หลังจากที่บินติดต่อกันเป็เวลาสิบวันสิบคืน ในที่สุดก็ได้เห็นเรือเหาะิญญาขนาดใหญ่สองลำที่มีรูปร่างแปลกประหลาดอยู่กลางทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไพศาล! และมีผู้คนจำนวนมากที่ยืนไม่ก็นั่งอยู่ที่ด้านหน้าของเรือเหาะ
‘สำนักภูตผีน้ำแข็งลี้ลับ’ เป็เรือโครงกระดูกขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของภูตผี ส่วน ‘สำนักแม่มดเพลิงร้อน’ เป็เรือเหาะิญญาที่มีรูปร่างเหมือนเต่าิญญาตัวสีแดงขนาดใหญ่ั์!
ว่ากันว่าสัตว์ิญญาผู้พิทักษ์ของสำนักแม่มดเพลิงร้อน [เต่าิญญาเพลิงจ้า] เป็สัตว์ิญญาระดับห้าขั้นกลาง
สัตว์อสูร สัตว์ิญญา และนกิญญามีระดับสูงสุดคือระดับเก้า
ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูร สัตว์ิญญา และนกิญญาระดับหนึ่งนั้นเทียบได้กับผู้ใช้พลังิญญา ระดับสองเทียบเท่ากับปรมาจารย์ิญญา...และระดับห้าเทียบได้กับาาิญญา
ในอาณาจักรซินโยว เคยมีสัตว์อสูรที่มีระดับสูงถึงระดับเจ็ดปรากฏอยู่ แต่หลังจากผ่านการต่อสู้หลายครั้ง จนทำให้เขตแดนได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ทำให้พลังิญญาในอากาศค่อยเบาบางลง ทำให้ใน่สามพันปีที่ผ่านมา จากบันทึกทางประวัติศาสตร์ สัตว์อสูร และสัตว์ิญญาที่แข็งแกร่งที่สุดที่พบคือระดับห้า
สัตว์ิญญาผู้พิทักษ์ที่อยู่ระดับห้าขั้นกลางนั้น ทั่วทั้งอาณาจักรซินโยวมีเพียงสองสำนักเท่านั้นนั่นคือสำนักคุมสัตว์ิญญา และสำนักแม่มดเพลิงร้อน! ดังนั้นเรือเหาะิญญาของทั้งสองสำนักนี้ โดยเฉพาะเรือเหาะิญญาขนาดใหญ่ที่เป็เหมือนดั่งสัญลักษณ์ของสำนัก จึงถูกสร้างขึ้นโดยเลียนแบบรูปร่างของสัตว์ิญญาผู้พิทักษ์! เพื่อเป็การแสดงให้เห็นถึงบุญคุณของสัตว์ผู้พิทักษ์ที่มีให้กับสำนัก
ส่วนสำนักใหญ่ทั้งสามที่เหลือไม่มีสัตว์ผู้พิทักษ์อย่างสำนักิญญาเมฆา มีสัตว์ิญญาที่มีระดับสูงสุดแค่ระดับสี่ขั้นสูงสุดเท่านั้น ซึ่งเทียบได้กับความแข็งแกร่งระดับบรรพชนิญญาเท่านั้น ซึ่งความแข็งแกร่งในระดับนี้ย่อมไม่สามารถใช้ปกป้องสำนักได้
สัตว์ิญญาที่จะสามารถเรียกได้ว่าเป็สัตว์ผู้พิทักษ์นั้น ต้องมีพลังแทบจะเท่าเทียมกันกับผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนัก จึงจะสามารถรับผิดชอบในการปกป้องสำนักได้
...
เมื่อลงจอด บรรดาผู้าุโสูงสุดของสำนักทั้งห้าก็มารวมตัวกันเพื่อพบปะพูดคุย ส่วนบรรดาลูกศิษย์ของสำนักทั้งสามที่นำโดยสำนักิญญาเมฆา จะอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้าุโระดับบรรพชนิญญาสองคนและผู้ช่วยระดับมหาปรมาจารย์ิญญาห้าคน พวกเขาต่างก็ทำตามอย่างอีกฝ่าย นั่งขัดสมาธิพักผ่อนเช่นเดียวกับศิษย์ของสำนักภูตผีน้ำแข็งลี้ลับ และสำนักแม่มดเพลิงร้อนที่มาถึงก่อน
เซียวหลิงอวิ๋นนั่งขัดสมาธิและเริ่มฝึกวิชาเคล็ดวิชาเซียนเต่ากระเรียน เมื่อเข้ามาในทะเลทรายอันกว้างใหญ่และร้อนระอุนี้ เซียวหลิงอวิ๋นรู้สึกได้ว่าเคล็ดวิชาเซียนเต่ากระเรียนนี้ ทำให้ตัวเขารู้สึกสดชื่นขึ้นมากและทำให้ประสิทธิภาพในการฝึกวิชาอยู่ในระดับยอดเยี่ยม!
