ทันทีที่จางเจิ้นอันก้าวเข้าประตูบ้าน ก็ได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังมาจากในห้อง เขาใจหายวาบ รีบสาวเท้าเข้าไป พอเห็นว่าเป็เพียงอันซิ่วเอ๋อร์นั่งร้องไห้อยู่คนเดียวก็ค่อยโล่งใจลง
นางกำลังร้องไห้อย่างขมขื่น จนกระทั่งเขาผลักประตูเข้ามาก็ยังไม่รู้สึกตัว เขาเดินวนไปมาในห้องสองรอบ นางก็ยังคงสะอื้นไห้ไม่หยุด ผ่านไปครู่ใหญ่ กว่านางจะค่อยๆ หยุดร้องไห้ จึงเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีคนอยู่ในห้อง
"ท่านกลับมาั้แ่เมื่อใด?"
"ข้ากลับมาสักพักแล้ว เห็นเ้าร้องไห้เสียใจอยู่ เลยไม่กล้ารบกวน"
"ข้า..."
คำตอบทื่อๆ เช่นนี้ทำเอาอันซิ่วเอ๋อร์พูดไม่ออก นางคิดในใจว่า 'ไม่คิดจะปลอบข้าสักคำเลยหรือ?' ความน้อยใจระลอกใหม่ถาโถมเข้ามา นางลุกขึ้นนั่งบนเตียง ดวงตาทั้งสองบวมช้ำแดงก่ำ จ้องมองเขาอย่างเหม่อลอยครู่หนึ่ง น้ำตาเม็ดโตก็ร่วงพรูออกมาอีกครั้ง ได้แต่ก้มหน้าซบลงกับเข่า พลางสะอื้นไห้
"เฮ้อ... เ้าเป็อะไรไปอีกแล้ว?" จางเจิ้นอันจนปัญญา เขาเพิ่งจะไม่ได้พูดอะไรผิดไปนี่นา?
หรือว่าเื่ราวในวันนี้จะทำให้นางใกลัวมาก?
"เ้าอย่าเสียใจไปเลย ข้าไปจัดการไอ้สารเลวนั่นให้เ้าแล้ว" เขาขยับเข้าไปใกล้สองก้าวอย่างระมัดระวัง นั่งลงข้างเตียง มองนางอย่างทำตัวไม่ถูก
แต่นางก็ยังคงจมอยู่กับความเศร้าของตัวเอง เมื่อก่อนตอนที่นางร้องไห้ เขามักจะปลอบโยนเสมอ แต่ตอนนี้... ฮือๆๆๆ...
จางเจิ้นอันรู้สึกปวดหัวตุบๆ เขาไม่รู้วิธีปลอบผู้หญิงจริงๆ เมื่อก่อนนางร้องไห้ก็ยังมีเหตุผล ไม่ว่าจะเป็เื่ที่อยากให้เขาไปทำงาน หรือเจอเื่ลำบาก อยากให้เขาช่วยเหลือ แต่วันนี้...นางร้องไห้เพราะอะไรกันแน่?
ต้องเป็ความผิดของไอ้กู้หลินหลางสารเลวนั่นแน่ๆ! เห็นทีเขาคงต้องไปอีกรอบ ไปลากตัวมันมาให้นางเห็น ให้มันคุกเข่าขอโทษนางตรงนี้จึงจะสาสม!
เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงไม่พูดอะไรต่อ ผุดลุกขึ้นยืนทันที
ฮือๆๆๆ! น้อยใจจริงๆ! เขาไม่แม้แต่จะปลอบ แถมยังจะเดินหนีไปอีก ต้องรังเกียจข้าแล้วแน่ๆ!
พอได้ยินเสียงร้องไห้ปานจะขาดใจของนาง จางเจิ้นอันก็ไม่อาจทิ้งนางไปได้ เขาจึงเดินกลับมา กล่าวว่า "เอาเถอะๆ อย่าร้องไห้เลย เดี๋ยวข้าไปจับไอ้สารเลวนั่นมาให้เ้าอีกรอบ ให้เ้าทุบตีมันระบายความโกรธให้พอใจเลยดีไหม?"
