรงสีดำให้สูงขึ้น ล้วงมือเข้าไปด้านในจนัักับกางเกงชั้นในผ้าลูกไม้นิ่ม เขาลูบวนอยู่ที่สะโพกของโจไซอาระหว่างบดจูบริมฝีปาก จับขาสองข้างให้แยกออกจากกันกว้างยิ่งขึ้นแล้วสอดตัวแทรกตรงกลางจนสองร่างแนบชิด โจไซอาโอบกอดและจูบตอบด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ ขณะที่เอเดนตักตวงความสุขชั่ววูบโดยทิ้งภาระหน้าที่ที่ต้องจำยอมทำไว้ด้านหลัง
เอเดนดึงกางเกงชั้นในลูกไม้ออกจากเอวของโจไซอา ค่อย ๆ ถอดมันออกจากเรียวขาทั้งสองข้างและเห็นว่ามันเป็ลูกไม้สีดำ เขาวางมันลงบนบาร์ข้างกับที่ร่างเพรียวบางนั่งอยู่ แล้วใช้มือใหญ่ประคองแผ่นหลัง ก่อนจะกดจมูกซุกไซ้เนินอกเนียนที่มองอยู่นาน สายเดี่ยวของชุดกระโปรงหลุดออกจากไหล่ของโจไซอาทั้งสองข้าง และเห็นยอดอกสีชมพูเข้ม
แขนแข็งแรงอุ้มร่างเพรียวบางอีกครั้ง หนนี้เอเดนวางโจไซอาบนเตียง แล้วขึ้นคร่อมทับ้า ทั้งสองมองตาของกันและกันในระยะใกล้ด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง ดวงตาสีเฮเซลเต็มไปด้วยความลุ่มหลงเร่าร้อน แต่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเต็มไปด้วยความโหยหาและคิดถึง ถึงอย่างนั้นร่างกายของทั้งคู่ก็แสดงออกมาเป็อารมณ์ตัณหาไม่ต่างกัน พวกเขาโอบกอด จุมพิต สอดประสานร่างกายที่คุ้นเคยกันดีอย่างที่สมองของเอเดนลืมทุกอย่างไป แต่ร่างกายของเขายังคงตอบสนองโจไซอาแบบเดิม
มือเรียวผลักแผ่นอกให้เอเดนนอนหงาย และให้ขยับตัวนั่งพิงหัวเตียง เพื่อที่โจไซอาจะได้ปรนนิบัติให้เอเดนอย่างที่เคยบอกเอาไว้ เขาปลดกระดุมกางเกงสแล็กส์ รูดซิปลงจนสุด ดึงแก่นกายพองขยายออกมาจากกางเกงชั้นในสีดำ รูดรั้งขึ้นลงจนน้ำสีขุ่นปริ่มล้นส่วนหัว
เอเดนจ้องมองโจไซอาที่กำลังเปลี่ยนท่านั่ง ชายกระโปรงจึงร่นขึ้นสูงเพราะท่านั่งทับส้นเท้าบนเตียง เปิดเผยต้นขาเนียน และปกปิดส่วนกลางวับแวม เพียงไม่นานเขาก็ต้องละสายตา เพราะอีกฝ่ายขยับมาหาพร้อมฝ่ามือที่วางบนแผ่นอก ริมฝีปากอวบอิ่มอยู่ตรงหน้ารอคอยให้เอเดนรับจุมพิต ก่อนจะค่อย ๆ ผละออก เพื่อกดจูบบนแผ่นอก และหน้าท้อง
ร่างเพรียวบางนั่งลงตรงกลางระหว่างขา รวบผมยาวสีทองหม่นไว้ที่ไหล่ขวาแล้วแตะปลายลิ้นเลียวนส่วนหัวจนต้องสูดปากคราง เอเดนเชิดหน้าขึ้นด้วยความสุขสมเมื่อโจไซอาปรนเปรอแก่นกายให้เขาด้วยปาก เขาเหลือบมองอีกฝ่ายผงกหัวขึ้นลง การก้มลงต่ำทำให้เห็นเนินอกนิ่ม และเส้นโค้งที่เอวจนถึงสะโพกสวย
มือหนาช่วยจับเส้นผมที่หลุดร่วงเก็บทัดใบหูข้างซ้าย ดวงตาสีน้ำตาลจึงเหลือบมองเขา พลางโอบรับแก่นกายค้างไว้ในโพรงปาก แล้วคายออก ใช้มือชักรูดแก่นกายที่ชื้นแฉะไปด้วยน้ำลายขึ้นลงอีกสองสามครั้ง แล้วเอียงหัวออดอ้อนฝ่ามืออุ่นของเอเดนที่ลูบเส้นผมให้
