ลาวากำลังปะทุออกมาจากปากปล่องูเาไฟ ควันดำหนาทึบปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ราวกับเป็วาระสุดท้ายของโลก
หากคนทั่วไปเข้ามาในรัศมีสามสิบจั้ง คงโดนคลื่นความร้อนแผดเผาจนกลายเป็จุณอย่างแน่นอน
ส่วนตำแหน่งเหนือปากปล่องูเาไฟประมาณห้าจั้ง สามคนนั้นที่มาจากเผ่าอนธการสวมเกราะสีแดงเข้มถือกระบี่เล่มใหญ่แยกกันยืนอยู่สามมุม พวกเขาถือเชือกสีแดงไว้คนละเส้นต้านทานพลังอยู่เหนือปากปล่องูเาไฟ ไม่ว่าเปลวเพลิงจะลุกโชนมาเพียงใด เชือกเส้นนั้นกลับไม่เป็อะไรเลย
ทว่าทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่คาดคิด ลูกไฟที่พุ่งออกมาจากลาวาพุ่งเข้าปะทะเชือกวิเศษเส้นนั้นอย่างรุนแรง
“เร็วเข้า จับเอาไว้!”
พี่ใหญ่ผู้นั้นะโเสียงดังก้อง แววตาตื่นเต้นระคนใ
ในที่สุด สัตว์ร้ายที่มหาปุโรหิตกล่าวไว้ได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว
หลายวันก่อนมหาปุโรหิตเรียกเขาไปพบ บอกเขาว่าทิศตะวันออกของทวีปหลิงโซ่วมีสัตว์ร้ายตัวหนึ่งใกล้ปรากฏตัวขึ้น เมื่อถึงตอนนั้นจะส่งผลให้ฟ้าดินสั่นะเื เพื่อที่จะไม่ให้อำนาจอื่นๆ สังเกตเห็น หน้าที่ของเขาคือใช้เชือกวิเศษจับตัวมันเอาไว้ แบบนี้จะทำให้ฟ้าดินสั่นะเืน้อยลง
เชือกวิเศษที่พวกเขาใช้อยู่ตอนนี้คือสิ่งที่มหาปุโรหิตบ่มเพาะขึ้นด้วยตนเอง จึงไม่ธรรมดาเลย
ตูม!
ลูกไฟดวงนั้นปะทะกับเชือกวิเศษ พลังโจมตีรุนแรงมากทำให้ทั้งสามคนกระเด็นออกไปในพริบตาเดียว
ทว่าสามคนนี้มากด้วยฝีมือ ร่างของพวกเขาถูกซัดกระเด็นออกไปก็จริง แต่มือกลับคว้าเชือกวิเศษเอาไว้แน่น พร้อมทั้งโคจรไอพลังต่อสู้ของตนส่งเข้าไปในเชือกวิเศษไม่หยุดหย่อน จากนั้นดึงเชือกให้ตึงพร้อมจู่โจม
หากมองจากที่ไกลๆ จะเห็นว่าลูกไฟดวงหนึ่งที่พุ่งออกมาจากปากปล่องูเาไฟทำให้พวกเขาทั้งสามพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
“เป็พลังที่แข็งแกร่งมาก! ลูกไฟดวงนี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว”
เสียงของเสิ่นเสวียนดังขึ้นในหูของเสิ่นล่าง
ขณะนั้น เสิ่นล่างซ่อนตัวอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัยแล้ว อยู่ห่างจากปากปล่องูเาไฟประมาณสามสิบจั้ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น้านั้นทำให้เขาตื่นกลัวอย่างที่สุด
สามคนนั้นต่างกดพลังไว้ การกดพลังเช่นนี้ไม่ใช่การหยุดใช้ศาสตราวุธ แต่พลังยุทธ์จะถูกควบคุมไว้ด้วยวิชายุทธ์ลึกลับบางอย่าง
หากปลดปล่อยพลังออกมาทั้งหมด สองคนนั้นที่มีพลังต่ำสุดน่าจะเป็ขั้นบรรพบุรุษระดับสูงสุด ส่วนคนที่แข็งแกร่งที่สุดอาจเป็ผู้แข็งแกร่งขั้นราชันเลยก็ได้
ด้วยวิธีการเช่นนี้ สามารถลวงให้ศัตรูเข้าใจผิดจนเกิดความประมาทได้อย่างยอดเยี่ยม
“เ้าไม่เป็ไรใช่ไหม!”
เสิ่นล่างควบคุมจิตใจที่หวาดกลัวเอาไว้แล้วกล่าวกับมิติตรงหน้าเสียงเบา กระทั่งถึงตอนนี้เขายังไม่เห็นเลยว่าเสิ่นเสวียนซ่อนตัวอยู่ที่ไหน รู้เพียงอีกฝ่ายอยู่ข้างๆ ตนเอง
“ข้าไม่เป็ไร แต่ลูกไฟดวงนั้นเป็ของดีจริงๆ”
เสียงของเสิ่นเสวียนกล่าวออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ข้าขอบอกเ้า พลังของสามคนนั้นแข็งแกร่งกว่าที่เ้าคิด พวกเขาต่างกดพลังยุทธ์ของตนเองไว้ หากปลดปล่อยพลังออกมาจริงๆ คงไม่ได้ด้อยไปกว่าข้าสักเท่าไร พวกเราสู้ไม่ได้หรอก ไม่สู้แยกย้ายกันดีกว่า!”
