ถังชิงหรูยืนอยู่ที่หน้าต่าง มององครักษ์ลาดตระเวนเดินผ่านไป
นางปล่อยม่านลง หันไปพูดกับบุรุษสวมหน้ากากที่นอนรักษาแผลอยู่บนเตียง "ท่านไม่คิดจะไปจากที่นี่จริงหรือ คนของเมิ่งหลิงยังคงตรวจค้นอย่างเข้มงวด หอนางโลมแห่งนี้ถูกค้นมาห้ารอบแล้ว ข้าก็ร่วมมือเล่นละครบทพลอดรักตบตาพวกเขามาห้าครั้งแล้วเหมือนกัน หากยังเล่นบทเดิมต่อไป เกรงว่าคนที่เข้ามาตรวจค้นจะสงสัยเอาได้ ท่านเปลี่ยนสถานที่รักษาตัวไม่ดีกว่าหรือ"
เฟิ่งหยางซึ่งนอนอยู่ตรงนั้นหันมามองนางอย่างเอ้อระเหย ลูบเส้นผมของตนเองเล่นพลางเอ่ยว่า "สถานที่ที่อันตรายที่สุดก็คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด เมื่อพวกเขาค้นไปแล้วถึงห้าครั้ง ต่อไปแม้จะมาอีก อวิ๋นเหนียงย่อมรับมือได้"
อวิ๋นเหนียงคือแม่เล้าของหอนางโลมแห่งนี้ ทั้งเป็บริวารของเฟิ่งหยาง
นางมิเพียงแต่โน้มน้าวคนเก่ง ยังรู้จักผู้สูงศักดิ์มากมายของที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็ผู้เยี่ยมยุทธ์คนหนึ่ง
เมื่อวานมีทหารลาดตระเวนบุกเข้ามาตรวจค้น นางยังใช้กำลังภายในจู่โจมจากระยะไกลทำให้คนผู้นั้นหกล้มเสียชีวิตเองโดยที่ไม่มีผู้ใดมองออกถึงสาเหตุการตาย ถังชิงหรูจึงไม่กล้าประมาทสตรีผู้นี้ ผ่านจากเื่นี้ไป นับว่าตนเองได้รู้จักแม่เล้าผู้นี้ล้ำลึกยิ่งกว่าเดิม
เฟิ่งหยางเป็ใครกันแน่ หอนางโลมเป็แหล่งรวบรวมข้อมูลข่าวสารชั้นยอด เขาเปิดหอนางโลมแห่งนี้ขึ้นมา ทั้งยังเป็ปฏิปักษ์กับเมิ่งหลิง หรือว่าจะเป็คนในราชสำนักเหมือนกัน?
หลังจากใช้เวลาพักฟื้นมาครึ่งเดือน อาการาเ็ของเฟิ่งหยางก็หายเป็ปรกติ แล้วเขาก็เริ่มทำตัวล่องหน ทุกครั้งที่จากไป มักจะเป็ตอนที่ถังชิงหรูกำลังนอนหลับ และกลับมาขณะที่นางยังคงหลับเช่นกัน ถังชิงหรูไม่เคยถาม และไม่มีสิทธิ์ถามด้วย
"นี่ ได้ยินแล้วหรือยัง ชิ่งอ๋องดูเหมือนว่าจะหนีไปแล้ว" บนถนนใหญ่ ชาวบ้านที่กำลังตั้งแผงค้าขายซุบซิบนินทากับคนที่อยู่ด้านข้างไปพลาง
ถังชิงหรูสวมเสื้อคลุมที่มีหมวกอำพรางใบหน้าของตนเอง ไม่มีผู้ใดจำได้ว่านางคือหมอเทวดาที่หายตัวไป
"ชิ่งอ๋องหายไป แม้แต่หมอเทวดาก็หายเข้ากลีบเมฆ" มีคนถอนหายใจเบาๆ "ชาวบ้านตาดำๆ อย่างพวกเราก็เลยพลอยเดือดร้อน"
"นั่นสิ กว่าจะมีท่านหมอฝีมือล้ำเลิศจิตใจประเสริฐดุจพระโพธิสัตว์มาปรากฏตัวสักคนไม่ใช่เื่ง่าย แต่ต้องมาติดร่างแหไปพร้อมกับชิ่งอ๋อง เขาจะจากไปด้วยตนเอง หรือถูกคนเ่าั้สังหารไปแล้วก็สุดรู้ แต่ข้าภาวนาขอให้เขาหนีไปจากเมืองชิ่ง อย่าได้เกิดเหตุร้ายอันใดกับเขาเลย คนดีถึงขนาดนั้น ์ต้องไม่โหดร้ายกับเขาอย่างแน่นอน"