โจไซอานอนรอบนเตียง จ้องมองเอเดนสวมถุงยางกับแก่นกายพองขยายเต็มที่ ร่างกำยำตามมาคร่อมทับ ซุกไซ้จมูกกับซอกคอและหน้าอก ดูดดึงจุดสีชมพูเข้มสลับเลียวนด้วยลิ้นจนมันชูชันทั้งสองข้าง โดยที่มือของเขาจับแก่นกาย เอาส่วนหัวถูไถจุดกระสันเหนือช่องทางที่ชื้นแฉะน้ำหล่อลื่นของหญิงสาว
“อ๊ะ”
ความเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั้งกายยามจุดกระสันถูกัั ใบหน้าสุขสมอันงดงามของโจไซอาน่ามองจนทำให้เอเดนเปลี่ยนมาใช้นิ้วของตนเองกดนวดจุดกระสันวนเป็วงกลม เพียงเท่านั้นร่างเพรียวบางก็บิดเร่า โอบแขนรอบลำคอเอเดนให้โน้มตัวลงมารับจุมพิตเร่าร้อน
ช่องทางที่ชื้นแฉะราวกลีบดอกไม้เต็มไปด้วยน้ำค้างเต้นตุบเพราะการกระตุ้นความรู้สึก เอเดนโอบกอดโจไซอา จับร่างเพรียวบางให้พลิกมาอยู่้า แล้วขยับนั่งพิงหัวเตียง ถกชายกระโปรงสีดำขึ้นจนเห็นร่องช่องทางเปียกแฉะกำลังถูไถแก่นกายแข็ง ราวทนรอไม่ไหวอีกแล้ว
โจไซอากระดกสะโพก จับแก่นกายให้สอดเข้ามาในช่องทางแล้วค่อย ๆ นั่งลงให้ความแข็งขืนเข้ามาในร่างกายจนสุดลำ เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันพร้อมดวงตาที่ปิดแน่น ก่อนจะปรือปรอยมองเอเดนที่มีใบหน้าสุขสมไม่ต่างกัน โจไซอาค่อย ๆ หมุนควงเอวเบา ๆ ขย่มขึ้นลงควบคุมจังหวะด้วยตัวเอง โดยมีมืออุ่นบีบเนื้อนิ่มที่บั้นท้ายกับต้นขา และมีริมฝีปากพรมจูบหน้าอกไม่ห่าง
เมื่อส่วนหัวตามหาจุดกระสันด้านในช่องทางของโจไซอาเจอ ร่างเพรียวบางจึงหยุดขย่มตัวขึ้นลง เปลี่ยนเป็หมุนควงสะโพกให้ส่วนหัวถูไถกับจุดกระสันจนเสียววูบวาบท้องน้อยแทน เอเดนรับรู้จังหวะความ้าของโจไซอาดี เขาใช้ปลายนิ้วนวดคลึงจุดกระสันด้านนอก เรียกเสียงครางหวานถี่ระรัว พร้อมช่องทางโอบรัดแก่นกายของเขาแน่นขึ้น
กระทั่งความกระหายทะยานอยากของโจไซอาพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุด ท้องน้อยหดเกร็งตอดรัดแก่นกายของเอเดนถี่ระรัว ปลายเท้าก็จิกเกร็ง ร่างกายขดเข้าหากันค้างอยู่หลายวินาทีและค่อย ๆ คลายออก ซบใบหน้าบนอกเอเดนพร้อมหอบหายใจ โดยมีท่อนแขนอบอุ่นโอบกอดเอาไว้
“โอเคไหม” เสียงทุ้มกระเส่ากระซิบข้างหูชวนให้อารมณ์พุ่งขึ้นสูงอีกครั้ง ผนวกกับแก่นกายใหญ่ยังไม่ปลดปล่อย กระตุกอยู่ในช่องทางอุ่น ทำให้แก้มโจไซอาเป็สีแดง ใบหน้างดงามเงยขึ้นจากแผ่นอกแล้วพยักหน้าด้วยรอยยิ้มสวย
เมื่อได้รับคำตอบ เอเดนค่อย ๆ รูดซิปด้านหลัง ถอดชุดกระโปรงสีดำให้โจไซอา เ้าของชุดยกแขนขึ้นจนชุดหลุดออกทางหัว ร่างกายเปลือยเปล่าไร้สิ่งใดปกปิด นอกเสียจากรอยจูบสีแดงที่หน้าอกฝีมือของเอเดนที่เผลอประทับเอาไว้บนผิวกาย และโจไซอาชอบมัน
