“กรี๊ด!!!”
สตรีและเด็กจำนวนหนึ่งส่งเสียงร้องออกมา
เสิ่นเสวียน เสิ่นเลี่ยน และเสิ่นเสี่ยวเม่ยที่กำลังฝึกฝนอยู่สะดุ้งลืมตาขึ้นมาพร้อมกัน
เสิ่นเสวียนกระโจนลงจากเตียงไปเปิดประตูเพื่อสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกพลันขมวดคิ้ว
“ไม่ค่อยราบรื่นสักเท่าไรเลย พุ่งชนอะไรเข้าแล้ว!”
หากเขาคาดเดาไม่ผิด น่าจะโดนปล้นเสียแล้ว
เฝิงเป่าเป่าฟื้นแล้วเช่นกัน เขากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง แรงกระแทกครั้งนี้เกือบทำให้เขาตกลงจากเตียง
“คุณชาย ข้ากลัว”
“กลัว... มั่นใจหน่อย”
เริ่นเสี้ยวเทียนกลอกตามองเฝิงเป่าเป่า ชายชาตรีควรเรียนรู้ความกล้าหาญเสียบ้าง
จากนั้นเขาก็กระโจนออกไปจากห้องและเห็นเสิ่นเสวียนยืนอยู่ด้านนอกแล้ว ตอนนี้เสิ่นเลี่ยน เสิ่นเสี่ยวเม่ย และผู้โดยสารคนอื่นๆ ต่างออกมาจากห้องกันหมดแล้ว บ้างมีสีหน้าตื่นใ บ้างก็ไม่รู้เื่อะไรเลย
“น่าจะเป็โจรสลัดอากาศ”
เริ่นเสี้ยวเทียนมองเสิ่นเสวียนพลางกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ถูกปล้นอย่างนั้นหรือ” เสิ่นเสวียนถาม
“ใช่ ถูกปล้น”
เริ่นเสี้ยวเทียนตะลึงแล้วยิ้มออกมา สีหน้าเคร่งขรึมของเขาค่อยๆ ผ่อนคลายลง
โจรสลัดอากาศร้ายกาจมากก็จริงอยู่ แต่หากเทียบกับเสิ่นเสวียนแล้ว โจรสลัดเ่าั้ก็แค่คนตัวเล็กๆ
“บอกข้าทีว่าโจรสลัดอากาศคืออะไร”
เสิ่นเสวียนรู้สึกสนใจเป็อย่างมาก สามารถหยุดเรือเสวียนอู่ได้ในความสูงสามพันจั้งเช่นนี้ แสดงว่าต้องมากความสามารถอยู่เหมือนกัน
“โจรสลัดอากาศคือกลุ่มโจรปล้น แต่คนเหล่านี้ล้วนเป็ผู้ฝึกตนที่มีพลังแข็งแกร่งมากมารวมตัวกัน ในจำนวนนั้นยังมีขั้นจักรพรรดิรวมอยู่ด้วย พวกเขาเชี่ยวชาญการขี่สัตว์วิเศษประเภทบิน เรียกได้ว่ามีอำนาจมากในอากาศ”
“โดยทั่วไปแล้วหากเรือเสวียนอู่ต้องเผชิญหน้ากับโจรสลัดอากาศ ความพินาศมาเยือนแล้วแปดถึงเก้าในสิบส่วน แต่ตราบใดที่ทำให้คนเ่าั้พึงพอใจได้ พวกเขาจะไม่ฆ่าใครจริงๆ เพราะอำนาจเื้ัของเรือเสวียนอู่นั้นยิ่งใหญ่มาก พวกเขาไม่มีทางล่วงเกินเด็ดขาด”
“อืม เยี่ยมไปเลย ในเมื่อเป็อย่างนี้พวกเราก็ไม่ต้องทำอะไรหรอก ลดปัญหาได้มากเท่าไรก็ลดไปดีกว่า”
กล่าวจบเสิ่นเสวียนก็เดินกลับไปที่ห้องของตนเอง
“พวกเ้าก็เข้ามาเถอะ!”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับคนอื่นๆ
“คือ...”
เริ่นเสี้ยวเทียนลังเลเล็กน้อยแล้วเดินตามเข้าไป เพียงแต่เื่นี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เสิ่นเสวียนคิดไว้ หากว่าเผชิญหน้ากับโจรสลัดอากาศแล้ว พวกเขาไม่มีทางพึงพอใจได้ง่ายขนาดนั้น
ประตูห้องปิดลง เสิ่นเสวียน เริ่นเสี้ยวเทียน เสิ่นเลี่ยน และเสิ่นเสี่ยวเม่ยเข้ามาในห้องแล้ว ต่างคนต่างหาที่นั่ง
“เรือเสวียนอู่ควรถึงเขตตะวันตกในสิบวัน ข้าขอถามความคิดของทุกคนหน่อย”
เสิ่นเสวียนกล่าวถามอีกสามคน
“ความคิด?”
