ท่ามกลางสายลมอ่อนพัดโชยมา ชายหนุ่มในชุดสีดำสนิทเดินออกมารับลมด้านนอก พลางหันมองไปยังต้นท้อที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางสวน ในอดีตสถานที่นี้ เขาเคยเข้าออกบ่อยครั้ง เพราะติดตามมารดา เข้ามาหาเพื่อนรักอย่างไป๋ฮูหยิน
เวลานั้นพวกนางทั้งสอง ยังเป็หญิงสาวงดงาม ไป๋ฮูหยินเพิ่งแต่งงานเข้ามาในจวนนี้ได้ไม่กี่เดือน หลัวอินกุ้ยเฟยเดินจูงมือหยวนเฟิงอ๋องในตอนเด็กเข้ามาหาเพื่อนรัก พร้อมด้วยบ่าวรับใช้จำนวนหนึ่งติดตามมาด้วย ไป๋ฮูหยินวิ่งเข้ามาสวมกอดมารดาของเขาด้วยความดีใจ ทั้งสองจูงมือกันมานั่งบริเวณใต้ต้นท้อแห่งนี้พร้อมบ่าวไพร่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด
“หยวนเฟิง กินให้เยอะ ๆ นะ น้ายังมีขนมอีกมาก” ไป๋ฮูหยินกล่าวด้วยน้ำเสียงเมตตา ก่อนหันไปพูดคุยกับมารดาอย่างคนเข้าใจกัน นับจากจำความได้ มารดาของเขาไม่มีเพื่อนสนิทคนใดนอกจากไป๋เจินหนาน ในตอนนั้นเข้าใจว่านางเป็หญิงงดงามและใจดีไม่ต่างจากมารดา จนกระทั่งในตอนดึกคืนหนึ่งเขานอนหลับสนิท และตื่นมาเพราะเสียงสะอื้นไห้ของใครบางคน
“เหยียนหลิง!” เสียงเรียกของหลี่เทียนจินดึงสติชายหนุ่มในชุดดำให้หลุดออกจากภวังค์ หันกลับไปมองตามเสียงเรียกนั้น ร่างของหลี่เทียนจินเดินตามจางเหยียนหลิง แล้วคว้ามือนางไว้แน่น
“ฟังข้าอธิบายก่อนได้หรือไม่”
“เื่ระหว่างเรา ไม่มีอะไรต้องอธิบายอีกแล้ว มันจบไปนานแล้ว ดูสิ...เวลานี้ท่านได้เป็เขยของสกุลไป๋ ยิ่งใหญ่เพียงนี้ไม่ใช่สิ่งที่ท่าน กับท่านแม่ ้าหรอกเหรอ”
“เหยียนหลิง ข้าไม่เคยเลิกรักเ้า ั้แ่รู้ว่าเ้าตั้งครรภ์ ข้าตามหาเ้าแทบพลิกผืนฟ้า เ้าไม่รู้หรอกว่าแท้จริงแล้วข้าห่วงเ้ามาเพียงใด” หญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตา
“ห่วงหรือ? หลี่เทียนจิน ฟังให้ดี... ข้าเคยโง่เง่า เชื่อว่าความรักแท้มีอยู่จริง ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เ้าสอบเป็บัณฑิต ยอมเชื่อทุกคำพูดของเ้ากับมารดา แต่สุดท้าย ร้านสมุนไพรซึ่งเป็สิ่งเดียวที่ท่านพ่อทิ้งไว้ ข้าก็รักษาไว้ไม่ได้ แม้แต่ลูกของข้า... ข้าก็รักษาไว้ไม่ได้ ตอนนี้ข้ากลายเป็เพียงบ่าวก้นเรือนของหยวนเฟิงอ๋อง ชีวิตตกต่ำเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะคำลวงของเ้ากับแม่เ้าหรอกหรือ”
