“ท่าตัดแยกท้องนภา!”
เย่ชิงหานฟันลงมาจากกลางอากาศพลังแสงคมมีดหลุดออกมาจากตัวกริชพร้อมกับขยายขนาดขึ้นเป็รูปจันทร์ครึ่งเสี้ยวขณะที่ลดต่ำลงมา พุ่งเข้าใส่สัตว์ประหลาดจระเข้ที่อยู่เบื้องหน้าอย่างหนักหน่วงรุนแรง
ปัง!
สัตว์ประหลาดจระเข้ตัวที่อยู่หน้าสุดถูกคมพลังคมมีดที่ลอยมาโจมตีเข้าใส่อย่างจัง แรงกระแทกมหาศาลจากการโจมตีทำให้มันกระเด็นลอยออกไปหมุนคว้างอยู่กลางอากาศไกลกว่าสิบเมตร สุดท้ายร่วงหล่นลงบนพื้นทรายแล้วกลิ้งอยู่อีกหลายตลบ
“อืม...”
เย่ชิงหานพยักหน้าอย่างพอใจ ต่อมาสายตาเหลือบไปเห็นสัตว์ประหลาดจระเข้อีกตัวกำลังพุ่งเข้ามาทางด้านหลังพร้อมกับกรงเล็บแหลมคมที่โจมตีมาที่ตำแหน่งด้านหลังศีรษะของเขา
หึ่ง...
เย่ชิงหานคิ้วขมวดขึ้นไม่ได้หลบหลีกแต่อย่างใด ทั่วร่างกายพลันแผ่พุ่งพลังสีน้ำตาลออกมาก่อตัวขึ้นเป็ลักษณะคล้ายกับรูปฟองน้ำห่อหุ้มร่างกายของเขาเอาไว้ทั้งหมด
ม่านพลังรูปฟองน้ำสีน้ำตาลมีขนาดใหญ่ประมาณหนึ่งเมตรผิว้ามีกระแสพลังสีม่วงเบาบางไหลเวียนอยู่ตลอด
เปรี๊ยะ!
สัตว์ประหลาดจระเข้ที่พุ่งโจมตีเข้ามาทางด้านหลังกรงเล็บที่แหลมคมทั้งสองข้างของมันตะปบเข้าใส่ม่านพลังสีน้ำตาลอย่างจัง แต่คิดไม่ถึงว่าม่านพลังครอบนี้จะมีความลื่นราวกับลูกบอลฉะนั้น ทำให้การโจมตีจากกรงเล็บทั้งสองข้างของมันค่อยๆ ลื่นไถลแฉลบออกไปด้านข้างอย่างช้าๆ
ปัง!
กรงเล็บที่แหลมคมเต็มไปด้วยพลังของมันตะปบลงไปยังพื้นทรายสีเหลืองจนเกิดเป็หลุมทรายขนาดใหญ่และลึกขึ้นมาให้เห็น
ฟิ้วๆ
สัตว์ประหลาดจระเข้มันพลิกตัวหันกลับมาโจมตีเข้าใส่ม่านพลังสีน้ำตาลอีกครั้ง แต่ม่านพลังครอบนี้แปลกประหลาดมากสามารถหักเหทิศทางการโจมตีของมันได้ ทุกครั้งที่มันโจมตีเข้าใส่ล้วนถูกม่านพลังที่ครอบเย่ชิงหานอยู่เปลี่ยนทิศทางของการโจมตีออกไปยังทิศทางอื่น หากไม่ใช่ถูกเปลี่ยนให้โจมตีใส่อากาศว่างเปล่าก็ถูกเปลี่ยนให้โจมตีใส่พื้นเบื้องล่างแทน ทุกครั้งที่ดูเหมือนจะโจมตีโดนเย่ชิงหานที่อยู่ภายในม่านพลังครอบแต่กรงเล็บของมันกลับหันเหเปลี่ยนทิศทางไปทางอื่นอยู่ตลอด
“กรรร!”
