ลึกเข้าไปในถ้ำ มีกระสอบสีดำซึ่งดูเหมือนจะมีคนดิ้นอยู่ในนั้นตลอดเวลา
“อู้...อู้...อู้อู้...”
เหมือนคนที่อยู่ในกระสอบจะได้ยินเสียงฝีเท้าของเวินซจึงดิ้นแรงขึ้นกว่าเดิม ทั้งยังส่งเสียงร้องไม่หยุด
“คุณหนูเวิน จะเข้าไปดูหรือไม่เ้าคะ?” หรานอิ่งชุนคว้าแขนของเวินซีไว้ แล้วเอ่ยอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“คุณหนูรอข้าอยู่ที่นี่”
เวินซีพูดนิ่งๆ แกะแขนนางออก แล้ววิ่งไปข้างหน้า พลันนั่งยองๆ ข้างกระสอบและสังเกตดู
เชือกที่มัดกระสอบนั้นพันกันมั่วมาก นางใช้กริชตัดแล้วกรีดกระสอบออกก่อนที่คนที่อยู่ข้างในจะออกมา
ทว่าทั้งมือและเท้าของนางถูกมัดไว้แน่น อีกทั้งยังถูกปิดตาและอุดปาก นางจึงดิ้นไปมาอยู่บนพื้น
เวินซีรู้สึกคุ้นๆ เมื่อเห็นเสื้อผ้าที่นางสวมใส่
“อู้...อู้...อู้อู้...” นางคลานไปที่เท้าของเวินซีเพื่อขอความช่วยเหลือ
เวินซีกลับมาได้สติจึงช่วยแกะเชือกที่มัดนางไว้
หลังจากที่ได้อิสระ สตรีผู้นั้นก็รีบลุกขึ้นนั่งและดึงผ้าในปากของตนออก ตามด้วยผ้าที่มัดดวงตา
ในตอนที่กำลังจะปลดเชือกที่เท้า สายตาก็เหลือบไปเห็นเวินซีที่ช่วยตนไว้ นางจึงตัวสั่น “เ้ามาอยู่ที่นี่ได้เช่นไร? เ้าก็โดนจับมาเช่นกันหรือ?”
“ฮูหยินซู มิได้เจอกันนานเลยนะเ้าคะ ข้ามาเป็แขกที่นี่เ้าค่ะ” เวินซีตอบด้วยรอยยิ้ม
“เป็แขกหรือ?” ฮูหยินซูส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ นางรีบแก้เชือกแล้วลุกขึ้นยืน
“ฮูหยินซู เหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้? ท่านมิได้หนีไปกับเ้านายหรือ? ท่านถูกเขาทิ้งหรือ?”
“เ้า! พูดไร้สาระอันใด? เ้าก็อยู่ที่นี่เช่นกัน อันใดกัน จ้าวต้านทิ้งเ้าไว้ที่นี่หรือ?” ฮูหยินซูโกรธมากและเอาแต่ด่าทอ
นางมองไปรอบๆ ถ้ำและคิดจะหนีออกไป แต่เมื่อคิดได้ว่าที่นี่เป็ถ้ำของพวกโจรป่า จึงไม่กล้าทำการใดบุ่มบ่าม นางทำได้เพียงจ้องมองเวินซีตาเขม็ง
“ฮูหยินซู อยากออกไปจากที่นี่หรือไม่? ข้าพาท่านลงเขาไปได้ แต่ท่านต้องบอกข้าว่าเหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เวินเยียนกับหลานเยว่เฉิงไปอยู่ที่ใด?” เวินซียิ้มพลางเอ่ยด้วยท่าทีสนุกสนาน
“คิดว่าข้าโง่อย่างนั้นหรือ?” ฮูหยินซูระแวงในตัวเวินซีมาก
“เช่นนั้นก็ไม่เป็อันใด อิ่งชุน พวกเราไปกันเถิด”
“เ้าค่ะ เ้าค่ะ”
หรานอิ่งชุนพยักหน้า รีบเดินไปข้างเวินซีและจับมือ ทั้งสองแสร้งทำท่าจะออกไป
“เ้า... ข้าพูดแล้ว ข้าพูดแล้ว” เมื่อนึกถึงพวกโจรที่ดุร้ายเ่าั้ ฮูหยินซูก็ไม่คิดจะขัดขืน นางถอนหายใจหนักๆ พลันเอ่ยปาก
“เช่นนั้นก็ว่ามา” เวินซีหยุดเดินแล้วหันกลับไปมอง
ฮูหยินซูมีสีหน้าน่าเกลียดยิ่งนัก นางพูดโดยไม่เต็มใจ
“วันนั้นข้าได้รับสารจากนายท่าน หลังจากที่ส่งนายท่านที่าเ็หนักออกไปได้แล้วข้าก็ออกมาจากซุ่ยเฟิงโหลวพร้อมกับคนรับใช้สองสามคน คิดจะรีบไปเมืองซู่เหอเพื่อพบกับนายท่าน”
“แต่ผู้ใดจะคิดกันว่าคนรับใช้พวกนั้นไม่ชอบข้าอยู่นานแล้ว พวกเขาถือโอกาสในตอนที่ข้านอนหลับมัดข้าไว้ คิดจะฆ่าข้า”
“ในตอนที่พวกเขากำลังจะลงมือ พวกโจรป่าก็เข้ามาล้อมรถม้าไว้ และฆ่าพวกเขาจนไม่เหลือ ส่วนข้าก็ถูกจับใส่กระสอบมาที่หมู่บ้านบนเขา”
“ข้าก็ขาดการติดต่อกับคุณหนูเวินเยียนและนายท่านไป แต่...พวกเขาน่าจะไปถึงเมืองซู่เหอแล้วล่ะ”
“แล้วเื่บ่อนพนันใต้ดิน ฮูหยินซูคิดจะบอกหรือไม่?”