หยวนเฟิงอ๋องที่ยืนเงียบอยู่ ได้ยินดังนั้นจึงยิ้มเล็กน้อย แล้วกอดอกมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ ท่ามกลางสายลมเย็นที่พัดแ่เบา
“เหยียนหลิง เดิมทีข้าก็ไม่คิดว่าจะทุกอย่างจะเป็เช่นนี้ เดิมทีข้าเพียงแค่อยากมีเงิน มีอำนาจมาคุ้มครองดูแลเ้ากับท่านแม่ ทว่า....” เขาเว้นจังหวะ ก่อนหญิงสาวจะกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มปนหยาดน้ำตา
“สุดท้ายแล้ว ท่านก็พ่ายแพ้ให้กับความหอมหวานของอำนาจ เมื่อเป็เช่นนั้นแล้ว เราก็เดินคนละทาง ยัง้าอะไรอีก”
“แต่ไม่ว่ายังไง เ้าก็คือคนที่ข้ารัก” สายตาของหลี่เทียนจินสั่นไหว ขณะมองใบหน้างดงามของจางเหยียนหลิง เขาเอื้อมมือแตะใบหน้านางเบา ๆ ด้วยความโหยหา
ไม่นาน ร่างของไป๋หลานเสวี่ยก็ปรากฏขึ้น นางเดินตรงเข้ามาผลักจางเหยียนหลิงออกห่างสามีด้วยความหึงหวง ก่อนจะฟาดมือลงบนใบหน้าหลี่เทียนจินอย่างแรง
“ทั้ง ๆ ที่ข้าตั้งครรภ์อยู่ ทั้ง ๆ ที่อยู่ในจวนของข้า ท่านยังกล้าทำเช่นนี้ หลี่เทียนจิน...ท่านจะเอายังไง เลือกนางหรือเลือกข้า?” เขาเงียบ ไม่ตอบ
“ไยต้องให้เขาเลือก?” จางเหยียนหลิงยิ้มเล็กน้อย แล้วเอ่ยขึ้น
“เพราะไม่ว่ายังไง เขาก็เลือกท่านอยู่ดี ท่านเองก็เข้าใจดีนี่ ว่าอำนาจมันหอมหวานแค่ไหน” กล่าวจบ นางก็เบี่ยงกายเดินจากมา ทว่าในตอนนี้ความเ็ปที่มีค่อย ๆ ลดน้อยถอยลง หลงเหลือเพียงความทรงจำจาง ๆ ที่ไม่สามารถทำร้ายนางได้อีก ก่อนก้าวพ้นจุดนั้น นางก็ชะงักเล็กน้อย เมื่อสบสายตากับหยวนเฟิงอ๋องที่มองมาด้วยแววตาเรียบเฉย
‘เขาตรงหน้าก็เช่นกัน ไว้ใจไม่ได้เด็ดขาด’ นางคิดในใจ แล้วจึงย่างเท้าเข้าไปหาเขา ท่ามกลางสายลมที่พัดเบา ๆ กระทบร่าง ชายหนุ่มในชุดดำยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนเอ่ยขึ้น
“วาดภาพเสร็จแล้วหรือ?”