เริ่นเสี้ยวเทียนมองเสิ่นเลี่ยนและเสิ่นเสี่ยวเม่ย ตอนนี้ความคิดของเขายังบอกไม่ได้จริงๆ แต่ก็มีอย่างหนึ่งที่ชัดเจนมากคือ ติดตามเสิ่นเสวียนแล้วโชคดียิ่งนัก ตอนที่ตนเองเพิ่งได้รู้จักเสิ่นเสวียน เขาเพิ่งอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นราชันระดับต้นเท่านั้น แต่ผ่านไปเพียงครึ่งปีพลังยุทธ์ของตนเองกลับก้าวะโไปถึงขั้นราชันระดับสูงสุดแล้ว
แม้จะรวมโอกาสและโชคที่ได้มาจากสุสานด้วย แต่ก็เป็เพราะเสิ่นเสวียนด้วยจริงๆ
ความรู้สึกของเขายังไม่ได้ล้ำลึกมากที่สุด คนที่ััได้มากที่สุดน่าจะเป็เสิ่นเลี่ยน เขาเห็นมากับตาตนเองว่าเสิ่นเลี่ยนเริ่มต้นที่ขั้นแม่ทัพ ทว่ากลับก้าวหน้าถึงขั้นสังหารขั้นจักรพรรดิได้แล้ว
การต่อสู้ที่เขตกู่ซวี เสิ่นเลี่ยนสังหารแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิตายด้วยกระบวนท่าเดียว กระทั่งทุกวันนี้ภาพนั้นยังคงติดตา ส่วนเสิ่นเสี่ยวเม่ย แม้เขาจะไม่เคยเห็นนางลงมือเลย แต่ในความรู้สึกของเขานางแข็งแกร่งมากเหมือนกัน
ระยะเวลาเพียงครึ่งปี พลังของทุกคนก้าวหน้าขึ้นมากราวพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน
“ข้าขอติดตามพี่เสวียน”
เสิ่นเลี่ยนกล่าวออกมาทันที เป้าหมายของเขาชัดเจนมาก ผู้นำตระกูลพาเขาออกมา เขาก็ต้องติดตามผู้นำตระกูลต่อไป
“ข้าก็ติดตามพี่ชายข้าเช่นกัน” เสิ่นเสี่ยวเม่ยพยักหน้าหงึกๆ
การปรากฏตัวของเสิ่นเสวียนเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาไปแล้ว รับรู้ได้ว่าเสิ่นเสวียนเป็ที่พึ่งให้พวกเขาได้
“แล้วเ้าล่ะ”
เสิ่นเสวียนหันไปถามเริ่นเสี้ยวเทียน จนถึงตอนนี้เขายังไม่รู้จักตัวตนของเริ่นเสี้ยวเทียนเลย
ก่อนหน้านี้ตอนเผชิญหน้ากับผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวง เื้ัตัวตนของเริ่นเสี้ยวเทียนเคยทำให้ผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวงลังเลมาแล้ว แสดงให้เห็นว่าเื้ัของเขาอย่างน้อยต้องเป็บุคคลในระดับเดียวกับผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวง
ซึ่งทั่วทั้งทวีปมีผู้ศักดิ์สิทธิ์อยู่เพียงเจ็ดคนเท่านั้น เพียงพอที่จะเห็นได้ว่าเขาสูงส่งมากเพียงใด
“ความจริงแล้วก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังหรอก อย่างนั้นข้าเปิดเผยตัวตนของข้าเลยดีไหม”
เริ่นเสี้ยวเทียนมองพวกเสิ่นเสวียน โดยที่เสิ่นเสี่ยวเม่ยทำสีหน้าสงสัยมากที่สุด
นางรู้สึกสนใจเริ่นเสี้ยวเทียนมาก ไม่เหมือนกับเสิ่นเสวียนและเสิ่นเลี่ยน เริ่นเสี้ยวเทียนทำเหมือนเป็พี่ใหญ่คอยดูแลพวกเขาอยู่ในหลายๆ ด้าน
“เร็ว! เร็วเข้าสิ!” เสิ่นเสี่ยวเม่ยเร่งเริ่นเสี้ยวเทียน ถึงตอนนี้แล้วยังชักช้าอยู่อีก
“ความจริงแล้วข้าเคยเจอกับพี่ชายเ้ามาก่อน ข้าเชื่อว่าเ้าก็พอจะจำได้เหมือนกัน” เริ่นเสี้ยวเทียนมองเสิ่นเสวียนคล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
คำถามของเขากลับทำให้เสิ่นเสวียนหยุดนิ่งไป
พวกเขาเคยเจอกันมาก่อน และยังน่าจะจำได้อีก?
