หลี่ลั่วต้องแสดงตนเป็เด็กที่น่ารักและรู้ความ นั่นถือว่าเป็เื่ที่ง่ายดายเป็อย่างยิ่ง สำหรับหลี่หยางซื่อนั้นต้องแสดงตนเป็มารดาใหญ่ที่อ่อนโยนและเปี่ยมไปด้วยเมตตา นางแทบจะไม่ต้องใช้เคล็ดลับหรือเทคนิคใดๆ พวกเขาต่างมีจุดประสงค์เดียวกัน ดังนั้นจึงเข้ากันได้ดีอย่างมีความสุขยิ่งนัก
“คนนี้คือซินหมัวมัว นี่คือหลานชายของนาง ซินเป่า” หลี่หยางซื่อแนะนำ “ซินหมัวมัวเป็หมัวมัวที่ทำหน้าที่แม่บ้านดูแลความเรียบร้อยภายในเรือนของเ้า ซินเป่าเป็บ่าวรับใช้ประจำตัวของเ้า”
“บ่าวคารวะคุณชายหกเ้าค่ะ”
“บ่าวคารวะเสี่ยวโหวเหฺยขอรับ บ่าวคือเป่าที่แปลว่ากินอิ่ม มิใช่เป่าที่หมายถึงของล้ำค่าขอรับ” ซินเป่านั้นเติบโตมาในชนบท มีอุปนิสัยร่าเริงแจ่มใส ซินหมัวมัวนั้นรูปร่างค่อนข้างอ้วน มองไปแล้วมีใบหน้ามีอันจะกินพอสมควร ใบหน้าของนางยามที่ไม่ได้พูดจามีรอยยิ้มประดับอยู่เนืองๆ ทว่าในแววตามีแววของความเฉลียวฉลาดอยู่ หลี่หยางซื่อให้นางมาทำหน้าที่หมัวมัวแม่บ้านดูแลเรือนของตน ย่อมด้วยเหตุที่นางมีความฉลาดเฉลียวทันคน
หลี่ลั่วยิ้มบางๆ “สายตาเฉียบคมนัก รู้ว่าข้าคือเสี่ยวโหวเหฺย พี่ผิงอัน ตบรางวัลซินเป่า”
ผิงอันตกตะลึง ทว่าเพียงครู่เดียวก็รีบหยิบถุงเงินออกมาให้ซินเป่าหนึ่งใบ
“ขอบคุณเสี่ยวโหวเหฺยตบรางวัลให้ขอรับ” ใบหน้าของซินเป่ายามนี้ดูแล้วดีใจจนลืมตัว
ความจริงแล้วเมื่อหลี่ลั่วเอ่ยประโยคนั้นออกมา อย่าว่าแต่ผิงอันที่ตกตะลึง ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดนอกจากหลี่ลั่วต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน แต่หลี่ลั่วได้หันไปสบตากับผิงอันครู่หนึ่งด้วยดวงตาทอประกายชมเชย เขาเองมิได้บอกกล่าวแก่ผิงอันล่วงหน้าให้เตรียมสิ่งของใด ส่วนผิงอันเองเพียงแต่ตะลึงไปเพียงครู่เดียวเท่านั้น กระทั่งความลังเลใจยังไม่มีให้เห็นแม้แต่น้อย รีบหยิบถุงเงินออกมาอย่างรวดเร็ว แสดงว่าผิงอันได้ทำการตรียมตัวมาล่วงหน้า สติปัญญาที่ฉลาดเฉลียวเช่นนี้หากอยู่ในโลกปัจจุบันย่อมต้องเป็เลขานุการแน่นอน
ปรากฏว่าระดับสติปัญญาของคนในยุคโบราณนั้น มิอาจใช้อายุเป็ตัววัดได้
ถัดมามีชายคนหนึ่งเดินเข้ามา ดูแล้วมีอายุราวห้าสิบปี โค้งคำนับเล็กน้อย นี่คือรูปแบบการโค้งคำนับสำหรับผู้ที่มีชาติกำเนิดต่ำต้อยกว่า
“คนนี้คือพ่อบ้านจี้[1] เป็พ่อบ้านแห่งจวนโหวของพวกเรา” หลี่หยางซื่อกล่าว
พ่อบ้านจี้นั้นได้ยินคำพูดของหลี่ลั่วั้แ่อยู่ด้านนอกแล้ว ดังนั้นเมื่อยามที่เขาคุกเข่าลงนั้น จึงเรียกขานอย่างชาญฉลาดว่า “บ่าวคารวะเสี่ยวโหวเหฺย”
“เชิญพ่อบ้านจี้ลุกขึ้นเถิด” หลี่ลั่วมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มและปฏิบัติตัวเป็เด็กน่ารักว่าง่ายตลอดเวลาจนกระทั่งออกจากเรือนหยวนเซ่อหลังสิ้นสุดอาหารเย็น ทว่าทันทีที่เขาออกไป เรือนหยวนเซ่อกลับมิได้เงียบสงบเช่นนั้นอีก
“ฮูหยิน เมื่อสักครู่ที่คุณชายหกให้รางวัลซินเป่าหมายความว่าอย่างไรหรือเ้าคะ?” จี้หมัวมัวถาม
หลังมื้ออาหาร หลี่หยางซื่อชอบเดินเล่นในเรือนสักครู่ จากนั้นจึงไปรดน้ำต้นไม้ดอกไม้ด้วยตนเอง “แล้วเ้าว่าคิดอย่างไรเล่า?”
