ซย่านีหยิบหนังยางรัดผมที่ประดับด้วยผ้าลูกไม้ขึ้นมาให้ลูกค้าตรงหน้าดู พร้อมกับเอ่ยแนะนำสินค้าไปด้วย “ดูนี่สิวัสดุนี้ทำมาจากผ้าแพร หากคุณไปที่ห้างสรรพสินค้าต้องใช้เงินหลายหยวนเลยถึงจะซื้อผ้าชนิดนี้ได้สักฉื่อ[1] ฉันพูดถูกใช่ไหมจ๊ะ? แล้วยังมีผ้าลูกไม้พวกนี้อีก ฉันไม่หวงที่จะเล่าให้คุณฟังเกี่ยวกับงานฝีมือของผ้าลูกไม้นี่เลย ผ้าพวกนี้น่ะเป็สินค้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศใน่ไม่กี่ปีมานี้ ในประเทศเราไม่มีผ้าชนิดนี้หรอกนะจ้ะ ฉันใช้ความพยายามอย่างยิ่งกว่าจะรวบรวมผ้าพวกนี้มาได้เพื่อนำมาทำเครื่องประดับผมที่สวยงามแบบนี้ พวกเราจึงทำออกมาได้เพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น หากคุณชอบก็ซื้อได้เลยแต่ถ้ารู้สึกว่าแพงไปก็ลองดูเครื่องประดับผมฝั่งทางนี้ก็ได้จ้ะ แม้ว่าวัสดุจะไม่ดีเท่าผ้าลูกไม้ตรงนี้แต่ก็สวยมากเหมือนกันนะ”
ประเทศนี้ทำการปฏิรูปและเปิดประเทศมาได้ไม่นาน จึงเพิ่งมีการเชื่อมสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศต่างๆ ดังนั้นสิ่งของที่มาจากต่างประเทศจึงเป็ของหายากที่สุดในเวลานี้ ครั้นเหล่าหญิงสาวจำนวนหนึ่งได้ฟังคำพูดของซย่านีว่าผ้าลูกไม้ตรงหน้าของพวกเธอนั้นเป็สินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ความคิดของพวกเธอก็เปลี่ยนไปทันที พวกเธอไม่คิดว่าเครื่องประดับผมอย่างผ้าลายลูกไม้นี้ จะมีราคาแพงอีกต่อไป
“ฉันอยากได้ชิ้นที่อยู่ในมือแม่ค้านั้นน่ะ!” หญิงสาวที่สวมเสื้อคลุมขนสัตว์คนหนึ่งเดินมาจากด้านหลังแล้วผลักคนข้างหน้าให้หลีกทาง เธอนั่งยองๆ แล้วเลือกสินค้าตรงกองผ้าลูกไม้ จากนั้นก็เลือกเครื่องประดับผมออกมาสี่ชิ้น “ฉันเอาทั้งหมดนี่เลย!”
ซย่านีคิดไม่ถึงว่าเพิ่งเปิดร้านครั้งแรกก็จะเจอลูกค้ารายใหญ่เข้าเสียแล้ว พริบตาเดียวเธอก็ยิ้มจนตาหยี “ได้เลยจ้ะ คุณเป็ลูกค้าคนแรกของฉัน เอาแบบนี้ดีไหมจ๊ะ เครื่องประดับผมที่มีอยู่ตรงนี้ทั้งหมด คุณสามารถเลือกจับคู่ให้มันได้ห้าชิ้นยกเว้นตรงกองผ้าลูกไม้กับผ้าแพรนี่นะจ้ะ”
“ดีจัง” หญิงสาวที่กำลังซื้อของอยู่นั้นมีความสุขมากขึ้นไปอีก เธอตั้งใจเลือกเครื่องประดับผมที่ตัวเองชอบออกมาห้าชิ้นอย่างตั้งใจ จากนั้นก็ควักเงินออกมาห้าหยวนให้ซย่านี
ซย่านีร้องเรียกซ่งวั่งซู “เสี่ยวเยวี่ยเอ๋อร์ เก็บเงินหน่อยลูก!”
ซ่งวั่งซูรับเงินมาแล้วก็รีบยัดมันลงในตะกร้าเล็กๆ ที่ซย่านีเตรียมไว้ให้ล่วงหน้าสำหรับใส่เงินโดยเฉพาะ
พอมีลูกค้าคนแรกมาเปิดประเดิมให้อย่างนี้แล้ว ลูกค้าที่เบียดเสียดอยู่ด้านหลังก็เริ่มทยอยกันเข้ามา
ยิ่งได้ยินซย่านีพูดว่ารุ่นที่ทำจากผ้าลูกไม้นั้นมีจำนวนจำกัด เหล่าหญิงสาวที่มีเงินอยู่บ้างก็พากันรีบซื้อเครื่องประดับผมที่เป็ผ้าลูกไม้ทันที เพราะกลัวว่าหากยังชักช้าอยู่นั้นจะหาซื้อแบบนี้ไม่ได้อีก...
