เหมยเซียงคอยเฝ้าอยู่ข้างนอกประตูตลอดเวลา จนอิ๋งเหอออกไปแล้วนางจึงเข้ามาในห้องอย่างรีบร้อน
“ฮูหยินใหญ่เ้าคะ อิ๋งเหอนั่นพูดสิ่งใดกับท่านเ้าคะจึงได้ลึกลับนัก”
เหมยเซียงพูดจบก็เห็นสีหน้าหนักอึ้งของฮูหยินใหญ่จึงรู้ว่าตนเองทำพลาดเสียแล้ว
“ขออภัยเ้าค่ะฮูหยินใหญ่ เป็บ่าวปากมากไปเอง”
นางจ้าวจ้องเหมยเซียงตาเขม็งดั่งงูพิษจ้องเหยื่ออย่างเหี้ยมโหด
เหมยเซียงใจนฟุบตัวลงคุกเข่าอยู่กับพื้น มิได้สนใจว่าหัวเข่าจะกระแทกพื้นจนเ็ป
เหมยเซียงผู้นี้ภักดีส่วนภักดี แต่เลินเล่อไม่ระมัดระวังมักหลงลืมฐานะของตนเอง ดูท่าว่าถึงยามต้องเปลี่ยนคนแล้วกระมัง
นางจ้าวไตร่ตรองเื่ราวในใจอย่างกลัดกลุ้ม มิได้สนใจแม้แต่น้อยว่าเหมยเซียงยังคุกเข่าอยู่ตรงนั้น
ช่างเถิด เห็นแก่ที่ไม่อาจให้ครรภ์ของนางเกิดความผิดพลาดได้ก็ใช้สอยเหมยเซียงไปพลางก่อน อย่างไรยามนี้ก็มิใช่่เวลาที่เหมาะจะเปลี่ยนคน
เหมยเซียงที่กำลังคุกเข่าอยู่จะไปรู้ได้อย่างไรว่าใน่เวลาเพียงสั้นๆนี้ชะตาชีวิตของนางกำลังจะถูกเขียนใหม่แล้ว
“ลุกขึ้นเถิด วันหน้าจำไว้ว่าเื่ที่ไม่ควรถามก็อย่าได้ถามไม่ควรดูก็อย่าดู หาไม่แล้ววันดีคืนดีเ้าจะตายอย่างไรก็มิอาจรู้เลย”
“เ้าค่ะ ขอบคุณฮูหยินใหญ่ที่ตักเตือน”เหมยเซียงโขกหัวให้ฮูหยินใหญ่สามครั้งจึงลุกขึ้นมา
“ดอกไม้นั่นเ้าพยายามหาโอกาสทำลายมันเสีย จำไว้ด้วยว่าต้องทำลายมันโดยไม่ได้ตั้งใจมิใช่เพราะจงใจทำ แล้วยังต้องทำต่อหน้าอาหนูให้นางคิดว่าเ้าไม่ได้ตั้งใจทำลายมันด้วย
ยากปกติให้เอาดอกไม้นั่นวางอยู่ไกลๆ สักหน่อยแต่ก็ไม่อาจให้ผู้อื่นเห็นว่าพวกเราทำมันหาย”
“เ้าค่ะฮูหยินใหญ่ เหมยเซียงทราบแล้วเ้าค่ะ”
“เอาเถิด สารพัดเื่นี่ทำเอาข้าเหนื่อยจะแย่แล้วประเดี๋ยวเมื่อเหมยหลานกลับมา เ้าก็บอกนางว่าข้าพักผ่อนแล้วน้ำบ๊วยนั่นก็เอาไปอุ่นเอาไว้ รอข้าตื่นแล้วค่อยดื่ม”
นางจ้าวว่าพลางเอนตัวลงนอน หลับตาไม่ไปสนใจเหมยเซียงอีก
เหมยเซียงห่มผ้าให้ฮูหยินใหญ่เรียบร้อย จึงค่อยเอามือปาดเหงื่อที่ซึมอยู่บนหน้าผากก่อนเดินออกไปอย่างเงียบเชียบ
ทางด้านอิ๋งเหอที่กลับไปยังหอหั่วเยี่ยน ก็นำเหตุการณ์ในเรือนฮูหยินใหญ่เมื่อครู่นี้บอกกล่าวแก่หลิ่วจิ้ง