"ความบริสุทธิ์ของข้าถูกเขาทำลายไปแล้ว ทุบตีเขาให้ตายแล้วจะมีประโยชน์อะไร?" อันซิ่วเอ๋อร์เงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำนองน้ำตามองเขา
"แล้วเ้า้าให้ข้าทำอย่างไร?" จางเจิ้นอันถาม
"ข้าไม่รู้"
อันซิ่วเอ๋อร์ส่ายหน้า รู้สึกสับสนไปหมด แม้ชาวบ้านแถบนี้จะค่อนข้างซื่อตรงและใจกว้างกับสตรีอยู่บ้าง แต่ความใจกว้างนั้นก็มีขอบเขต พวกเขาย่อมรังเกียจสตรีที่ไม่รักษาความบริสุทธิ์เช่นกัน
"ข้า...ข้าไม่บริสุทธิ์แล้ว ต้องถูกชาวบ้านรังเกียจแน่ๆ ถ้าไอ้กู้หลินหลางสารเลวนั่นยังแต่งเื่ใส่ร้ายข้าอีก ไม่แน่ว่าข้าอาจจะถูกชาวบ้านจับถ่วงน้ำก็ได้" นางเม้มปากแน่น มองจางเจิ้นอันด้วยแววตาน่าสงสาร
จางเจิ้นอันตกตะลึงไปชั่วขณะ แม้ว่าการที่นางถูกไอ้สารเลวนั่นแตะต้องจะทำให้เขาโกรธมาก แต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นต้องถูกจับถ่วงน้ำกระมัง? หมู่บ้านชิงสุ่ยแห่งนี้ เข้มงวดกับสตรีถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ต้องเป็นางที่คิดมากไปเองแน่ๆ เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็รีบปลอบ
"ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า"
แต่พอเห็นสีหน้าของจางเจิ้นอัน อันซิ่วเอ๋อร์กลับยิ่งหวาดกลัว นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเสนอความคิดขึ้นอย่างระมัดระวัง
"หรือว่า...เอาอย่างนี้ดีไหม เื่นี้ท่านเก็บเป็ความลับ อย่าบอกใคร แล้ว...พวกเราก็หย่ากันเสีย เงินสินสอดหกตำลึงนั่น ถือว่าข้าติดค้างท่านไว้ ข้าจะค่อยๆ หามาคืนให้ท่านทีหลัง"
"เ้าว่าอะไรนะ?"
คราวนี้จางเจิ้นอันโกรธขึ้นมาจริงๆ เพียงเพราะเื่แค่นี้ นางจะหย่ากับเขาเนี่ยนะ?
"ข้าหมายความว่า...เื่นี้ท่านโปรดเห็นแก่หน้าข้า อย่าแพร่งพรายออกไป ถือเสียว่าข้าไม่เคยเป็ภรรยาของท่าน" อันซิ่วเอ๋อร์พยายามอธิบายเหตุผลอย่างละเอียด
"เงินสินสอดหกตำลึงข้าจะคืนให้ท่านครบทุกบาททุกสตางค์ ่เวลาที่ผ่านมา แม้ข้าจะกินอยู่กับท่าน แต่ท่านก็ไม่ได้ขาดทุน เพราะข้าทำอาหาร ทำงานบ้านให้ท่านทุกวัน คิดเป็ค่าจ้างตามอัตราในเมืองหลวง ก็น่าจะพอหักลบกับค่าอาหารของข้าได้ ส่วนเื่ที่ข้านำของกลับไปให้บ้านเดิม ข้าก็ให้พ่อแม่ข้าช่วยซ่อมแซมบ้านให้ท่านแล้ว ถือว่าหายกันไป อีกอย่าง หลังจากแต่งกับท่าน ข้าก็ไม่เคยเกียจคร้าน ปักผ้า ถักพู่ห้อยทุกวัน เงินที่หามาได้ก็นำไปซื้อยาบำรุงให้ท่าน ดูแลท่านอย่างดี นับว่าไม่ได้ติดค้างบุญคุณอะไรท่าน"
"่นี้ข้าพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง จะแบ่งให้ท่านครึ่งหนึ่ง ส่วนข้าจะเก็บไว้เป็ค่าเดินทาง หนี้สินที่เหลือ ข้าจะพยายามหามาคืนให้หมดภายในสองปี จะได้ไม่ถ่วงเวลาให้ท่านต้องหาภรรยาใหม่" เมื่อพูดจบ อันซิ่วเอ๋อร์ก็รู้สึกปลอดโปร่งขึ้น เงยหน้าถามเขา
"ท่านว่าอย่างไร?"