ถังชิงหรูได้ยินชาวบ้านเ่าั้ห่วงใยตนเอง พลันเกิดความซาบซึ้งในใจ
มีบุรุษเดินมาจากฝั่งตรงข้ามพูดกับนางว่า "มัวแต่ยืนเซ่ออยู่ได้ รีบเดินสิ" คนผู้นั้นก็คือเฟิ่งหยาง
ยามนี้เฟิ่งหยางออกมาเดินเฉิดฉายบนถนนใหญ่ สง่าราศีจับทั่วเรือนร่างสะดุดสายตาทั้งชายหญิงผู้เฒ่าผู้แก่และเด็กน้อย มองกันจนเหลียวหลังกลับบ้านไม่ถูก
เขาสวมอาภรณ์สีม่วง มือถือพัดสีสันงามวิจิตรตามแบบฉบับคุณชายลูกผู้ดีมีเงินส่วนใหญ่ที่แม้กระทั่งฤดูเหมันต์เดือนสิบสองอากาศหนาวเหน็บเป็น้ำแข็งก็ยังมิวายถือพัดติดมือ ถึงกล่าวว่าเป็ศิลปะขับเน้นความสูงศักดิ์สง่างาม ทว่าแลดูจอมปลอมเสียมากกว่า
น่าหลันหลิงไม่ชอบคนดัดจริตประเภทนี้ ถังชิงหรูเองก็ชื่นชมในความคิดอ่านของเขา นางรู้สึกขอบคุณเ้าของร่างเดิมที่มีเ้านายเป็คนปรกติ หากเปลี่ยนเป็สาวใช้ของเฟิ่งหยาง ก็ไม่รู้ว่าจะถูกหยอกเล่นจนเป็อย่างไรบ้าง
"ได้ยินข่าวหัวหน้าเผ่าอิงกูไปก่อความวุ่นวายที่จวนอ๋องหรือยัง เห็นว่าถูกใต้เท้าเมิ่งเ้านายคนใหม่ของที่นั่นไล่ตะเพิดออกมา เดิมทีชิ่งอ๋องทรงเปิดประตูต้อนรับเผ่าอิงกู ทว่าตอนนี้หัวหน้าเผ่าล่วงเกินใต้เท้าเมิ่ง คนในเผ่าทั้งหมดจึงถูกขับออกจากเมือง มิหนำซ้ำยังประกาศห้ามชนเผ่าอิงกูเข้ามาในอาณาเขตเมืองชิ่งอีกต่อไป หัวหน้าเผ่าอิงกูผู้นี้ช่างโง่เขลาแท้ๆ"
"ใครว่าโง่ นางเป็คนรักพวกพ้องต่างหาก ชิ่งอ๋องทรงดีต่อเผ่าอิงกู ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับชิ่งอ๋องย่อมแน่นแฟ้น บัดนี้ชิ่งอ๋องจะเป็หรือตายยังไม่ทราบแน่ ในฐานะสหาย จะเพิกเฉยไม่ถามไถ่ได้อย่างไร เผ่าอิงกูสตรีเป็ใหญ่ ไม่นึกว่าพวกเขาจะมีน้ำใจต่อมิตรสหายถึงเพียงนี้ ต่อไปหากพวกเราพบเจอคนของเผ่าอิงกู จะต้องคบหาผูกมิตรกันไว้"
"ถูกต้องๆ ชนเผ่าที่มีน้ำใจไมตรีต่อมิตรสหายแบบนี้ พวกเราอย่าได้ใช้สายตาเหยียดหยันมองพวกเขาอีกเลย แม้ว่าจะต่างชนเผ่า ต่างวัฒนธรรม แต่ทุกคนต่างเป็มนุษย์ มีเืเนื้อมีน้ำตาเหมือนกันมิใช่หรือ"
ถังชิงหรูได้ยินคนเ่าั้สนทนากันก็รู้สึกว้าวุ่นใจยิ่ง นึกไม่ถึงว่าอิงฉีจะทำเพื่อนางมากมายเหลือเกิน ตอนนี้ยังเดือดร้อนไปถึงคนในเผ่าที่ต้องถูกขับไล่ออกจากเมืองชิ่ง
่เวลาก่อนหน้านี้เฉินิอนุญาตให้เผ่าอิงกูเข้ามาในเมืองได้อย่างอิสระ ทั้งยังลดหย่อนภาษีทางการค้าให้แก่พวกเขา ความเป็อยู่ของเผ่าอิงกูจึงเริ่มดีขึ้นมาบ้าง บัดนี้ถูกขับไล่กลับไปอยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่าอิงฉีที่เพิ่งขึ้นมาเป็หัวหน้าเผ่าจะได้รับผลกระทบจากเื่นี้มากน้อยแค่ไหน
