"ท่านแม่ทัพ กำลังพลห้าหมื่นนายที่ท่าน้ามาถึงแล้วขอรับ"เป็รองแม่ทัพเฉินชีที่พึ่งเดินทางมาถึงกล่าวรายงานกับหญิงสาวผู้เป็แม่ทัพอย่างนอบน้อม ชายหนุ่มเหลือบมองกองโลหิตที่เจิ่งนองอยู่เบื้องหน้าด้วยความพรั่นพรึง ดูจากชุดเกราะที่ถูกวางกองไว้ด้านหนึ่งคาดว่าเ้าของโลหิตกองนี้คงเป็ผู้ใดไปไม่ได้นอกจาก รัชทายาทแคว้นเหลียว เย่ว์ลู่ ทัวปาจี๋!
์...
หญิงสาวร่างเล็กผู้นี้ใช้วิธีการอันใดจึงสามารถได้ชัยชนะมาโดยที่ฝ่ายตนไม่สูญเสียกำลังพลเลยแม้แต่คนเดียว!
"ดี...รองแม่ทัพเฉินท่านก็รับหน้าที่เก็บกวาดสนามรบให้เรียบร้อยสิ่งใดสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ก็รวบรวมเอาไว้ส่วนซากศพเ่าั้ก็เผาให้สิ้นซากหากยังมีผู้รอดชีวิตก็จัดการซะ ต้าซ่งของพวกเราไม่้าเชลยเพิ่ม" ซ่างกวนจือหลินสั่งการรองแม่ทัพหนุ่มอย่างกระชับได้ใจความ เมื่อเห็นอีกฝ่ายเอ่ยรับคำแล้วบังคับม้าไปประจำยังกองทัพของตนเป็ที่เรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็หันมาให้ความสนใจกับกลุ่มภิกษุทั้งห้าที่มายืนรออยู่ได้ครู่หนึ่งแล้ว
"ท่านมีสิ่งใดจะกล่าวเชิญพูดมาได้เต็มที่"หญิงสาวไม่แม้แต่จะลงจากหลังม้าไปสนทนากับอีกฝ่ายตามมารยาทอันพึงมี เ้าตัวกำลังง่วนกันการสำรวจดาบเขี้ยวพยัคฆ์ที่ได้นำกลับมาหลังจากที่แก้ค่ายกลเก้าสังหารเสร็จ เมื่อเป็ที่แน่ใจแล้วว่าตัวดาบไม่ได้สึกหรอจึงทำให้ข้าวางใจลงได้ แง้ว! เสียงคำรามเล็กดังมาจากบริเวรใต้ท้องม้าของซ่างกวนจือหลิน ทำให้เ้าตัวเหลือบมองตามที่มาของเสียงอย่างช่วยไม่ได้ เ้าลูกเสือดาวหิมะตัวอ้วนพีที่เมื่อครู่ร่ำร้องอยากลงไปปลดทุกข์บัดนี้มันกำลังใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะปีนกลับขึ้นมาหา ด้วยเวทนาอุ้งเท้าอันอ้วนป้อมของมันหญิงสาวจึงสะบัดเสื้อคลุมหย่อนลงไปให้มันใช้กรงเล็บยึดเกาะและปีนป่ายขึ้นมา แม้จะยากเย็นสำหรับเ้าตัวอ้วนนี่สักหน่อยแต่มันก็ไม่ได้ละความพยายามเลยแม้แต่น้อย ในที่สุดมันก็สามารถปีกลับมายังรังนอนอันได้แก่อกอุ่นๆ ของซ่างกวนจือหลินนั่นเอง
"อามิตตาพุทธ...ท่านแม่ทัพทราบหรือไม่ว่าดาวจื่อเวย์ [1] ได้ดับแสงไปเมื่อไม่นานมานี้"ภิกษุชราเป็ผู้เอ่ยวาจาดังเช่นเคย
"ตำแหน่งจักรพรรดิจะถูกเปลี่ยนงั้นรึ"หญิงสาวครุ่นคิดความเป็ไปได้ที่ว่าชาติก่อนรัชทายาทถูกปลดออกจากตำแหน่งเพราะสาเหตุนี้?