หนังยางรัดผมแบบนี้สามารถใช้งานได้นานอยู่แล้ว อีกทั้งยังสวยงามและประณีตต่อให้นำไปมอบให้คนอื่นก็ยังดูดีอยู่แถมราคาก็แค่หนึ่งหยวน พวกเธอยอมอดข้าวสักสองสามมื้อ ยอมกัดฟันอดทนสักหน่อย เท่านี้ก็สามารถซื้อหนังยางรัดผมนี้ได้แล้ว
ผ่านไปไม่นาน ซย่านีพบว่าเครื่องประดับผมรุ่นที่แพงที่สุดและที่ดีที่สุดใกล้จะหมดเต็มที แต่รุ่นที่มีราคาถูกกลับขายออกได้ไม่มากนัก
ซึ่งเครื่องประดับผมที่ซย่านีมีอยู่ในมือมากที่สุดก็คือรุ่นราคาถูก!
ซย่านีคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงอ้าปากโกหกไปว่า “ฉันว่าสหายนักศึกษาหญิงคนสวย ถ้าพวกคุณมีเงินค่อนข้างจำกัดแล้วล่ะก็สามารถเลือกดูรุ่นธรรมดาก่อนได้นะจ้ะ ของพวกนี้ก็เป็สินค้าที่ฉันทำขึ้นจากวัสดุที่คัดสรรมาอย่างดีเหมือนกัน ถ้าไม่เชื่อพวกคุณลองััเนื้อผ้าดูสิจ้ะ ล้วนแต่เป็ของดีทั้งนั้น หากใส่เครื่องประดับพวกนี้แล้วก็สวยงามไม่ต่างกันหรอกจ้ะ ถ้าไม่ได้เอาไปมอบให้ผู้อื่นก็ซื้อรุ่นธรรมดาไปใส่ในชีวิตประจำวันได้เหมือนกันนะ คู่ละห้าเหมาเท่านั้นเอง ถือซะว่า หากใส่ไปนานๆแล้วเกิดเสียหายขึ้นมาก็จะได้ไม่เสียดายทีหลัง”
เมื่อซย่านีพูดออกมาแบบนั้น เหล่าสาวๆ ได้ยินเข้าก็คิดว่ามีเหตุผล! พวกเธอเองก็ทำใจใส่หนังยางรัดผมผ้าลูกไม้ที่ราคาสูงถึงชิ้นละหนึ่งหยวนในชีวิตประจำวันไม่ได้เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชิ้นที่เป็ผ้าแพรนี่ด้วยแล้ว หากมันขาดขึ้นมาล่ะจะทำอย่างไร? นอกจากนี้ผ้าลูกไม้ยังเป็สีขาวอีก หากสกปรกขึ้นมาการซักทำความสะอาดก็ไม่ใช่เื่ง่ายๆ ซะด้วย ดังนั้นพวกเธอจึงควรสวมใส่มันเฉพาะวันสำคัญหรือตอนที่จะมอบให้เป็ของขวัญคนอื่นเท่านั้น หากเวลาปกติก็ใช้อันที่ถูกลงหน่อยน่าจะดีกว่า
ดังนั้นหญิงสาวที่เพิ่งจะซื้อเครื่องประดับผมรุ่นที่เป็ผ้าลูกไม้ไปจำนวนหนึ่ง จึงพากันควักเงินเพื่อซื้อรุ่นธรรมดาอีกคนละสองชิ้น
ส่วนสาวๆ คนอื่นที่มีเงินจำกัดและไม่ได้มีเงินมากพอจะซื้อรุ่นที่เป็ผ้าลูกไม้ ก็เลือกซื้อรุ่นธรรมดาแทน
มนุษย์ล้วนมีความคิดไหลไปตามกัน พอเห็นคนอื่นซื้อตนเองก็อดไม่ได้ที่จะควักเงินซื้อบ้าง ส่วนเหล่านักศึกษาที่อยู่ไกลออกไปพอเห็นว่าแผงขายของของซย่านีมีคนมุงกันเต็มไปหมด ก็เกิดความสงสัยขึ้นมาว่าแผงลอยร้านนี้ขายสินค้าอะไร เมื่อเดินเข้ามาดูแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะต้องควักเงินซื้อเช่นกัน
แล้วก็เป็เช่นนี้กลุ่มคนแล้วกลุ่มคนเล่าต่างพากันแวะเวียนมาที่ร้านของซย่านี้ จากนั้นก็ผ่านไปมันเป็แบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา
เซี่ยงเหมยกับซย่านีรับเงินกันจนมือไม้อ่อนเลยทีเดียว
หลังจากนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมง ลูกค้าหน้าแผงขายของก็เริ่มบางตาลงบ้าง ในที่สุดเซี่ยงเหมยกับซย่านีก็ถึงเวลาพักเหนื่อยบ้างแล้ว
วันนี้อากาศหนาว ทว่าเซี่ยงเหมยกลับมีเหงื่อไหลชุ่มบนศีรษะ เธอปาดเหงื่อตรงหน้าผากพลางกล่าวว่า “เมื่อครู่นี้ฉันกังวลแทบตายแน่ะ กลัวจะคิดเงินลูกค้าผิดมากๆ แถมลูกค้าก็มากันเยอะจนน่าใ”
ซย่านีถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วเอ่ยปลอบอีกฝ่าย “ไม่เป็ไรหรอกค่ะ คิดเงินผิดครั้งสองครั้งก็ถือว่าเป็เื่ปกติ ฉันแย่กว่าพี่อีกนะ ฉันว่าตัวเองเก็บเงินผิดไปหลายครั้งเลย”
ซ่งวั่งซูกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “แต่หนูคิดเงินไม่ผิดเลยนะคะ! หนูคิดคำนวณอย่างดีเลยค่ะ!”
ซย่านีหัวเราะร่วน จากนั้นก็ยื่นมือไปลูบหัวซ่งวั่งซู “ลูกแม่เก่งจริงๆ...เสี่ยวเยวี่ยเอ๋อร์ หยางหยาง ลูกๆ หิวกันแล้วหรือยัง?”
ตอนนี้ก็บ่ายโมงแล้วซึ่งเลยเวลากินข้าวเที่ยง ขนาดซย่านีที่เป็ผู้ใหญ่ยังรู้สึกหิวเลย
พอดีเลย ที่นี่มีสินค้าอย่างอื่นไม่มากแต่แผงขายของกินเล่นกลับมีอยู่เต็มไปหมด ซย่านีหยิบเงินเหรียญออกมาจากตะกร้าจำนวนหนึ่งแล้วยื่นให้ซ่งวั่งซูพร้อมกับเอ่ยกำชับ “แม่ให้ลูกจ้ะ อยากกินอะไรก็ไปซื้อเอานะ...แล้วก็ซื้อมาเผื่อแม่กับป้าเซี่ยงเหมยด้วยล่ะ”
ซ่งตงซวี่ยกมือขึ้นทันควัน “ผมเองก็อยากได้บ้างๆ!”
ซย่านีหันไปพูดกับลูก “แม่ให้พี่สาวของลูกถือเงิน ส่วนลูกอยากกินอะไรก็บอกพี่สาวของลูกให้พี่เขาซื้อให้ลูกกิน”
ซ่งตงซวี่ไม่พอใจ เขาทำหน้าบูดบึ้ง ทำไมพี่สาวของเขาถึงมีสิทธิ์ถือเงินแต่เขากลับไม่มีสิทธิ์ถือเงินบ้างเล่า?
ความคิดในใจของเด็กชายตัวเล็กนั้นฉายชัดอยู่บนใบหน้าของเขา ซย่านีจึงเอ่ยกับลูกชายของตนว่า “เพราะพี่สาวของลูกช่วยแม่ทำงานอย่างไรล่ะ อีกทั้งหน้าที่ที่แม่มอบหมายให้ลูกทำลูกก็ยังทำไม่สำเร็จ เมื่อกี้แม่เห็นนะระหว่างที่แม่กับพี่สาวของลูกและป้าเซี่ยงเหมยกำลังยุ่งกันอยู่ ลูกน่ะทิ้งน้องไว้ข้างๆ แล้วก็ไปนั่งยองๆ เล่นกับพวกมดอยู่เลย”
ซ่งตงซวี่เงียบลงในที่สุด เขาไหนเลยจะรู้ว่าการขายของมันน่าเบื่อขนาดนี้ ไม่เห็นจะสนุกเลยสักนิด
ซย่านีกล่าวต่อ “รีบไปกันได้แล้วลูก...เสี่ยวเยวี่ยเอ๋อร์จูงมือน้องชายของลูกไว้ด้วยอย่าให้เขาวิ่งไปทั่วเด็ดขาด แล้วก็อย่าตามคนแปลกหน้าไปไหนด้วยล่ะ เข้าใจไหม!”
