“เอาล่ะ ๆ อย่าร้องไห้ ข้าไม่ชอบเห็นน้ำตาผู้ใด” ฮองเฮาวางถ้วยชาลงด้วยความหนักใจ แล้วเลื่อนสายตาไปยังฮ่องเต้
“ควรทำเช่นไรดีเพคะ หากเป็อย่างที่นางพูด ก็เท่ากับว่าจางเหม่ยหลอกลวงเบื้องสูง อย่างไรนางก็ต้องได้รับโทษ แท้จริงนิสัยของนางล้ำลึก อย่างที่ข้าคิดไว้ ไม่เช่นนั้นจะกล้าขออภิเษกกับองค์ชายสามได้เช่นใดกัน” ฮ่องเต้หันมายังองค์ชายสามแล้วเอ่ยถามเขา
“องค์ชายสาม เ้าคิดเห็นเช่นไร” ชายหนุ่มแน่นิ่ง แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“จะลงโทษนางเช่นใด สุดแล้วแต่เสด็จพ่อเถิดพ่ะย่ะค่ะ นางจะเป็เช่นไร ก็ไม่เกี่ยวกับข้า หรือหากจะปลดนางออกจากตำแหน่งชายาข้าก็ยินดี เพราะเดิมทีนางก็ไม่ได้มีอะไรเหมาะสมกับข้าอยู่แล้ว” คำพูดขององค์ชายสาม ทำให้หลิวเหมยที่ยืนอยู่หัวใจพองฟูในทันที ก่อนฮ่องเต้จะส่ายศีรษะ
“เพิ่งจะจัดพิธีอภิเษกไป จะสั่งปลดนางได้ ก็ต้องมีหลักฐานมากพอ แค่คำพูดของแม่นางหลิวเหมยเพียงอย่างเดียว จะเอาผิดพระชายาเลย จะเป็ธรรมต่อนางได้เช่นไร”
“แต่ว่า หม่อมฉันพูดความจริงทุกอย่างนะเพคะ หากไม่เชื่อ ให้นางลองรักษาคนป่วยดูสิเพคะ ว่านางมีความรู้ด้านสมุนไพรจริงหรือไม่ หม่อมฉันเติบโตและอยู่กับนางมาั้แ่เด็ก เหตุใดจะไม่รู้ ว่านางถนัดหรือไม่ถนัดสิ่งใด เื่ยาสมุนไพรเป็สิ่งที่นางไม่มีความรู้ เพียงแค่แยกชนิดของสมุนไพรนางยังสับสน แล้วจะใช้ความสามารถใด มาปรุงยารักษาฮองเฮาได้เพคะ” ฮองเฮานิ่งเงียบ
เสียงประตูถูกเปิดออกกะทันหัน ซูเยว่รีบเข้ามาหาพระชายาด้วยท่าทางรีบร้อนอย่างถึงที่สุด
“พระชายาเพคะ ฮ่องเต้เชิญให้ไปพบที่ตำหนักหลวงเพคะ” หญิงสาวที่นั่งเหม่อมองโถชาลายหงส์คู่ หันมาแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ให้ข้าไปพบงั้นเหรอ เ้ารู้หรือไม่ว่าเป็เื่ใด”
“ไม่รู้เพคะ รู้แต่ว่า คุณหนูรองสกุลเยว่ก็อยู่ด้วย” สิ้นเสียงของนางกำนัลเพียงเท่านั้น หญิงสาวก็ชะงัก พร้อมกำมือแน่นด้วยความคับแค้นใจ ถึงแม้จะใช้ความดีเข้าแลก ก็ไม่อาจทำให้พวกนางมีเมตตา ความเ็ปนี้ พวกนางชดใช้กี่ชาติก็ไม่อาจทดแทนได้! หญิงสาวค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แล้วหันมายังนางกำนัลด้วยท่าทางตั้งมั่น
“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ!” หยางเซียว ในร่างของจางเหม่ย พูดพร้อมสองเท้า ก้าวเดินตรงไปยังตำหนักหลวง อย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด เพียงแค่นางเดินผ่าน ทุกคนล้วนก้มหัวให้ ด้วยอำนาจที่ถืออยู่ไม่มีผู้ใดกล้าเหิมเกริม! บัดนี้ร่างในอาภรณ์สูงค่า ไม่ใช่หยางเซียว ผู้อ่อนแออีกต่อไป
เพราะในอดีตนางหวาดกลัวทุกอย่างรอบกาย ด้วยฐานะต่ำต้อยถูกกดขี่ เข้าใจว่าความดีงาม จะชนะทุกอย่าง แต่สกุลเยว่ทำให้เห็น ว่าความดีงามและความจริงใจ เป็เพียงเกราะปกป้องกันของคนที่อ่อนแอเท่านั้น สุดท้ายแล้วต้องตายอย่างอนาถ ไร้ค่าไร้ความหมาย...