"คิดสิ่งใดอยู่" เฟิ่งหยางใช้พัดเคาะหัวถังชิงหรู "เห็นเ้ารู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่ ข้าถึงให้มาช่วยดูร้านค้า แต่เ้ากลับไม่ใส่ใจ อย่าลืมสิว่าตอนนี้เ้าเป็สาวใช้ประจำตัวของข้าอยู่"
ถังชิงหรูขึงตาใส่เฟิ่งหยางอย่างไม่สบอารมณ์
บุรุษผู้นี้ไม่รู้เกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมา การติดตามค้นหาในเมืองเพิ่งจะซาไป เขาก็รีบออกมาปรากฏตัว มิหนำซ้ำยังเตรียมจะเปิดร้านค้าอย่างเอิกเกริกอีกด้วย
เขากับเมิ่งหลิงน่าจะเป็ศัตรูกันกระมัง? เมิ่งหลิงได้ชื่อว่าหัตถ์ปีศาจ แสดงให้เห็นว่าวิธีการของคนผู้นี้โเี้เพียงใด ทว่าเฟิ่งหยางกลับเคลื่อนไหวภายใต้เปลือกตาของเขาอย่างเหิมเกริม ไม่กลัวว่าเมิ่งหลิงจะพบเบาะแสของตนเองบ้างเลยหรือ?
"ท่านอยากเปิดร้านอันใด" คนเราอยู่ใต้ชายคาผู้อื่น จำเป็ต้องก้มศีรษะ[1] ตราบใดที่ยังมิอาจถอนพิษกู่ นางก็ต้องเชื่อฟังบุรุษผู้นี้ แม้ว่าใจอยากจะหั่นเขาเป็ชิ้นๆ เพียงใดก็ตาม รอให้นางถอนพิษกู่ให้ได้ก่อนเถอะ ต้องเห็นดีกันแน่ แต่พอเอ่ยถึงพิษกู่ หมอพิษผู้นั้นไฉนถึงไม่มาปรากฏตัวอีกเลย นางไม่รู้เื่พิษกู่ แต่ไม่แน่ว่าเขาอาจรู้ก็ได้
ถังชิงหรูรู้สึกจนปัญญาแบบนี้เป็ครั้งแรก แท้จริงแล้วเสี่ยวอีก็ใช่ว่าจะรอบรู้ไปเสียทุกเื่ เขาเองก็ไม่อาจหาวิธีถอนพิษกู่ของยุคโบราณได้เช่นเดียวกัน
เฟิ่งหยางลูบใบหน้าหล่อเหลาของตนเองพลางยิ้มกล่าวอย่างอารมณ์ดี "เมื่อมอบหน้าที่ให้เ้าแล้ว ก็อยู่ที่เ้าตัดสินใจ คุณชายเยี่ยงข้าไม่อยากยุ่งวุ่นวายกับเื่เล็กน้อยพรรค์นั้น"
"..." ถังชิงหรูมุมปากกระตุก นางจะทำให้บุรุษผู้นี้... กลายเป็คนปัญญาอ่อนไปเสียดีหรือไม่ แค่เขาไม่ตาย ก็ไม่มีผลกระทบมาถึงอายุขัยของตนเองกระมัง
เฟิ่งหยางเดินเล่นบนถนนอย่างเอ้อระเหย ใบหน้าที่แลดูโดดเด่นไม่ช้าก็ดึงดูดทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ให้หัวใจเต้นว้าวุ่น
ยามนี้ถังชิงหรูแปลงโฉมจนกลายเป็สาวใช้หน้าตาธรรมดายิ่ง อย่าว่าแต่คนป่วยเ่าั้ ต่อให้เป็เฉินิหรือน่าหลันหลิงก็เกรงว่าจะจำนางไม่ได้
เฟิ่งหยางให้นางหาร้านค้า ตัวเองไม่มีความคิด แต่ใช้ให้คนอื่นทำงานให้ส่วนเขาก็นั่งนับเงินอย่างเดียว ถังชิงหรูนึกขุ่นเคืองในใจ แต่ไม่อาจแข็งข้อ ทว่าทันใดนั้นประกายความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในสมอง วิธีดังกล่าวทำให้อารมณ์ของนางเปลี่ยนเป็ดีขึ้นอย่างฉับพลัน
นางกระแอมกระไอ ยิ้มกล่าวว่า "ท่านจะให้ข้าช่วยเปิดกิจการร้านค้าจริงหรือ"