“เวินซี เ้ามิได้บอกนี่ว่าให้ข้าพูดเื่นี้ หากเ้าดึงดันจะถามเื่นี้ก็ออกไปเถิด” เมื่อเอ่ยถึงบ่อนพนัน ฮูหยินซูก็อารมณ์ขึ้น สายตาของนางจ้องเขม็งไปที่หรานอิ่งชุน ทำให้นางหวาดกลัว
“ไม่พูดก็ไม่ต้องพูด ไปกันเถิด ข้าจะพาออกไป” เวินซีพูดอย่างไม่สนใจ
นางหันกายเดินกลับออกไป ฮูหยินซูจึงเดินตามไปอย่างประหม่า สายตาของนางคอยสังเกตรอบข้างอยู่ตลอด
เมื่อเห็นว่าทางข้างหน้าเต็มไปด้วยโจรป่า นางก็หวาดกลัว จนกระทั่งเมื่อแน่ใจแล้วว่าเวินซีเป็แขกของที่นี่จริงๆ จากที่นางใก็มีความกล้าขึ้นมา
“เดินตามทางนี้ไปตรงๆ ก็จะลงเขาไปได้ ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากเมืองซู่เหอนัก ท่านออกไปคนเดียวเถิด นายท่านของท่านจะต้องไม่เห็นข้าแล้วคิดว่าท่านทรยศเขา” เวินซีส่งฮูหยินซูที่ประตูหมู่บ้านพร้อมกับบอกทางให้
“ไม่ไกลหรือ? หากมีรถม้าน่ะนับว่าไม่ไกล แต่ข้าไม่มีสิ่งใดเลยนี่”
“เื่นั้นมันไม่เกี่ยวกับข้าแล้ว ฮูหยินซูดูแลตนเองดีๆ ล่ะเ้าคะ แล้วเจอกันที่เมืองซู่เหอ”
“เ้า!” ฮูหยินซูโกรธจนตัวสั่น หลังจากที่จ้องเวินซีอยู่นาน นางก็เก็บอารมณ์ไว้แล้วเดินโซเซลงจากเขาไป
เมื่อเห็นว่าร่างของนางค่อยๆ หายไป รอยยิ้มของเวินซีก็ค่อยๆ หุบลง หลังจากที่ส่งหรานอิ่งชุนกลับห้องไปแล้วนางก็กลับไปที่ห้องของตน
“กลับมาแล้วหรือ?” ขณะนั้นจ้าวต้านกำลังดูแผนที่อยู่ เมื่อเห็นนางเข้ามาก็เอ่ยถามอย่างอ่อนโยนพลันเก็บแผนที่
“หลานเยว่เฉิงก็ไปที่เมืองซู่เหอเช่นกัน เราต้องระวังตัว ฮูหยินซูลงเขาไปแล้ว ให้คนตามนางไปด้วยเ้าค่ะ ไม่แน่ว่าเราอาจจะได้รู้ที่ซ่อนตัวของพวกเขาในเมืองซู่เหอ” นางนั่งลงหน้าจ้าวต้าน แล้วเข้าประเด็นตรงๆ
“ได้สิ” จ้าวต้านรับคำอย่างใจเย็น
การที่หลานเยว่เฉิงไปเมืองซู่เหอเป็สิ่งที่เขาคิดไว้อยู่แล้ว ที่นั่นจะเป็สนามรบที่แท้จริงระหว่างพวกเขา
“คุณหนูซูบอกหรือไม่ว่าเราจะออกเดินทางกันเมื่อใด?” เวินซีถาม
“อีกครึ่งชั่วยาม เมื่อทหารลับของข้าเข้าหมู่บ้านมาเราก็จะลงจากเขาทันที หากออกเดินทางยามนี้คงจะไปถึงเมืองซู่เหอได้ก่อนฟ้ามืด”
“ก็ดีเ้าค่ะ” เวินซีพยักหน้า
เมื่อไม่มีอันใดทำแล้ว เวินซีจึงเดินไปที่หน้าต่างพลันอ่านตำราหมื่นพิษ ่นี้นางท่องจำมันตลอด โดยจดจำเนื้อหาได้กว่าครึ่งหนึ่งแล้ว
ส่วนจ้าวต้านวางแผนที่พลันศึกษามันต่อ
ในเวลาต่อมา ภายในห้องจึงเงียบสงัด
“คุณหนูเวินซีขอรับ”
เสียงที่อ่อนโยนและแ่เบาราวกับสายลมยามวสันต์ดังมาจากใต้หน้าต่าง เวินซีชะโงกศีรษะออกไปก็เห็นว่าเป็ต้วนจิงเย่ นางจึงประหลาดใจ
“เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่เ้าคะ?”