"มิใช่ๆ จักรพรรดิยังคงเป็ผู้สืบทอดเดิมมิเปลี่ยนแปลง ทว่าที่อาตมากล่าวถึงคือดาวจื่อเวย์อีกหนึ่งดวงต่างหากเล่า แฝดผู้พี่หลี่เซวียน จิ้งเหอจ่างกงจู่"
ั์ตาดำขลับลุกวาบเมื่อประติดประต่อเื่ราวได้อย่างสมบูรณ์ หากเอ่ยนาม จิ้งเหอจ่างกงจู่ คงไม่มีผู้ใดในต้าซ่งไม่รู้จักพระนามนี้ รัชศกไท่จงปีที่ห้าสิบในรัชสมัยของฮ่องเต้พระองค์ก่อน หวงไท่จื่อเฟยทรงมีพระประสูติการครรภ์ัหงส์ให้แก่ราชวงศ์ หวงไท่จื่อเฟยสกุลโจวประสบปัญหาคลอดบุตรยากเนื่องด้วยทารกตัวใหญ่เกินไปจึงทำให้สถานการณ์ในยามนั้นตึงเครียดอย่างยิ่ง
หลังจากที่เหล่าหมอตำแยและหมอหลวงร่วมมือร่วมใจ ในที่สุดทารกคนแรกก็คลอดออกมาอย่างปลอดภัยเป็ท่านหญิง ท่านมีเสียงร้องอันก้องกังวานจนผู้คนทั่วทั้งตำหนักต่างแย้มยิ้มด้วยความเอ็นดู แล้วราวครึ่งก้านธูปทารกคนที่สองก็คลอดออกมาเป็ท่านชายที่มีขนาดตัวไม่ต่างจากพี่สาวนัก ทว่าท่านชายท่านนี้ทรงไว้ตัวยิ่งนักส่งเสียงร้องเพียงแอะเดียวแล้วก็เงียบสนิท ท่านใช้ดวงตาดำขลับเหลียวมองสิ่งต่างๆ ราวกับจะรู้แจ้งในทุกสิ่ง
เหตุการณ์ไม่ได้มีเพียงเท่านั้น โอรสในหวงไท่จื่อเฟยแน่นอนว่าคือผู้รั้งตำแหน่งหวงไท่จื่อ[2] พระองค์ต่อไปอย่างแน่นอน ทว่าหนึ่งก้านธูปก่อนที่แฝดชายจะออกมาจากครรภ์พระมารดาเสียงร้องอันกึกก้องของแฝดหญิงนำพาบางสิ่งมายังแคว้นต้าซ่งที่กำลังอยู่ใน่เวลาวิกฤติ
เสียงฟ้าร้องกึกก้องดังขึ้นแข่งกับเสียงร้องไห้จ้าของท่านหญิงตัวน้อยอย่างกับว่า้าจะประกาศศักดาว่าผู้ใดจะยิ่งใหญ่กว่ากัน นอกจากเสียงฟ้าร้องคำรามแล้วหมู่เมฆครึ้มที่ไม่รู้ว่าเริ่มก่อตัวั้แ่ยามใดได้ลอยตัวมาบดบังแสงจันทร์ยามค่ำคืนไปจนมิด แล้วสิ่งที่ชาวต้าซ่งรอคอยมากว่าสามปีก็เริ่มร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ห่าฝนที่ตกลงมาในฤดูแล้งอันโหดร้ายช่วยปลุกชีวิตที่กำลังจะอดตายให้พื้นคืน
ฮ่องเต้หลี่ไท่ในวัยหกสิบชันษามองหลานสาวตัวน้อยที่หลับอยู่ในอ้อมกอดของพระองค์อย่างรักใคร่ ด้วยความแก่ชราหรือด้วยความปลื้มปิติที่ต้าซ่งรอดพ้นภัยแล้งครั้งใหญ่ในรอบหลายร้อยปีมาได้ ทำให้พระองค์มิอาจกลั้นน้ำตาไว้ได้ เ้าตัวเล็กนี่เกิดมาเพื่อโปรดสรรพชีวิตโดยแท้ ดี ดียิ่งนัก
จากนี้นามของเ้าให้เรียก หลี่เซวียน แต่งตั้งเป็กงจู่ พระราชทานนาม จิ้งเหอ
รัชศกไท่จงปีที่หกสิบ ฮ่องเต้หลี่ไท่เสด็จต ราชโองการแต่งตั้งหวงไท่จื่อหลี่เจินสืบราชบัลลังก์ แต่งตั้งหลี่หยวนเฉิง ดำรงตำแหน่งหวงไท่จื่อ แต่งตั้งหลี่เซวียน ดำรงตำแหน่งจ่างกงจู่[3]
