หลินรั่วซีไม่ได้ตอบหยางเฉินเธอเพียงมองนาฬิกาข้อมือ Vacheron Constantin ไปพลางกล่าวขึ้นว่า
"งานเฉลิมฉลองใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว ถึงแม้ว่าผู้ร่วมงานส่วนใหญ่จะเป็คนวงใน แต่เราก็ไม่ควรจะไปสาย"
"เมินกันอย่างงั้นหรือ?" หยางเฉินถามด้วยน้ำเสียงหดหู่
"เดินไปอธิบายไปพลางก็แล้วกัน"
ทั้งหมดออกจากรีสอร์ตเล็กๆ นี้ โดยรถของซูจื้อหงขับนำหน้าตามมาด้วยรถของหลินรั่วซี ซึ่งจัดที่นั่งตำแหน่งเดิมเหมือนตอนขามาคือโม่เชี่ยนนีเป็คนขับ หยางเฉิน และหลินรั่วซีนั่งด้วยกันอยู่ด้านหลัง
แล้วค่อยๆ อธิบายเื่ราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้หยางเฉินฟัง
เริ่มจากฉางหลินมีเดีย้าเข้ามาทำตลาดในเมืองจงไห่
แผนการในขั้นแรกคือการเข้ามาติดต่อรุ่นน้องในมหาวิทยาลัยที่สนิทสนมอย่างหลินรั่วซีเพื่อเป็ใบเบิกทางโดยการเข้ามาเยี่ยมเยียนเหมือนรุ่นพี่แสนดีที่ไม่ได้เจอกันมาเนิ่นนานแต่เมื่อเฉิงซินหลินเริ่มพูดถึงการร่วมมือลงทุนกับมู่หยุนหลินรั่วซีก็เริ่มตระหนักและเริ่มตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ของฉางหลินอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ในการเอาชนะฉางหลินนั้นหลินรั่วซีจะต้องเก็บทุกอย่างเป็ความลับไม่เพียงไม่บอกหยางเฉิน แม้แต่โม่เชี่ยนนีก็เพิ่งมารู้เมื่อสองวันที่ผ่านมา
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นแม้มันจะไม่มีผลกระทบกับความร่วมมือกับมู่หยุนแต่การจะก้าวข้ามอวี้เหล่ยนั้นยากดั่งปีนป่ายขึ้นเขาพระศิวะ
โดยเฉพาะหยางเฉินเป็ผู้ที่ทำความดีความชอบไว้มากที่สุดไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีอะไรจึงทำให้ได้หุ้นส่วนจากการลงทุนทั้งสามบริษัทถึง 65% ทำให้หลินรั่วซีทำการดำเนินแผนการนี้โดยไม่ลังเล
ในส่วนของซูจื้อหงที่แอบทำสัญญากับหลินรั่วซีนั้นแทบไม่มีอะไรจะเสีย และยังได้โอกาสลงทุนในธุรกิจใหม่ในอนาคตอีกด้วย
หยางเฉินถามหลินรั่วซีว่า
“คุณขายรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยอย่างงั้นหรือ?"
"ฉันก็แค่ทำในสิ่งที่ฉันต้องทำ" หลินรั่วซีพูดเสียงแข็งดูเหมือนว่าเธอจะไม่ชอบคำว่า ''ขาย'' เท่าไรนัก
เธอมองออกไปนอกหน้าต่างและกล่าวว่า
"เขาเป็ผู้ที่คอยให้คำปรึกษาแต่เราก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน"
"แต่คุณก็ไม่จำเป็ต้องโกหกผมจนวินาทีสุดท้ายอย่างนี้" หยางเฉินกล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจบ้าง
โม่เชี่ยนนีที่กำลังขับรถอยู่มองกระจกหลังและเห็นหยางเฉินที่กำลังแสดงท่าทางอันทุกข์ระทม เธอหัวเราะขึ้นและกล่าวว่า
"แล้วนายจะเก็บความลับนี้ได้หรือเปล่าล่ะ?"