สายตากลมมองตรงไปยังตำหนักหลวง ระหว่างนั้นผู้คนต่างหลีกทาง แล้วน้อมกายเคารพ จนกระทั่ง...เดินมาหยุดหน้าพระพักตร์ของผู้มีอำนาจสูงสุดในวัง
“ถวายพระพร ฮ่องเต้และฮองเฮาเพคะ” สายตาของนางมองไปยังทั้งสอง ด้วยท่าทางแน่นิ่ง ก่อนจะเลื่อนมองไปยังพระพักตร์ขององค์ชายสาม ที่นั่งอยู่ด้านข้าง ทว่า...เพียงแค่เห็นใบหน้าของเขาเท่านั้น ความทรงจำต่าง ๆ ในอดีตก็ไหลหวนคืนกลับมาจนหมด
‘ต้าเหริน! ขะ...เขา..คือองค์ชายสามงั้นเหรอ’ เสียงแ่เบาลอดออกมา ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ทำให้หญิงสาวกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ย้อนกลับไปหนึ่งปีก่อนในตลาดท้ายเมือง ขณะที่หญิงสาวกำลังออกไปซื้ออาหาร ให้กับคนในจวนสกุลเยว่ นางได้พบกับชายหนุ่มคนหนึ่ง เพิ่งาเ็จากการต่อสู้ นางรีบพาเขาหลบเข้ามาในศาลเ้าร้าง แล้วถลกแผลที่ถูกมีดแทงพร้อม มองดูเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนใบหน้าของอีกฝ่าย
“อดทนหน่อยนะ ข้าจะไปซื้อสมุนไพรจากร้านขายยามารักษาเ้า” นางกำลังจะวิ่งออกไป ก่อนถูกมือของอีกฝ่ายจับไว้แน่น หญิงสาวค่อย ๆ หันกลับมา ก่อนเขาจะย้ำด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
“ระวัง อย่าให้ผู้ใดสงสัยว่าข้าอยู่ที่นี่” นางรับปากแล้ววิ่งไปยังร้านสมุนไพร ไม่นานนักหญิงสาวก็กลับมา พร้อมกับสมุนไพรหลายชนิด นางไม่รอช้ารีบรักษาเขาในทันที
“ต้าเหริน ข้านามว่า ต้าเหริน” ชายหนุ่มพูดขึ้นลอย ๆ ขณะที่เืหยุดไหล พร้อมหยางเซียวพันแผลให้เขาเรียบร้อยแล้ว ก่อนนางจะหันมองไปรอบ ๆ พบว่าด้านนอกมืดสนิท หยางเซียวหันมายังชายหนุ่มแล้วเอ่ยขึ้น
“ข้าต้องรีบกลับจวนแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะมารักษาท่านใหม่” หญิงสาวเก็บข้าวของด้วยความเร่งรีบ ก่อนเขาจะมองดูนางแล้วเอ่ยถาม
“เ้ามีนามว่าอะไร” หญิงสาวเดินมาหาเขา พร้อมสายตาอ่อนโยน
“ข้านามว่าเยว่หยางเซียว”
“คุณหนูสามแห่งสกุลเยว่งั้นเหรอ” ว่าแล้วหยางเซียวก็เอียงศีรษะเล็กน้อย
“ท่านรู้จักข้า ด้วยงั้นเหรอ” ชายหนุ่มยิ้ม แล้วค่อย ๆ หลับตาลงด้วยพิษาแ คืนนั้นผ่านพ้นไป หยางเซียวกลับมาหาชายหนุ่มในวันรุ่งขึ้นพร้อมใบหน้ามีรอยแดง ทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยาแ หยางเซียวเห็นเขานอนหลับอยู่ นางจึงหันไปบดสมุนไพรที่เหลือ แล้วเลื่อนสายตามองอีกฝ่ายด้วยความเป็ห่วง
“อาการเช่นนี้ น่าปลอดภัยแล้วล่ะ” ยังไม่ทันที่นางจะบดสมุนไพรละเอียดดี เสียงของอีกฝ่ายก็เอ่ยขึ้น
“เหตุใดเ้าจึงช่วยข้า” เขาถามพร้อมค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง ก่อนหยางเซียวจะหันไปยังาแของเขา แล้วชะงักนิ่งครู่หนึ่ง เมื่อเห็นอีกฝ่ายมองนางด้วยสายตาสั่นไหว
“ท่านไปโดนอะไรมา เหตุใดจึงมีแผลเต็มตัวเช่นนี้” เขาไม่ตอบ ทว่ากลับเอ่ยถาม