ตอนนี้ด้านล่างมีคนเหลือไม่มากแล้ว ในกลุ่มนั้นรวมเฉินอ้าวเทียน ซ่างกวนหง โจวมู่ไป๋ เซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ และเฟิงเฉียน ส่วนคนอื่น ๆ พ่ายแพ้ให้กับพลังกดดันแห่งฟ้าดินที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ จนถอยลงจากบันได เพราะหากอยู่ต่อก็อาจถูกพลังที่น่าสะพรึงกลัวนั่นกดทับจนตาย
ทุกคนต่างมองเย่เฟิงไม่ละสายตา พวกเขาอยากเห็นว่าชายผู้นี้จะคว้าผลเทียนเสวียนผลที่เก้ามาครองได้หรือไม่ และจากนั้นเขาจะเป็อย่างไรต่อ
ทว่าเย่เฟิงไม่สนใจสายตาคนอื่น เขาเดินไปทางด้านผลเทียนเสวียนพร้อมกับมีอำนาจฟ้าดินแพร่กระจายไปทั่วอากาศเข้ากดทับร่างเย่เฟิง แต่ร่างกายของเย่เฟิงราวกับหลอมรวมกับอำนาจชนิดหนึ่งที่สอดคล้องกับฟ้าดิน
ทุกย่างก้าวของเขาล้วนมั่นคงขณะเดินไปหาผลเทียนเสวียน แม้จะมีพลังกดดันจู่โจมร่างกาย แต่กลับทำอะไรเขาไม่ได้ ตอนนี้เย่เฟิงรู้สึกได้จาง ๆ ว่าอำนาจที่เขาเรียนรู้ก่อนหน้านี้กำลังยกระดับศักยภาพ สามารถสื่อสารกับฟ้าดินและได้รับพลังที่แข็งแกร่งขึ้น
เฉินอ้าวเทียนต้องหน้าบูดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด แม้เขาจะไม่กดระดับการบ่มเพาะ แต่ก็ขึ้นบันไดมาได้แค่ขั้นที่แปด ยังห่างชั้นกับเย่เฟิงอีกมากโข
ในที่สุดผู้คนก็เห็นเย่เฟิงคว้าผลเทียนเสวียนผลที่เก้ามาอยู่ในมือได้สำเร็จ นาทีนี้ทุกคนต่างอดใจเต้นโครมครามไม่ได้ แปดผลในเก้าผลเทียนเสวียนตกอยู่ในมือของคนผู้เดียว ซึ่งอยู่เพียงขั้นบ่มเพาะกายาที่ 7 และมีระดับการบ่มเพาะต่ำที่สุดในบรรดาผู้ฝึกยุทธ์ ฟังแล้วก็ช่างน่าขันยิ่งนัก
“อยากฆ่าข้าพวกเ้ายังอ่อนหัดนัก!” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็นขณะกวาดตามองด้านล่าง ผลเทียนเสวียนปรากฏ เขาเย่เฟิงพึ่งพิงสติปัญญาจนคว้าผลเทียนเสวียนมาได้แปดผล นี่ถือว่าพิสูจน์ความสามารถของเขาแล้ว
โลกของผู้แข็งแกร่งก็เป็เช่นนี้แล เมื่อเ้ามีพละกำลังมหาศาลก็ยิ่งได้ทรัพยากรชั้นยอด และไร้ซึ่งความเมตตาใด ๆ
“ปัง!” ตอนนั้นเองมีเสียงะเิดังขึ้น พื้นดินสั่นไหว ลำต้นขนาดใหญ่ของต้นเทียนเสวียนเริ่มสั่น ก่อนพื้นดินจะยุบและต้นไม้ค่อย ๆ มุดลงพื้นดินไปทีละนิด
“นี่มัน...” ผู้คนต่างนิ่งงัน ผู้คนที่อยู่ใต้ต้นเทียนเสวียนก็รีบถอยออกห่าง
“ผลเทียนเสวียนถูกเก็บหมดแล้ว ต้นเทียนเสวียนจึงลงดินอีกครั้ง!” มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้เย่เฟิงและคนอื่น ๆ ที่อยู่บนต้นไม้เริ่มทยอยหนีออกมา
“ครืน!” เสียงะเืยังคงดัง ต้นไม้มุดลงดินอย่างต่อเนื่อง พลอยทำให้พื้นดินรอบ ๆ แตกร้าวจนกลายเป็หลุมยุบ
เย่เฟิงร่อนลงพื้นดินและเดินไปหาไป๋หลิงกับซุนจิ้ง
“เราไปกันเถอะ!” เย่เฟิงกล่าวกับไป๋หลิง เขาคนเดียวคว้าผลเทียนเสวียนมาได้ถึงแปดผล จึงกลายเป็เป้าสายตาของใครหลาย ๆ คน เขาจึงย่อมอยู่ที่นี่ไม่ได้
ไป๋หลิงกะพริบตาปริบ ๆ ขณะมองเย่เฟิง แม้ในสถานการณ์เช่นนี้ เย่เฟิงก็ยังไม่ลืมนางกับซุนจิ้ง นี่ทำให้ไป๋หลิงรู้สึกซาบซึ้งใจ