เ้าสัตว์ประหลาดจระเข้ดูราวกับเครื่องจักรฉันนั้น ทำการโจมตีเข้าใส่เขาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ส่วนเย่ชิงหานยืนอยู่ภายในม่านพลังครอบหรี่ตาลงเล็กน้อยไม่ได้มีการขยับเขยื้อนแต่อย่างใด ราวกับว่ากำลังชื่นชมเ้าสัตว์ประหลาดที่พยายามทำการโจมตีอยู่ฉันนั้น
แต่แน่นอนว่าเขาไม่ได้กำลังชื่นชมและไม่ได้กำลังทำการพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูพลัง เขากำลังทำการบังคับควบคุมสนามพลังอยู่ กำลังทำการหักเหทิศทางการโจมตีของเ้าสัตว์ประหลาด
หลังจากผ่านการทดลองทำคลำหาวิธีการอยู่ราวครึ่งเดือน ในที่สุดหลายวันก่อนหน้านี้เขาก็สามารถทำการฝึกฝนการปลดปล่อยสนามพลังออกมาได้เป็ผลสำเร็จ เพียงแต่เพิ่งจะฝึกสำเร็จประสบการณ์ความชำนาญในการควบคุมยังไม่มีจึงทำการปล่อยออกมาเพียงแค่ขนาดหนึ่งเมตรเท่านั้น อีกทั้งเ้าสัตว์ประหลาดก็เหลือเพียงแค่ตัวเดียวแล้วเขาจึงปล่อยให้มันโจมตีต่อไปโดยไม่ทำร้ายมัน ส่วนตนเองฝึกฝนควบคุมสนามพลังทำการหักเหการโจมตีเพื่อให้เกิดความชำนาญมากขึ้นเรื่อยๆ
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงหน้าผากของเขาเริ่มมีเหงื่อเย็นผุดออกมา มุมปากปรากฏรอยยิ้มเจื่อนๆ ขึ้นอย่างจำใจ เขาโบกสะบัดมือออกไปครั้งหนึ่งพร้อมกับพลังแสงคมมีดที่พุ่งออกไป สัตว์ประหลาดตัวที่อยู่เบื้องหน้าพลันถูกซัดกระเด็นลอยออกไปหล่นลงบนพื้นทรายแล้วกลิ้งออกไปอีกหลายตลบ จากนั้นมันจึงมุดหายลงไปใต้พื้นทรายโดยทันที
“ฮู่ววว...”
เย่ชิงหานเองก็นั่งลงบนพื้นทรายอย่างรู้สึกหมดแรง การบังคับควบคุมสนามพลังอย่างต่อเนื่องเพื่อหักเหทิศทางการโจมตีเช่นนี้ทำให้สูญเสียพลังกาย พลังจิต และพลังปราณรบไปเป็จำนวนมาก
“เสี่ยวเฮย ออกมาวิ่งเล่นสักหน่อยเถอะ!”
เงาสีดำพวยพุ่งออกมาจากหน้าอกไม่นานก็รวมตัวกันเป็เสี่ยวเฮยขึ้นเบื้องหน้าเย่ชิงหาน มันทำท่าขยับขาโยกย้ายส่ายเอวไปมาพร้อมกับทำท่าทางบิดี้เีขึ้นเหมือนคน จากนั้นส่งกระแสเสียงมา “ไม่เลวเลยลูกพี่ วันนี้ท่านอดทนได้มากขึ้นอีกสิบนาทีพยายามต่อไป !”
“เฮ้อออ...นี่แค่สัตว์ประหลาดเพียงตัวเดียวยังต้านทานได้เพียงแค่ครึ่งชั่วโมงกว่าๆ เอง ถ้าหากเป็สัตว์ประหลาดเป็ฝูงข้าจะต้านทานได้ถึงหนึ่งนาทีหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย!” เย่ชิงหานส่ายหัวพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ ออกมา
“อย่าเพิ่งรีบร้อน ลูกพี่ท่านเพิ่งจะทำการปล่อยสนามพลังเป็เท่านั้นเองค่อยๆ ฝึกฝนไป ข้าคิดว่าถ้าหากท่านสามารถต้านทานการโจมตีจากสัตว์ประหลาดพวกนี้ที่โจมตีเข้ามาพร้อมกันเป็ฝูงได้สักครึ่งชั่วโมง พวกเราก็มีหวังทะลวงผ่านพวกมันเพื่อไปถึงปากทางเชื่อมต่อที่เป็เขตพื้นที่ปลอดภัยได้อย่างแน่นอน!”
เสี่ยวเฮยกะพริบตาปริบๆ ใช้เขาเล็กๆ ที่อยู่บนหัวของมันดันถูไถไปมากับขาของเย่ชิงหาน มันคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมาได้จึงส่งกระแสเสียงไปหาเขาอีกครั้ง “ลูกพี่ วิชาเจ็ดกระบวนท่าเย่หวงของท่านใช้การได้จริงๆ หรือเปล่า? ข้าเห็นท่านฝึกฝนมาตั้งนานแล้วนอกจากความชำนาญที่ใช้ออกมาได้อย่างใจนึกแล้ว อานุภาพก็ไม่เห็นจะมีเพิ่มมากขึ้นอะไรเลยสักนิดเดียว?”
หืม? เจ็ดกระบวนท่าเย่หวง!
