“คนผู้นี้ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ศิษย์น้องไม่ต้องเตือนเขาหรอก เมื่อเขาใกล้ตายก็จะรู้เองว่าการกระทำของตนโง่เขลาเพียงใด”
ผู้คนได้ยินคำพูดของเย่เฟิงต่างก็มองเย่เฟิงด้วยสายตาเหยียดหยาม พลางคิดในใจว่าชายผู้นี้ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ฟู่หยิงเป็ถึงหญิงงามแห่งเมืองหลวง ดีแค่ไหนแล้วที่เตือนเขา แต่เขากลับไม่ฟัง คนประเภทนี้ควรได้รับความเ็ปทรมาน ต่อให้ตายในแดนลับก็ไม่มีใครสงสารเขา
“ใช่ คนไร้นามขั้นบ่มเพาะกายา ไม่คุ้มที่จะให้ศิษย์น้องเตือน เขาดื้อดึงจะเข้าแดนลับเอง ตายไปก็สมควรแล้ว!” มีเสียงดูถูกดังขึ้นจากทางด้านวังเทพโอสถ พวกเขาคิดว่าการที่เย่เฟิงไม่สนใจคำพูดของฟู่หยิง เป็การไม่เคารพเทพธิดาของพวกเขา
“ข้าอุตส่าห์เตือนเ้าด้วยความหวังดี คิดไม่ถึงว่าเ้าจะหัวรั้น แต่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า ถึงเ้าตายก็ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า ข้าแค่อยากบอกเ้า ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คนอย่างเ้าควรมา” ฟู่หยิงกล่าว
“เื่ของข้า ย่อมจัดการเองได้” เย่เฟิงหรี่ตาลงเล็กน้อยขณะมองฟู่หยิงด้วยท่าทีรังเกียจ แม้หญิงผู้นี้จะสวยงดงาม แต่กลับหยิ่งผยองมากเกินไป และเย่เฟิงก็ไม่ชอบคนหลงตัวเองเช่นนี้
“พี่เย่ เ้าก็มาด้วยหรือ ไม่คิดว่าพวกเราจะได้เจอกันเร็วขนาดนี้!” ขณะนั้นเซี่ยจวิ้นหลงสังเกตเห็นเย่เฟิงทางด้านนี้ จึงเดินมาหาเย่เฟิงพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้าได้ยินมาว่าแดนลับยอดเขาเทพโอสถจะเปิด ข้ากับนักดาบแขนเดียวก็เลยมาดูสักหน่อย” เย่เฟิงกล่าวกับเซี่ยจวิ้นหลง เขาคาดการณ์ถูก เซี่ยจวิ้นหลงเป็ศิษย์วังเทพโอสถจริง ๆ ดูจากลักษณะแล้วเซี่ยจวิ้นหลงคงมีฐานะในวังเทพโอสถไม่ต่ำต้อย แต่เย่เฟิงยังไม่รู้แน่ชัดว่าเซี่ยจวิ้นหลงเป็บุตรของผู้าุโสองแห่งวังเทพโอสถ
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ผู้แซ่เซี่ยจะทำหน้าที่เ้าบ้านให้ดีที่สุด” เซี่ยจวิ้นหลงกล่าวพลางยิ้มและรู้สึกนับถือเย่เฟิงอย่างมาก
“ชายผู้นี้ไม่เพียงแต่แข็งแกร่ง แต่ยังมีความสามารถในการซื้อใจผู้คนได้อย่างน่าทึ่ง ทั้งยังเอาชนะนักดาบแขนเดียวและให้เขาติดตามอยู่ข้างกาย” เซี่ยจวิ้นหลงคิดในใจ ก่อนหน้านี้เขาเห็นฝีมือของเย่เฟิงที่แสดงบนเวทีประลองทดสอบของตระกูลตู๋กูกับตาตัวเอง พอนึกถึงคำพูดที่ดูถูกของฟู่หยิงและคนอื่น ๆ ก็รู้สึกว่าช่างน่าขันยิ่งนัก ในสายตาของเย่เฟิง พวกเขาไม่นับเป็สิ่งใด เกรงว่าไม่ต่างจากตัวตลก!