หลินรั่วซีพยักหน้าเห็นด้วยทันที
หยางเฉินเบ้ปากเขาค้นพบว่าตัวเองมักอยู่ภายใต้การควบคุมของภรรยาเสมอ
อย่างไรก็ตามหยางเฉินหน้านิ่วถามต่อว่า
"คุณบอกว่าคุณร่วมมือกับซูจื้อหง แต่ทำไมมันยังส่งนักฆ่ามาฆ่าผมกับโม่เชี่ยนนีตอนเราไปฮ่องกงอีก"
หลินรั่วซีหันหน้ากลับมาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงขอโทษว่า
"ฉันขอโทษสำหรับเื่นี้ด้วยซูจื้อหงบอกฉันว่าจะทำให้เฉิงซินหลินเชื่อว่าพวกเราไม่ได้ร่วมมือกันแต่ฉันก็นึกไม่ถึงว่าเขาจะทำถึงขนาดนั้น"
โม่เชี่ยนนีกลัวว่าหยางเฉินจะโกรธหลินรั่วซีจึงเอ่ยขึ้นทันทีว่า
"หยางเฉินรั่วซีไม่รู้เื่ด้วย ซูจื้อหงอาศัยโอกาสนี้เพื่อที่จะฆ่านายเพราะสำหรับเขาไม่ว่าใครจะตายก็เป็ผลดีกับเขาทั้งนั้นครั้งต่อไปเราค่อยหาโอกาสเอาคืน อย่าไปโทษเธอเลย"
หยางเฉินมองโม่เชี่ยนนีด้วยสีหน้าหดหู่หญิงโง่คนนี้เกือบจะตายไปแล้วแท้ๆ แต่เธอกลับยังคอยปกป้องหลินรั่วซีอยู่ดังนั้นเขาจึงหัวเราะเบาๆ กล่าวว่า
"ผมไม่สนใจชีวิตตัวเองหรอกนะเพราะว่าคนอย่างผมมันหนังเหนียวอยู่แล้วแต่ถ้าเกิดครั้งนั้นะุปืนดันยิงถูกคุณเข้าคุณยังจะสามารถขับรถได้อย่างนี้อีกหรือไง?"
โม่เชี่ยนนีนิ่งเงียบไปในทันทีเธอรู้ว่ารอดมาจากเหตุการณ์ในคราวนั้นนับว่าโชคดีมากแล้ว
หลินรั่วซีก้มหน้าอยู่ในความเงียบงันนับว่าการคาดการณ์ของเธอผิดพลาด เธอไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของหยางเฉินและโม่เชี่ยนนีมากพอ
"ครั้งต่อไปฉันจะคิดถึงคนมากกว่าชัยชนะ"
หยางเฉินได้ยินประโยคดังกล่าวก็ยังคงไม่พอใจ
"เชี่ยนนีไม่โทษคุณเพราะว่าเธอเป็คนใจกว้างถ้าคุณจะเล่นเกมเสี่ยงๆ แบบนี้อีก คุณต้องคิดให้รอบคอบกว่านี้เห็นซูจื้อหงเป็พวกสมองกลวงหรือไง ที่คุณจะไปปั่นหัวมันได้ง่ายๆ?"
เมื่อได้ยินหยางเฉินพูดเช่นนี้หัวใจดวงน้อยของโม่เชี่ยนนีก็พลันรู้สึกวาบหวาม แต่ก็ยังพยายามมองกระจกหลังเพื่อดูว่าหลินรั่วซีจะมีท่าทีอย่างไรแต่รั่วซีกับไม่แสดงสีหน้าอึดอัดแต่อย่างใด
"หยางเฉินรั่วซีไม่ใช่พระเ้านะ ที่จะทำถูกไปซะทุกเื่"
หยางเฉินเม้มริมฝีปากส่ายศีรษะ และไม่เอ่ยปากพูดอะไรอีก
หลินรั่วซีเงยหน้าขึ้นมาในที่สุดเธอชำเลืองมองหยางเฉินด้วยดวงตาใสกระจ่าง
"ไม่ต้องห่วงไปหรอกซูจื้อหงจะต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างสาสม"
