บทที่ 8:ความหวาดระแวง
บนรถม้าที่เคลื่อนตัวกลับสู่จวนสกุลซูอย่างราบรื่น บรรยากาศภายในกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ชุนเถาตื่นเต้นจนนั่งแทบไม่ติด นางลอบมองคุณหนูของตนอยู่หลายครั้ง เห็นเพียงความสงบนิ่งที่ฉายชัดบนใบหน้าและแววตาที่ทอดมองออกไปยังทิวทัศน์ของเมืองหลวงซึ่งกำลังเคลื่อนผ่านไป
ซูเยว่ไม่ได้มองถนนหนทางด้วยสายตาของคุณหนูผู้เบื่อหน่ายอีกต่อไป นางกำลังมองมันในมุมมองใหม่... ในฐานะผู้เล่นคนหนึ่งในเกมแห่งการค้าของเมืองหลวงแห่งนี้ นางสังเกตกลุ่มสตรีสูงศักดิ์ที่เดินเลือกซื้อของในร้านผ้าไหม สังเกตยาจกที่นั่งอยู่ริมทาง สังเกตการไหลเวียนของผู้คนและสินค้า ทุกสิ่งทุกอย่างคือข้อมูล คือเบาะแสสำหรับแผนการในอนาคตของนาง
เมื่อรถม้าเลี้ยวเข้าสู่ถนนที่คุ้นเคยซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจวน ซูเยว่ก็หันมาหาชุนเถา น้ำเสียงของนางจริงจังขึ้น "ชุนเถา"
"เ้าคะ คุณหนู!" ชุนเถาผวาเล็กน้อย รีบหันกลับมาตั้งใจฟัง
"นับั้แ่วินาทีที่เราก้าวลงจากรถม้านี้ไป เ้าจะต้องลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ยินและได้เห็นในหอโอสถเหรินเหอให้หมดสิ้น" ซูเยว่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของสาวใช้ "หากมีผู้ใดถาม วันนี้เราสองคนออกไปที่วัดกวงจี้ เพื่อไหว้พระขอพรให้สุขภาพของข้าแข็งแรง เข้าใจหรือไม่"
นี่คือคำสั่งสำคัญครั้งแรกในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิด ชุนเถาตระหนักได้ถึงความสำคัญของมัน นางพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น "บ่าวเข้าใจแล้วเ้าค่ะ! บ่าวไม่เห็นและไม่ได้ยินสิ่งใดทั้งสิ้น นอกจากเสียงพระสวดมนต์ที่วัดกวงจี้เ้าค่ะคุณหนู"
"ดีมาก"
ทั้งสองลงจากรถม้าห่างจากจวนประมาณสอง่ถนน ก่อนจะเดินลัดเลาะไปตามทางอย่างแเี ปะปนไปกับฝูงชนเพื่อไม่ให้เป็ที่สังเกต และลอบกลับเข้ามาในจวนทางประตูเล็กด้านหลังที่จากมา
ทันทีที่ก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามา บรรยากาศที่คุ้นเคยก็โอบล้อมนางอีกครั้ง มันคือความรู้สึกอึดอัด คับแคบราวกับกรงขังอันงดงาม ช่างแตกต่างจากอิสรภาพที่นางได้ลิ้มรสเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง
ขณะที่กำลังจะเดินกลับเรือนหลันซินของตนเองนั้น หางตาของซูเยว่ก็เหลือบไปเห็นร่างของบ่าวรับใช้สองคนกำลังซุบซิบนินทากันอยู่ไม่ไกล นางรีบดึงชุนเถาหลบเข้าหลังพุ่มไม้ประดับทันที จังหวะนั้นเฉียดฉิวจนหัวใจของชุนเถาแทบจะหยุดเต้น
"ข้าได้ยินว่าฮูหยินรองอารมณ์ไม่ดีแต่เช้าเลย" บ่าวคนหนึ่งกล่าว "ส่งคนไปที่เรือนคุณหนูใหญ่ตั้งสองรอบแล้ว แต่ก็ไม่พบใคร"