“ไม่ทราบว่าคุณหนูชอบเล่นหมากหรือไม่ขอรับ? ข้าอยากจะเชิญคุณหนูมาเล่นด้วยกันเสียหน่อย”
“ได้สิเ้าคะ”
เวินซีกำลังเบื่อๆ อยู่พอดีจึงตอบรับ นางะโลงจากหน้าต่างพลันตามต้วนจิงเย่ไปเล่นหมากที่ใต้ต้นไม้
จ้าวต้านมองดูทั้งสองก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติ แต่ก็บอกไม่ได้ว่าเป็เื่ใด
เขามองดูแผนที่ แต่จิตใจกลับรู้สึกกระสับกระส่าย ไม่นานนักจึงเดินไปข้างๆ ทั้งสองคน แล้วนั่งดูพวกเขาเดินหมาก
ต้วนจิงเย่เห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดของเขาก็แอบยิ้ม ทำเป็ไม่สนใจ แล้วเดินหมากต่อไป
ส่วนเวินซีก็ไม่สนใจเขาเช่นกัน
จ้าวต้านขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจพลันส่งสายตาให้โจรป่าผู้หนึ่ง
โจรผู้นั้นมองเขาอย่างสับสน
สายตาของเขาจ้องไปที่เวินซีและต้วนจิงเย่พลางส่งสัญญาณให้โจรป่า ไม่นานนักโจรป่าก็เข้าใจ พยักหน้าและเดินเข้ามา
“คุณหนู คุณชาย เราจะออกเดินทางแล้วขอรับ ทั้งสองไปรอที่ประตูเถิดขอรับ”
“ค่อยเล่นกันวันอื่นเถิด” จ้าวต้านพูดขึ้นคนแรก
เวินซีขมวดคิ้วเล็กน้อยพลันวางตัวหมากลงในกล่อง “คุณชายต้วน ไว้ค่อยเล่นกันวันอื่นเถิดเ้าค่ะ”
“ขอรับ คุณหนูเวินซี ข้าฟังคุณหนู” ต้วนจิงเย่ยิ้มแล้วเก็บหมากขึ้นมา
จากนั้นทุกคนก็พากันไปรอที่ประตูหมู่บ้าน
เวลาผ่านไปนานกว่าที่ ซูเหอ สืออี และหรานอิ่งชุนค่อยๆ เดินออกมา
“พวกท่านมารอนานแล้วหรือเ้าคะ?” ซูเหอเห็นว่ามีหิมะตกลงบนร่างของทั้งสามคนเป็ชั้นบางๆ จึงเอ่ยปากถาม
“ครึ่งชั่วยาม” เวินซีตอบ
“นานเช่นนั้นเลยหรือเ้าคะ?” นางดูแปลกใจ
“มีโจรป่าคนหนึ่งบอกว่าจะเดินทางแล้วจึงให้เรามารอน่ะขอรับ” ต้วนจิงเย่ขมวดคิ้วมองจ้าวต้านอย่างมีเลศนัย
“เขาน่าจะจำเวลาผิดน่ะเ้าค่ะ ไปกันเถิด มิเช่นนั้นจะไม่ทันการ”
ซูเหอเอ่ยเร่ง ทุกคนจึงขึ้นรถม้าและเริ่มออกตัวไปยังเมืองซู่เหอ