“เสร็จแล้วเ้าค่ะ อย่าลืมข้อตกลงของเรา เงินจากการวาดภาพเป็ของข้าครึ่งหนึ่ง” หยวนเฟิงอ๋องเดินเข้ามาใกล้ พลางเหลือบตามองหลี่เทียนจิน ที่ยังจับจ้องมาทางพวกเขา
“ข้าพูดคำไหนย่อมเป็คำนั้น” เขาแสร้งเอื้อมมือจับศีรษะนางเบา ๆ แล้วยิ้ม ก่อนปรายตามองหลี่เทียนจิน ที่พยายามกลบเกลื่อนความหึงหวงไว้ในใจ หญิงสาวเบี่ยงตัวหลบััของเขาเล็กน้อย เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเรียบ
“เช่นนั้นพาข้าไปรับเงิน จะได้ออกจากที่นี่”
“จะรีบร้อนอะไรนักเล่า?” เสียงเขาทำให้นางชะงักฝีเท้า
“ข้าเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้ว่า ไป๋หลานเสวี่ยเองก็ตั้งครรภ์ มิน่าล่ะ...” ชายหนุ่มลดสายตามองที่หน้าท้องของนาง ก่อนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“เหตุใดเ้าจึงสะบักสะบอม ราวกับเอาชีวิตไม่รอด” คำพูดเน้นย้ำ ร่วมกับสายลมที่พัดวูบปะทะกาย จนหญิงสาวรู้สึกราวกับหัวใจถูกควักออกมาเหยียบย่ำ
“เ้าคิดจะปล่อยคนเ่าั้ไปง่าย ๆ อย่างนั้นเหรอ สิ่งที่พวกเขาทำกับเ้า เกินกว่าคำว่าคน” เขาก้าวเข้าใกล้ แล้วกระซิบถามด้วยรอยยิ้มเ้าเล่ห์ นางฝืนยิ้มบางก่อนเอ่ยตอบ
“เป็เื่ของข้า ไม่เกี่ยวกับท่าน” พูดจบ ก็หมุนกายเดินจากไป ก่อนเขาคว้ามือนางไว้แน่น
“หากเป็ข้า ข้าไม่มีทางอยู่นิ่งเฉย คนพวกนั้น...สมควรได้รับผลกรรม ให้ข้าช่วยดีหรือไม่?” สายตาเ้าเล่ห์ของเขาทำให้นางฝืนยิ้มแล้วตอบกลับ
“ท่านช่วยข้า แล้วท่านจะได้ประโยชน์อะไร?” เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกำมือนางแล้วพาหญิงสาวเดินหายลับเข้าไปในเรือนหลังใหญ่ หลี่เทียนจินทำท่าจะก้าวตาม แต่กลับถูกไป๋หลานเสวี่ยรั้งไว้
“ท่านพี่...หากท่านก้าวอีกเพียงก้าวเดียว ข้าจะบอกความจริงกับทุกคน ว่าท่านหลอกลวงข้า แท้จริงแล้ว...ท่านมีภรรยาอยู่ก่อนแล้ว อยากรู้ว่าท่านพ่อจะจัดการท่านยังไง?”
“ไป๋หลานเสวี่ย..เ้า!” เขาลืมตัวจนเผลอชี้หน้าใส่หญิงสาว ก่อนนางจะจับมือเขาลงอย่างรวดเร็วแล้วตอบกลับ
“อย่าลืม ว่าข้าเป็บุตรสาวคนเดียวของสกุลไป๋ ข้าพูดอะไร ท่านพ่อท่านแม่ก็ต้องเชื่อ ในเมื่อข้าเป็ภรรยาที่ได้ตบแต่ง ท่านก็ไม่มีสิทธิ์รักหญิงอื่น นอกจากข้าเท่านั้น” ถ้อยคำของนางคลอเคล้าด้วยน้ำตา ก่อนจะดึงมือเขากลับเข้าจวนรับรองไปอย่างรวดเร็ว
ภายในเรือนใหญ่ หยวนเฟิงอ๋องจูงจางเหยียนหลิงเข้าไปด้านใน ข้าวของภายในยังคงถูกจัดวางไว้อย่างเป็ระเบียบ เช่นเดียวกับพู่แขวนมงคล ที่หลัวอินกุ้ยเฟยเคยมอบให้กับไป๋ฮูหยิน ตอนที่เขาเป็เด็ก...