"ข้าว่าแล้ว... ั้แ่คุณหนูใหญ่หายป่วยครานี้ ดูเหมือนจะแปลกไปนะ ไม่ค่อยเก็บตัวเงียบๆ เหมือนแต่ก่อน"ซูเยว่กำมือแน่น นี่เป็การยืนยันว่าทุกการเคลื่อนไหวของนางอยู่ในสายตาของหลิวซือทุกย่างก้าวจริงๆ
เมื่อบ่าวทั้งสองเดินจากไปแล้ว นางจึงรีบพชุนเถากลับมาถึงเรือนของตนเอง สิ่งแรกที่นางทำไม่ใช่การพักผ่อน แต่คือการหาที่ซ่อนตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงนั้นทันที นางรู้ดีว่าใต้หมอนหรือในกล่องไม้ธรรมดานั้นไม่ปลอดภัยแน่
สายตาของนางกวาดไปรอบห้องก่อนจะไปหยุดอยู่ที่กระดานหมากล้อม ที่ตั้งอยู่มุมห้อง บิดาของนางเคยพยายามสอนนางเล่น แต่ด้วยความเบื่อหน่ายในชาติก่อน นางจึงไม่เคยแตะมันอีกเลย มันถูกวางทิ้งไว้จนฝุ่นจับบางๆ นางเดินไปหยิบกล่องไม้ที่ใส่เม็ดหมากขึ้นมา เคาะเบาๆ ที่ก้นกล่อง ก่อนจะใช้ปิ่นปักผมอันเล็กค่อยๆ แงะแผ่นไม้ที่บุรองพื้นออกมาอย่างชำนาญ เผยให้เห็นช่องว่างลับที่ซ่อนอยู่ภายใน นางบรรจงวางตั๋วเงินลงไป แล้วจึงปิดแผ่นไม้กลับให้สนิทดังเดิม ต่อให้มีคนมาค้นทั้งห้อง ก็คงไม่มีใครคาดคิดว่าสมบัติล้ำค่าจะซ่อนอยู่ในกล่องหมากล้อมที่ถูกทิ้งร้างเช่นนี้
นางเพิ่งจะซ่อนของเสร็จเรียบร้อยดี สาวใช้จากเรือนหมู่ตานของหลิวซือก็เดินเข้ามาถึงพอดี
"คุณหนูใหญ่เ้าคะ กลับมาแล้วหรือเ้าคะ" สาวใช้คนนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อย แต่แววตากลับสอดส่ายมองไปทั่วห้อง "ฮูหยินรองเป็ห่วงแทบแย่เลยเ้าค่ะ คุณหนูหายไปั้แ่เช้า ท่านส่งบ่าวมาดูตั้งหลายครั้งแน่ะเ้าค่ะ ไม่ทราบว่าไปเที่ยวเล่นที่ใดมาหรือเ้าคะ"
นี่คือการสอบสวนที่ฉาบหน้าไว้ด้วยความห่วงใย
ซูเยว่แสร้งทำสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางๆ "อ้อ... วันนี้ข้ารู้สึกว่าร่างกายสดชื่นขึ้นมาก จึงอยากจะไปขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสียหน่อย เลยพาชุนเถาไปที่วัดกวงจี้เพื่อจุดธูปขอบคุณพระโพธิสัตว์ที่เมตตาให้ข้าหายป่วย ไม่คิดว่าจะทำให้ท่านแม่รองต้องเป็กังวลใจไปด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนท่านแม่ด้วยเื่เล็กน้อยเช่นนี้จริงๆ"
ข้อแก้ตัวของนางสมบูรณ์แบบยิ่งนัก ทั้งดูสมเหตุสมผลสำหรับคนที่เพิ่งหายป่วย แสดงออกถึงความกตัญญูต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และยังแฝงความนัยว่านางไม่ได้อยากรบกวน ซึ่งหากหลิวซือยังคาดคั้นต่อไป ก็จะกลายเป็ว่าแม่เลี้ยงใจแคบกับเื่เล็กน้อยเช่นนี้
สาวใช้คนนั้นชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ยังคงทำหน้าที่ของตนต่อไป "เช่นนี้นี่เองเ้าค่ะ ฮูหยินรองทราบแล้วคงจะสบายใจขึ้นเ้าค่ะ... เอ่อ... ฮูหยินรองยังสั่งให้บ่าวมาเชิญคุณหนูไปร่วมโต๊ะอาหารกลางวันด้วยกันที่เรือนด้วยนะเ้าคะ"
นั่นไงมาแล้ว! การเรียกไปสอบสวนซึ่งหน้า!
