"เป็อย่างไรบ้างเจียวซิ่น รับรางวัลของเ้าได้แล้ว..." หนิงอ้ายใช้ฝ่ามือลูบไปยังส่วนที่คล้ายกับลำต้นไปเบา ๆ พร้อมกับผายมือไปทางฝั่งของร่างไร้ิญญาของเหล่านักฆ่าสังหารที่ถูกรวบรวมไว้ตรงจุดเดียวกันตรงด้านหน้า รยางค์สีเขียวน้ำตาลเข้มนับร้อยเส้นได้พุ่งเข้าจับร่างไร้ิญญาเหล่านี้อย่างแ่า ก่อนจะถูกดึงเข้าสู่กับดักบุปผามรณะที่ตอนนี้กำลังชูช่อเบ่งบานอยู่โดยรอบ กลิ่นหอมเย้ายวนล่องรอยตามสายลมชวนให้ผ่อนคลายจิตใจแก่ผู้พบเห็น ถึงแม้ว่าหนิงอ้ายกับลู่ซีจะเคยเห็นภาพตรงหน้านี้แล้วหลายครั้งยังอดที่จะชื่นชมไม่ได้
แต่สำหรับองครักษ์ทั้งสี่คนต่างถูกมอมเมาด้วยภาพตรงหน้าและกลิ่นหอมอันเย้ายวนชวนหลงไหลจนยากที่จะต้านทานได้ของกับดักดอกไม้มรณะของเจียวซิ่น เเต่ถึงอย่างนั้นทุกคนในที่นี้ต่างเป็ผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงและมีจิตััที่ดีเยี่ยมจากการฝึกฝนอย่างหนักของตระกูลหวังดังนั้นเพียงชั่วครู่ทุกคนต่างรู้สึกตัวและรับรู้ได้ว่าภาพตรงหน้านี้ไม่ต่างไปจากความงดงามที่อันตรายยิ่ง
"ดูเหมือนว่าร่างไร้ิญญาของนักฆ่าเหล่านี้จะช่วยพัฒนาและยกระดับพลังของอสูรพฤกษาของคุณชายเล็กได้ใช่หรือไม่ขอรับ?? "ชายหนุ่มที่เป็หัวหน้าองครักษ์เอ่ยถามขึ้นกับเด็กหนุ่มแม้พอที่คาดเดาได้บ้างถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้แต่ถึงอย่างนั้นเเล้วสัตว์อสูรสังกัดพฤกษาที่มีความโดดเด่นพิศดารเช่นนี้ ถึงแม้ว่าตนจะเคยทำภารกิจในโลกยุทธภพมาหลายครั้งหลายสิบปีเเต่ก็ไม่เคยพบเจอเช่นนี้มาก่อนนับว่าได้เปิดหูเปิดตาของตนยิ่งนัก
"ท่านเข้าใจถูกต้องเเล้ว เจียวซิ่นเป็สัตว์อสูรตำนานสังกัดปราณธาตุพฤกษา เเต่เพราะได้เกิดการกลายพันธ์ขึ้น ดังนั้นเเล้วในการเลื่อนระดับพลังิญญาจึงแตกต่างจากสัตว์อสูรทั่วไป"
"เจียวซิ่นสามารถดูดซับพลังลมปราณและพลังิญญาของสิ่งมีชีวิตเพื่อเพิ่มพลังของตนได้ซึ่งนับว่าเป็เื่ที่แปลกพิศดารแตกต่างจากสัตว์อสูรทั่วไปเพราะว่าสัตว์อสูรเผ่าพันธ์อื่น ๆ ไม่สามารถทำการดูดซับพลังลมปราณและพลังิญญาจากร่างของสิ่งมีชีวิตหรือไร้ชีวิตเช่นนี้ได้โดยตรงเช่นนี้..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นอธิบายกับหัวหน้าองครักษ์และคนที่เหลือ...