ความจริงแล้วตอนที่เจอกับเริ่นเสี้ยวเทียนครั้งแรก เริ่นเสี้ยวเทียนทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยอยู่เหมือนกัน แต่ก็เพียงแค่นี้ เพราะเขาครุ่นคิดมาหลายครั้งแล้วก็ยังคิดไม่ออกว่าเคยเจอเขาเมื่อไรและที่ไหน ความจำของเขาไม่มีทางเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้ จากนั้นเขาก็เลิกคิด รู้สึกว่าตนเองแค่คิดมากเกินไป
“พวกเราเคยเจอกันมาก่อนหรือ”
เสิ่นเสวียนได้ยินดังนั้นก็เริ่มสงสัยว่าความทรงจำของตนเองผิดปกติหรือเปล่า
“ใช่ ที่ปากปล่องูเาไฟ ยังพอจำได้ไหม”
“ปากปล่องูเาไฟ?”
เสิ่นเสวียนหรี่ตามองเริ่นเสี้ยวเทียน
อันดับแรก ไม่มีทางเป็สามคนจากเผ่าอนธการเด็ดขาด แม้เผ่าอนธการแข็งแกร่งมาก แต่โดนเขากับเสี่ยวเหยียนร่วมมือกันฆ่าตายไปแล้วคนหนึ่ง นอกจากสามคนนี้เขาก็ไม่เคยเจอคนอื่นอีก
ต่อมา เขากับเสิ่นล่างรับรู้ได้ว่ามีไอพลังสามสายพุ่งเข้ามา จึงหนีไปโดยไม่ทันได้คิดอะไรมาก
และต่อจากนั้น พวกเขาโดนสามคนนั้นไล่ล่า หากไม่ใช่เพราะเขาใช้มิติของผังเมืองซานเหอคงกลายเป็จุณไปแล้ว
จนกระทั่งหลังจากนั้นเขาคิดอยากแก้แค้น รอให้พลังแข็งแกร่งขึ้นจะทำให้สามคนนั้นต้องชดใช้อย่างสาสม เนื่องจากไม่มีใครชอบหากโดนโจมตีอย่างไร้เหตุผล
“สามคนนั้น...”
เสิ่นเสวียนมองเริ่นเสี้ยวเทียน แล้วรูปร่างของเริ่นเสี้ยวเทียนก็ค่อยๆ ทับซ้อนเข้ากับคนหนึ่งในสามคนนั้น
“ไม่ผิด ข้าเอง”
เริ่นเสี้ยวเทียนยิ้มให้เสิ่นเสวียน จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นไปจับอะไรบางอย่างตรงคอแล้วกระชากอย่างรุนแรง ทำให้ใบหน้าของเขาหลุดออก
เมื่อเห็นดังนั้น เสิ่นเสี่ยวเม่ยพลันถอยหลังไปทันทีเพราะไม่อยากได้กลิ่นเื
“ของปลอมหรือ”
หลังจากที่เริ่นเสี้ยวเทียนกระชากใบหน้าออกแล้ว กลับไม่มีเืไหลออกมาเลย แต่เป็ใบหน้าของอีกคนหนึ่งแทน
“เ้านี่เอง”
หลังจากใบหน้าของเริ่นเสี้ยวเทียนปรากฏขึ้น เสิ่นเสวียนจึงยิ้มแห้งๆ ออกมา เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ‘คนแปลก’ คนนั้นก็คือเริ่นเสี้ยวเทียน
สามคนที่ปรากฏตัวขึ้นในวันนั้นอยู่ในความทรงจำของเขามาจนถึงทุกวันนี้
คนหนึ่งคือแม่นางหยุนจากสำนักไท่อี แม้จะไม่รู้ว่าสำนักไท่อีคืออะไร แต่เสิ่นเสวียนจำชื่อนี้ได้
ยังมีบุรุษผู้หนึ่งมาจากวังดารา ในสามคนนี้ เสิ่นเสวียนไม่ค่อยใส่ใจบุรุษจากวังดาราผู้นั้นสักเท่าไร ปกติแล้วเขารังเกียจคนประเภทนี้ที่สุด มองปราดเดียวก็รู้ถึงจิตใจของอีกฝ่ายแล้ว ดูภายนอกเหมือนสูงส่ง ความจริงกลับเป็คนจิตใจคับแคบ ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรเขาสังหารคนเหล่านี้ไปไม่น้อย
ศิษย์จากสำนักใหญ่เหล่านี้มีพร์เล็กน้อยก็ใช้ชื่อของสำนักมาแอบอ้าง เทียบกันแล้วเขาชอบคนเปิดเผยมากกว่า
และคนเปิดเผยคนนั้นก็คือคนสุดท้ายในสามคนนั้น
ดอกไม้แปลกๆ ที่ได้ชื่อว่าเป็ ‘สตรีข้ามเพศ’
นี่คือความทรงจำที่เขามีต่อบุรุษจากสำนักบุปผาผู้นั้น
และเริ่นเสี้ยวเทียนก็คือคนผู้นั้น