พอพูดถึงเื่นี้เย่ชิงหานทอดถอนใจออกมาอย่างอับจนปัญญาอีกครั้ง ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดมาเป็ระยะเวลาครึ่งเดือน ทุกๆ วันใช้วิชาเจ็ดกระบวนท่าเย่หวงในการต่อสู้จนทำให้ตอนนี้เขาชำนาญเป็อย่างมาก แต่กลับไม่ได้รู้สึกว่าจะสามารถเพิ่มพลังโจมตีให้แรงขึ้นได้แต่อย่างใด แต่เมื่อนึกถึงคำพูดที่ตกทอดมาของตระกูลเย่มันทำให้เขารู้สึกมีความหวังขึ้นมาอยู่ตลอด
“คำพูดที่ตกทอดมาของตระกูลเย่เกี่ยวกับวิชาเจ็ดกระบวนท่าเย่หวง ถ้าหากผู้ใดสามารถผสมผสานทั้งเจ็ดกระบวนท่าให้รวมเป็หนึ่งเดียวได้อานุภาพจะเพิ่มขึ้นทวีคูณอีกสิบเท่าตัว เพียงแต่ว่าทั้งเจ็ดกระบวนท่านี้แตกต่างกันอย่างลิบลับ แต่ละกระบวนท่าล้วนไปกันคนละทิศละทาง แล้วจะให้ผสานรวมกันได้อย่างไร?”
“ผสานรวมกัน? เคล็ดวิชานี้สามารถประสานรวมกันได้ด้วย? เอ่ออ...ต่อให้ผสานรวมเข้าด้วยกันได้จริงๆ ก็คงยากลำบากมากแน่ๆ ตระกูลเย่แต่ละรุ่นที่ผ่านมายังไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สามารถทำได้สำเร็จ?” เสี่ยวเฮยโยกส่ายหัวสุนัขเล็กๆ ของมันไปมาพร้อมกับส่งกระแสเสียงพูดขึ้นด้วยความสงสัย
เย่ชิงหานยิ้มเจื่อนๆ ออกมาพร้อมกับพูดขึ้นอย่างถากถาง “ข้าก็รู้ดีว่าไม่สามารถทำได้ ที่ผ่านมาตระกูลเย่ปรากฏยอดฝีมือที่มีพร์ออกมานับไม่ถ้วนแต่ก็ยังไม่มีใครสามารถทำได้สำเร็จ แม้กระทั่งปรมาจารย์บรรพบุรุษเย่รั่วสุ่ยก็ยังไม่เคยได้ยินว่าเขาทำการผสานเจ็ดกระบวนท่าเย่หวงได้สำเร็จ เฮ้อออ...เพียงแต่ถ้าข้าไม่ฝึกเคล็ดวิชาอันนี้แล้วจะให้ข้าฝึกอะไร? ข้าไม่เป็เคล็ดวิชาอย่างอื่นอีกเลยสักอย่าง?”
เย่ชิงหานเริ่มกลับมาอยู่ในสภาพชีวิตที่จืดชืดน่าเบื่อหน่ายอีกครั้ง ทุกๆ วันนอกจากฝึกฝนพลังปราณรบแล้วก็คือการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเพื่อฝึกฝนการควบคุมสนามพลังให้ชำนาญมากยิ่งขึ้น และรวมไปถึงการฝึกฝนเจ็ดกระบวนท่าเย่หวงโดยหวังว่าจะสามารถเข้าใจได้ถ่องแท้จนสามารถผสานทั้งเจ็ดกระบวนท่าให้รวมเป็หนึ่งได้เพื่อเพิ่มพลังโจมตีให้สูงขึ้นอีกสิบเท่าตัว จากนั้นโจมตีกวาดล้างเ้าพวกสัตว์ประหลาดที่ขวางหน้าอยู่ให้แตกกระเจิงออกไปอย่างง่ายดาย ทะลวงผ่านเข้าไปภายในเขตพื้นที่ปลอดภัยภายในม่านพลังโปร่งแสงแห่งนั้น
.................................