ชายหนุ่มในชุดสีดำสนิทจ้องมองพู่แขวนไม่วางตา ก่อนจางเหยียนหลิงสังเกตเห็นจึงหันมองตาม เขาจึงรีบละสายตาแล้วซ่อนความเ็ปบางอย่างไว้ พร้อมบ่าวรับใช้เดินเข้ามาน้อมกายเอ่ยขึ้น
“นายท่านกำลังไปเตรียมเงินมาให้เ้าค่ะ เชิญท่านอ๋องและแม่นางจางเหยียนหลิงนั่งรอสักครู่” บ่าวรับใช้พูดจบ จึงเดินจากไป ไม่นานนักร่างของไป๋เซิ่นเยว่ และภรรยาก็เดินออกมาพร้อมเงินจำนวนหนึ่งในมือ
“ขอโทษที่ทำให้ท่านอ๋องรอนาน พอดีแวะไปดูภาพที่แม่นางเหยียนหลิงวาดไว้ ช่างงดงามมากจริง ๆ” ชายกลางคนเอ่ยชมพลางยื่นเงิน ที่ใส่ถุงผ้าไหมไว้อย่างดีให้ ก่อนสายตาของไป๋ฮูหยินจะจับจ้องมองมายังหยวนเฟิงอ๋อง แล้วเอ่ยขึ้น
“อีกไม่กี่วันจะถึงวันเฉลิมพระชนมพรรษาของฮ่องเต้ ข้าได้ยินมาว่าท่านอ๋องมิได้เข้าร่วมพิธีราชสำนักมานานแล้ว...ยังจำวันสำคัญเหล่านี้ได้อยู่หรือไม่?”
“เ้าจะพูดเื่นี้ทำไม?” ไป๋เซิ่นเยว่รีบปรามภรรยา ก่อนโค้งตัวเล็กน้อยแล้วกล่าวกลบเกลื่อน
“อย่าได้ถือสานางเลย พอดีปีนี้พิธียิ่งใหญ่กว่าทุกปี ท่านอ๋องก็หาใช่คนนอกไม่ เป็ถึงโอรสองค์โต ขุนนางทั้งหลายคงเฝ้าคิดถึง” หยวนเฟิงอ๋องรับถุงเงินมา แล้วยื่นให้จางเหยียนหลิง ก่อนจะกล่าวด้วยท่าทีเรียบเย็น
“ในเมื่อไป๋ฮูหยินอุตส่าห์เตือน เช่นนั้น...ปีนี้ข้าคงควรไปสักครั้ง” เมื่อถ้อยคำสิ้นสุด แววตาของไป๋ฮูหยินก็สั่นระริกด้วยความประหลาดใจ ชายกลางคนฝืนยิ้มแล้วตอบกลับ
“ฮ่องเต้ต้องดีพระทัยมากเป็แน่” หยวนเฟิงอ๋องไม่กล่าวสิ่งใด เขาเพียงลุกขึ้นแล้วเดินออกจากจวนสกุลไป๋ ท่ามกลางสายลมอ่อนพัดโชยมาเป็ระลอก
“ไร้มารยาท!” ไป๋ฮูหยินพึมพำขึ้นมาเบา ๆ ก่อนไป๋เซิ่นเยว่จะตอบกลับ
“ไร้มารดาอบรมสั่งสอน ก็เป็เช่นนี้แหละ เ้ามั่นใจเถอะ เขาไม่กล้าไปงานใหญ่เช่นนั้นหรอก” ชายกลางคนกล่าวอย่างไม่สนใจมากนัก
ภายในรถม้าที่ค่อย ๆ เคลื่อนออกจากจวนสกุลไป๋ จางเหยียนหลิงก้มมองถุงผ้าไหมในมือที่หนักอึ้งนางค่อย ๆ เทเงินออก แล้วแบ่งครึ่งให้กับเขาอย่างที่ตกลงกันไว้
ชายหนุ่มหล่อเหลา เหลือบตามองมือบางของนางที่ยื่นเงินให้ ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก
“เ้าเป็บ่าวรับใช้คนแรก ที่หาเงินให้ข้าได้ หลี่เทียนจินช่างโง่เขลานัก ที่กล้าทิ้งภรรยาเช่นเ้าแล้วเลือกเอาไป๋หลานเสวี่ย” เขาพูดพลางเลื่อนสายตามองกิริยาของนาง ก่อนจะหยิบเงินแล้วกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเ้าเล่ห์