“บ่าวมีอยู่ความคิดหนึ่งเ้าค่ะ แต่คุณชายหกอายุเพียงห้าขวบ น่าจะไม่ใช่...ไม่ใช่โยนหินถามทางเพื่อที่จะกระทบพวกเรากระมัง?”
หลี่หยางซื่อหัวเราะเบาๆ ครั้งหนึ่ง “ไม่ว่าเขาจะฉลาดหรือเลอะเลือนก็ตาม หากเป็คนฉลาดย่อมดียิ่ง จวนโหวนี้เป็จวนของเขา แต่ให้สั่งการลงไป ต่อไปให้เรียกคุณชายหกว่าเสี่ยวโหวเหฺย ถือเป็การเตือนสติให้คนอีกหลายเรือนได้รู้ตัวบ้าง”
“บ่าวทราบแล้วเ้าค่ะ”
ณ เรือนโฉวงจี๋
หลังอาหารได้เดินสักครู่จะช่วยในเื่การย่อยอาหาร แม้หลี่ลั่วจะมีแขนขาที่สั้นก็ตาม ทว่าเขาเดินอย่างมีความสุข คนในยุคโบราณไม่มีกิจกรรมหลังอาหาร ในยามที่หลี่ลั่วกลับไปถึงเรือนของตนยังไม่ถึงเวลาหกโมงเย็น เวลานี้เขาย่อมนอนไม่หลับเป็แน่
“เสี่ยวโหวเหฺย นี่คือสมุดบัญชีของห้องทรัพย์สินส่วนตัวที่บ่าวเตรียมไว้เมื่อยามบ่ายเ้าค่ะ ท่านลองอ่านดูได้ เล่มนี้เป็การบันทึกรายการสิ่งของ เล่มนี้เป็สมุดบัญชีของเงินเ้าค่ะ” ผิงอันหยิบสมุดบัญชีออกมาสองเล่ม มิรู้ว่าหลี่ลั่วนั้นจะอ่านเข้าใจหรือไม่ แต่หลี่ลั่วได้แจ้งไว้ก่อนแล้วว่าหลังอาหารเย็น้าดูสมุดบัญชี “สมุดบัญชีของเงินคือแปดพันตำลึง บ่าวจึงนำเงินหนึ่งพันตำลึงไปแลกเป็เงินย่อยเ้าค่ะ ปกติพี่เหนียนหงเย็บถุงเงินไว้ใช้เล่นเป็จำนวนมาก ดังนั้นบ่าวจึงเ้ากี้เ้าการขอมาจากนางหลายใบเ้าค่ะ เพื่อเตรียมไว้ให้เสี่ยวโหวเหฺยให้รางวัล”
ในฐานะที่เป็บ่าวรับใช้ การนำเงินไปแลกควรจะแจ้งให้นายท่านทราบเสียก่อน แต่เมื่อยามบ่ายหลี่ลั่วกำลังนอนกลางวันอยู่ อีกอย่าง หลี่ลั่วมีฐานะเป็โหวเหฺยอันสูงส่ง ดังนั้นสาวใช้คนสนิทของเขาย่อมต้องแตกต่างจากสาวใช้คนสนิทในเรือนผู้อื่นแน่นอน ในฐานะสาวใช้คนสนิทของเขา หากเป็เื่เล็กๆ น้อยๆ ก็ควรจะต้องมีความคิดเห็นเป็ของตนเอง
“ทำได้ดีมาก” สมุดบัญชีนั้นได้ลงบันทึกตามความเห็นของหลี่ลั่วและทำได้อย่างสะอาดสะอ้าน อีกทั้งตัวอักษรของผิงอันนั้นงดงามเป็ระเบียบ ดูแล้วครอบครัวของจี้หมัวมัวนั้นทุ่มเทความตั้งใจไปไม่น้อยเลยทีเดียว “ต่อไปเื่ในห้องของข้ายกให้พี่ผิงอันเป็ผู้ดูแลจัดการ จี้หมัวมัวรับผิดชอบดูแลจัดการเื่ในเรือนเถิด”
“เ้าค่ะ”
ผ่านไปสักครู่ พ่อบ้านจี้เข้ามาพร้อมกับเื่ที่ต้องไปจัดการสองเื่ด้วยกัน เื่ที่หนึ่งคือการตกแต่งซ่อมแซมภายในเรือน อีกเื่หนึ่งคือหลี่เหล่า[2]ไท่เหฺยมีคำเชิญมา หลี่เหล่าไท่เหฺยผู้นี้ระหว่างเดินทางกลับเมืองหลวงนั้นหลี่จงิได้แนะนำแก่เขาแล้ว ถือเป็ปัญญาชนผู้หนึ่ง ทว่าปัญญาชนผู้นี้ไม่เอาใจใส่ต่อตี๋จื่อของตน ดังนั้นหลี่ลั่วย่อมมีความคิดของตน ท่านปู่ที่เอาเปรียบผู้นี้สำหรับเขาแล้วนั้น เพียงต้องให้เกียรติในฐานะท่านปู่เท่านั้น หากจะพูดอย่างไม่น่าฟังนัก ก็คือไม่มีความรู้สึกผูกพันใดๆ
[1] พ่อบ้านจี้ (纪总管) คือ ผู้ที่ทำหน้าที่เหมือนบัตเลอร์ ดูแลความเรียบร้อยของจวนโหว
[2] เหล่า (老) มักจะใช้เรียกผู้สูงอายุในเชิงให้ความเคารพ ใช้ได้กับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ในที่นี้หลี่เหล่าไท่เหฺย หมายถึงปู่หลี่เนี่ยนจู่ของหลี่ลั่ว