เอเดนถอดถอนแก่นกายออกจากช่องทาง จับอุ้มร่างเพรียวบางให้คุกเข่าหันหลัง จับหัวเตียงเอาไว้แล้วสอดใส่อีกครั้ง เสียงเนื้อกระทบเนื้อยามสอดใส่ดังสอดประสานเสียงคราง แก่นกายชักออกจนสุดและสอดกลับเข้าไปใหม่มิดลำ ซ้ำ ๆ จนกระทั่งเอเดนขึ้นมาอยู่จุดสูงสุดของอารมณ์ ปลดปล่อยเป็น้ำสีขุ่นปริมาณมาก เพราะเขาไม่ได้ร่วมหลับนอนกับใครมานาน
เมื่อเอเดนทำทีว่าจะให้โจไซอาได้หยุดพัก ร่างเพรียวบางก็จะเริ่มยั่วยวนให้อีกฝ่ายอยากทำอีกครั้ง วนซ้ำหลายต่อหลายครั้งตลอดคืน ไม่เว้นแม้แต่ยามอาบน้ำชำระล้างร่างกายพร้อมกัน แก่นกายก็ยังสอดใส่เข้าออกขณะที่สองขาเรียวเกี่ยวรอบเอวเอเดนเอาไว้
โจไซอาไม่รู้สึกเหนื่อยเพราะได้น้ำตาเทพที่พอร์ทิเซียร์มอบให้เป็ยารักษา มันทรงพลังมากพอให้เขาไม่มีอาการจากโรครักระทมได้ตลอดทั้งคืน ถึงมีโจไซอาก็จะเก็บซ่อนมันเอาไว้ เพื่อมอบพรต่ออายุขัยให้เอเดน แก้คำสาปรุนแรงที่โจไซอาไม่อาจควบคุม ซึ่งกำลังนำความตายมาหาเอเดนรวดเร็วเกินไป
เอเดนไม่หวั่นไหวต่อการเย้ายวนของโจไซอาอีกเมื่อทั้งคู่นอนข้างกันบนเตียง หลังจากอาบน้ำเช็ดตัวจนเรียบร้อยแล้ว สองร่างเปลือยเปล่าโอบกอดกันใต้ผ้าห่มหนา นอนมองหน้ากันในความมืดสลัวจากแสงโคมไฟหัวเตียงสีส้ม โดยไร้บทสนทนา ราวปล่อยให้ภาษากายพูดคุยแทน
เอเดนจับเส้นผมยาวสีทองหม่นทัดหูให้โจไซอา ดึงร่างเพรียวบางให้แนบชิด มาหนุนแขนของตนเองแทนหมอน และกดจูบที่หัวไหล่ด้วยความลุ่มหลงที่ยังไม่จางหายแม้ตักตวงความสุขจนเสร็จสุขสมไปแล้วหลายครั้ง เขาผละออกมามองดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ลูบเส้นผมโจไซอาซ้ำไปซ้ำมา
โจไซอาวางฝ่ามือบนแผ่นอกเอเดนอย่างที่ชอบทำ ััหัวใจที่ยังคงเต้นอยู่ในนั้นด้วยจังหวะปกติดี มันทำให้สบายใจและไม่อยากจากเอเดนไป ไม่อยากห่างอีกฝ่ายเลยแม้เพียงแค่ผละกอดก็ตาม
โจไซอาไม่อาจรู้ได้ว่าดวงตาสีเฮเซลที่จ้องมองอยู่นี้มีความรู้สึกรักหลงเหลืออยู่บ้างหรือไม่ แต่สีเฮเซลเป็ประกายแฝงสีเทาและสีเขียวอย่างซับซ้อนที่ทำให้หลงรักยังไม่เปลี่ยนแปลง
“คุณชื่ออะไร” เอเดนถามเสียงค่อยราวกระซิบ
“เฮเซล” โจไซอาจงใจตอบเช่นเดิม
“ผมจะจำคุณไว้”
โจไซอาเผยดอกไม้ที่ผลิบานบนริมฝีปาก ทั้งดีใจและเ็ปในเวลาเดียวกัน ดวงตาจึงซับซ้อนเต็มไปด้วยอารมณ์ จวนเจียนจะร้องไห้ ร่างเพรียวบางซุกใบหน้ากับอกอุ่น โอบกอดเอเดนแน่นขึ้น รับความอบอุ่นจากผิวกายอีกฝ่ายที่ไม่รู้ว่าตนเองจะได้ััอีกเมื่อไร โจไซอาต้องอดกลั้นน้ำตาถึงที่สุด เพื่อไม่ให้มันทำร้ายเอเดน
เมื่อลมหายใจของเอเดนสม่ำเสมอ โจไซอาค่อย ๆ ลืมตามองเชื่องช้า แล้วจ้องมองคนหลับด้วยความคิดถึง โจไซอายังคงรักเอเดนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าเอเดนไม่สามารถจดจำโจไซอาได้อีกแล้ว และโจไซอาหวังว่าอย่างน้อยเอเดนจะจดจำเฮเซล หญิงสาวผมสีทองหม่นที่ได้พบกันในคืนนี้
“ขอให้เธอไม่ลืม”
tbc.
#เฮเซลอาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้