“เซี่ยจวิ้นหลง เ้าช่างเป็คนดีจริง ๆ ไม่นึกว่าจะลดตัวไปคลุกคลีกับสวะขั้นบ่มเพาะกายา สวะคบสวะ ต่อไปเ้าเซี่ยจวิ้นหลงก็จะคบสหายที่เป็แต่สวะเยี่ยงนี้!” เมื่อฟู่เจินที่อยู่ใกล้ ๆ เห็นเซี่ยจวิ้นหลงทักทายเย่เฟิงก็แสยะยิ้ม ทั้งยังมองเซี่ยจวิ้นหลงด้วยสายตาดูแคลน
“เื่ของข้าไม่เกี่ยวกับเ้า ระวังคำพูดคำจาของเ้าด้วย อย่ามาระรานสหายข้า!” เซี่ยจวิ้นหลงกล่าวเสียงเย็น
ฟู่หยางผู้เป็บิดาฟู่เจินอยู่คนละฝ่ายกับเซี่ยชิงซานผู้เป็บิดาเซี่ยจวิ้นหลง ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่ลงรอยกัน ในวังเทพโอสถ ฟู่เจินอาศัยบารมีของบิดาเขา โดยการกดขี่ข่มเหงผู้อื่น มีระดับการบ่มเพาะสูงกว่าเซี่ยจวิ้นหลง แต่ฟู่เจินก็ยังระรานทำให้เซี่ยจวิ้นหลงลำบาก บัดนี้ในที่ที่มีแต่คนรุ่นเยาว์แห่งเมืองหลวง ฟู่เจินเย้ยหยันเซี่ยจวิ้นหลงอย่างไม่สนใจและยังด่าทอเย่เฟิง
ดวงตาของเย่เฟิงส่องประกายแสงเยือกเย็น พลางคาดเดาในใจว่าระหว่างเซี่ยจวิ้นหลงกับฟู่เจินดูจะไม่ลงรอยกัน จากนั้นส่งเสียงผ่านจิตไปหาเซี่ยจวิ้นหลงว่า “พี่เซี่ย คนคนนี้ไร้เหตุผลนัก หากมีเื่อะไรที่เป็ประโยชน์ต่อเ้า ช่วยบอกข้าที”
เซี่ยจวิ้นหลงยิ้มให้เย่เฟิง ก่อนส่งเสียงผ่านจิตกลับไปว่า “ฟู่เจินคนนี้เป็ลูกชายของอาจารย์ลุงข้า เป็คนยโสโอหัง ชอบอาศัยบารมีพ่อเขาทำตามอำเภอใจในวังเทพโอสถ ตอนนี้พี่เย่อยู่ที่วังเทพโอสถ ยังไงก็อย่าไปยั่วยุคนผู้นี้จะดีกว่า แต่ถ้าฟู่เจินหมายหัวพี่เย่ ข้าจะไม่ปล่อยให้เขาทำสำเร็จแน่!”
เย่เฟิงพยักหน้าเบา ๆ ให้เซี่ยจวิ้นหลง ในเมื่ออีกฝ่ายกล่าวเช่นนี้ เช่นนั้นเขาก็จะไม่เข้าไปยุ่ง
“ฮ่า ๆ ๆ!” ฟู่เจินได้ยินคำพูดของเซี่ยจวิ้นหลงก็ะเิหัวเราะ และกล่าวว่า “ไม่นึกว่าเ้าเซี่ยจวิ้นหลงจะเป็ศัตรูกับข้าเพราะคนนอก ช่างโง่เง่ายิ่งนัก ถ้าพ่อข้าได้เป็ประมุขเมื่อไร เ้าพ่อลูกแซ่เซี่ยได้ถูกขับไล่ออกจากวังเทพโอสถแน่ จากนั้นจะคบสวะคนไหนก็เชิญตามสบาย ตราบใดที่ไม่ทำให้วังเทพโอสถขายหน้าก็พอ”
เมื่อผู้าุโระดับสูงหลาย ๆ คนของวังเทพโอสถได้ยินเช่นนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไป ฟู่เจินคิดว่าบิดาของตนจะได้ครองตำแหน่งประมุข หรือว่าฟู่หยางเตรียมแผนไว้แล้ว?
เซี่ยชิงซานที่อยู่ไม่ไกลเผยสีหน้าไม่สู้ดีจาง ๆ ฟู่เจินนับวันยิ่งกำเริบเสิบสาน ไม่ให้เกียรติเขาผู้เป็อาจารย์อาคนนี้แม้แต่นิดเดียว ด่าทอพวกเขาพ่อลูก แล้วเขาจะอดทนได้อย่างไร ตอนนั้นเองความโกรธเกรี้ยวปะทุ เซี่ยชิงซานเดินออกมา แต่กลับมีเสียงเย็นเยือกดังขึ้นที่ด้านหลัง “เซี่ยชิงซานเ้าคิดจะลงมือจัดการลูกข้าที่เป็ผู้เยาว์หรือ?”