หลิ่วจิ้งฟังไปวิเคราะห์ไป เสียดายก็เพียงอิ๋งเหอนำข่าวกลับมาน้อยเกินไปจึงไม่อาจรู้ว่านางจ้าวรู้เื่ดอกหญ้าเงาเ้ามาก่อนแล้วหรือไม่ หรือยังคงถูกปิดหูปิดตาราวอยู่ในกล่อง
นางจำเป็ต้องรู้ข้อมูลทั้งหมดจึงจะสามารถพิจารณาความคิดอ่านของคนภายในจวนเพื่อจะได้เตรียมการป้องกันให้ดี
“ฮูหยินเ้าคะอย่างไรเสียคราหน้าท่านก็ทำเื่เปลืองแรงแต่ไร้ผลตอบแทนเช่นนี้ให้น้อยลงเถิดเ้าค่ะไม่แน่ว่าอาหนูอาจมารู้เข้า ซ้ำแล้วฮูหยินใหญ่จะยอมรับน้ำใจท่านหรือจะแอบหัวเราะท่านก็ไม่ทราบได้นะเ้าคะ”
อิ๋งเหอเห็นฮูหยินบ้านตนไม่มีท่าทียี่หระแต่อย่างใดก็รู้สึกร้อนใจแทนขึ้นมา
“เ้าเบาเสียงหน่อย ยามนี้พวกเราเพิ่งจะเข้ามาอยู่ในจวนแม่ทัพได้กี่วันกันนางจ้าวผู้นั้นติดตามท่านแม่ทัพมาสิบปีแล้ว ส่วนอาหนูก็อยู่กับท่านแม่ทัพมาเกือบเจ็ดปีทุกที่ในนี้ล้วนเป็คนของพวกนาง ถ้าเ้าพูดจาไม่ระวังปากเช่นนี้อีกหากถูกคนประสงค์ร้ายมาได้ยินเข้าแล้วนำไปเรียนฮูหยินผู้เฒ่าถึงยามนั้นเกรงว่าแม้แต่ข้าก็ยังมิอาจช่วยเ้าได้”
หลิ่วจิ้งรู้สึกเย็นเฉียบอยู่ในใจ อิ๋งเหอมักใช้อารมณ์มากเกินไปซึ่งเป็สิ่งต้องห้ามที่สุดในจวนใหญ่โตเช่นนี้ หากยังไม่รู้จักเก็บอาการวันหน้าวันใดจะตายอย่างไรก็ยังไม่รู้เลย
ดูท่าว่าต้องเร่งลงมือรีบสั่งสมกำลังคนเอาไว้ใช้สอยเสียแล้ว มิอย่างนั้นถ้าข้างกายมีเพียงอิ๋งเหอและอวี้จิ่นสองคนหากคิดจะอยู่รอดในรังสุนัขป่าถ้ำเสือเช่นที่นี่ กำลังคนน้อยนิดนี้ยังห่างไกลกับคำว่าเพียงพอมากนักลำพังแค่งานไปคอยสืบหาข่าวอย่างเดียวก็ไม่มีคนจะใช้สอยแล้ว
หลิ่วจิ้งดำดิ่งอยู่ในการใคร่ครวญ
อิ๋งเหอรู้ว่าหลิ่วจิ้งมีสีหน้าเช่นนี้ก็เพราะกำลังไตร่ตรองเื่ต่างๆอยู่ นางจึงนิ่งคอยอยู่ข้างกายไม่ไปรบกวนความคิดของหลิ่วจิ้ง
ต้องมีคนเอาไว้ใช้สอยและยังต้องหาคนใหม่มาอีก หลิ่วจิ้งคิดว่ามิอาจใช้คนเก่าที่อยู่ในจวนแต่เดิมคนเก่าแก่ในจวนอย่างมากก็ทำได้เพียงเื่เล็กน้อยที่ไม่จำเป็ต้องทำแต่กลับไม่กล้าไหว้วานเื่ส่วนตัวแก่พวกนาง
“ไป อิ๋งเหอออกไปนอกจวนกับข้าหน่อย”