เมื่อได้ฟังคำบอกเล่าจากผู้เป็แม่แล้ว ซ่งวั่งซูก็รีบจูงมือซ่งตงซวี่วิ่งออกไปทันที
เซี่ยงเหมยมองไปที่ด้านหลังของเด็กทั้งสองคนพลางกล่าวว่า “เธอตามพวกเขาสองคนไปดีไหม ฉันอยู่ดูที่นี่คนเดียวได้นะ”
ซย่านีส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่เป็ไรค่ะ ฉันดูอยู่ตรงนี้นี่แหละ เด็กสองคนนี้ฉลาดมากๆ อีกอย่างฉันเดาว่าเดี๋ยวลูกค้าคงจะมากันเยอะอีกรอบแน่นอน”
เซี่ยงเหมยรู้สึกสงสัยขึ้นมา “ยังจะมีคนมาอีกหรือ? ยังมีคนพักเที่ยงตอนบ่ายอีก?”
ซย่านียิ้มอย่างมีเลศนัย
ถังหงเจวียนเป็หนึ่งในสมาชิกของคณะกรรมการชั้นเรียน เธอมีผมยาวสลวยถึงเอวที่ใครๆ ต่างพากันอิจฉา ผมของเธอทั้งเรียบลื่นและเงางาม อีกทั้งเธอยังรักสวยรักงามเป็ที่สุด ทว่าปกติแล้วเธอกลับไม่ชอบใช้หนังยางรัดผมเท่าไหร่เพียงเพราะหนังยางรัดผมเ่าั้ชอบพันเข้ากับผมของเธอ ตอนแกะหนังยางออกก็ทำให้เธอปวดหัวอย่างหนักแถมบางครั้งมันก็ยังดึงผมของเธอหลุดออกมาหลายเส้นอีกด้วย
หลังจากที่เธอเห็นหนังยางรัดผมแสนสวยที่ซย่านีขาย เธอก็เหมือนเห็นสมบัติล้ำค่าขึ้นมาจึงยอมจ่ายเงินซื้อไปถึงห้าชิ้น โดยให้ตนเองสองชิ้นให้แม่หนึ่งชิ้นให้อารองและอาเล็กอีกคนละหนึ่งชิ้น
ระหว่างทางกลับหอพัก เธอเอาแต่เล่นกับหนังยางรัดผมในมือมาตลอดทาง พยายามคิดว่าจะเลือกชิ้นที่ตัวเองชอบที่สุดสองชิ้นแต่พอเลือกไปเลือกมา ก็รู้สึกว่าตนเองชอบมันทุกชิ้น
จนกระทั่งเธอกลับถึงหอพักก็ยังเลือกไม่ได้เลย
“พวกเธอดูนี่สิ หนังยางรัดผมพวกนี้ชิ้นไหนเหมาะกับฉันมากกว่ากันหรือ?” ถังหงเจวียนวางหนังยางรัดผมของตนไว้บนเตียง จากนั้นก็เรียกเพื่อนร่วมห้องพักมาดู
หญิงสาวที่อยู่เตียงชั้นบนของถังหงเจวียนเดินเข้ามาดูเป็คนแรก พอเห็นหนังยางรัดผมแสนสวยเข้าดวงตาก็เป็ประกาย เธอยื่นมือไปหยิบมันขึ้นมาชิ้นหนึ่งพลางเอ่ยถาม “นี่คืออะไรหรือ?”
ถังหงเจวียนพูดพร้อมกับยิ้มจนตาหยี “ฉันซื้อหนังยางรัดผมนี่มาจากหน้า มหาวิทยาลัยของพวกเราน่ะ”
“เธอไม่ได้ออกไปกินข้าวหรือ? อยู่ๆ ทำไมถึงไปซื้อยางรัดผมมาได้เล่า?” หญิงสาวที่ผมสั้นถึงหูคนหนึ่งเดินเข้ามา ผมของเธอสั้นจึงไม่ต้องใช้ยางรัดผมเหมือนคนอื่น แต่ไม่ว่าจะเป็ผู้หญิงคนไหนเมื่อเห็นของชิ้นนี้ก็ต้องยอมรับเลยว่า มันสวยจริงๆ
ถังหงเจวียนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนเองลืมกินข้าวเสียแล้ว! ในหัวเธอคิดแต่เื่ที่รัดผมจึงลืมความหิวไปชั่วขณะ ตอนนี้พอถูกทักท้องก็เริ่มประท้วงขึ้นมาทันที เธอเกาหัวอย่างเงอะงะพลางกล่าวว่า “ฉันเห็นว่ามันสวยดีก็เลยซื้อมาน่ะ”
“ราคาเท่าไหร่หรือ? ของสิ่งนี้มันใช้อย่างไร?”