"ข้าว่าอย่างไรน่ะหรือ?"
จางเจิ้นอันรู้สึกเหมือนมีไฟสุมอยู่ในอก หญิงคนนี้คิดคำนวณละเอียดถี่ถ้วนถึงเพียงนี้ นางเห็นเขาเป็อะไรกันแน่! เสียแรงที่เขาจริงใจกับนางมาตลอด! ความโกรธพุ่งขึ้นจนแทบคุมสติไม่อยู่ เขาอยากจะทำร้ายคน อยากจะพังข้าวของ! เขาผุดลุกขึ้นยืน เตะเก้าอี้ข้างๆ กระเด็นไปอย่างแรง แล้วเดินกระทืบเท้าปึงปังออกไปข้างนอก
"ท่านจะไปไหน?"
อันซิ่วเอ๋อร์ร้องเรียกอย่างใ เขายังไม่ได้ตกลงกับนางเลยนะ! พอเห็นเขาจะเดินหนีไปจริงๆ นางรีบลุกจากเตียง แต่เพราะยังปวดเมื่อยไปทั้งตัว จึงเสียหลักล้มลงกับพื้น
เดิมทีเขากำลังโกรธจัด แต่พอได้ยินเสียงดังโครมจากด้านหลังก็ชะงักฝีเท้าไปครู่หนึ่ง ทว่าก็ไม่ได้หันกลับมา ได้แต่เดินตรงออกไปข้างนอกตามเดิม
อันซิ่วเอ๋อร์คลานอยู่บนพื้น นึกถึงแววตาโกรธเกรี้ยวของเขาเมื่อครู่ ก็รู้สึกเจ็บแปลบในอก นางทุบพื้นอย่างแรงด้วยความแค้นใจ อยากจะฉีกร่างไอ้กู้หลินหลางให้เป็ชิ้นๆ! ทั้งหมดเป็ความผิดของมันที่ทำลายชีวิตนาง! แต่ถึงอย่างนั้น...นางก็ยังไม่อยากตาย
บางทีนางอาจจะเป็ผู้หญิงใจเสาะขี้ขลาดจริงๆ นางเคยอ่านหนังสือกฎสตรี ในนั้นมีเื่ราวสตรีผู้รักษาความซื่อสัตย์มากมาย ได้ยินว่ามีสตรีผู้หนึ่งตกน้ำ ถูกชายอื่นจับแขนช่วยขึ้นมา พอฟื้นขึ้นมานางก็ตัดแขนข้างนั้นทิ้ง
ยังมีสตรีอีกคน ตอนไปล้างเท้าที่ลำธาร ถูกชายแปลกหน้าบังเอิญเห็นเท้าเปล่า นางก็กลับมาตัดเท้าทั้งสองทิ้ง แล้วถ้านางถูกคนอื่นเห็นไปทั้งตัวแบบนี้ ไม่ต้องถึงกับกรีดเนื้อเถือหนังตัวเองทิ้งหรอกหรือ? พอนึกถึงตรงนี้ นางก็รู้สึกขนลุกขนพอง แค่มีดบาดตอนหั่นผักนางยังเจ็บแทบแย่ ถ้าต้องทำแบบนั้นจะเ็ปทรมานขนาดไหน?