การแต่งตั้งจิ้งเหอกงจู่ เป็จิ้งเหอจ่างกงจู่สร้างความปั่นป่วนไปทั่วทั้งราชสำนัก แม้เหล่าขุนนางจะไม่พอใจมากเพียงใดก็มิอาจทัดทานเสียงที่เห็นดีเห็นชอบจากประชาชนทั่วทั้งแคว้นได้ ด้วยจิ้งเหอจ่างกงจู่ผู้นี้เกิดมาเพื่ออุทิศชีวิตเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง สองแฝดทำสิ่งใดล้วนตัวติดกันเสมอคนพี่ชื่อเสียงดีงามคนน้องก็เช่นกัน ความสัมพันธ์ของทั้งสองแน่นแฟ้นดุจเป็ครึ่งชีวิตของกันและกัน เื่อำนาจใดไม่อาจมาแทรกกลางได้
จนวันหนึ่งในพิธีปักปิ่นที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เหล่าแคว้นน้อยใหญ่ต่างมาร่วมงานส่วนมากจะเป็องค์ชาย เป็อ๋องผู้ทรงอิทธิพลของแคว้นนั้นๆ เป้าหมายก็เป็ที่ชัดแจ้ง นั่นก็คือการสู่ขอจิ้งเหอจ่างกงจู่ไปเป็คู่ครอง ในครานั้นผู้ที่คัดค้านการเลือกสวามีให้องค์หญิงแต่งออกไปต่างแคว้นคือโจวฮองเฮาและหวงไท่จื่อหลี่หยวนเฉิงเพียงสองพระองค์เท่านั้น ส่วนเหล่าข้าราชบริพารทั้งหลายต่างเห็นพ้องเป็เสียงเดียงกันว่าสมควรให้จิ้งเหอจ่างกงจู่แต่งออกไปต่างแคว้น แม้กระทั่งไทเฮาก็ทรงเห็นชอบโดยให้เหตุผลสุดท้ายว่า 'ดาวจื่อเวย์ควรส่องสว่างที่ต้าซ่งเพียงดวงเดียว'
เป็เวลากว่าสิบห้าปีที่ต้าซ่งมีดาวจื่อเวย์ถือกำเนิดขึ้นสองดวง และด้วยเหตุผลนี้ผู้ที่ได้ตำแหน่งราชบุตรเขยไปคือรัชทายาทแคว้นเหลียวในเวลานั้นหรือก็คือฮ่องเต้องค์ปัจจุบันของแคว้นเหลียวในเวลานี้นั่นเอง
"จิ้งเหอจ่างกงจู่สิ้นพระชนแล้ว?"เมื่อซ่างกวนจือหลินดึงสติกลับมาได้ก็ถามกลับเพื่อความแน่ใจ
"เป็เช่นนั้น"
"แล้วท่าน้าให้ข้าทำสิ่งใด"
"อาตมาขอติดตามกองทัพเพื่อไปอันเชิญอัฐิของพระนางกลับมายังต้าซ่ง"
"อัฐิ?"ซ่างกวนจือหลินเน้นเสียงหนักรอบกายแผ่ไอเย็นเยียบออกมาทันทีที่ฟังวาจาของภิกษุชาจบ
จิ้งเหอจ่างกงจู่ ผู้สูงส่ง ผู้ที่ได้รับความรักเคารพจากประชาชนทั่วแคว้น แม้แต่สุสานอันเป็ที่พำนักสุดท้าย พวกสารเลวแคว้นเหลียวยังไม่ยอมสร้างให้ ถึงว่ามันเร่งยกทัพมาเพราะเหตุนี้สินะ พวกสวะตาขาวกลัวต้านทานแรงโกธรแค้นจากต้าซ่งไม่ได้ที่พวกมันทำองค์หญิงสิ้นพระชนก่อนวัยอันควรแล้วไม่ยอมแจ้งข่าวใดๆ มาเลย
เดิมทีข้าคิดว่าแค่คนราชวงค์เย่ว์ลู่ก็คงเพียงพอ
แต่เห็นทีว่าข้าคงต้องลบชื่อแคว้นเหลียวออกจากแผนทีเสียแล้ว
คนเราเมื่อทำเื่ชั่วช้า ก็อย่าได้กลัวว่าจะโดนเอาคืนด้วยความชั่วช้ายิ่งกว่า
[1] ดาวจื่อเวย์ 紫微星 (Zǐwēixīng จื่อเวย์ซิง) ซึ่งเป็ดวงดาวแห่งจักรพรรดิ “ดาวจื่อเวย์” นี้เป็ชื่ออีกเรียกอย่างของดาวเหนือ (北极星 běijíxīng เป่ย์จี๋ซิง) ความเชื่อจีนโบราณเชื่อว่าดาวเหนือ หรือวังดาวเหนือเป็ศูนย์กลางของวัง์ (ขอบคุณเคดิตข้อมูลจากเพจ ; เื่จีนๆ)
[2] หวงไท่จื่อ ในนิยามของไรท์คือ รัชทายาทลำดับหนึ่งที่ประสูติจากฮองเฮา
[3] จ่างกงจู่ ในนิยามของไรท์คือ องค์หญิงอันดับหนึ่งขั้นเอก ศักดิ์เทียบเท่า'ไท่จื่อ'คือรัชทายาทลำดับชั้นรองโอรสที่ประสูติจากพระองค์มีสิทธ์ในราชบัลลังก์อย่างชอบธรรม