"ไม่เพียงแค่เฉิงซินหลินแต่ถึงคราวซูจื้อหงแล้วงั้นหรือ?"หยางเฉินแทบะโขึ้นยืนบนเบาะรถยนต์หลังจากได้ยินคำพูดของหลินรั่วซีผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว
หลินรั่วซีกะพริบตากล่าวว่า
"เดี๋ยวนายก็จะรู้เอง"
หลังจากนั้นไม่นานรถก็จอดอยู่หน้าอาคารสีขาวสไตล์บารอก ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้เขียวขจีและบอดี้การ์ดยืนประจำตามจุดต่างๆ อีกจำนวนมาก
ทั้งสามลงจากรถเดินไปตามพรมแดงที่มีซูจื้อหงรออยู่ก่อนแล้ว
"นี่เป็คฤหาสน์เล็กๆ ของผมเองการเฉลิมฉลองแก่ความสำเร็จในครั้งนี้ เน้นความเป็ส่วนตัวดังนั้นที่นี่จึงเหมาะสมที่สุด"ซูจื้อหงกล่าวพลางทำท่าทางเชิญชวน
เมื่อเข้าไปในห้องโถงผู้คนจำนวนมากถือแก้วค็อกเทลบ้าง แชมเปญบ้าง ทุกคนต่างส่งเสียงหัวเราะกันอย่างสนุกสนานแขกที่ได้รับเชิญให้มาที่นี่นั้นมาจากทั้งอวี้เหล่ยและตงหัว
ใบหน้าของทุกคนเรืองรองไปด้วยความสุขชัยชนะในครั้งนี้เป็ชัยชนะที่ท่วมท้น ซึ่งคุ้มค่าแก่การเฉลิมฉลองเป็อย่างยิ่ง
เมื่อเห็นซูจื้อหงและหลินรั่วซีเดินเข้ามาทุกคนก็ปรบมือต้อนรับอย่างอบอุ่น
หลินรั่วซีและโม่เชี่ยนนีเริ่มจับกลุ่มสนทนากับคนจากตงหัว
หยางเฉินจึงไม่เข้าไปร่วมวงด้วย ทันใดนั้นเองเขาสังเกตเห็นสาวๆ จากอวี้เหล่ยโบกมือมาทางเขาซึ่งเป็จางไช่เพื่อนร่วมงานที่นั่งใกล้เขาที่สุด ตามมาด้วยหลิวิอวี้และจ้าวหงเยี่ยน
หลังจากมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับหลิวิอวี้ไปแล้วเธอกลับไม่มีท่าทีที่แปลกไปแต่อย่างใดดูเหมือนหญิงสาวจะค่อนข้างเก็บอารมณ์ได้เก่งทีเดียว
"ยินดีด้วยนายเป็พระเอกของงานเลยรู้มั้ย"จ้าวหงเยี่ยนชนแก้วกับหยางเฉิน
หยางเฉินยิ้มกล่าวว่า
"ล้อเล่นแล้วผมยังสับสนกับเื่ที่เกิดขึ้นอยู่เลย"
หลิวิอวี้ยกแก้วที่เต็มไปด้วยของเหลวสีอำพันจรดริมฝีปาก พลางกล่าวว่า
"บอสมักจะทำเื่ที่เหนือความคาดหมายเสมอเพิ่งเสร็จสิ้นการเซ็นสัญญาไปไม่นาน ฉางหลินก็โดนเข้าจนได้"
ได้ยินหลิวิอวี้พูด สาวๆ อีกสองคนต่างพยักหน้ารับเห็นได้ชัดว่าสาวๆ ต่างชื่นชมในตัวเ้านายตัวเองอย่างสุดใจ
หญิงสาวทั้งสามคุยกันได้สักพักหลิวิอวี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นจากนั้นจึงชี้ไปที่ประตู
"ดูนั่นสินั่นคุณเฉิง ซีอีโอของฉางหลินใช่หรือเปล่า?"