ไม่ได้หรอก นางคงไม่ได้มีคุณธรรมสูงส่งถึงเพียงนั้น อีกอย่างยุคสมัยนี้ก็ต่างออกไปแล้ว กฎเกณฑ์สำหรับสตรีก็ไม่ได้เข้มงวดเท่าเมื่อก่อน ขนาดผู้หญิงถลกแขนเสื้อสู้กับคนอื่นยังมีให้เห็น การถูกคนอื่นเห็นเนื้อเห็นตัว แม้จะส่งผลเสียอยู่บ้าง แต่ก็คงไม่ถึงกับเป็เื่คอขาดบาดตายกระมัง
แต่ว่า...จางเจิ้นอันเขาไปไหนแล้ว? หรือว่าไปหาผู้ใหญ่บ้าน? ถ้าเขาไปแจ้งเื่นี้ ผู้ใหญ่บ้านก็ต้องไปเอาเื่กู้หลินหลางแน่ แต่ถ้าถึงตอนนั้น กู้หลินหลางปัดความรับผิดชอบทั้งหมดมาที่นางล่ะ จะทำอย่างไร?
พอนึกภาพตัวเองกำลังจะถูกตราหน้าว่าเป็หญิงสำส่อนแล้วถูกจับถ่วงน้ำ ในอกก็พลันตื่นตระหนกขึ้นมา
นางควรจะทำอย่างไรดี? ชิงลงมือก่อน ฆ่าตัวตายเพื่อรักษาชื่อเสียงไว้? หรือรอให้ผู้ใหญ่บ้านมาตัดสินชะตา? หรือว่าฉวยโอกาสตอนที่ยังไม่มีใครรู้เื่ รีบหนีไปเสียเลย? ชื่อเสียงถึงจะสำคัญ แต่ชีวิตก็สำคัญกว่าไม่ใช่หรือ?
แต่ถ้าหนีไป ตราประทับว่านางทำผิดก็จะยิ่งชัดเจน กลายเป็ว่านางยอมรับผิดทั้งที่ถูกกระทำ แบบนี้ก็เท่ากับเข้าทางกู้หลินหลางน่ะสิ! มิหนำซ้ำ ที่บ้านยังมีต้ายากับเอ้อร์ยาที่ยังไม่ได้ออกเรือน ถ้าผู้เป็อาอย่างนางหนีไปเพราะเื่อื้อฉาว อนาคตของหลานสาวทั้งสองต้องได้รับผลกระทบแน่ๆ นางทำแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด!
คิดวนไปวนมา ก็ยังหาทางออกที่ดีที่สุดไม่ได้ แต่หลังจากที่ได้ตรองถึงความเป็ไปได้ต่างๆ แล้ว ความหวาดกลัวของนางก็ค่อยๆ ลดลง นางรู้สึกว่าเดี๋ยวค่อยหาทางคุยกับจางเจิ้นอันดีๆ อีกครั้งก็ได้ อยู่กินกันมาหนึ่งวันย่อมมีความผูกพันร้อยวัน หวังว่าเขาจะเห็นแก่ความเป็สามีภรรยาที่ผ่านมา ไม่ทำอะไรรุนแรงเกินไปนัก
แต่ถึงนางจะเป็ผู้เสียหาย หากจางเจิ้นอันไปแจ้งความจริงๆ ถึงเวลานั้นไอ้กู้หลินหลางสารเลวนั่นต้องใช้ลิ้นสองแฉกป้ายสีนางแน่นอน สุดท้ายนางก็จะกลายเป็คนผิด ส่วนมันก็จะกลายเป็เหยื่อที่ถูกยั่วยวน นางย่อมไม่มีทางแก้ตัวได้ สู้ฉวยโอกาสตอนนี้ไปจัดการมันเสียเลยดีกว่า!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ อันซิ่วเอ๋อร์ก็ลุกขึ้นยืนอย่างเด็ดเดี่ยว นางตัดสินใจแล้ว คืนนี้นางจะต้องให้กู้หลินหลางชดใช้ในสิ่งที่เขาทำกับนางให้สาสม!