ถังหงเจวียนบอกราคาของยางรัดผมเส้นหนึ่ง จากนั้นก็รวบผมต่ำๆ แล้วใช้หนังยางในมือรัดผมไว้ “ดูสิ เป็อย่างไรบ้างสวยไหม?”
หญิงสาวที่อยู่เตียงชั้นบนส่งเสียงร้อง ‘อ่า’ ก่อนจะกล่าวต่อ “สวยก็สวยอยู่หรอกแต่ว่ามันแพงเกินไปหน่อยนะ”
“เธอดูสิ วัสดุนี้ทำจากผ้าแพรเชียวนะ ส่วนผ้าลูกไม้นี่ก็เป็ของนำเข้าอีก ถึงจะแพงไปหน่อยก็ถือว่าเป็เื่ปกติ” ถังหงเจวียนไม่ยอมรับว่าตัวเองซื้อมันมาแพง จากนั้นเธอก็หยิบหนังยางรัดผมรุ่นธรรมดาออกมา “ถ้าเป็แบบนี้ สองชิ้นแค่ห้าเหมาเองนะ ฉันคิดว่าแบบนี้ก็สวยเหมือนกัน”
เมื่อเทียบกันแล้วยางรัดผมรุ่นธรรมดาอาจไม่ประณีตเท่าแบบที่ทำจากผ้าลูกไม้ ทว่ายางรัดผมสีแดงลายจุดสีขาวกับสีน้ำเงินลายดอกก็ดูสวยงามมากเช่นกัน แต่พอหญิงสาวได้ลองััเนื้อวัสดุแบบธรรมดาดูแล้วก็ต้องกล่าวอย่างประหลาดใจว่า “นี่ก็ใช้วัสดุดีเหมือนกันเลย!”
ถังหงเจวียนกล่าวอย่างภาคภูมิใจอยู่บ้าง “ก็ใช่น่ะสิ หากจะหาเสื้อผ้าที่ใช้วัสดุดีๆ สักชุดล่ะก็ราคาน่าจะประมาณสิบกว่าหยวนแล้ว แต่ยางรัดผมนี่กลับมีราคาแค่สองชิ้นห้าเหมาเอง!”
เธอรู้สึกว่าตัวเองยังซื้อถูกไปด้วยซ้ำ!
หญิงสาวใจเต้นรัวเอ่ยถามทันควัน “เธอซื้อมาจากหน้ามหาวิทยาลัยงั้นหรือ? อยู่ตรงไหน? แล้วเขายังขายอยู่ไหม?”
ถังหงเจวียนเอ่ยตอบ “ออกประตูมหาวิทยาลัยไปก็เจอเลยเป็พี่สาวสองคนกำลังขายอยู่ สองคนนั้นพาเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักมาด้วยนะ...ทำไมหรือเธอก็อยากซื้อด้วยงั้นสิ? เร็วเข้า ยังไม่รีบไปอีก! ถ้ายังมัวชักช้าอยู่ล่ะก็เดี๋ยวแม่ค้าจะกลับไปก่อน...”
วินาทีต่อมาเด็กสาวคนนั้นก็รีบสวมเสื้อคลุมแล้วถามคนอื่นๆ ในห้องพักว่า “พวกเธอจะออกไปดูด้วยกันไหม?”
“ไปสิ ฉันไปด้วย!”
“ไปๆๆ ไปด้วยสิ!”
“รอก่อน รอฉันด้วยสิ ฉันไปด้วยนะ!” ถังหงเจวียนะโบอก
“เธอซื้อมาหลายชิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?”
ถังหงเจวียนกล่าวตอบอีกฝ่ายทันควัน “ฉันลืมกินข้าวน่ะสิ!”
เหตุการณ์เดียวกันนี้ยังเกิดขึ้นที่มุมต่างๆ ภายในมหาวิทยาลัยอีกด้วย
[1] ฉื่อ 尺 คือ หน่วยวัดของจีน 1 ฉื่อ เท่ากับ 3.33 เดซิเมตร (1 เดซิเมตร เท่ากับ 10 เิเ)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้