เซี่ยชิงซานเผยสีหน้าบูดเบี้ยว ก่อนจะหันหลังไปและเห็นฟู่หยางเดินมาทางนี้ เขารู้ว่าฟู่หยางอยู่ที่นี่ เขาจะทำอะไรฟู่เจินไม่ได้
“ฟู่เจินผู้นี้จองหองมาก เซี่ยจวิ้นหลงเป็บุตรของศิษย์ลำดับที่สองแห่งเฒ่าประมุขวังเทพโอสถ ตามหลักแล้วฐานะไม่ด้อยไปกว่าฟู่เจินเลย แต่เซี่ยจวิ้นหลงดูอ่อนแอตอนปะทะฝีปากกับฟู่เจิน หรือนี่จะพิสูจน์ว่าฟู่หยางบิดาของฟู่เจินจะได้สืบทอดตำแหน่งประมุขวังเทพโอสถคนต่อไป?” ผู้คนลอบคิดในใจ แต่พวกเขาไม่เข้าใจการกระทำของเซี่ยจวิ้นหลง บุตรผู้าุโสองแห่งวังเทพโอสถ เหตุใดไปพูดคุยกับสวะขั้นบ่มเพาะกายา นี่มันทำให้เขาขายหน้าชัด ๆ
“เอาล่ะ เลิกทะเลาะกันได้แล้ว การตรวจสอบเสร็จสิ้น อีกสักประเดี๋ยวผู้ที่ผ่านเกณฑ์ก็เข้าแดนลับได้แล้ว ตอนนี้ข้าจะบอกกฎระเบียบให้ทุกท่านฟัง” ขณะนั้นผู้าุโวังเทพโอสถกล่าวด้วยเสียงเย็น ดูเหมือนไม่ชอบที่ฟู่เจินกับเซี่ยจวิ้นหลงทะเลาะกัน
ฟู่เจินเหลือบมองเซี่ยจวิ้นหลงและเย่เฟิงด้วยสายตาเย็นเยือก สีหน้ายังคงเย่อหยิ่ง ฟู่หยิงก็เช่นกัน นางมองเซี่ยจวิ้นหลงด้วยท่าทีดูแคลน ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเซี่ยจวิ้นหลงถึงลดตัวไปคลุกคลีกับสวะขั้นบ่มเพาะกายา
“พวกเ้าจะอยู่ในแดนลับได้ครึ่งเดือน เมื่อครบกำหนดครึ่งเดือนจะถูกส่งออกมายังที่นี่ทันที ในแดนลับพวกเ้าทุกคนจะถูกกดระดับการบ่มเพาะให้อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 1 เมื่อเข้าไปแล้วความเป็ตายขึ้นอยู่กับโชคชะตา แม้พวกเ้าบางคนถูกฆ่าในนั้น นั่นถือว่าเป็สิทธิ์ของพวกเ้าไม่เกี่ยวกับผู้อื่น ส่วนพวกเ้าจะเจออะไรในนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวพวกเ้าแล้ว” ผู้าุโคนนั้นกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ตอนนี้เป็่เวลาพิเศษของพวกเขาในวังเทพโอสถ เขาไม่รู้ว่าการตัดสินใจเช่นนี้ของเฒ่าประมุขจะผิดหรือถูก และจะนำอะไรมาให้วังเทพโอสถบ้าง
ผู้คนได้ยินเช่นนั้นก็กะพริบตาถี่ กดระดับการบ่มเพาะ วิธีเช่นนี้ดูเหมือนจะยุติธรรมกับทุกคนที่เข้าแดนลับ ทุกคนมีระดับการบ่มเพาะเดียวกัน การแข่งขันจะต้องน่าตื่นเต้นมาก และการเข่นฆ่าก็คงมีมากมายเช่นกัน
“พี่เย่ กฎนี้ดูเหมือนจะไม่เอื้ออำนวยกับเ้าสักเท่าไร” เซี่ยจวิ้นหลงกล่าวขณะมองหน้าเย่เฟิง แต่การตัดสินใจของผู้าุโระดับสูงในวัง เขามิอาจแทรกแซงได้
“ไม่เป็ไร!” เย่เฟิงตาเผยประกายคมกริบ การแข่งขันในโลกแห่งการบ่มเพาะมีที่ไหนบ้างที่ยุติธรรม? จะโทษก็ต้องโทษตัวเขาเองที่มีระดับการบ่มเพาะต่ำต้อย
