“เหล่าโจว สาวที่เ้าลูกชายคุณเขาพามาน่ะ คุณคิดว่าเป็อย่างไร?”
หลังจากส่งทุกคนกลับไปจนหมดแล้ว สองสามีภรรยาโจวกั๋วปินและกวนฮุ่ยเอ๋อก็ขึ้นห้องเพื่อไปล้างหน้าล้างตา ในที่สุดทั้งคู่ก็ได้สนทนาตามประสาสามีภรรยา กวนฮุ่ยเอ๋อเริ่มบทสนทนาโดยถามความคิดเห็นของโจวกั๋วปินทันที
โจวกั๋วปินรู้สึกงงงวย “โจวเฉิงชอบก็พอแล้วไม่ใช่หรือ ผมจะมีความคิดเห็นอะไรได้”
ฝ่ายหญิงมีความสามารถ และลูกชายก็พึงใจ โจวกั๋วปินคิดว่าตนเองไม่ได้มีสถานะที่จะแสดงความคิดเห็น กวนฮุ่ยเอ๋อเปิดของขวัญและเห็นเข็มกลัดแมลงปอหยกภายในกล่อง คืนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานวางตัวได้ดียิ่งนัก คำพูดคำจาไม่แสดงถึงความประหม่าสักนิด ยอดเยี่ยมมากจริงๆ ดังที่กวนฮุ่ยเอ๋อคิดไว้ แม้ไม่มีโจวเฉิง เซี่ยเสี่ยวหลานก็หาคู่หมายคนอื่นที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมได้เหมือนกัน
จะว่าอย่างไรดี อารมณ์ของกวนฮุ่ยเอ๋อ ณ ขณะนี้ซับซ้อนหลากหลายเหลือเกิน
“เด็กคนนี้นิสัยเด็ดเดี่ยวไปหน่อย”
เก่งกล้าสามารถเกินขีดจำกัด ในดวงตาของเธอไร้ซึ่งความอ่อนน้อมถ่อมตน กวนฮุ่ยเอ๋อไม่เคยคิดว่าผู้หญิงจำเป็ต้องเกาะติดผู้ชาย ดังนั้นเมื่อเธอสมรสกับโจวกั๋วปินแล้ว ในขณะที่ตำแหน่งของสามีสูงขึ้นเรื่อยๆ เธอเองก็ไม่ได้ละทิ้งหน้าที่การงานของตนเช่นกัน... กระทั่งกวนฮุ่ยเอ๋อผู้สถาปนาตนเป็ผู้หญิงทำงานนอกบ้าน ยังรู้สึกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเข้มแข็งเกินพอดี! มุ่งมั่นเพื่อเป้าหมายมาก หญิงสาวแบบไหนจะใส่เฝือกเข้าสนามสอบกัน? อาจารย์ใหญ่ในบทสัมภาษณ์คนนั้นบอกว่า ทนผ่านการสอบเกาเข่าสามวันโดยอาศัยการรับประทานยาแก้ปวด
ใจเด็ดต่อตนเองขนาดนี้ จิตใจที่กระหายต่อความสำเร็จช่างร้อนแรงเหลือเกิน
กวนฮุ่ยเอ๋ออดคิดมากไม่ได้ การที่เซี่ยเสี่ยวหลานคบหากับโจวเฉิงลูกชายเธอ เพราะเห็นว่าตระกูลโจวสามารถหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ได้หรือเปล่า?
โจวกั๋วปินคร้านจะพูดอะไรจริงๆ “คุณคิดมากไปก็ไร้ประโยชน์ เื่ของหนุ่มสาวปล่อยให้พวกเขาแก้ไขกันเองเถอะ ถึงคุณจะไม่เห็นด้วยให้ทั้งสองคนคบกัน ลูกชายคุณเขายินดีเลิกรึ?”
กวนฮุ่ยเอ๋อปิดฝากล่องและกล่าวด้วยอารมณ์โกรธเคือง
“คุณรีบนอนหลับไปเสียเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องทำงานอีกนี่!”