แม้เสิ่นล่างจะเย่อหยิ่ง แต่เขาก็รู้ว่าในสถานการณ์ที่ต้องสู้กัน การเชื่อฟังจึงจะเป็โอกาสเดียวของการมีชีวิตรอด
“กดพลังยุทธ์เอาไว้? ผู้เฒ่าล่าง การหนีไม่ใช่นิสัยของท่านเลย”
“เลิกสนใจเถอะว่าอะไรใช่หรือไม่ใช่นิสัยของข้า การมีชีวิตรอดต่างหากที่สำคัญที่สุด เ้าคือความหวังของตระกูลเสิ่น และข้าไม่อยากให้เกิดเื่ขึ้นกับเ้า”
“อย่ากังวลเลย ข้าขอรับรองกับท่านว่าข้าจะไม่เป็อะไร พวกเรารอดูกันไปก่อน การเดินทางครั้งนี้จะต้องได้หลินจือโมรากลับไปด้วย”
เสิ่นเสวียนกล่าวขึ้นทันที กลัวว่าเสิ่นล่างจะหมดกำลังใจไปเสียก่อน
“เอาล่ะ แต่ต้องตกลงกันให้ดีก่อน เ้าจะต้องออกจากที่นี่ทันทีเมื่อเกิดเื่ผิดปกติขึ้น”
เขากลัวมากจริงๆ เมื่อครู่เสิ่นเสวียนเกือบถูกฆ่าตายไปแล้ว ทั้งเขายังไปช่วยไม่ทันอีกด้วย ครั้งนี้เสิ่นเสวียนโชคดีมาก แต่ครั้งถัดไปเล่าใครจะรับรองได้
เสิ่นเสวียนยังคงแอบดูอยู่ที่เดิม ส่วนสถานการณ์ทางปากปล่องูเาไฟถูกสามคนนั้นควบคุมเอาไว้ได้แล้ว
พลังของลูกไฟดวงนั้นแข็งแกร่งมาก แต่เมื่อสามคนนั้นร่วมมือกันยังทำให้พลังถดถอยลงไปได้ โดยเฉพาะเชือกวิเศษที่ส่องประกายสีแดงฉาน มันดูดเอาพลังจากลูกไฟดวงนั้นไปตลอดเวลา ในสถานการณ์เช่นนี้ ลูกไฟจะพ่ายแพ้ลงเมื่อไรขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
“เก็บ!”
พี่ใหญ่ผู้นั้นกระตุกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจก่อนจะกล่าวกับอีกสองคน ขณะเดียวกันก็สะบัดเชือกวิเศษในมือออกไป เชือกทั้งสามเส้นเชื่อมต่อเข้าด้วยกันกลายเป็ตาข่ายขนาดใหญ่พุ่งลงไปปิดผนึกด้านล่าง ทำให้ลูกไฟดวงนั้นถูกขังอยู่ภายใน
ลูกไฟกำลังดิ้นรนไม่หยุด แต่ไม่มีพลังโจมตีเหมือนตอนแรกเริ่มแล้ว มันกำลังอ่อนแอลงอย่างช้าๆ
“ดูเหมือนพวกเขาจะทำสำเร็จแล้ว หากออกไปจากที่นี่ พวกเราจะเสียโอกาสเก็บหลินจือโมราไป”
เสิ่นล่างเอ่ยขึ้นเบาๆ เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า
“สำเร็จหรือ ยังไม่แน่หรอก”
เสียงของเสิ่นเสวียนดังขึ้นจากกลางอากาศ
“หืม? ไม่แน่อย่างนั้นหรือ”
เสิ่นล่างมองไปยังปากปล่องูเาไฟด้วยความสงสัย
ขณะนี้ สถานการณ์เหนือปากปล่องูเาไฟถึง่สุดท้ายแล้ว ทั้งสามคนทำตามแผนการที่วางไว้ล่วงหน้า ลูกไฟภายในเชือกวิเศษหมดสิ้นประกายแสงไปแล้ว ทำให้ร่างที่แท้จริงเปิดเผยออกมา
มันคือไข่ฟองหนึ่ง เป็ไข่ที่มีเปลวเพลิงลุกโชน ไข่มีสีแดงฉานและโปร่งใส เหมือนจะมองเห็นได้ว่าภายในมีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่
“พี่ใหญ่ หากครั้งนี้พวกเราทำภารกิจสำเร็จ มหาปุโรหิตต้องตกรางวัลพวกเราอย่างงามแน่ๆ”
หนึ่งในนั้นกล่าวกับพี่ใหญ่ แววตาเป็ประกายด้วยความดีใจ รางวัลของมหาปุโรหิตช่างดึงดูดใจพวกเขาอย่างที่สุด
“แน่นอนอยู่แล้ว เมื่อถึงตอนนั้นพวกเ้าจะเลื่อนไปถึงขั้นราชันได้อย่างง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือเลยทีเดียว” พี่ใหญ่หัวเราะเสียงดัง
ทว่าขณะที่เขากล่าวจบ ลาวากลับปะทุขึ้นมาจากเบื้องล่างอีกครั้ง จากนั้นก็มีเสาเพลิงพุ่งสูงขึ้นมา แทงทะลุผ่านเชือกวิเศษออกไป แล้วไข่ฟองนั้นก็หลอมรวมเข้ากับเสาเพลิง
“เกิดอะไรขึ้น!”