เย่ชิงหานฝึกฝนทั้งวันทั้งคืนใช้ชีวิตอย่างจืดชืดไร้รสชาติ เขาอยู่ภายในไม่รู้วันเวลาไม่รู้เดือนไม่รู้ตะวัน ไม่รู้ตอนนี้เป็ฤดูอะไร เป็วันที่เท่าไร
แต่ภายนอก...ทวีปัเพลิงกลับคึกคักเป็อย่างยิ่ง เมื่อเย่ชิงหานถูกดูดเข้าไปภายในูเาสุสานทวยเทพได้หนึ่งปีภายนอกเทศกาลัเพลิงก็เวียนมาอีกครั้ง
งานเทศกาลัเพลิงในครั้งนี้ไม่เหมือนทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา ครั้งนี้เป็ปีที่ 10000 ของปฏิทินัเพลิง ทวีปัเพลิงั้แ่เริ่มกำหนดนับวันเวลาถึงตอนนี้ก็ผ่านมาจนครบหนึ่งหมื่นปีแล้ว
ทั้งสามเขตปกครองเริ่มเฉลิมฉลองกันขึ้นอย่างคึกคัก แม้จะมีเผ่าพันธุ์และวัฒนธรรมต่างกันแต่ทั้งสามเขตปกครองมีวันเฉลิมฉลองที่เชื่อถือและปฏิบัติวันเดียวกัน
เมืองชางเองก็คึกคัก ตระกูลเย่ก็เช่นเดียวกันผ้าประดับตกแต่งหลากสีสันและโคมไฟประดับประดาสีสันงดงาม บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข
เพียงแตู่เาทางด้านหลังตระกูลเย่ยังคงสงบเงียบดังเดิม หรืออาจจะพูดได้ว่าบรรยากาศในตอนนี้เริ่มอึดอัดและตึงเครียดเลยก็ว่าได้
เย่เทียนหลง เย่ไป๋หู่ และเย่ชิงหนิวต่างไม่มีกะจิตกะใจที่จะฝึกฝน พวกเขาทั้งสามมายืนรวมกันอยู่ข้างๆ ทะเลสาบสายตามองไปยังปากทางเข้าูเาด้วยจิตใจที่เ็ปและอับจนหนทาง
ปากทางเข้าูเาด้านหลังมีบันไดยาวเหยียด หากยืนอยู่ที่ปากทางเข้าแห่งนี้สามารถมองเห็นตระกูลเย่ได้ทั้งหมด สามารถมองเห็นเมืองชางได้ครึ่งเมือง และสามารถมองเห็นประตูใหญ่ทางทิศใต้ได้ด้วย
บนบันไดตอนนี้มีหญิงสาวสองนางยืนอยู่ คนหนึ่งผมขาวเสื้อขาวยืนอยู่ด้วยจิตใจหงอยเหงาเปล่าเปลี่ยวและดื้อรั้น สายตาเหม่อมองออกไปยังประตูใหญ่ทางด้านทิศใต้เงียบๆ ไม่พูดไม่จา
หญิงสาวนางนี้ก็คือเย่ชิงอวี่ ส่วนข้างๆ คือเย่ชิงอู่ที่ยืนอยู่ด้วยจิตใจเศร้าสลดพร้อมกับคิ้วที่ขมวดขึ้นโดยไม่รู้ว่ากำลังครุ่นคิดสิ่งใดอยู่ภายในใจ
“กลับไปก่อนเถอะชิงอวี่ใกล้จะค่ำแล้ว พี่ชายของเ้าคงกลับมาไม่ทันแล้วละ อีกอย่างถ้าหากเขากลับมาเดี๋ยวทางตระกูลคงแจ้งข่าวมาให้ทราบเองแหละ เ้ามายืนรออยู่เช่นนี้ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก?”
ผ่านไปเนิ่นนานเย่ชิงอู่ถอนหายใจออกมาอย่างเบาๆ แล้วพูดขึ้นกับเย่ชิงอวี่ หลายวันมานี้เย่ชิงอวี่นอกจากการฝึกฝนแล้วเวลาที่เหลือนางจะออกมายืนอยู่ที่ตรงนี้แล้วเหม่อมองไปยังประตูทางด้านทิศใต้ราวกับคนโง่ เหมือนกับว่านางคิดว่างานเทศกาลัเพลิงกำลังจะมาถึงแล้วพี่ชายคงต้องกลับมาอย่างแน่นอน แต่นางหารู้ไม่...
เย่ชิงอวี่ไม่ได้ขานตอบและไม่ได้หมุนตัวกลับ ทำเพียงแค่ส่ายหัวเบาๆ สายตายังคงเหม่อมองไปที่ประตูทางทิศใต้ดังเดิม ดวงตาใสซื่อบริสุทธิ์ที่ปราศจากสิ่งเจือปนทั้งคู่เต็มไปด้วยความน้อยใจและระทมทุกข์เพราะความคิดถึงคะนึงหา
สายลมหนาวของเหมันตฤดูเริ่มพัดผ่านมา พัดเอาชุดกระโปรงของเย่ชิงอวี่ปลิวสะบัดเสียงดังขึ้นไม่หยุด พัดเอาผมขาวราวกับสีของหิมะของนางปลิวไสวลอยไปตามแรงลม และพัดเอาหยาดน้ำตาเย็นเฉียบที่หางตาของนางลอยไปยังสถานที่ที่ห่างไกล...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้