หลิ่วจิ้งคิดว่าตนเองมาที่แคว้นชางอี้ได้เกือบหนึ่งเดือนแล้วแต่ยังไม่เคยออกไปเดินเล่นข้างนอกมาก่อน นางจำเป็ต้องคุ้นเคยกับชีวิตความเป็อยู่ของผู้คนในแคว้นชางอี้ภาระล้างหนี้เืของนางหาใช่เพียงจวนแม่ทัพเล็กๆ จะทำสำเร็จได้นาง้าแรงหนุนของทั้งแคว้นด้วยเหตุนี้นางจำเป็ต้องคุ้นเคยกับทุกสิ่งในแคว้นแห่งนี้
“หา ฮูหยินจะออกไปนอกจวน แค่พวกเราสองคนนี่หรือเ้าคะ? แม้จะบอกว่าบ่าวเคยออกไปนอกจวนบ้างไม่กี่ครั้งแต่ล้วนมีพวกเด็กรับใช้นำทางไปครู่เดียวก็กลับมาแล้ว ฮูหยินยิ่งเพิ่งจะเคยออกไปยังไม่คุ้นเคยกับที่ทางหากพวกเราหลงทางขึ้นมาจะทำเช่นใดเล่าเ้าคะ อย่างไรก็รอให้ท่านแม่ทัพกลับมาก่อนค่อยบอกต่อท่านแม่ทัพ ให้ท่านแม่ทัพส่งผู้ติดตามที่คุ้นทางสักคนสองคนไปด้วยค่อยออกไปดีกว่านะเ้าคะ”
อิ๋งเหอได้ยินว่าฮูหยินจะออกไปนอกจวน ใบหน้าน้อยๆของนางก็เจื่อนลงทันที หวังให้ฮูหยินเชื่อคำของนางแล้วล้มเลิกความคิดจะออกไปนอกจวนเสีย
“กลัวสิ่งใด จะหลงทางง่ายดายอะไรเพียงนั้น ต่อให้หลงจริงก็หาใครสักคนมาถามให้เขามาส่งเราที่จวนแม่ทัพก็ไม่ใช่ว่าง่ายดายนักหรอกหรือจวนแม่ทัพในเมืองหลวงจะมีผู้ใดไม่รู้จักบ้าง”
สิ่งที่อิ๋งเหอกังวลหนักหนานี้หลิ่วจิ้งกลับไม่เก็บมาใส่ใจประการแรกนางเป็คนที่จับทิศทางได้เก่งมาั้แ่เล็กแล้ว ขอเป็เพียงที่ที่เคยไปต่อให้ปิดตานางก็ยังหาทางกลับมาได้ยิ่งไปกว่านั้นนางกลับอยากให้เกิดเื่ใดขึ้นบ้างเสียอีก จะได้ทำให้หั่วอี้ใเล่นสักหน่อย
หลิ่วจิ้งพูดเสร็จ บอกจะไปนางก็ไปเลย เดินล่วงหน้าไปก่อนโดยไม่ให้โอกาสอิ๋งเหอได้เตรียมตัวอิ๋งเหอเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งเหยาะๆ ตามไปทันที
หลิ่วจิ้งกำลังจะก้าวออกจากลานของหอหั่วเยี่ยนบังเอิญนักที่หั่วอี้กลับมาพอดี
เมื่อเช้าหั่วอี้ไม่ได้รับความซาบซึ้งใจที่หวังจะได้รับจากหลิ่วจิ้งเขาจึงออกไปอย่างอารมณ์เสีย ขอเพียงไม่มีเื่การศึกกษัตริย์แห่งชางอี้ก็ไม่จำเป็ต้องให้เขามาเข้าเฝ้าทุกเช้าด้วยเหตุนี้เมื่อเขาขอเข้าเฝ้าเองทั้งที่ไม่ได้เรียกตัวกษัตริย์แห่งชางอี้จึงตื่นใหนักนึกว่าแม่ทัพหั่วได้รับข่าวเื่การศึกใดจากสายของเขาก่อนทางราชสำนักเสียอีกเมื่อกษัตริย์แห่งชางอี้รู้ว่าทางหั่วอี้เองก็ไม่ได้มีการศึกาใด เพียงอยากรู้ว่ามีเื่จำเป็ต้องใช้สอยเขาหรือไม่จึงได้มาเข้าเฝ้า่เช้ากษัตริย์แห่งชางอี้ก็แทบจะร่วงลงจากบัลลังก์ัเสียแล้ว