“ศิษย์น้องเย่ ข้าซึ้งใจในความหวังดีของเ้า แต่ข้ารู้สถานการณ์ของเ้าในตอนนี้ดี หากข้ากับศิษย์น้องข้าไปด้วยก็จะเป็ภาระของเ้าเสียเปล่า ๆ เพราะงั้นเ้าไม่ต้องห่วงเราสองคน ไปเถิด หากเราสองคนเจอเื่ไม่คาดฝันก็จะใช้ยันต์เคลื่อนย้ายทันที” แววตาของไป๋หลิงเผยประกายแสงและพูดต่อ “ศิษย์น้องรีบไปเถอะ ข้าหวังว่าเ้าจะสร้างปาฏิหาริย์มากขึ้นในการทดสอบนี้”
ขณะที่เย่เฟิงมองไป๋หลิง เขาก็อ่านความคิดของอีกฝ่ายออก ในสถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้ ไป๋หลิงกับซุนจิ้งยังมีพลังไม่เพียงพอ จากไปเช่นนี้อาจเป็ทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว ดังนั้นเย่เฟิงจึงพยักหน้าให้ไป๋หลิงพร้อมกล่าว “เ้าสองคนรักษาตัวด้วย ข้าไปก่อนละ!”
เมื่อกล่าวจบ เย่เฟิงใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อไปจากที่นี่อย่างไม่ลังเล
“อย่าให้เขาหนีไปได้ ทุกคนตาม!” มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ซึ่งเป็ไปตามที่เย่เฟิงคาดการณ์ไว้ มีผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากแห่กันไล่ตามเขาไป
ต้องรู้ก่อนว่าเขาในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากคลังสมบัติที่มีขาเดินได้ ตราบใดที่ฆ่าเขา เช่นนั้นผลเทียนเสวียนทั้งแปดผลก็จะตกเป็ของพวกเขา
แววตาของเย่เฟิงเผยประกายเยือกเย็น พลังดาราโคจรบนร่างกาย พร้อมย่างก้าวดาวตกผีเสื้อเร่งถึงขีดสูงสุด เขาจึงรวดเร็วอย่างไม่น่าเหลือเชื่อ มีคนมากมายไล่ตามเขามาขนาดนี้ เขาอยู่เพียงขั้นบ่มเพาะกายาที่ 7 แม้เขาเพิ่งจะเรียนรู้อำนาจอย่างลึกซึ้งที่บันไดเถาวัลย์ของต้นเทียนเสวียน แต่ผู้ฝึกยุทธ์มีมากเช่นนี้ เขายังคงรับมือไม่ได้และอาจตายก็เป็ได้
“หยุดนะ!” หลังจากหนีมาได้สักระยะหนึ่ง พลันมีสองเงาร่างปรากฏตัวที่ข้างหน้าและขวางทางเย่เฟิง สายตาที่พวกเขามองมาที่เย่เฟิงมีแต่ความเย็นะเืและแฝงด้วยจิตสังหาร
“เ้าสวะ ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อของตระกูลหวังข้าไม่แพร่งพรายให้คนนอกรู้ แล้วเ้าไปเรียนมาจากที่ไหน?” หนึ่งในนั้นกล่าวเสียงเย็นพลางมีไอสังหารแผ่ออกจากร่าง
เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะทราบตัวตนของสองคนนี้ในทันที นั่นคือคนของตระกูลหวังแห่งเมืองหลวง
เพราะการเดินทางไปยังเมืองหลวง เย่เฟิงจึงพบกับซ่งซินหลิงที่เทือกเขาปี้หลิงและได้เป็เพื่อนร่วมทางกัน ด้วยเหตุนี้ทำให้โจวมู่ไป๋จงเกลียดจงชัง จึงส่งหวังหลงไปลอบสังหารเย่เฟิง ทว่าเย่เฟิงกลับสังหารพวกหวังหลงจนเกลี้ยง จากนั้นเก็บทักษะย่างก้าวดาวตกผีเสื้อจากหวังหลงไปและฝึกมัน
ในระหว่างการฝึก เย่เฟิงรู้ซึ้งถึงความน่าอัศจรรย์ของทักษะย่างก้าวดาวตกผีเสื้อชุดนี้ จึงเดาว่าทักษะชุดนี้ไม่ใช่ทักษะธรรมดา ๆ แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าย่างก้าวดาวตกผีเสื้อจะเป็ทักษะเคล็ดวิชาของตระกูลหวัง ไม่แปลกใจที่ทักษะย่างก้าวนี้จะน่าอัศจรรย์ขนาดนี้
“ไม่เกี่ยวกับพวกเ้า ไสหัวไป!” เย่เฟิงตอบกลับ ไม่ว่าอีกจะฝ่ายเป็ใคร เย่เฟิงก็ไม่คิดจะตอบคำถามของพวกเขา ยิ่งกว่านั้นเขายังััถึงจิตสังหารจากตัวพวกเขาได้