อานุภาพที่รุนแรงทำให้ทั้งสามคนถอยหลังไปหลายจั้ง พวกเขามองเสาเพลิงขนาดใหญ่ตรงหน้า เชือกวิเศษในมือขาดสะบั้น ทั้งสามคนสีหน้าดูไม่ได้เลยทีเดียว เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ในตอนนี้เหนือความคาดหมายของพวกเขาไปมาก
ภายในเสาเพลิงต้นนั้นสามารถมองเห็นไข่ฟองนั้นโดนลาวาแผดเผาอยู่เลือนราง มันกลิ้งไปมาและเริ่มมีรอยแตกร้าวเพิ่มขึ้น
เสิ่นล่างอยู่ห่างไปหลายสิบจั้ง ทว่ากลับมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน
“สัตว์ร้ายตัวนั้นจะปรากฏตัวขึ้นแล้ว ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว!”
“ผู้เฒ่าล่าง ตอนที่ท่านยังหนุ่ม ทำไมถึงโดนท่านปู่ขับไล่ออกจากตระกูลหรือ”
เสิ่นเสวียนที่ซ่อนตัวอยู่ในมิติกล่าวถามเสิ่นล่าง
“เอ๋? ตอนนั้นข้าสังหารคนตาย ตระกูลเสิ่นปกป้องข้าไม่ได้ ข้าทำได้เพียงออกจากตระกูลไป” เสิ่นล่างรู้สึกประหลาดใจที่เสิ่นเสวียนถามเื่นี้
“หากตระกูลเสิ่นปกป้องท่าน ตอนนั้นตระกูลเสิ่นคงล่มสลายไปแล้วจริงๆ ที่ให้ท่านออกไปน่าจะเป็ผลดีต่อทั้งสองตระกูล ท่านสังหารใครอย่างนั้นหรือ”
“อำนาจหนึ่งของเมืองเทียนยง”
“ทำไมต้องสังหาร”
“ไม่ชอบหน้าเขา ว่าแต่เ้าถามเื่เหล่านี้ไปทำไม”
“ฮ่าๆๆ แค่ไม่ชอบหน้าคนผู้หนึ่งอย่างนั้นหรือ ผู้เฒ่าล่าง ท่านชอบหน้าพวกเขาสามคนหรือไม่”
“ไม่...เ้าคิดจะทำอะไร” เสิ่นล่างมุมปากกระตุกเล็กน้อย เื่นี้เกี่ยวอะไรกับชอบหรือไม่ชอบหน้า หากไม่ระวังเพียงเล็กน้อยคงเอาชีวิตไปทิ้ง
“ผู้เฒ่าล่าง ท่านต้องดึงจิติญญาความกล้าหาญเมื่อครั้งยังหนุ่มออกมา อีกอย่างพวกเขาไม่รู้ว่าพวกเราเป็ใคร ท่านทนเห็นพวกเขาจับสัตว์ร้ายตัวนั้นไปได้อย่างนั้นหรือ แล้วก็ไม่ใช่ว่าพวกเราจะไม่มีโอกาส รอให้พวกเขาาเ็หนักกันทั้งสองฝ่าย แล้วพวกเราค่อยเข้าไปจัดการก็ได้”
เสิ่นเสวียนกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจราวกับมองสถานการณ์การต่อสู้ออกทุกอย่างแล้ว เสิ่นล่างไม่ได้กล่าวอะไร ทว่าเขากำลังถอนหายใจออกมาเพราะเสิ่นเสวียนกล้าหาญกว่าเขามากนัก
“ได้ ของล้ำค่ามักได้มาพร้อมกับอันตราย ข้าจะทำ!” เสิ่นล่างตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
ตูม!
ขณะที่เสิ่นล่างและเสิ่นเสวียนคุยกัน ไข่อัคนีกำลังถูกแผดเผาอยู่ใจกลางเสาเพลิงที่พุ่งสูงเสียดฟ้าต้นนั้น หลังจากที่เกิดรอยแตกร้าวขึ้นนับไม่ถ้วนมันก็ะเิออกอย่างรุนแรง
คลื่นพลังรุนแรงแผ่กระจายออกไปทุกทิศทาง
“อั้ก!”
ทั้งสามคนกระอักเืออกมาแทบจะพร้อมกัน สีหน้าซีดเผือดลงในพริบตา