"แน่นอนสิ" ซูเยว่ตอบรับอย่างง่ายดาย "ข้าเองก็อยากจะไปคารวะท่านแม่อยู่พอดี ฝากเรียนท่านแม่ด้วยว่าข้าขอเวลาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าสักครู่แล้วจะตามไปทันที"
หลังจากสาวใช้ผู้นั้นกลับไปแล้ว ชุนเถาก็หน้าซีดเผือด "คุณหนู... ฮูหยินรองต้องสงสัยเราแน่ๆ เลยเ้าค่ะ"
"ก็ให้เขาสงสัยไปสิ" ซูเยว่กล่าวอย่างไม่ทุกข์ร้อนขณะเลือกชุดที่จะเปลี่ยน "ตราบใดที่เขาไม่มีหลักฐาน ความสงสัยก็เป็เพียงลมที่จับต้องไม่ได้ หมากเกมนี้... ใครใจเย็นกว่า คนนั้นคือผู้ชนะ"
ทว่า ขณะที่นางกำลังจะก้าวออกจากเรือนเพื่อไปยังเรือนของหลิวซือนั้น ร่างสูงของผู้เป็บิดา ซูเจี้ยนเฉิง ก็เดินเข้ามาเสียก่อน สีหน้าของซูเจี้ยนเฉิงดูซับซ้อนอย่างยิ่ง มีทั้งความกังวล ความสับสน และความครุ่นคิดบางอย่างปะปนกันอยู่
"เยว่เอ๋อร์... เ้าจะไปไหนรึ"
"ลูกกำลังจะไปร่วมโต๊ะอาหารกลางวันกับท่านแม่รองเ้าค่ะ ท่านพ่อมีเื่อันใดหรือเ้าคะ"ซูเจี้ยนเฉิงพยักหน้าช้าๆ "พ่อมีเื่จะบอกเ้า... เมื่อเช้านี้ พ่อได้ลองให้รองเ้ากรมหลี่ช่วยตรวจชีพจรให้ตามที่เ้าแนะนำ"หัวใจของซูเยว่เต้นแรงขึ้นเล็กน้อย นางรู้ว่านี่คือ่เวลาสำคัญ
"แล้วผลเป็อย่างไรบ้างหรือเ้าคะ"
"เขาบอกว่า..." ซูเจี้ยนเฉิงขมวดคิ้ว "ชีพจรของพ่อค่อนข้างจะ... เฉื่อยชาและอ่อนกำลังผิดปกติ ซึ่งมันขัดแย้งกับคนที่ดื่มยาบำรุงชั้นดีอยู่ทุกวัน เขาก็หาสาเหตุที่แท้จริงไม่ได้ แต่ได้แนะนำให้พ่อลองหยุดยาบำรุงหม้อนั้นไปก่อนสักพัก แล้วดูว่าร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่"
สำเร็จ! เมล็ดพันธุ์แห่งความหวาดระแวงที่นางได้หว่านเอาไว้เมื่อวันก่อน บัดนี้มันได้เริ่มหยั่งรากและแตกหน่ออ่อนออกมาแล้ว! บิดาของนางเริ่มตั้งข้อสงสัยใน "ความหวังดี" ของภรรยารองแล้ว แม้จะยังไม่ถึงขั้นกล่าวหาว่านางมีเจตนาร้ายก็ตาม
ซูเยว่แสร้งทำหน้าเป็ห่วงอย่างสุดซึ้ง "แย่จริง! หวังว่าท่านพ่อจะไม่เป็อะไรมากนะเ้าคะ การระมัดระวังไว้ก่อนย่อมเป็เื่ดีที่สุดเ้าค่ะ สุขภาพของท่านพ่อสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด"
นางไม่ได้ฉวยโอกาสใส่ไฟ หรือพูดจาชี้นำใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแค่แสดงความกตัญญูตามประสาบุตรสาวที่ดี ปล่อยให้บิดาของนางเป็ผู้ปะติดปะต่อเื่ราวและค้นพบความจริงด้วยตนเอง
ซูเจี้ยนเฉิงมองใบหน้าของบุตรสาวแล้วถอนหายใจเบาๆ "อืม... พ่อจะดูแลตัวเองให้ดี เ้าเองก็ไปหาแม่รองของเ้าเถิด อย่าให้เขารอนาน"
เมื่อบิดาเดินจากไปพร้อมกับความคิดที่สับสนในหัว ซูเยว่ก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แววตาของนางสงบนิ่งและเด็ดเดี่ยว นางเพิ่งจะได้รับชัยชนะเล็กๆ ในแนวรบหนึ่ง และเพิ่งจะสร้างฐานที่มั่นทางการเงินในอีกแนวรบหนึ่ง
บัดนี้ ถึงเวลาที่นางต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่กำลังตั้งป้อมรออยู่ นางจัดอาภรณ์ของตนให้เข้าที่ ยืดตัวตรง แล้วก้าวเดินออกจากเรือนหลันซิน มุ่งหน้าไปยังเรือนหมู่ตาน...
นางกำลังเดินเข้าสู่ถ้ำเสือ แต่เสือตัวนี้อาจจะไม่รู้เลยว่า เหยื่อที่มันเคยขย้ำจนตายไปแล้วครั้งหนึ่ง บัดนี้ได้กลับมาพร้อมกับเขี้ยวเล็บที่ซ่อนไว้และพร้อมที่จะขย้ำมันกลับคืนแล้ว.!