‘เคล็ดวิชาเซียนเต่ากระเรียน’ มีทั้งหมดสิบห้าขั้น แต่ระดับไม่สูงนัก มีระดับสูงสุดแค่เพียงระดับเหลืองเท่านั้น แต่เซียวหลิงอวิ๋นก็ได้ทำการเลือกเฟ้นมาจากวิชารักษาสุขภาพมากมายแล้ว ซึ่งไม่เพียงแต่จะมีผลในการยืดอายุขัยเท่านั้น แต่ที่สำคัญคือสามารถเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกายและเพิ่มความเร็วในการรักษาาแอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ตัวเขาฝึกสำเร็จแค่เพียงขั้นที่สองเท่านั้น แต่จากการต่อสู้ที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นถึงพลังฟื้นฟูที่เหนือกว่าผู้อื่นแล้ว
หากสามารถบรรลุขึ้นไปอีกสักหนึ่งถึงสองขั้นหรือมากกว่านั้นได้ ย่อมจะเป็ประโยชน์ต่อการเดินทางไปยังโลกเร้นลับของเขาไม่น้อย
เซียวหลิงอวิ๋นจึงฝึกเคล็ดวิชาเซียนเต่ากระเรียนขั้นที่สามไปพร้อมกับสังเกตเหล่าศิษย์ที่เก่งกาจของสำนักทั้งสี่
สายตาของเซียวหลิงอวิ๋นนั้นเฉียบแหลมเพียงใด คงไม่ต้องอธิบาย เพียงแค่สังเกตก็สามารถรับรู้ได้เหนือกว่าผู้อื่นแล้ว และสามารถแยกแยะอัจฉริยะของสำนักทั้งสี่ออกได้ทันที
สำหรับศิษย์ที่อยู่ในระดับผู้ใช้พลังิญญา เซียวหลิงอวิ๋นเพียงแค่มองผ่านๆ เท่านั้น คู่ต่อสู้ในระดับนี้ไม่ว่าจะเก่งกาจเพียงใดก็ไม่ได้เป็ภัยอันตรายสำหรับตัวเขาและพวกฉินหรูเยียนเลย ที่น่าสนใจคืออัจฉริยะระดับปรมาจารย์ิญญาของสำนักทั้งห้า
มีเพียงบุคคลที่แข็งแกร่งกว่าหนึ่งระดับขึ้นไปเท่านั้นที่จะเป็ภัยคุกคามต่อเขาและฉินหรูเยียน!
อัจฉริยะระดับปรมาจารย์ิญญาในสำนักทั้งห้า โดยเฉพาะปรมาจารย์ขั้นสูงเหล่านี้ เชื่อว่าในอนาคตหลายคนอาจจะกลายเป็คู่ต่อสู้ของเขาจริงๆ ก็เป็ได้!