ยอมรับว่าเขายังคงแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เจียวซิ่นมีความพิศดารเช่นนี้ แต่เดิมความลับของเจียวซิ่น มีเพียงเเต่เขากับลู่ซีเท่านั้น แต่ในตอนนี้มีผู้รับรู้เพิ่มขึ้นอีกสี่คนเเล้ว แน่นอนว่าสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุพฤกษานอกจากจะหายากแล้วนั้นยังไม่มีผู้ใดเลือกสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุพฤกษาในการผูกพันธะอีกด้วย
เนื่องจากว่าสัตว์อสูรประเภทนี้ไม่ได้มีความสามารถในการโจมตีและป้องกันที่โดดเด่นความ้าได้ถึงขนาดนั้น อีกอย่างคือสัตว์อสูรสังกัดธาตุพฤกษานั้นเริ่มสูญพันธ์ลงไปเรื่อย ๆ ยิ่งกับสัตว์อสูราสังกัดพฤกษาที่หนิงอ้ายนั้นนั้นไม่สามารถพบเจอได้อีกเเล้วในมหาทวีปบูรพาเเห่งนี้
"หลังจากนี้ข้ากับลู่เกอต้องรีบเร่งเดินทางคงไม่มีโอกาสให้รางวัลกับเ้าบ่อย ๆ เช่นนั้นเ้ารีบจัดการร่างไร้ิญญาของนักฆ่าสังหารที่เหลือให้เรียบร้อยแล้วกัน..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นกับเจียวซิ่นอีกครั้งเนื่องจากตอนนี้พวกเขาต้องรีบเร่งเดินทางไปยังสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์เพื่อจะได้มีเวลาในการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการทดสอบ
งับ! งับ!
เจียวซิ่นเมื่อใช้รยางค์ดึงร่างไร้ิญญาของนักฆ่าสังหารมาทั้งหมด ไม่รอช้าส่งร่างไร้ิญญาเหล่านี้ไปยังโดยรอบ ที่ในตอนนี้เต็มไปด้วยกับดักดอกไม้มรณะทรงรีสีเเดงทองหลายขนาดที่ส่วน้าคล้ายส่วนปากประกบกันที่เต็มไปด้วยฟันอันแหลมคมนั้นได้โน้มตัวกัดกัดร่างไร้ิญญาเหล่านี้อย่างรวดเร็วราวกับเป็อาหารอันโอชะ นอกจากนั้นภายในกับดักยังส่งเสียงดังเบา ๆ ออกมาราวกับว่ากำลังย่อยสิ่งที่กัดกินลงไปเมื่อครู่
กรุบกร๊อบ! กรุบกร๊อบ!
ภาพตรงหน้าของหนิงอ้ายทำใจได้แล้วว่านี่เป็สิ่งที่ปกติที่เกิดขึ้นได้ ปลาใหญ่กินปลาเล็กมีให้เห็นมากมายในโลกยุทธภพแห่งนี้และแน่นอนว่าภาพตรงด้านหน้าของตนนั้นคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เขาต้องพบเจออย่างแน่นอน เพราะตราบใดที่เขาต้องหาทางเพิ่มระดับพลังิญญาของเจียวซิ่น ร่างไร้ิญญาของสัตว์อสูรหรือผู้ฝึกตนย่อมเป็สิ่งที่จำเป็ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
"รีบเเข็งแกร่งและเติบโตเร็ว ๆ นะเจียวซิ่น..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับลูบไปยังส่วนของลำต้นของสัตว์อสูราราวกับว่ามันเป็สัตว์เลี้ยงตัวน้อยที่น่ารัก แม้ว่าภาพที่ทุกคนได้เห็นในตอนนี้ออกจะน่ากลัวเกินไปหน่อยเเต่ถึงอย่างนั้นเจียวซิ่นก็ได้มีการตอบรับอย่างเบา ๆ เพราะรับรู้ถึงเจตนาที่ดีของหนิงอ้ายนั่นเอง