เื่นี้นับว่าผิดแปลกเกินไป ยามปกติแม้อยากเชิญก็ยังไม่อาจเชิญตัวหั่วอี้มาได้วันนี้อีกฝ่ายกลับมาหาเสียเอง แม้จะบอกว่ามาค่อนข้างสายจนการเข้าเฝ้า่เช้าเกือบจะเสร็จแล้วก็ตามแต่เมื่อเขามาแล้ว กษัตริย์แห่งชางอี้ก็ไม่อาจบอกเลิกการเข้าเฝ้าได้ตามใจด้วยเหตุนี้การเข้าเฝ้า่เช้าของแคว้นชางอี้จึงเลิกตรงตามเวลาปกติ
จนไม่มีเื่ใดจะหารือกันแล้วกษัตริย์แห่งชางอี้จึงสั่งให้เลิกการเข้าเฝ้าหั่วอี้มองผ่านสายตาพินิจพิเคราะห์ที่ผู้สำเร็จราชการจ้องมา ว่าแล้วก็เดินอาดๆออกไปจากท้องพระโรง
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ รอข้าก่อน” เสียงของอาเหมิ่งต๋าดังมาจากข้างหลังของหั่วอี้
มุมปากของหั่วอี้โค้งขึ้นเป็รอยยิ้มเขากำลังอึดอัดใจไม่มีที่ระบายอยู่ทีเดียว ก็ได้มาพบกับอาเหมิ่งต๋าเข้าพอดี
หั่วอี้มิได้หยุดเดิน เขารู้ว่าอาเหมิ่งต๋าจะตามมาทันเอง
แล้วก็เป็จริงดังว่า ครู่เดียวอาเหมิ่งต๋าก็เดินรวบสามก้าวเป็สองก้าวตามมาทันจริงๆ
“ปัดโธ่ พี่ใหญ่ ท่านจะรอข้าหน่อยมิได้เชียวหรือ”อาเหมิ่งต๋าพูดพลางเดินมาอยู่ข้างกายหั่วอี้
“พี่ใหญ่ เช้านี้เห็นท่านมาเข้าเฝ้า ข้ายังในักคิดว่าท่านมากราบทูลฝ่าาเื่พิธีสมรสของท่านเสียอีกดีที่เื่ใดก็ไม่มีทั้งสิ้น”
อาเหมิ่งต๋าไม่เอ่ยเื่นี้ก็ยังแล้วไปพอเอ่ยถึงก็ทำให้หั่วอี้นึกถึงองค์หญิงที่เรือนขึ้นมา ไม่รู้ว่าครึ่งค่อนวันมานี้องค์หญิงจะรู้สึกกลัดกลุ้มร้อนรนบ้างหรือไม่?
แม้จะบอกว่าเขาและองค์หญิงมีเื่ขัดใจกันเล็กน้อย แต่อย่างไรก็มิอาจเทียบได้กับรอยยิ้มแสนสดใสขององค์หญิงที่คอยปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาตลอดเวลาทำให้หั่วอี้กระวนกระวายใจอยากจะกลับไปหาองค์หญิงในทันทีคิดถึงตรงนี้หั่วอี้ก็เอ่ยทิ้งท้ายไว้คำหนึ่ง“คราหน้าข้าค่อยหารือกับเ้าเื่นี้” ว่าแล้วเพียงอึดใจเขาก็วิ่งออกไปจนไกล
“นี่ นี่ พี่ใหญ่ ท่านจะรีบไปที่ใดเล่า”พูดพลางอาเหมิ่งต๋าก็ใช้วิชาตัวเบาเร่งตามเขาไป
_____________________________