จริงๆ เลยเชียว ไม่มีวาทศิลป์ก็อย่าพูด ถ้าเลิกรากันได้เธอจะยุ่งเหยิงแบบนี้หรือ? ตลอดเวลาหัวค่ำ สายตาที่โจวเฉิงมองเซี่ยเสี่ยวหลานเป็ประกายระยิบระยับ กวนฮุ่ยเอ๋อไม่เคยเห็นโจวเฉิงสุขใจถึงเพียงนี้มาก่อน ลูกชายของเธอเป็คนไม่ใยดีต่ออะไรทั้งสิ้น นึกไม่ถึงว่าจะทุ่มเทเสน่หาสุดหัวใจ
สิ่งที่ทำให้กวนฮุ่ยเอ๋อกังวลก็คือ โจวเฉิงชอบเซี่ยเสี่ยวหลานมากขนาดนี้ แล้วเซี่ยเสี่ยวหลานเล่า?
----------------------------------------
ต่งลี่ลี่มุ่งหน้ามาถึงบ้านโจวอี๋ั้แ่เช้าตรู่
สองคนนี้ไม่มีธุระจริงจังมาั้แ่ไหนแต่ไร เป็คนประเภทเดียวกับคังเหว่ยใน่ก่อนทั้งคู่ หน้าที่การงานมีไว้เพื่อประดับการใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมาย ทำดีหรือไม่ดีก็ได้เงินเดือนเท่ากัน และไม่มีทางโดนไล่ออกเพราะมีเกียรติยศของครอบครัวค้ำคออยู่ เช่นนั้นก็เอ้อระเหยไปก่อนแล้วกัน
ต่งลี่ลี่ตื่นเช้าได้ขนาดนี้ เป็เพราะว่าสงสัยเื่งานพบปะของตระกูลโจวเมื่อคืนวาน โจวอี๋เล่าจากปลายสายแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ต่งลี่ลี่นอนไม่หลับด้วยซ้ำ
เธอตื่นขึ้นมาพร้อมใต้ตาดำคล้ำ ต่งลี่ลี่รีบร้อนถ่อมาถึงบ้านโจวอี๋ โดยไม่รู้ว่าโจวอี๋ก็นอนไม่หลับพลิกตัวกลับไปกลับมากลางดึกเช่นกัน ตอนต่งลี่ลี่มาถึงเธอเพิ่งนอนนิ่งได้สักพัก แม้แต่ในความฝันยังเกี่ยวกับเทปบันทึกภาพเซี่ยเสี่ยวหลานม้วนนั้น ในฝันผู้สื่อข่าวมณฑลอวี้หนานใช้น้ำเสียงเร้าอารมณ์เกินจริงแนะนำชีวิตของเซี่ยเสี่ยวหลาน... รวมถึงปู่ตำหนิเธอว่าไม่รู้จักความเหมาะสม อาเขยเล็กกู้เจิ้งชิงผู้ไม่ต่างจากมนุษย์ล่องหนก็เกิดโมโหโทโสลุกขึ้นมาชี้หน้าถามเธอว่าทำไมต้องทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานอึดอัด... ภาพเหตุการณ์น่าขายหน้าทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อความวุ่นวายตามใจชอบอยู่ในสมองของโจวอี๋ เธอนอนหลับลงสิแปลก!
โจวอี๋รู้สึกเหมือนตนเองกำลังหลงผิดประหนึ่งถูกผีสางล่อลวงจิตใจ
เธอโดนต่งลี่ลี่ลากลงจากเตียง โจวอี๋เองก็อยากปล่อยทุกอย่างให้เลยตามเลยเสียที
“ลี่ลี่ เธอไม่มีหวังหรอก เมื่อวานภาพที่เธอคิดไว้ไม่ได้เกิดขึ้นด้วยซ้ำ ปู่ย่าฉันชอบแม่นั่นมาก และฉันว่าอารองกับอาสะใภ้น่าจะไม่คัดค้านด้วย!”
ต่งลี่ลี่ไม่ยอมเชื่อ “ฉันไม่เชื่อ ปู่โจวเข้มงวดขนาดนั้น เขาจะชอบยายจิ้งจอกนั่นรึ? เธอบอกพวกเขาหรือเปล่า ว่าแม่จิ้งจอกนี่เกาะโจวเฉิงเพื่อสูบเืเขา ใช้เงินของโจวเฉิงไปตั้งเท่าไรแล้ว... นอกจากหน้าสวยๆ หล่อนมีอะไรคู่ควรกับโจวเฉิง?!”