นางรู้ว่าเฟิ่งหยางรั้งอยู่ในเมืองชิ่งด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์ ร้านค้าที่ว่าก็เป็แค่ฉากบังหน้า ส่วนเป้าหมายที่แท้จริงคงมีแต่เ้าตัวเท่านี้ที่รู้ นางจะไม่ขอข้องเกี่ยวกับงานของเขา ยิ่งรู้เยอะ ต่อไปก็จะยิ่งถอนตัวลำบาก แต่ก็ตระหนักดีว่าเฟิ่งหยางจับนางไว้เพราะเฉินิ ได้แต่หวังว่าเขาจะไม่มาหานางอีก และอย่าถูกชายผู้นี้หลอกใช้ประโยชน์
ตอนนี้นางต้องพิษกู่ หากแม้แต่นางยังช่วยตัวเองไม่ได้ เฉินิยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง เมื่อเป็เช่นนี้ ไยต้องทำให้เขาเดือดร้อนด้วยเล่า?
"เ้ารับผิดชอบแต่เื่เปิดร้าน อย่างไรเสียข้าก็ต้องออกเงินทุนให้อยู่แล้ว" เฟิ่งหยางโบกพัดพลางเอ่ยวาจา
"เช่นนั้นก็ตกลง ข้าคิดออกแล้ว" ถังชิงหรูยิ้มน้อยๆ "ด้วยวิชาแพทย์ของข้า จะเปิดโรงหมออีกแห่งก็ย่อมได้ แต่ท่านคงไม่้าให้ข้าเปิด ดังนั้นข้าก็จะเปิดกิจการที่สตรีสามารถค้าขายได้"
"ร้านอันใด?" เฟิ่งหยางรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี สตรีผู้นี้ยิ้มเ้าเล่ห์ราวกับนางจิ้งจอกน้อย มิอาจรู้ว่าจะมาไม้ไหน
แต่นางหัวเดียวกระเทียมลีบ จะออกลายอย่างไรได้
"ถึงเวลาท่านก็จะทราบเอง อย่างไรเสียคนทำการค้าก็มิใช่ท่าน ดังนั้นไม่ต้องสนใจหรอก" ถังชิงหรูยิ้มให้เฟิ่งหยาง ก่อนหมุนตัวเดินไปเริ่มหาทำเลร้านค้า
ไม่นานนัก นางก็หาร้านที่มีพื้นที่พอสมควร หลังจากนั้นก็ปรับโฉมหน้าร้านเสียใหม่ รวมถึงปรับเปลี่ยนรูปแบบสินค้าและวัตถุดิบต่างๆ
ทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก เฟิ่งหยางก็จะส่งลูกน้องคอยติดตามนาง คนเ่าั้เป็ระดับยอดฝีมือในยุทธจักร สามารถติดตามนางได้ตลอดทั้งวันเพื่อป้องกันมิให้หลบหนี แน่นอนว่าถังชิงหรูไม่คิดจะหนีอยู่แล้ว ถึงอย่างไรเฟิ่งหยางก็หาได้สร้างความลำบากให้ตนเอง ประกอบกับยังหาวิธีกำจัดพิษกู่ในร่างกายไม่ได้
หลังจากนั้นครึ่งเดือน ตลาดตะวันออกของเมืองชิ่งก็มีร้านค้าใหม่เปิดกิจการ ชื่อร้านนามว่า 'หัวใจสตรี'
เฟิ่งหยางยืนเด่นเป็สง่าอยู่หน้าประตู สีหน้าดำทะมึนจนดูไม่ได้ เขามองขึ้นไปที่ป้ายร้านใหม่ ก่อนหันไปมองสตรีแต่ละนางที่ยืนกระมิดกระเมี้ยนจ้องมองตนเองอยู่
"นี่มันร้านอะไร" เฟิ่งหยางบีบพัดไว้แน่น นิ้วมือลั่นเสียงดังกร๊อบ
"ย่อมเป็ร้านค้าใหม่ของท่านอย่างไรเล่า" ถังชิงหรูยิ้มน้อยๆ กล่าวจบก็หันไปพูดกับสตรีเ่าั้ "ท่านนี้คือเถ้าแก่ของร้านเรา"
"เถ้าแก่หน้าตาหล่อเหลายิ่งนัก ด้วยรูปโฉมเช่นนี้คงจะเคยัักับสตรีมามากมาย ดังนั้นถึงได้ตั้งชื่อร้านว่าหัวใจสตรี" หญิงสาวคนหนึ่งในฝูงชนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน "มิทราบว่าเถ้าแก่จะรู้ใจข้าน้อยหรือไม่?"