“เหิมเกริม!” ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลหวังคนนั้นแสยะยิ้มพลางกล่าวขึ้น
“บอกมา เ้าฆ่าหวังหลงใช่หรือไม่? เ้าฆ่าเขาแล้วชิงคัมภีร์ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อไป? สวะอย่างเ้าจะใจกล้ามากไปแล้ว ทักษะของตระกูลหวังข้าที่ไม่แพร่งพรายให้คนนอกรู้ แต่เ้ากลับกล้าขโมย”
“เลิกพล่ามไร้สาระกับเขาได้แล้ว ฆ่าเขาก่อนแล้วชิงผลเทียนเสวียนมา ส่วนคัมภีร์ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อก็ต้องอยู่ที่ตัวเขา!” ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลหวังอีกคนกล่าว
“ถูก มีคัมภีร์ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อ พวกเราจะได้รับความสนใจจากตระกูล!” ผู้ฝึกยุทธ์อีกคนเห็นด้วยพลางเผยสีหน้าละโมบ
ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อคือทักษะเฉพาะของตระกูลหวัง มีเพียงผู้มีพร์ที่สุดในตระกูลจึงจะมีสิทธิ์ฝึกทักษะนี้
เมื่อหลายวันก่อน ทักษะของตระกูลหวังเขาถูกขโมยไป หลังจากตรวจสอบก็พบว่าเป็หวังหลง ก่อนหน้านี้หวังหลงได้หายตัวไปจากบ้าน บัดนี้เขาสองคนเห็นเย่เฟิงใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อ ก็ย่อมเกี่ยวข้องกับการตายของหวังหลง
สองคนนี้อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 สูงกว่าเย่เฟิงถึงสองขั้น มีข้อได้เปรียบมากกว่า ดังนั้นพวกเขาจึงคิดจะฆ่าและชิงสมบัติ
หนึ่งในสองคนนั้นลงมือโจมตีเย่เฟิงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เขามีรูปร่างสูงใหญ่ พละกำลังจึงแข็งแกร่ง หมัดที่เขาปล่อยไปก็หนักถึงหมื่นจิน หากหมัดนี้โดนตัวเย่เฟิง เขาต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
“ฝ่ามือภูผาพิฆาต!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ เขาปล่อยฝ่ามือภูผาพิฆาตที่ผสานด้วยเอกลักษณ์หอกออกไป ก่อนจะเข้าปะทะกับหมัดของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้น ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น แม้ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นจะอยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 แต่ยังไม่ได้เรียนรู้พลังแห่งอำนาจ แล้วมีหรือเขาจะใช่คู่ต่อสู้ของเย่เฟิง ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นถูกฝ่ามือภูผาพิฆาตซัดจนกระเด็นปลิว อวัยวะภายในถูกทำลาย
หลังจากผ่านประสบการณ์ที่บันไดเถาวัลย์ พลังแห่งอำนาจของเย่เฟิงก็ยกระดับขึ้น เขาจึงสำแดงพลังได้แข็งแกร่งขนาดนี้ แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 ก็ยังเปราะบาง รับการโจมตีของเขาก็ไม่ได้
“จะเป็ไปได้ยังไง เ้าอยู่แค่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 7 จะทรงพลังขนาดนี้ได้เยี่ยงไร?” ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลหวังอีกคนเห็นฉากนี้ก็ต้องตกตะลึงจนหน้าซีดเผือด และตัวสั่นเทาเล็กน้อย กระทั่งลืมว่าต้องโจมตีเย่เฟิง
“เ้าไม่ต้องรู้เื่พวกนี้หรอก!” เย่เฟิงเผยสีหน้าเย็นเยียบ จากนั้นเขาก้าวออกมา ก่อนจะไปปรากฏตัวที่เบื้องหน้าอีกฝ่ายในชั่วพริบตา พร้อมปล่อยฝ่ามือเข้าโจมตีจุดตันเถียนและจุดชี่ไห่ของอีกฝ่าย
ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นเผยสีหน้าสิ้นหวัง เขากระทั่งไม่มีความกล้าพอจะเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ของเย่เฟิง ดังนั้นการบ่มเพาะของเขาจึงถูกทำลาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาด่าเย่เฟิงว่าเป็เศษสวะ แต่เศษสวะที่ว่านั้นดูเหมือนจะเหมาะสมกับเขาในเวลานี้มากที่สุด
“วูบ!!!” ขณะนั้นมีหลายเงาร่างทะยานมาทางนี้ ก่อนจะล้อมกรอบเย่เฟิง สายตาที่พวกเขามองเย่เฟิงก็ไม่ต่างจากเหยื่อ
“คนของตระกูลเฉิน!” เย่เฟิงหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาเคยเห็นคนเหล่านี้ก่อนที่จะเข้าหุบเขา ซึ่งก็คือลูกน้องของเฉินอ้าวเทียน
คนรับใช้ระดับสูงที่มีนามว่าเฉินข่ายก็อยู่ในนั้นด้วย คนผู้นี้คือคนรักของซุนจิ้ง และทั้งสองก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ทว่าเฉินข่ายกลับเห็นซุนจิ้งอยู่กับเย่เฟิงที่ใต้ต้นเทียนเสวียนเมื่อครู่นี้ ส่วนซุนจิ้งก็ไม่สนใจเขา นี่ทำให้เฉินข่ายอดไม่ได้ที่จะเกลียดเย่เฟิง
“ส่งผลเทียนเสวียนมาซะ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเ้า!” เฉินข่ายตวาดใส่เสียงดัง แววตาที่มองเย่เฟิงก็ดูยโสโอหังอย่างมาก แม้เขาเฉินข่ายจะเป็เพียงคนรับใช้ของตระกูลเฉิน แต่พลังของเขาถือว่าแข็งแกร่ง ทั้งยังอยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 บัดนี้มีสหายอยู่ข้างกายอีกหลายคน หาก้าฆ่าเย่เฟิงก็ทำได้อย่างง่ายดาย เมื่อชิงผลเทียนเสวียนมาได้ เฉินอ้าวเทียนอาจตกรางวัลเขาเป็ผลเทียนเสวียนสักผลก็ได้
“ฮ่า ๆ ๆ” เย่เฟิงแค่นเสียงหัวเราะด้วยความดูถูกพร้อมกล่าวว่า “ก็แค่สุนัขตัวหนึ่งของตระกูลเฉิน กล้าดียังไงมาพูดกับข้า ถ้าเ้าไม่อยากตาย จงพาสหายสุนัขของเ้าไสหัวไปจากที่นี่ซะ!”
“เ้าว่าอะไรนะ สวะอย่างเ้าช่างใจกล้ายิ่งนัก! แค่เ้าแตะต้องซุนจิ้งคนรักของข้า มันก็เพียงพอที่เ้าจะตายเป็พัน ๆ ครั้งแล้ว” เฉินข่ายได้ยินเช่นนั้นก็เผยสีหน้าอึมครึม ตอนแรกเขาข่มอารมณ์ไว้ แต่พอได้ยินคำพูดของเย่เฟิง มันก็ได้ะเิออกมา
“งั้นหรือ?” เย่เฟิงแค่นเสียงหัวเราะ ที่แท้เฉินข่ายก็เข้าใจเขากับซุนจิ้งผิดไป จึงเกลียดเขา
ผู้หญิงอย่างซุนจิ้ง มีหรือเขาเย่เฟิงจะแตะต้องตัว?
“ข้าว่าเ้าไม่เห็นโลงศพคงไม่หลั่งน้ำตา! เช่นนั้นข้าจะตัดแขนตัดขาและทำลายการบ่มเพาะของเ้า ดูซิว่าต่อไปเ้าจะต่อกรกับตระกูลเฉินยังไง!” เฉินข่ายกล่าวเสียงเย็น เขา้ามอบบทเรียนที่ทุกข์ทรมานที่สุดให้กับเย่เฟิง
“บุก!” สิ้นเสียงคำสั่งของเฉินข่าย ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลหวังที่เหลือก็ปลดปล่อยพลังปราณ ซึ่งคนเหล่านี้แตกต่างกับชายหนุ่มสองคนนั้นที่ถูกเย่เฟิงทำลายการบ่มเพาะไปก่อนหน้านี้
รังสีมีดของหนึ่งในนั้นไปถึงตัวเย่เฟิงก่อนใคร จากนั้นมันกรีดผ่านแขนข้างหนึ่งของเย่เฟิง ซึ่งทั้งความเร็วและพลังล้วนถูกควบคุมอย่างแม่นยำและถูกต้อง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้