นางเดินไปยังครัวหลังบ้าน ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็หยิบมีดทำครัวที่ใช้เป็ประจำออกมา แต่ก็รู้สึกว่ามันดูโจ่งแจ้งเกินไป จึงวางมีดลง กลับเข้าไปในห้องนอน หยิบเข็มปักผ้าของตนเองออกมาแทน
นางเหน็บเข็มปักผ้าสองสามเล่มไว้ที่สาบเสื้อด้านใน หาตะเกียงน้ำมันมาจุดไฟ แล้วเปิดประตูย่องออกไปข้างนอกอย่างเงียบงัน
ราตรีล่วงลึก อากาศเริ่มเย็นลง ลมพัดปะทะร่างพาให้รู้สึกหนาวสะท้าน ชาวบ้านส่วนใหญ่คงหลับใหลกันหมดแล้ว ตลอดเส้นทางได้ยินเพียงเสียงสุนัขเห่าเป็ครั้งคราว นอกเหนือจากนั้น ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนก็เงียบสงัดยิ่งนัก
อันซิ่วเอ๋อร์ระมัดระวังตัวตลอดทาง ในที่สุดก็มาถึงหน้าสำนักศึกษา นางหยุดยืนอยู่หน้าประตู ลังเลใจอยู่นาน ้าจะก้าวเข้าไป แต่กลับรู้สึกขาสั่น ขาดความกล้าหาญไปชั่วขณะ ขณะที่กำลังรวบรวมความกล้าตัดสินใจจะก้าวเท้าเข้าไปนั่นเอง...
ทันใดนั้น
มีมือข้างหนึ่งแตะลงบนบ่าของนาง!
"อ๊ะ!"
อันซิ่วเอ๋อร์สะดุ้งสุดตัว ร้องอุทานออกมา รีบหันกลับไปอย่างตื่นตระหนก ยกโคมไฟส่องไปยังใบหน้าของผู้ที่มา พอเห็นว่าเป็ใบหน้าที่คุ้นเคย นางก็ค่อยๆ คลายความกังวลลง
"ทำไมถึงเป็ท่าน? ท่านมาทำอะไรที่นี่?" นางถามอย่างไม่เข้าใจ "ท่านไม่ได้ไปบ้านผู้ใหญ่บ้านหรอกหรือ?"
"ข้าจะไปบ้านผู้ใหญ่บ้านทำไม?" จางเจิ้นอันก็งุนงงไม่แพ้กัน เขาถามเสียงเบา "แล้วเ้าน่ะ วิ่งมาที่นี่ทำไม?"
"มาจัดการกู้หลินหลาง" อันซิ่วเอ๋อร์ตอบตามความจริง
จางเจิ้นอันได้ยินก็ขมวดคิ้วทันที น้ำเสียงแข็งขึ้นสามส่วน "ยังจะมาอีกหรือ? ที่โดนไปเมื่อตอนบ่ายยังไม่เข็ดอีกหรือไร?"
"ก็เพราะโดนไปนั่นแหละ ถึงต้องมาเอาคืน!" อันซิ่วเอ๋อร์กล่าวเสียงลอดไรฟัน "ถ้าปล่อยให้เขาทำกับข้าแบบนี้แล้วลอยนวลไปได้ มันจะไม่ง่ายเกินไปหน่อยหรือ!"
จางเจิ้นอันรับโคมไฟจากมือนาง แล้วใช้แขนโอบไหล่นางอย่างเป็ธรรมชาติ พานางเดินกลับ "ไปเถอะ เื่พวกนี้ไม่ใช่เื่ที่ผู้หญิงต้องมากังวล ข้าจัดการให้เ้าแล้ว"
"ท่านจัดการให้ข้าอย่างไร?" อันซิ่วเอ๋อร์เงยหน้าถาม
"ข้ากลับไปสั่งสอนเขามาอีกรอบแล้ว" จางเจิ้นอันตอบเรียบๆ
"อ้อ" อันซิ่วเอ๋อร์ฟังแล้ว ในใจกลับรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกสะใจที่ได้แก้แค้นแต่อย่างใด เดินไปได้สองสามก้าว นางเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขายังโอบไหล่นางอยู่ จึงเงยหน้าถามอย่างไม่แน่ใจ
"ท่าน...ไม่รังเกียจข้าหรือ?"
"จะรังเกียจเ้าเื่อะไร?"
จางเจิ้นอันเหลือบมองนาง กล่าวว่า "แค่เ้าเลิกพูดเื่หย่าให้ข้าปวดหัว ข้าก็ขอบคุณฟ้าดินแล้ว" เมื่อครู่ตอนไปสั่งสอนกู้หลินหลางจนหายแค้นแล้ว ตอนนี้อารมณ์ของเขาก็สงบลงมากแล้ว