ถังชิงหรูลอบยิ้มอยู่ด้านข้าง
เฟิ่งหยางถลึงตาใส่นางทีหนึ่ง ก่อนหันไปยิ้มกล่าวกับสตรีผู้นั้น "สตรีงามสะคราญก็เหมือนตำราเล่มหนึ่ง ต้องค่อยๆ ศึกษา มิอาจใจเร็วด่วนได้ ผู้น้อยใคร่อยากสนทนากับคุณหนู จะได้ค่อยๆ อ่านทำความเข้าใจหัวใจของท่าน"
ถังชิงหรูลอบทำท่าสำรอก
ทว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงข้ามกลับแสดงท่าทางเขินอาย หลังจากนั้นก็มีดรุณีน้อยโฉมงามคนแล้วคนเล่าเข้ามาในร้านค้าใหม่ของพวกเขา พอมีร้านมาเปิดใหม่ ร้านค้าอื่นต่างแข่งขันโฆษณาอย่างดุเดือดไปทั่วทุกหัวระแหงหวังดึงลูกค้า ทว่าร้านของพวกเขาเพียงแค่ส่งเฟิ่งหยางไปยืนอยู่หน้าประตู ก็สามารถดึงดูดหญิงสาวเข้าร้านได้นับไม่ถ้วน
"คุณชาย..." จู่ๆ ก็มีสตรีคนหนึ่งลื่นล้มเข้าใส่อ้อมแขนของเฟิ่งหยาง "ข้าน้อย... รู้สึกไม่ค่อยสบายกะทันหัน"
ถังชิงหรูเอี้ยวศีรษะไปมอง สตรีคนนี้ก็คือฉินเหยา คนรู้จักของนางเอง
ไม่ว่าจะไปที่ไหนล้วนเจอแต่สตรีผู้นี้
ทว่ายามนี้ถังชิงหรูแปลงโฉม ฉินเหยาย่อมจำไม่ได้
ฉินเหยาคงจะหมายตาเฟิ่งหยางเข้าแล้ว ช่างไม่รู้จักความตาย เฟิ่งหยางใบหน้ายิ้มแย้มแต่จิตใจโเี้อำมหิต ใช่ว่าคนธรรมดาจะรับมือได้
ในร้านค้า เหล่าสตรีต่างหยิบสินค้าชิ้นหนึ่งขึ้นมาดู ดวงตาแต่ละคู่ฉายแววกังขา
ถังชิงหรูเห็นสีหน้าของพวกนาง ก็หัวเราะเบาๆ กล่าวว่า "นี่คือของใช้ส่วนตัวสำหรับสตรี อืม... ก็เหมือนกับตู้โตวนั่นแหละ[2]"
สตรีเ่าั้ต่างตะลึงพรึงเพริด สายตางุนงงในตอนแรกพลันผุดแววประหม่า หันไปมองเฟิ่งหยางที่อยู่ตรงข้ามด้วยแววตาชอบกล บุรุษคนหนึ่งถึงกับเปิดร้านขายตู้โตว ช่างน่าอายเหลือเกิน!
--------------------------------------------------------------------------------
[1] อยู่ใต้ชายคาผู้อื่น จำเป็ต้องก้มศีรษะ ใช้เปรียบเทียบถึงการตกอยู่ในความควบคุมของผู้อื่นแม้ไม่เต็มใจก็ต้องจำยอม
[2] ตู้โตว หรือเอี๊ยมบังทรง เป็เสื้อชั้นในของคนจีนสมัยโบราณ มีทั้งของบุรุษและสตรี ลักษณะคล้ายผ้ากันเปื้อน ส่วนใหญ่เป็ผืนผ้ารูปทรงสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนแนวตั้งมีสายคล้องคอ และสายสำหรับมัดที่เอวด้านหลัง หากเป็ของสตรีมักปักลวดลายงดงาม นอกจากใช้ปกปิดของสงวนยังช่วยให้ความอบอุ่นอีกด้วย