"ไม่ว่าจะกี่ครั้งเกอก็ยังไม่ชินกับเจียวซิ่น ฮ่าฮ่าฮ่า" ลู่ซีเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ขันอยู่ในที
"อีกหน่อยลู่เกอก็จะชินเหมือนกับข้าขอรับ" หนิงอ้ายตอบกลับไปอย่างมีความสุข
หลังจากที่เจียวซิ่นได้จัดการร่างไร้ิญญาของนักฆ่าทั้งหมดเเล้วหนิงอ้ายจึงทำการส่งเจียวซิ่นกลับไปในห้วงมิติจิตของตนเพื่อให้อีกฝ่ายดูดซับพลังิญญาและพลังเวทย์จากร่างไร้ิญญาเหล่านี้ด้วยเพราะมีจำนวนมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
ดังนั้นหนิงอ้ายจึงคิดว่าหลังจากที่เขาและลู่ซีนั้นเข้าร่วมการทดสอบเข้าร่วมสำนักศึกษาเสร็จสิ้นถึงตอนนั้นเจียวซิ่นคงจะเลื่อนระดับพลังิญญาได้สำเร็จพอดีสำหรับพวกเขาทั้งหกคนนั้นก็ต้องรีบออกเดินทางไปจากตรงนี้ได้เสียที ด้วยเพราะว่าในตอนนี้ดวงตะวันใกล้ที่จะตกดินแล้ว และเพื่อไม่ให้เป็การเสียเวลาไปมากกว่าที่ควรจะเป็แล้วนั้นพวกเขายังต้องหาที่พักสำหรับคืนนี้แล้วค่อยวางแผนเดินทางในวันถัดไปอีกที...
ภายในห้วงลมปราณของหนิงอ้ายนั้นถูกโอบล้อบไปด้วยปราณฟ้าดินบริสุทธิ์เข้มข้นหนาแน่นจนสามารถััรับรู้ได้ด้วยตาเปล่าซึ่งนั่นเป็เพราะว่าปราณฟ้าดินเหล่านี้ได้ถูกดูดซับเข้าสู่ห้วงลมปราณของหนิงอ้ายผ่านทุกส่วนของร่างกายอย่างสม่ำเสมอไม่ว่ายามตื่นหรือแม้กระทั่งยามนอนนับได้ว่าเป็ผลลัพธ์จากเคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆาอันขึ้นชื่อของตระกูลหวังที่ผู้คนในโลกยุทธภพต่างประจักษ์รับรู้กัน ว่าในบรรดาเคล็ดวิชาดูดซับปราณฟ้าดินที่มีความใกล้เคียงหรืออยู่ในระดับเดียวกันนั้นเคล็ดวิชานี้นับว่า มีความพิศดารลึกล้ำมากที่สุด
แต่ถึงอย่างนั้นก็แลกมาซึ่งความยากเย็นในการฝึกฝนจนยากที่จะสำเร็จในแต่ละขั้นได้โดยง่ายหากผู้นั่นไม่มีความมุ่งมั่นมากพอและหากยิ่งตัดผ่านในระดับขั้นถัดไปของเคล็ดวิชาที่สูงขึ้นมากเท่าใดยิ่งทำให้ผู้ที่ใช้เคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆานี้สามารถดูดซับพลังปราณฟ้าดินเข้าสู่ห้วงลมปราณของตนผ่านทางทุกส่วนของร่างกายได้อย่างไร้ซึ่งผลกระทบทั้งสิ้นและปรับเปลี่ยนปราณฟ้าดินเหล่านี้มีความบริสุทธิ์เต็มสิบส่วนซึ่งทำให้รากฐานบ่มเพาะพลังิญญามีความมั่นคงแข็งแกร่งและหากว่าประสบพบโชควาสนา์มากพอก็จะสามารถเลื่อนระดับในขั้นถัดไปได้อย่างง่ายดายกว่าผู้ฝึกตนทั่วไปหลายเท่าตัวยิ่งนัก
เคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆาเป็เคล็ดวิชาที่มีมาแต่โบราณกาลสืบทอดตกทอดกันมาอย่างยาวนานหลายร้อยหลายพันปีในตระกูลหวังมาจนถึงปัจจุบันซึ่งรุ่นเยาว์ในตระกูลทุกคนแม้ว่าจะเป็สายหลักหรือสายรองก็ตามขอเพียงเเค่พวกเขาเ่าั้มีสายเืของตระกูลหวังไหลเวียนอยู่ในร่างกายแม้เป็เพียงแค่ส่วนหนึ่งย่อมได้รับโอกาสที่เท่าเทียมในการศึกษาเคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆาประจำตระกูลหวังอย่างแน่นอน
เพราะเหตุดังกล่าวนี้เองจึงทำให้ผู้าุโระดับสูงที่นั่งประจำการอยู่ในตระกูล ตาเฒ่าประหลาดรุ่นลายครามที่ชื่นชอบรักในความเป็อิสระไร้ข้อผูกมัดหรือแม้กระทั่งรุ่นเยาว์ของตระกูลหวังต่างมีชื่อเสียงเป็ที่รู้จักแก่ผู้คนทั่วไปและเหล่าผู้ฝึกตนด้วยกันเองในมหาทวีปบูรพาแห่งนี้ในเื่ของความสามารถที่สมกับเป็คนหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้นเต่าดำอีกทั้งยังมีแข็งแกร่งของพลังิญญาที่มีรากฐานบ่มเพาะมั่นคงล้ำลึกมากกว่าผู้ฝึกตนในระดับเดียวกันอันเป็ผลจากการใช้เคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆานี้ในการดูดซับปราณฟ้าดินนั่นเอง
จริงอยู่ที่ว่าผู้ฝึกตนทุกคนหลังจากการปลุกพลังิญญาได้สำเร็จและเมื่อก้าวเข้าสู่วิถีของโลกผู้ฝึกตนร่างกายของพวกเขาเ่าั้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็ร่างกายที่เเข็งแรงไม่เจ็บป่วยได้ง่ายเหมือนกับคนทั่วไปพละกำลังที่เพิ่มขึ้นมหาศาล สามารถอดน้ำหรืออาหารได้หลายวันหรือแม้กระทั่งรูปลักษณ์ภายนอกที่แปรเปลี่ยนแม้จะมีเค้าโครงเดิมอยู่ก็ตาม
อีกทั้งผู้ฝึกตนทุกระดับพลังิญญาแม้จะเป็เพียงระดับก่อเกิดิญญาขั้นสามัญซึ่งถือว่าเป็ระดับแรกเริ่มของผู้ฝึกตนก็สามารถดูดซับปราณฟ้าดินที่อยู่ในธรรมชาติรอบตัวได้แล้วแต่ถึงอย่างไรนั้นย่อมขึ้นอยู่กับว่าร่างกายที่ปลุกพลังิญญาได้สำเร็จแล้วนั้นสามารถทะลวงจุดชีพจรในร่างกายได้ครบถ้วนทั้งห้าสิบสี่จุดหรือไม่
เพราะน้อยนักที่ผู้ฝึกตนในโลกยุทธภพจะสามารถทะลวงจุด ชีพจรทั้งหมดภายในร่างกายได้สำเร็จและแน่นอนว่าหากยิ่งทำการทะลวงจุดชีพจรได้ทั้งหมดหรือมากเท่าไหร่ร่างกายของผู้ฝึกตนเหล่านี้ย่อมที่จะสามารถดูดซับปราณฟ้าดินได้มากขึ้นเท่านั้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตามนั่นก็เป็เพียงปราณฟ้าดินที่ถูกสกัดความบริสุทธ์ได้เพียงสามถึงสี่ส่วนเท่านั้นแม้จะเป็ประโยชน์ต่อการบ่มเพาะของรากฐานในการเลื่อนระดับพลังิญญาได้ไม่ต่างกันแต่หากเทียบกันแล้วกับเคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆาของตระกูลหวังที่สามารถดูดซับชักนำปรับเปลี่ยนปราณฟ้าดินเหล่านี้ให้มีความบริสุทธิ์เต็มสิบส่วนได้โดยไร้ซึ่งส่งผลกระทบใดใดในการเลื่อนระดับพลังิญญาในวันข้างหน้าแล้วสำหรับสิ่งที่พวกเขาทำได้จะนับว่าเป็อันใดได้เล่า