หยางเฉินหันกลับไปมองเป็เฉิงซินหลินจริงๆ ท่าทางดูภูมิฐานและใบหน้าอันหล่อเหล่าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มเดินเข้ามาในห้องโถง
นั่นทำให้เขากลายเป็จุดสนใจขึ้นมาทันที
หยางเฉินดื่มไวน์เฝ้ามองเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นอย่างเงียบๆเขาอยากรู้ว่าหลินรั่วซีจะทำอย่างไร
"ประธานหลิน ประธานซูผมเฉิงซินหลินแม้ไม่ได้ถูกเชิญมา แต่ไม่ทราบว่าเป็การรบกวนพวกคุณหรือเปล่าครับ?" เฉิงซินหลินกล่าวพลางยื่นมือออกมา
หลินรั่วซีส่ายหัวเธอจับมือกับเฉิงซินหลินตรงๆ และทางซูจื้อหงเองก็ยังต้อนรับด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นเช่นเดียวกัน
"ประธานเฉิงพอจะมีเวลาดื่มด้วยกันซักแก้วมั้ยครับ?"ซูจื้อหงเอ่ยถาม
เฉิงซินหลินหัวเราะด้วยความขมขื่นเล็กน้อย
"ผมขอดื่มแสดงความยินดีกับคุณทั้งสองผมหวังว่าอีกสิบปีฉางหลินจะก้าวขึ้นมาเป็คู่แข่งพวกคุณอีกครั้ง"
"ไม่ใช่สิบปีแต่แค่แปดปีต่างหาก"หลินรั่วซีกล่าวอย่างใจเย็นว่า "ฉางหลินจะได้รับกำไรในการลงทุนร่วมกับมู่หยุนและสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว"
"รั่วซี คุณทำกับผมไว้แสบมากผมไม่คิดเลยว่าหญิงสาวที่ไร้เดียงสาคนนั้นจะกลายเป็แบบนี้ไปได้"
"ฉันขอโทษค่ะรุ่นพี่ฉันเป็นักธุรกิจ"หลินรั่วซีกล่าว
คำกล่าวนี้แม้จะโหดร้ายมากแล้วแต่คำที่ออกมาจากปากเล็กๆ ของหลินรั่วซีนั้นเต็มไปด้วยความเ็าและหนาวเหน็บอย่างยิ่ง
เฉิงซินหลินเผยรอยยิ้มผยอง
"ใช่ แม้ครั้งนี้ผมจะเป็ฝ่ายแพ้แต่ผมก็ได้รับบทเรียนอันล้ำค่าแล้ว"
จากนั้นก็หันไปพูดกับหยางเฉินด้วยท่าทางที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง
"คุณหยาง ผมจะไม่ลืมเื่ในครั้งนี้เด็ดขาดการแข่งขันของเรายังไม่จบลงง่ายๆ"
"ถ้าคุณยังไม่ไสหัวไปผมจะะเิล้อรถคุณทิ้งซะ”หยางเฉินตอบโต้ตรงๆ
แข่งขัน!? เธอเป็เมียฉันนะโว้ยความหน้าด้านนี้มันอะไรกัน!?
เฉิงซินหลินใช้สายตาอันแข็งกร้าวมองมาเขาหัวเราะในลำคอเล็กน้อย และหันหลังเดินจากไปในทันที
เมื่อเห็นว่าเฉิงซินหลินเดินพ้นประตูไปแล้วซูจื้อหงก็หันกลับไปถามหลินรั่วซีว่า
"เขาเป็คู่ต่อสู้ที่ดีแต่น่าเสียดายที่ประสบการณ์ของเขาน้อยเกินไปคุณแน่ใจหรือว่าจะให้เขาเป็หุ้นส่วนในผลิตภัณฑ์ใหม่ที่กำลังจะออกมา? มันอาจเป็การติดปีกให้พยัคฆ์ก็เป็ได้"
"เสือก็เหมือนแมวตัวหนึ่งถ้าคุณสามารถฝึกมันให้เชื่องได้ล่ะก็นะ" หลินรั่วซีเอ่ยขึ้นเบาๆ "ฉันจะทำตามข้อตกลงของพวกเรา"
ชูจื้อหงพยักหน้า
"ดูท่าว่าอีกไม่นานเราก็จะต้องเป็คู่แข่งกันในผลิตภัณฑ์ใหม่ที่กำลังจะออกมาในไม่ช้านี้"
หลินรั่วซีส่ายหัวกล่าวว่า
"ไม่ใช่คู่แข่งกันหรอกค่ะเพราะทางเราย่อมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ได้เร็วกว่าอยู่แล้ว"
"ยากที่จะบอกได้ว่าใครเร็วกว่าผมรู้ว่าทางมู่หยุนมี ดร.หลี่กวางซุ่นอยู่แต่ทางตงหัวเราก็ยังมี ดร.กรีนซึ่งเป็ผู้เชี่ยวชาญเช่นเดียวกัน"ซูจื้อหงกล่าวออกมาอย่างมั่นใจ
หลินรั่วซีหันมากล่าวอย่างเยาะเย้ยว่า
"ดร.กรีนจะลาออกจากบริษัทของคุณแลัวจะไปฮ่องกงในสัปดาห์หน้านี้ เพื่อร่วมกันทำวิจัยกับ ดร.หลี่กวางซุ่น ทีนี้... คุณคิดว่าใครจะเร็วกว่ากันล่ะ?"