หลังจากที่สังเกตดูแล้ว เซียวหลิงอวิ๋นก็ไม่ค่อยพึงพอใจกับปรมาจารย์ิญญาของสามสำนักใหญ่ของฝั่งนี้นัก
ผู้นำระดับปรมาจารย์ิญญาของสำนักภูตผีน้ำแข็งลี้ลับ และสำนักแม่มดเพลิงร้อนนั้นแข็งแกร่งกว่าผู้นำของสำนักทั้งสามของทางฝั่งนี้อย่างชัดเจน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวผิวซีดจากสำนักภูตผีน้ำแข็งลี้ลับ พลังิญญาของนางนั้นไม่เพียงแต่จะแข็งแกร่งเท่านั้น แต่ในขณะที่นางกำลังนั่งอยู่ พลังหนาวเย็นกลับไหลเวียนไปทั่วร่างกายของนางในทันที แม้แต่บรรดาศิษย์คนอื่นๆ ของสำนักภูตผีน้ำแข็งลี้ลับที่ฝึกฝนวิชาธาตุน้ำแข็งเช่นเดียวกันหลายคนก็ยังต้องนั่งห่างออกไปไกลๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ตัวของนางในระยะห้าสิบจั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของวิชาธาตุน้ำแข็งของหญิงสาวคนนี้
หญิงสาวคนนี้จะต้องเป็ผู้ที่มีความแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาศิษย์ที่เข้าร่วมการฝึกในโลกเร้นลับเมืองโบราณหลิงกุยในครั้งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
แม้แต่ตัวผู้นำของสำนักแม่มดเพลิงร้อน ที่เป็ชายหนุ่มที่แข็งแกร่งก็ยังด้อยกว่านาง
โชคดีที่เมื่อเมืองโบราณหลิงกุยเปิดออก จะมีทางเข้าสองทางแยกจากกันต่างหากเพื่อแยกผู้ใช้พลังิญญากับปรมาจารย์ิญญาออกจากกัน ไม่อย่างนั้น แม้แต่เซียวหลิงอวิ๋นกับฉินหรูเยียนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหญิงสาวคนนี้เลย
หากต้องสู้กับหญิงสาวคนนี้แล้ว อย่าว่าแต่ย่างก้าวขึ้นเป็ปรมาจารย์ิญญาครึ่งตัวเลย คงต้องบรรลุขึ้นเป็ปรมาจารย์ิญญาโดยสมบูรณ์เสียก่อน จึงจะสามารถสู้กับนางได้!
เซียวหลิงอวิ๋นจึงสามารถทำได้แค่เพียงอวยพรให้ปรมาจารย์ิญญาของสำนักใหญ่ทั้งสามในใจ ขอให้โชคดีเท่านั้น!
หนึ่งชั่วยามต่อมา เหล่าผู้าุโสูงสุดของสำนักใหญ่ทั้งห้าก็ออกมาพร้อมกัน และเรียกเหล่าตัวแทนสำนักของตนเองที่เข้าร่วมการฝึกในโลกเร้นลับในครั้งนี้ให้เข้าไปพบ
เซียวหลิงอวิ๋น ฉินหรูเยียน จ้าวหนีอิ่ง หม่าิฮุ่ย อูเสี่ยวหมิน และผู้นำปรมาจารย์ิญญาขั้นสูงทั้งห้าอย่างหานจื้ออี้และเฉินิจวิน รวมทั้งสิ้นสิบคนเข้าไปในห้องปิดอาคมที่ิชางไห่สร้างขึ้นด้วยอาคมิญญา!
หุ่นเชิดิญญา? เมืองโบราณ? จากการสำรวจทั้งสองครั้งแรก พบว่ามีหุ่นเชิดิญญาไม้ หุ่นเชิดิญญาเหล็ก และหุ่นเชิดิญญาทองแดง รวมทั้งสิ้นสามชนิด
ในครั้งนี้หากมีการเปิดเมืองชั้นในขึ้น ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะต้องมีหุ่นเชิดิญญาที่มีระดับสูงกว่าปรากฏขึ้นอย่างแน่นอน!
หุ่นเชิดไม้จะมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับนักยุทธ์ ในขณะที่หุ่นเชิดเหล็กจะเทียบเท่ากับผู้ใช้พลังิญญา และหุ่นเชิดทองแดงจะเทียบเท่ากับปรมาจารย์ิญญา และหุ่นเชิดิญญาที่มีระดับสูงกว่านั้นก็ย่อมต้องเทียบเท่ากับมหาปรมาจารย์ิญญาแน่!
หากแค่หนึ่งถึงสองตัว หรือมาในปริมาณน้อยก็ยังดีอยู่ แต่หากมาในปริมาณมาก การฝึกในครั้งนี้ก็อาจเข้าไปได้แต่กลับออกมาไม่ได้อีกเลย
เซียวหลิงอวิ๋นจึงไม่เห็นด้วยกับการประกาศของบรรดาผู้าุโสูงสุดของสำนักใหญ่ทั้งห้า หากรู้เื่นี้ก่อนแล้วก็ควรเตรียมป้ายหยกเคลื่อนย้ายเพิ่มในจำนวนที่มากกว่านี้ ไม่ใช่แค่แจกให้กับพวกเขาสิบคนเท่านั้น แต่ควรแจกให้กับบรรดาศิษย์ทุกคนต่างหาก จริงอยู่ที่ศิษย์เหล่านี้ล้วนเป็ผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นในสำนักใหญ่ทั้งห้า แต่ทางสำนักใหญ่ไม่รู้สึกเสียดายศิษย์คนอื่นๆ ที่อาจาเ็ล้มตายบ้างเลยหรือ?