แต่ถึงอย่างไรเคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆานี้ก็มีข้อจำกัดอยู่ไม่น้อยเช่นกันในเื่ของผู้ที่สามารถใช้เคล็ดวิชาดังกล่าวนี้ได้นอกจากจะต้องเป็ลูกหลานที่มีสายเืตระกูลหวังไหลเวียนอยู่ในร่างกายแล้วจะต้องเป็ผู้ฝึกตนที่มีพลังหยางในร่างกายเข้มข้นมากเพียงพอจึงจะสามารถใช้เคล็ดวิชานี้ได้อย่างสมบูรณ์ด้วยข้อจำกัดนี้แม้ดูเหมือนว่าบุรุษในตระกูลหวังที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังหยางตามธรรมชาตินับว่าคงได้เปรียบกว่ากันไปไม่น้อย
อย่างไรนั้นสตรีในตระกูลหวังแม้จะมีพลังหยางในร่างกายเพียงน้อยนิดก็สามารถใช้เคล็ดวิชาดังกล่าวนี้ได้เช่นกันเพียงเเต่ว่าอาจไม่สามารถเลื่อนขั้นถัดไปในระดับที่สูงขึ้นได้อย่างง่ายดายสักเท่าไหร่นักและอาณุภาพของเคล็ดวิชานั้นกล่าวได้ว่าอาจจะไม่สมบูรณ์เต็มสิบส่วนต่างลดหลั่นลงตามความเข้มข้นของพลังหยางในร่างกาย แต่ถึงอย่างนั้นแม้จะกล่าวว่าเป็เพียงไม่กี่ส่วนเท่านั้นแต่หากเทียบกับผู้ฝึกตนทั่วไปแล้วนับว่ายังเหนือกว่าหลายขั้นเลยทีเดียว..
ตัดภาพกลับมาที่บริเวณใจกลางห้วงลมปราณของหนิงอ้ายนั้นได้ปรากฏเป็ดวงเเสงหลากสีถึงสี่ดวงลอยอยู่เคียงข้างกันที่ในตอนนี้ดวงแสงเ่าั้ต่างดูดซับชักนำกระเเสปราณฟ้าดินบริสุทธิ์อย่างช้า ๆ ตามวิถีโคจรของเคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆาด้วยไร้ซึ่งแรงต่อต้านเนื่องจากถูกประทับตราจิติญญากำกับเอาไว้
หลังจากการปลุกพลังสายเืของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์ได้สำเร็จ หนิงอ้ายนั้นไม่ต่างกับมัจฉาะโข้ามประตูั คำกล่าวนี้คงไม่เกินจริงไปนักด้วยเพราะว่าพลังของสายเือันบริสุทธิ์ของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์ได้ยกระดับเขตขั้นของเคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆาของเขานั้นให้มีความกล้าแกร่งขึ้นอีกขั้นที่ทรงพลังกว่าผู้ฝึกตนระดับเทวะิญญาในตระกูลหวังบางคนเสีย อีกซึ่งปราณฟ้าดินเหล่านี้ได้ลอยล่องไปทั่วทั้งบริเวณของห้วงลมปราณของมิติจิต ส่งผลให้รัศมีของดวงเเสงทั้งสี่นั้นแผ่กลิ่นอายอหังการออกมาอย่างน่าเกรงขามเป็อย่างยิ่ง