ต่งลี่ลี่จะยอมแพ้ได้อย่างไร!
ต่อให้โจวเฉิงเลือกหญิงสาวคนอื่นที่เหมาะสมกัน ต่งลี่ลี่ก็จะดันทุรังอยู่ดี นับประสาอะไรกับเซี่ยเสี่ยวหลานผู้นอกจากหน้าตาก็ไม่มีตรงไหนสู้เธอได้!
จากความโกรธจัดในตอนแรก จนตอนนี้โจวอี๋เริ่มเห็นใจเพื่อนสาวคนสนิทของเธอขึ้นมาแล้ว
“ยายนั่นมาจากชนบทอวี้หนาน ได้ยินเหมือนว่าพ่อแม่หย่าร้างกันแล้วด้วย แต่คนเขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยหัวชิงได้! เธอไม่รู้หรอกว่าเมื่อคืนฉันขายหน้าขนาดไหน เธอรู้ใช่ไหมว่าอาเขยเล็กของฉันทำงานที่กระทรวงศึกษา เขาจำเซี่ยเสี่ยวหลานได้ ทั้งยังบอกว่าอีกว่าผู้หญิงคนนั้นมีคะแนนรวมเกาเข่าเป็อันดับสามของปีนี้ เป็อันดับหนึ่งของมณฑลอวี้หนาน และจะไปเรียนที่มหาวิทยาลัยหัวชิงเร็วๆ นี้แล้ว!”
ต่งลี่ลี่อ้าปากกว้างด้วยความตะลึง
เธอเคยได้ยินการใช้ประโยชน์จากชาติตระกูลหรือนิสัยเพื่อชิงความโปรดปรานจากผู้ใหญ่ฝ่ายชาย แต่ไม่เคยได้ยินว่าอาศัยการสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ด้วย?
อันที่จริงมันเป็ไปได้ เพราะมหาวิทยาลัยที่เซี่ยเสี่ยวหลานสอบเข้านั้นยอดเยี่ยมเป็อย่างยิ่ง!
“มีอะไรดีเลิศกัน—”
เสียงของต่งลี่ลี่แหลมเล็กลงเรื่อยๆ เธออยากกรีดร้องถามคนตระกูลโจวว่าเกิดอะไรผิดปกติขึ้นกับสมองหรือเปล่า ทว่าโจวอี๋ก็เป็คนตระกูลโจวเหมือนกัน เธอจึงฝืนเก็บความไร้เหตุผลของตนกลับไป
เมื่อคืนโจวอี๋ถูกล้างสมองโดยกู้เจิ้งชิง ถูกล้างสมองโดยเทปบันทึกภาพประหลาดม้วนนั้น เวลานี้จึงพยักหน้ารับอย่างไร้เดียงสา
“ดีเลิศมากจริงๆ นั่นแหละ อย่างไรเสียฉันกับเธอก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยหัวชิงไม่ได้หรอก”
คมมีดนี้ปักลงบนหัวใจของต่งลี่ลี่อย่างจัง
แน่นอนว่าต่งลี่ลี่สอบเข้ามหาวิทยาลัยหัวชิงไม่ได้ พวกที่ตั้งใจเล่าเรียนและทำงานอย่างจริงจังก็เข้ากับพวกเธอไม่ได้เหมือนกัน
หากเธอสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยดังด้วยตนเองได้ กวนฮุ่ยเอ๋อคงไม่เมินเฉยเธอเช่นนี้
จะตีเหล็กตัวต้องแกร่ง [1] สำหรับตระกูลโจว หญิงสาวฐานะดีมีอยู่ถมเถไป ทว่าความสามารถโดดเด่นส่วนบุคคลจะได้การยอมรับจากตระกูลโจวมากกว่า
ต่งลี่ลี่รู้สึกอัปยศอดสูจนกลายเป็ความโกรธ เธอทุบเครื่องเล่นแผ่นเสียงโบราณสุดโปรดที่อยู่ในห้องของโจวอี๋พัง แม่บ้านบ้านโจวอี๋ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็ได้แต่แอบส่ายหน้าอยู่ในห้องครัว : ก็เป็เสียแบบนี้ แค่โชคดีเกิดมาถูกที่ กลายเป็ลูกสาวของบ้านข้าราชการ มิเช่นนั้นหญิงสาวที่หาบไม่เป็หิ้วไม่ได้ ความสามารถต่ำทว่าอารมณ์ร้อนเช่นนี้จะทำอย่างไรในอนาคตได้?