เื่นี้ช่างพิกลนัก!
อย่างไรก็ดี หลังจากทราบว่าอาจมีหุ่นเชิดิญญาที่มีระดับสูงถึงมหาปรมาจารย์ิญญาแล้ว เซียวหลิงอวิ๋นก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะรับป้ายหยกเคลื่อนย้ายที่สามารถหยดเืของตัวเองมา การมีสิ่งนี้ในก็เท่ากับมีวิธีการรักษาชีวิตตัวเองเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งวิธี หากสู้ไม่ได้ก็แค่ทำลายมัน จึงจะสามารถย้ายออกมาข้างนอกได้อย่างปลอดภัย
นอกจากนี้ป้ายหยกเคลื่อนย้ายทุกอันก็ยังสามารถหยดเืเพื่อยืนยันเ้าของได้ด้วย แม้ว่าเื่นี้จะถูกแพร่งพรายออกไป แต่คนอื่นก็ไม่สามารถใช้ได้อยู่ดีหากถูกชิงป้ายหยกไป!
...
เมื่อพระอาทิตย์ตกดินและท้องฟ้าทางทิศตะวันตก เหลือแค่เพียงแสงสีชมพูอันงดงาม นอกจากตี๋จั๋วรื่อแล้ว ผู้าุโสูงสุดทั้งห้าของสำนักใหญ่ทั้งห้าต่างก็พากันเหาะขึ้นสู่ฟ้าด้วยความเข้าใจกันโดยปริยาย
จากนั้นแต่ละคนก็เรียกใช้เคล็ดวิชาิญญาของตัวเอง ยิงไปยังพื้นที่ว่างข้างหน้า!
คนที่ปล่อยออกมาก่อนคือผู้าุโผมแดงของสำนักแม่มดเพลิงร้อน เมื่อสองมือประกบกัน พลังิญญาไฟอันบริสุทธิ์ก็มารวมตัวกันจนกลายเป็ฝ่ามือั์ตบลงมา
“เปรี้ยง!” พร้อมด้วยเสียงดังก้องไปทั่วทั้งท้องฟ้า พื้นที่ว่างห่างก็ปรากฏเป็คลื่นที่วิ่งห่างออกไปเป็ระยะสิบกว่าลี้!
ราวกับมีก้อนหินขนาดใหญ่ตกลงไปในทะเลสาบและก่อให้เกิดคลื่นน้ำเป็วงกว้าง
จากนั้นิ่ชางไห่ จางเทียนเซี่ยว และจูเหวินฝู ผู้าุโสูงสุดทั้งสามก็ใช้วิชาิญญาที่รุนแรงเพื่อโจมตีไปยังจุดที่เกิดคลื่นกระเพื่อมทันที
คลื่นที่ทั้งสูงและกว้างปรากฏขึ้น เกิดเป็คลื่นที่ซ้อนทับกันอย่างถี่ กระเพื่อมออกไปอย่างต่อเนื่อง ขอบเขตที่ได้รับผลกระทบกขยายตัวออกอย่างรวดเร็วไปจนได้หลายสิบตารางกงลี้[1] “เปิดออก!” เสียงะโอย่างเย็นะเืดังขึ้นม แล้วผู้าุโผอมสูงของสำนักภูตผีน้ำแข็งลี้ลับก็สะบัดมือที่เหมือนกับกรงเล็บนกออกไปในอากาศทันที
เกิดเป็แสงสีเขียวพุ่งออกมาราวกับสายฟ้า ั์เขียวที่สูงถึงร้อยจั้งปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ ตามด้วยเสียง “เปรี้ยงๆ” สองเสียงที่ดังก้องกัมปนาทไปทั่วทั้งท้องฟ้า!
แล้วก็มีปรากฏการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้น เมื่อประตูแสงสองบานค่อยๆ ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ราวกับว่าก่อนหน้านี้มันถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยกำแพงอำพราง!
โดยประตูทางด้านซ้ายมีสีขาวนวล และทางด้านขวามีสีฟ้าอ่อน!
---------------------------------------------
[1] 1 ตารางกงลี้ = 1 ตารางกิโลเมตร