สำหรับดวงแสงแรกที่มีรัศมีโดยรอบเป็สีฟ้าครามนั้นตรงใจกลางพลันปรากฎเป็รูปลักษณ์จำแลงของบงกชเหมันต์ที่เปล่งประกายแวววับราวกับอัญมณีล้ำค่าอันเป็แก่นต้นกำเนิดพลังธาตุน้ำในตัวของหนิงอ้ายนั่นเอง ที่ในตอนนี้มีความบริสุทธิ์เต็มสิบส่วนด้วยเพราะหนิงอ้ายนั้นสำเร็จเคล็ดวิชาธาตุน้ำในคัมภีร์เบญจธาตุแล้วนั่นเอง
สำหรับดวงแสงถัดมาที่มีรัศมีเป็สีดำทองเปล่งประกายความลึกลับที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพิษร้ายอันตรายซึ่งโดยรอบนั้นเต็มไปด้วยกลุ่มควันที่หมุนวนพร้อมกับส่งเสียงแปลกๆ ออกมาเป็จังหวะสม่ำเสมอซึ่งตรงใจกลางนั้นได้ปรากฎเป็รูปลักษณ์จำแลงของอสรพิษเหมันต์าที่มีขนาดเล็กเท่ากับฝ่ามือ ใบหน้าของอสรพิษน้อยยามหลับไหลนั่นช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก
สำหรับดวงแสงที่สามนั้นกระแสอัคคีสีส้มเหลืองบุษราคัมได้ไหลเวียนอยู่โดยรอบซึ่งแผ่กลิ่นอายความร้อนแรงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังของการทำลายล้าง ตรงใจกลางนั้นพลันปรากฎเป็รูปลักษณ์จำแลงของราชันย์วิหคอัคคีมายาที่ในตอนนี้มีขนาดเล็กไปไม่ต่างจากวิหคน้อยทั่วไป
แต่ถึงอย่างนั้นส่วนหางรำแพนที่เป็สีรุ้งได้แผ่สยายอย่างงดงามราวกับมีมนต์สะกดเบาบาง เมื่อพินิจมองลวดลาดเป็อย่างดีแล้วนั้นจะพบว่าเต็มไปด้วยดวงตาสีดำประหลาดน้อยใหญ่ให้รู้สึกราวกับว่าถูกจ้องมองเข้าไปถึงจิติญญาเสียอย่างนั้นชวนให้ขนลุกอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
สำหรับดวงแสงสุดท้ายนั้นเปลวเพลิงอัคคีสีทับทิมเปล่งแสงสีแดงทองสว่างเจิดจ้าไปทั่วทั้งสารทิศกลิ่นอายของความสูงศักดิ์และขุมพลังที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งชีวิตที่ถูกปลดปล่อยออกมานั้นแกร่งกร้าวล้ำลึกลี้ลับยิ่งนัก ชั่วพริบตารัศมีแสงดังกล่าวค่อย ๆ แตกซ่านสลายปรากฎเป็รูปลักษณ์จำแลงของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์
ด้วยเพราะหนิงอ้ายนั้นปลุกพลังสายเืสำเร็จได้เพียงไม่นานจึงส่งผลให้ในตอนนี้ร่างจำแลง ดังกล่าวนั้นมีขนาดที่เล็กราวกับว่าพึ่งเกิดใหม่ เเต่ถึงอย่างนั้นกลิ่นอายของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์หนึ่งในสี่สัตว์์ชั้นสูง ผู้ปกครองทางทิศใต้ของมหาพิภพก็ปรากฎขึ้นบนร่างจำแลงนี้และเริ่มมีเค้าโครงเช่นเดียวกันกับร่างที่แท้จริงของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์แล้วเช่นกัน...