----------------------------------------
ต่งลี่ลี่โดนโต้กลับอย่างไม่ทันตั้งตัว เื่นี้เกี่ยวข้องกับคังเหว่ยและเส้ากวงหรงที่อดทนไม่แพร่งพรายเช่นกัน
ทั้งสองรู้เื่ของเซี่ยเสี่ยวหลานตั้งนานแล้ว ศิษย์น้องทั้งสองผู้เคารพว่าที่พี่สะใภ้เก็บซ่อนข่าวคราวไว้อย่างแ่า ทำเอาโจวอี๋ปล่อยไก่ครั้งใหญ่ ทำให้ต่งลี่ลี่เจ็บเท้าจากก้อนหินที่ตนเป็คนยกขึ้นมาเองอีกด้วย!
และเพราะว่าพวกโจวอี๋เห็นเส้ากวงหรงเป็คนโง่ เคยล้วงข้อมูลจากเส้ากวงหรง ทำให้เส้ากวงหรงโกรธ ตอนถึงตาเ้านี่เล่นเล่ห์กลบ้าง เขาไม่สนหรอกว่าพวกเธอเป็คุณหนูบ้านใคร
คังเหว่ยและเส้ากวงหรงจงใจปกปิดเื่ของเซี่ยเสี่ยวหลาน โจวเฉิงกลับพาเซี่ยเสี่ยวหลานเข้าบ้านโจวกะทันหันใน่ที่ยังไม่ถึงเวลาบอก ดังนั้นคนตระกูลโจวย่อมรับรู้โดยทั่วแล้วมิใช่หรือ
เซี่ยเสี่ยวหลานนั่งเครื่องบินไปปักกิ่ง คังเหว่ยก็เดาได้ว่าจะพบผู้ใหญ่เป็แน่
เขาและเส้ากวงหรงกำลังทำงานเหน็ดเหนื่อยในเผิงเฉิง พอนึกว่าพี่เฉิงจื่อพาภรรยาคนสวยกลับไปพบผู้ใหญ่ในครอบครัว ทั้งสองคนรู้สึกอิจฉามาก ในเมื่อตระกูลโจวทราบแล้ว ภายในแวดวงก็คงค่อยๆ รับรู้เหมือนกัน ใครจะกล้าพูดอีกว่าสายตาของพี่เฉิงจื่อไม่เฉียบแหลม?
เฉียบแหลมจนทำให้สายตาของพวกคุณไม่ต่างจากสุนัขสักเท่าไรเลยเชียวล่ะ!
เวลาเช้าตรู่ คังเหว่ยกำลังเพลินใจ ก็ได้รับโทรศัพท์จากโจวเฉิง
“มือของเสี่ยวหลานาเ็ได้อย่างไร?”
คังเหว่ยงุนงง “...พี่สะใภ้บอกว่าขี่รถล้มน่ะสิ หรือไม่ใช่ล่ะ?”
าเ็ได้อย่างไร พอโจวเฉิงถามกระแทกหน้าเช่นนี้ คังเหว่ยก็รู้สึกงุนงงเล็กน้อยขึ้นมาทันที หรือว่าการาเ็ที่ข้อมือของพี่สะใภ้ยังมีความลับอื่นซุกซ่อนอยู่อีก? ขณะคังเหว่ยกำลังสับสน ด้านโจวเฉิงก็ได้วางสายไปเสียแล้ว
เชิงอรรถ
[1]打铁还需要自身硬 จะตีเหล็กตัวต้องแกร่ง หมายถึง ไม่ว่าจะกระทำสิ่งใดล้วนต้องมีความสามารถเป็พื้นฐาน