“วูบ!” ขณะที่ผู้คนกระซิบกระซาบ จู่ ๆ มีพลังประหลาดพวยพุ่งออกจากฝ่ามือของผู้าุโวังเทพโอสถคนนั้น แสงโชติ่ห้อมล้อมกาย คล้ายมีอักขระโคจรอยู่บนนั้น นาทีต่อมาเห็นเขาโบกสะบัดมือต่อเนื่อง พลังแผ่ออกจากฝ่ามือเขา แสงเปล่งประกายราวกับมีอำนาจฟ้าดินมาเยือน พลังหยวนไหลทะลักอย่างบ้าคลั่ง หลอมรวมกับพลังธาตุไฟที่กลางอากาศ ตอนนั้นพลังประหลาดนั่นเปิดช่องว่างบนท้องฟ้าพร้อมมีพลังมิติแผ่ปกคลุมพื้นที่แห่งนี้ ผู้คนต่างมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยความใ ช่องว่างมิตินั่นมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งยังมีพลังเปลวไฟแผ่ออกมาจากในนั้น ประหนึ่งโลกแห่งเพลิง
“หรือช่องว่างนี้จะเชื่อมต่อกับอีกมิติหนึ่ง?” มีคนหนึ่งอุทานด้วยความแปลกใจ
“ดูเหมือนจะเป็แบบนั้น หรือว่าแดนลับยอดเขาเทพโอสถในตำนานจะอยู่ในมิติอื่น?” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าว วังเทพโอสถสมกับเป็กองกำลังผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงยาแห่งเมืองหลวง ไม่นึกว่าภายในยอดเขาเทพโอสถจะมีมิติอื่นซ่อนอยู่ด้วย ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก
อย่างไรก็ตามมีผู้คนจำนวนมากต่างเคยได้ยินว่าบนโลกใบนี้มีมิติอื่นอยู่ด้วย แต่ว่าไม่เคยมีใครเข้าถึง
“เมื่อผ่านช่องว่างนี้ก็จะเข้าสู่แดนลับ ดังนั้นทุกคนเข้าไปได้แล้ว” ผู้าุโคนนั้นกล่าว จากนั้นเห็นผู้ฝึกยุทธ์มากมายเข้าสู่ช่องว่างนั้น ก่อนจะหายตัวไป
“สวะ! ในเมื่อเ้าไม่ได้อยู่ที่สำนักยุทธ์ เข้าไปในแดนลับแล้วข้าจะทำให้เ้าชดใช้!” พลันมีเสียงเ็าดังเข้ามาในหูของเย่เฟิง จากนั้นเขาหันไปและเห็นนี่จ้านเทียนกับจงเทาเดินมาทางนี้
“คุยโวโอ้อวด!” เย่เฟิงแสยะยิ้ม สายตาคมกริบของเขาปะทะกับสายตาของอีกฝ่ายโดยไม่คิดหลีกเลี่ยงแม้แต่น้อย และกล่าวว่า “ข้าก็อยากเห็นนักว่าเ้าจะทำให้ข้าชดใช้ได้อย่างไร?”
“ข้าไม่ว่างพอจะมาพูดจาไร้สาระกับเ้า แล้วเจอกันในแดนลับ!” เจตจำนงต่อสู้พวยพุ่งออกจากร่างนี่จ้านเทียน เมื่อกล่าวทิ้งท้าย เขาก็เดินออกไปพร้อมกับจงเทา
“พี่เย่ ข้าไม่นึกว่าเลยว่าเ้าจะมีความบาดหมางกับนี่จ้านเทียนด้วย ถ้าเช่นนี้ เวลาอยู่ในแดนลับเ้าระวังคนคนนี้ไว้หน่อยก็ดี” เซี่ยจวิ้นหลงกล่าว ก่อนหน้านี้ที่เขตเวทีประลองทดสอบของตระกูลตู๋กู เย่เฟิงล่วงเกินตู๋กูหลงผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 1 ในรายนามขั้นรวมชี่แห่งสำนักยุทธ์เทียนเสวียน อีกทั้งยังด่าทอตู๋กูหลงต่อหน้าสาธารณชน ทำให้ตระกูลตู๋กูไม่พอใจเป็อย่างมาก
บัดนี้เย่เฟิงยังมีความบาดหมางกับนี่จ้านเทียนผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 2 ในรายนามขั้นรวมชี่อีก
ชายผู้นี้ช่างบ้าระห่ำยิ่งนัก หากเป็คนอื่นคงไม่มีทางตั้งหลักในสำนักยุทธ์ได้