ทางฝั่งของเจียวซิ่นหลังจากที่หนิงอ้ายได้ทำการส่งกลับเข้ามาในห้วงมิติจิตแล้วนั้นร่างจำแลงของสัตว์อสูรสังกัดธาตุพฤกษาได้ปรากฎขึ้นตรงบริเวณที่ไกลจากดวงแสงทั้งสี่ค่อนข้างมากเลยทีเดียวด้วยเพราะว่าหนิงอ้ายผู้เป็นายแห่งพันธะนั้นในตอนนี้มีพลังิญญาระดับจักรพรรดิิญญาขั้นสูงแล้วจึงส่งผลให้ห้วงลมปราณในมิติจิตของร่างกายเขานั้นมีขนาดพื้นที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
เจียวซิ่นเองในตอนนี้ทั้งสองขากำลังยืนอยู่นิ่งอย่างมั่นคงเพื่อทำการดูดซับกระแสพลังปราณฟ้าดินบริสุทธ์ที่อยู่โดยรอบซึ่งพลังลมปราณฟ้าดินเหล่านี้ต่างถูกชักนำเข้าสู่ร่างกายของสัตว์อสูราอย่างรวดเร็วจนทำให้ห้วงอากาศบริเวณดังกล่าวเกิดการบิดเบี้ยวไปชั่วขณะก่อนที่จะกลับคืนสู่ปกติราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดสิ่งใดขึ้นมาก่อน
ทว่าหลังจากนี้ไม่นานนักทันใดนั้นเองส่วนลำต้นของอสูรสังกัดปราณธาตุพฤกษานี้ได้ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าราวกับเป็ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์โบราณที่มีอายุหลายร้อยหลายพันปียืนต้นตั้งตระหง่านและแผ่กิ่งก้านสาขายืดยาวไปหลายสิบลี้ทั่วไปทั้งบริเวณ
ไม่เพียงเท่านั้นตรงพื้นด้านล่างโดยรอบตัวของเจียวซิ่นยังปรากฎเป็กับดักบุปผามรณะสีเขียวแดงที่มีขนาดแตกต่างกันออกไปและมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว หลังจากที่เจียวซิ่นได้เลื่อนระดับสำเร็จต่างนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงของร่างต้นที่แท้จริงอย่างมหาศาล
โดยปกติแล้วรูปลักษณ์ที่เจียวซิ่นใช้ปรากฎตัวด้านนอกของมิติจิตในยามที่ถูกหนิงอ้ายได้เรียกออกไปย่อมนั้นร่างที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของนายแห่งพันธะของตนจึงเป็เพียงร่างจำแลงที่มีพลังิญญาเทียบเท่าเพียงหนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น ด้วยร่างไร้ิญญาของเหล่า นักฆ่าสังหารทั้งยี่สิบคนนี้ย่อมเป็สิ่งสำคัญในการบ่มเพาะและเพิ่มพูนระดับพลังิญญาของเจียวซิ่นให้เลื่อนขั้นถัดไปได้เรื่อย ๆ
ร่างไร้ิญญาของนักฆ่าสังหารเหล่านี้มีพลังิญญารากฐานบ่มเพาะที่อยู่ในระดับสูง ดังนั้นจึงไม่ต่างจากไปของกำนัลอันล้ำค่าเลยทีเดียว สำหรับความสามารถเช่นนี้นั้นนับได้ว่าเป็หนึ่งในความลับของสัตว์อสูรสังกัดธาตุพฤกษาที่เกิดการกลายพันธ์ขึ้นอย่างเจียวซิ่น จนทำให้ตัวของมันนั้นสามารถแย่งชิงพลังิญญาที่ถูกบ่มเพาะและพลังเวทย์ของสัตว์อสูรหรือผู้ฝึกตนที่มีพลังลมปราณหรือพลังเวทย์เพื่อดูดซับและยกระดับพลังิญญาของตัวมันได้นั่นเอง...