“ไหน ๆ ก็ถึงขั้นนี้แล้ว เหตุใดเ้าจึงไม่บอกความจริงกับสกุลไป๋ ว่าเ้าก็เป็ภรรยาอีกคนของหลี่เทียนจิน” หญิงสาวนิ่งเงียบครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ข้าก็เป็เพียงหญิงธรรมดาคนหนึ่ง ไม่มีพ่อแม่เป็ขุนนาง ไม่มีตระกูลสูงศักดิ์ แม้จะเคยเป็ภรรยาของหลี่เทียนจินแล้วอย่างไร คิดว่าพวกเขาจะใส่ใจเหรอ สุดท้าย...คนที่อาจถูกเล่นงานกลับเป็ข้าเอง เวลานี้ยังไม่ถึงวันที่พวกเขาควรรับรู้ความจริง” ใบหน้างดงามของนางตอบกลับอย่างไม่ยินดียินร้าย
“ข้ารู้ ว่าเ้าอยากแก้แค้น” คำพูดของเขาเปล่งออกมาอย่างเ็า จนนางชะงัก ก่อนจะจ้องหน้าชายหนุ่ม
“เื่นั้นเป็เื่ของข้า ท่านไม่เกี่ยว” นางเอ่ยเสียงนิ่ง สายตาไร้ซึ่งความหวั่นไหว ชายหนุ่มใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มอย่างครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงรอยยิ้ม
“ข้าไม่เกี่ยวอย่างนั้นหรือ? เ้าคิดว่าหญิงสามัญธรรมดาอย่างเ้า จะแตะต้องคนพวกนั้นได้อย่างไร หากไม่มีข้า งานเฉลิมฉลองวันประสูติของฮ่องเต้ที่ใกล้จะมาถึง...ข้าจะพาเ้าไปร่วมงานด้วย ตัดสินใจเอาเอง ว่าจะจัดการกับคนพวกนั้นอย่างไร” พูดจบ เขาก็มองใบหน้างดงามของนาง พลันชี้แนะบางอย่าง
“ไป๋หลานเสวี่ยน่ะ นางไม่ใช่คนฉลาด ความหึงหวงของนาง จะกลายเป็อาวุธชั้นดีให้เ้า ไม่จำเป็ต้องมีอำนาจ ฐานะ หรือตำแหน่งใด ๆ ก็สามารถแก้แค้นได้เช่นกัน” หญิงสาวเลื่อนสายตามองชายหนุ่มแล้วนิ่งเงียบ
ก่อนภาพของหลี่ชิงหลี ที่หลอกให้นางกินยาขับเืค่อย ๆ ลอยเข้ามาในสมอง มือเล็กค่อย ๆ กำเบียดกันแน่นจนสั่นระริก ทว่าไม่พ้นสายตาหยวนเฟิงอ๋องที่แอบมองกิริยาของนาง ก่อนเขาจะเผลอยิ้มมุมปากออกมาเบา ๆ
“คนที่อยู่ได้ด้วยความแค้น คือคนที่อยู่อย่างมีจุดมุ่งหมาย” หยวนเฟิงอ๋องพูดจบ ก็ยื่นเงินคืนให้อีกฝ่าย แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“เก็บเศษเงินพวกนี้ไว้เถอะ เ้าอาจต้องใช้เวลาอีกหลายปี ถึงจะไถ่ร้านสมุนไพรของเ้าให้กลับคืนมาได้”
“ท่านรู้?” หญิงสาวเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
เขาเพียงมองตอบด้วยแววตาเยือกเย็น
“ทุกเื่ที่เกี่ยวกับเ้า ไม่มีเื่ใดที่ข้าไม่รู้!” คำตอบนั้น ทำให้นางต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ใช่...ขอเพียงแค่ป้ายชื่อสกุลหลี่ถูกปลดลงมา ต่อให้ต้องเข้าใกล้ชายอันตรายเช่นเขาไปอีกนานเพียงใด นางก็ยอม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้